ปิดฉากคดียุบพรรคการเมือง
ข่าวจากเดนิวส์ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 09:48 น. ปิดฉากกรรมการบริหารพรรค...? ปิดฉากการเมืองน้ำเน่า....?
มังกรโบราณนาม โกวเล้ง เคยกล่าวอมตะวาจาไว้ในวรรณกรรมยุทธจักรว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
ประโยคนี้คงไม่ต้องขยายความมากมาย ทุกคนต่างเข้าใจความหมายของมันได้อย่างดี และวันนี้ประโยคดังกล่าวเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนักการเมืองที่กระทำการลุแก่อำนาจ จ้องแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้องและทำลายคนอื่นโดยไม่สนใจต่อความถูกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
วันที่ 30 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 7 หนึ่งวันก่อนที่จะถึงวันวิสาขบูชา จะเป็นวันกำหนดชะตากรรมของบรรดานักการเมืองบางคนที่ชอบเล่นเกมอำมหิตแบบถึงเลือด เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้ฤกษ์อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง
ไม่ว่าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรม นูญจะออกมาอย่างไร คำตัดสินวันนี้จะเปิดบันทึกหน้าใหม่ของการเมืองไทย และจะเป็น กรณีศึกษาให้กับผู้ที่สนใจการเมืองได้จดจำไว้เป็นบทเรียน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 พ.ค.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อคณะตุลาการศาลปกครอง ซึ่งในพระราชดำรัสนั้นทรงกล่าวถึงการตัดสินคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญสรุปได้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เดือดร้อนทั้งนั้น
ท่านเองก็รับผิดชอบและท่านก็มีหน้าที่ที่จะให้มาวิจารณ์ว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก ข้าพเจ้าเองไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะบอกว่าเขาจะทำถูกหรือไม่ถูก ซึ่งในใจก็ต้องรู้ได้ว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก ถ้าเขาทำไม่ถูกตัดสินว่าจะเป็นพรรคการเมืองจะมีอยู่หรือไม่มีก็เดือดร้อนทั้งนั้น ข้าพเจ้าเองในใจมีคำตัดสินอยู่แต่ว่าบอกท่านไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิที่จะบอก แต่เขาจะตัดสินอย่างไรก็ตามเดือดร้อนทั้งนั้น เสียหายทั้งนั้น
นั่นคือบางส่วนของพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงกล่าวเกี่ยวกับการตัดสินคดียุบพรรคที่จะเกิดขึ้นในบ่ายวันนี้
ก่อนหน้านี้คดียุบพรรคมีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายหลายประเด็น บางฝ่ายก็ว่ารอด บางฝ่ายก็บอกว่าจะไม่รอด แต่ไม่มีใครรู้จริงว่าพรรคใหญ่อย่างไทยรักไทยและประชาธิปัตย์จะรอดหรือไม่รอด แต่ที่แน่ ๆ คือ ผลการตัดสินคดีนี้มีทางเป็นไปได้ 7 ทาง คือ
แนวทางที่ 1 ยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทุกคน 5 ปี
แนวทางที่ 2 ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคน 5 ปี
แนวทางที่ 3 ยุบพรรค แต่ไม่ตัดสิทธิ์ใครเลย
แนวทางที่ 4 ยุบบางพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคน
แนวทางที่ 5 ไม่ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทุกคน 5 ปี
แนวทางที่ 6 ไม่ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคน 5 ปี
แนวทางที่ 7 ไม่ยุบพรรค และไม่ตัดสิทธิ์ใครเลย
ทีนี้ลองมาดูกันว่าผลของแต่ละแนวทางที่ศาลจะมีคำตัดสินออกมาจะส่งผลอย่างไรบ้าง
แนวทางที่ 1 ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพร้อมลงโทษกรรมการบริหารพรรคทุกคน มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดความวุ่นวายตามมา เพราะบรรดานักการเมืองที่โดนลงโทษคงต้องฟาดงวงฟาดงาเต็มที่ เพราะไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว เรียกได้ว่าพังเป็นพังเพราะยังไงก็ถูกตัดหางปล่อยวัดอยู่แล้ว
แนวทางที่ 2 ยุบพรรคทั้งหมดแต่การบริหารพรรคบางคนที่เกี่ยวข้องกับการทำผิด เพื่อทำให้ การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เพราะนักการเมืองมีทั้งดีและเลวปนกันอยู่ ถ้าเอามายำรวมแล้วโละทิ้งทั้งหมดอาจไม่เป็นธรรมกับนักการเมืองที่ดี
แนวทางที่ 3 ยุบพรรคแต่ไม่ตัดสิทธิ์ใครเลย หากเป็นเช่นนี้ก็เปรียบเหมือนกับ ปล่อยเสือคืนป่า นักการเมืองโดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวคงตีปีกกันยกใหญ่ เพราะตราบใดที่เสือยังอยู่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาป่าไม่ได้
แนวทางที่ 4 ยุบบางพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคน กรณีนี้ถ้าเกิดกับ 2 พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์และไทยรักไทย เชื่อว่าคงเกิดปัญหาตามมาอย่างมากและคงรุนแรง ประเด็นเรื่องความลำเอียงจะต้องถูกยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความปั่นป่วนและปลุกม็อบขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลและเรียกร้องความเป็นธรรม
แนวทางที่ 5 ไม่ยุบพรรคแต่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทุกคน แนวทางนี้แม้จะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้การเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคเบาบางลงได้
แนวทางที่ 6 ไม่ยุบพรรคแต่ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคบางคน แนวทางนี้ดูเหมือนจะประนีประนอมมากที่สุด เพราะหากคิดว่าใครเป็นคนก่อคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ น่าจะเป็นทางออกที่หลายคนพอใจ เพราะเท่ากับเป็นการสกัดบรรดากองเชียร์ให้ไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง ที่สำคัญเป็นการลงโทษต่อคนที่ทำผิดโดยตรง เพราะปัญหาที่เกิดครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรค แต่อยู่ที่คน ถ้าจะลงโทษก็ต้องลงโทษคนมากกว่าลงโทษพรรค แต่ถ้าพรรคจะถูกลงโทษ เพราะได้ประโยชน์จากการนี้ ก็ถือเสียว่าเป็นผู้ได้รับผลแห่งกรรมที่คนเป็นคนก่อขึ้นมา
แนวทางที่ 7 ไม่ยุบพรรคและไม่ตัดสิทธิ์ใครเลย ถ้าผลการตัดสินออกลักษณะนี้ นักการเมืองสั่งโต๊ะจีนเลี้ยงฉลอง 7 วัน 7 คืนแน่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเจอสวดหูเน่าแน่ และจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ที่สำคัญต่อไปก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองไม่ต้องเกรงกลัวต่อการกระทำผิดอีกต่อไป แล้วการเมืองไทยก็จะไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
ทั้งหมดนั้นเป็น 7 แนวทางที่อาจเป็นไปได้ว่า 1 ใน 7 นี้ตัวเลือกไหนจะถูกเลือกออกมาจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีกไม่กี่อึดใจทุกคนก็จะทราบกันแล้ว แต่ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ประชาชนทั่วไปต้องจดจำไว้ให้ดีก็คือ ประเทศถอยหลังมามากเกินไปแล้ว ทุกวันนี้ต่างชาติมองเราเหมือนพวกหลังเขาไม่มีวิวัฒนาการ พอแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ก็ใช้กำลังเข้ามาจัดการ
หากวันนี้คนในประเทศยังคิดที่จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่ออำนาจของพวกพ้องตัวเอง โดยการยุยงปั่นป่วนคนให้ที่สนับสนุนออกมาสร้างความวุ่นวายโดยที่ไม่ยอมรับผลการตัดสิน เท่ากับว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสำนึกในบุญคุณของแผ่นดินอยู่ในใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าการเคลื่อนไหวหรือสร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมืองที่ต้องการความสามัคคีสมานฉันท์ในเวลานี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนทำลายชาติ เป็นการฉุดให้ประเทศจมลึกไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี นักการเมืองก็มีทั้งดีและเลวปะปนกัน วันนี้อาจถึงเวลาที่นักการเมืองเลวบางคนที่ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมและอุบายทางการเมืองประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม ถึงเวลาต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นมาได้แล้ว เพื่อไม่ให้นักการเมืองรุ่นใหม่เอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคต
โกวเล้ง เคยกล่าวไว้ว่า อาวุธไม่ได้ฆ่าคน ที่ฆ่าคนคือคนด้วยกันเอง.
Create Date : 30 พฤษภาคม 2550 |
|
78 comments |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2550 10:10:44 น. |
Counter : 899 Pageviews. |
|
|
|
ดีจังเลยค่ะ