สิงหาคม 2549

 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ถูกหลอก


ธนาภาพึ่งจะอายุครบยี่สิบเอ็ดปีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอ
มีใบหน้าที่อ่อนใสสะอาดสะอ้าน ผิวขาวเนียนจนเป็นที่อิจฉาของผองเพื่อนดวงหน้ารูปไข่มีจุดเด่นที่นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม ขนตาดกหนาเป็นแพยามขยับขึ้นลงดุจดังผีเสื้อกระพือปีสวย จมูกโด่งเป็นสันและเรียวปากนั้นเคลือบลิปมันไว้บาง ๆ เรียกว่าถ้าส่งประกวดนางงามเวทีไหน ๆ ก็เรียกว่าติดหนึ่งในสิบล่ะน่า

บ่ายวันศุกร์ท่ามกลางความอบอ้าวเธอล้วงกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าสดใสมาซับเหงื่อพลางชะเง้อมองรถประจำทาง ถอนหายใจกับความคิดอันหนักอึ้งในอก การเรียนระดับมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยแล้วเธอค่อนข้างหนักใจ กับรายงานที่อาจารย์ให้ทำแต่ไม่ได้กำหนดเรื่องให้มาอิสระได้ทั้งแนวความคิด และการสืบเสาะหาข้อมูลประกอบซึ่งมันก็กว้างเหลือเกินที่จะหาเนื้อเรื่องจะทำให้ได้คะแนนดี ๆ เธออุตส่าห์แอบตั้งความหวังไว้ว่าตัวเองควรมี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปอวดพ่อ-แม่ที่อยู่ต่างจังหวัด พ่อ-แม่ที่ทำงานงก ๆ หวังเพียงเพื่อส่งลูกให้เรียนสูง ๆ ให้ได้มีงานการดี ๆ ทำไม่ต้องใช้แรงงานทำงานให้เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจเหมือนพ่อ-แม่เคยทำ

อากาศยามบ่ายร้อนเหลือกำลังรถเมล์แล่นผ่านไปแต่ละคันก็ไม่ใช่สายที่ผ่านหอพักของเธอสักที พลันก็เหลือบไปเห็นแม่ค้าหาบเร่มานั่งหยุดพักตรงป้ายรถเมล์แห่งนี้เพื่อคลายร้อนเห็นท่าทางป้าแกถอดหมวกปีกกว้างมากระพือหาลมนั้นสะดุดตานักนี่เธอบ๊อง เพราะดูละครมากไปหรือเปล่าหนอท่าทางแกเหมือนพวกคุณหญิงคุณนายกำลังขยับพัดลวดลายสวยหรูในมือเพื่อความโก้เก๋มากกว่าจะตั้งใจให้คลายร้อนจริงๆ ในกระจาดเก่า ๆ วางอยู่บนพื้นมีทั้งไข่นกกระทา ถั่วต้ม ขนมไทยชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น ข้าวต้มมัด, ขนมชั้น เรียงรายอยู่เต็ม วันนี้คงขายไม่ดีเธอยิ้มให้กับแม่ค้าขายถั่วออกจะคุ้นหน้าเพราะเห็นหาบผ่านไปมาแถวหน้ามหาวิทยาลัยบ่อย ๆ หรือบางทีก็หยุดขายริมประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยบ่อย ๆ ป้ายิ้มรับและ
เอื้อนเอ่ย

"รับอะไรดีคะคุณ" คงเพียงเพื่อหวังยอดขายเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยแม้ไม่หิวเป็นใครคงอดไม่ได้ที่จะอุดหนุน

"ขอไข่นกกระทาสองถุงค่ะ" คนขายยิ้มแย้มอย่างดีใจและรีบหยิบของใส่ถุงพลาสติกส่งให้

"สิบบาทค่ะ" เธอหยิบเหรียญสิบบาทในกระเป๋าส่งให้

"ขายดีไหมคะวันนี้" เกิดอะไรขึ้นไม่รู้สิวันนี้ ธนาภาถึงอยากคุยกับแกขึ้นมาอาจจะเพราะดวงตาที่วิบวับด้วยความดีใจคู่นั้นก็ได้มันดูจริงใจและชวนให้ชื่นมื่นในอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

"วันนี้ไม่ค่อยดีเลยจ้ะ อุตส่าห์เดินไปตั้งไกลถึงหมู่บ้านตรงนู้น" ชี้มือฝ่าเปลวแดดยามบ่าย เธอมองตามอย่างเห็นใจหมู่บ้านฝั่งกะนู้นก็คือหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งมีผู้คนอยู่หนาแน่นแท้ ๆ ทำไมป้าแกถึงขายได้น้อย
ก็ไม่รู้เหมือนกันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือพิษเศรษฐกิจมิอาจจะคาดเดาได้

"เป็นเพราะวันนี้วันทำงานน่ะจ้ะป้า คนเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน"

"จ้ะ คงงั้น" ป้าแกเออออด้วย

"พึ่งจะบ่ายสี่โมง เดี๋ยวป้าคงจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นช่วงเลิกงานเองแหละจ้ะ"

"ค่ะ"

"ขอให้ขายดีนะคะ"

"สมพรปากนะจ้ะ" รอยยิ้มนั้นตรึงใจนัก เธอมองเห็นรถเมล์สายที่ต้องอาศัยแล่นมาแต่ไกล

"รถมาแล้ว ไปนะคะป้า"

"โชคดีค่ะ"

"ขอบคุณค่ะ" แม้จะเป็นคำอวยพรที่ติดปากโดยบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่เธอก็ตอบขอบคุณอย่างเต็มใจ หลายคนในที่นั้นนั่งกระจายกันไปตามม้านั่งเริ่มทยอยมาออกันสี่-ห้าคนที่หน้าป้ายรถเมล์ พอรถมาถึงทุกคนก็กรูกันขึ้นรถรวมทั้งเธอด้วย นี่แหละหนาเมืองไทย เมืองสยามกี่ปี ๆ ภาพอย่างนี้ก็มีให้พบเห็นอยู่เป็นประจำ พอหันไปมองเบื้องหลังเห็นป้าแกขายของได้อีกผุดยิ้มอย่างดีใจ แวบหนึ่งของความคิดกระจ่างขึ้นมาท่ามกลางความโล่งว่างของรถเมล์ที่ขณะนี้มีผู้คนไม่ถึงสิบคนส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเราไม่เคยหลีกเลี่ยงคำ ๆ นี้ได้เลยแม่ค้า
เออแฮะ..น่าจะลองหาข้อมูลจริง ๆ จัง ๆ มาทำรายงานส่งอาจารย์ถ้าจะดี ว่าแต่ว่า..จะเริ่มต้นตรงไหนดีหนอ..ความคิดนี้ตามติดเธอไปจนกระทั่งบัดนั้นเป็นต้นมา
----


พจนานุกรมฉบับนักเรียนเล่มหนานั้นมีความหมายของคำที่เธอต้องการแน่นอน ธนาภาเปิดผ่าน ๆ เพื่อหาคำที่ต้องการ คำที่เธออยากทราบความหมายก็คือ แม่ค้าในพจนานุกรมบอกว่า แม่หมายถึงหญิงผู้ให้กำเนิดลูก หรือคำสรรพนามที่ใช้เรียกผู้ให้กำเนิด ค้าหมายถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือ การหาของมาขาย นำสองคำนี้มารวมกัน แม่ค้าหมายถึงหญิงค้าขาย เมื่อมีการขายย่อมมีการเกี่ยวข้องกับตลาด หล่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้โยกเก้าอี้ไปด้านหลังจนขาหน้าของเก้าอี้ลอยเพียงเพื่อหันไป
คว้ากระเป๋าสะพายที่พึ่งจะวางแหมะไว้ ที่หัวเตียง เมื่อตอนมาถึงที่ห้องเมื่อกี้นี้เอง เหลืออีกนิดนึง..อีกนิด...เธอโยกจนน้ำหนักตัวเอียงมาด้านหลังเกือบจะทั้งหมดจนสุดท้าย

"อุ้ย! ว้าย !" เธอร้องเสียงหลง สองมือไขว่คว้าในอากาศ

"โครม !" ทั้งคนทั้งเก้าอี้ล้มกระเท่เร่อยู่กับพื้นอย่างช่วยไม่ได้

"ฮือ..ๆ " จุกแอ่กไปจนร้องไม่เป็นภาษา ปัดโธ่! ไงล่ะ อยากขี้เกียจนัก ลุกขึ้นคลำก้นป้อย ๆ หน้าหงิกเป็นม้าหมากรุก โกรธ...โกรธมาก แหะ ๆ โกรธความขี้เกียจของตัวเอง จับเก้าอี้พลาสติกสีสดตั้ง ขึ้นใหม่พลาสติกมันอ่อนเกินกว่าจะรับน้ำหนักทั้งตัวของเธอได้ ขาข้างหนึ่งของเก้าอี้งอจนทำให้เก้าอี้เอียงกระเท่เล่ ส่งค้อนให้มันหน่อย ๆ ดัดขาข้างที่งอแต่ไม่กล้ากระแทกนั่งเหมือนทุกที จะเสียเงินซื้อเก้าอี้ใหม่แล้วไหมล่ะ แต่อย่างไรเรื่องราวในใจมีความน่าสนใจมากกว่าจะไปนั่งสำออยเจ็บกวาดสายตาไปทั่วห้องแคบ ๆ ไม่ค่อยจะรกเพราะอยู่คนเดียวเพียงแค่หนังสือมันเยอะจนไม่มีที่เก็บต่างหาก อดเข้าข้างตัวเองกับกล่องกระดาษใบขนาดต่างกันที่วางซ้อนแล้วซ้อนอีกอย่างน่ากลัวจะล้มมาทับเจ้าของห้องตายสักวันกระย่องกระแย่งเดินไปที่มุมห้องถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะลงมือ รื้อ ๆ ๆ ค้น ๆ ๆ พบหนังสือที่ต้องการสมใจไม่ทันจะเก็บอะไรให้เข้าที่ ก็เอาหนังสือ สองเล่มที่ได้ติดมือมาแล้วเดินไปหยิบกระดาษที่โต๊ะ และปากกาที่อยู่ใน
กระเป๋าถือหัวเตียงอย่างไม่เกี่ยงงอนกับตัวเองอีกต่อไปเมื่อเตรียมตัวพร้อม แล้วก็ล้มตัวลงบนเตียง อ่าน ๆ ๆ โน้ต ๆ ๆ พรุ่งนี้คงจะเป็นภาคสนามกัน บ้างล่ะ.. เสียงลมหายใจเข้าออกดังสม่ำเสมอกระจายอยู่ทั่วห้องเช่าแคบ ๆ
นั้นในเวลาต่อมาไม่นาน บ่ายสี่โมงเย็น ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยวันนี้เธอจึงสะโอด สะองมาด้วยกางเกงขาวยาวสีครีมเข้าชุดกับเสื้อที่ตัดเย็บมาอย่างประณีต ก็ฝีมือแม่อีกแหละที่คอยทำให้อยู่เสมอ ๆ ไม่ต้องเสียเงินไปหาซื้อชุดแพง ๆ มาใส่ พันคอด้วยผ้าเช็ดหน้าสีสดใสซะหน่อยก็เก๋อย่าบอกใครเชียว เธอชะเง้อมองหาแม่ค้าถั่วต้มคนเมื่อวานว่าอดทนแล้วนะแต่ก็ไม่วายผุดลุกผุดนั่งเมื่อเวลาเริ่มยืดออกไปทุกนาทียิ้มอย่างดีใจเมื่อป้าแกเดินมาสู่เฟรมสายตา จะฟ้าบันดาลหรืออะไรก็แล้วแต่เมื่อผุดลุกครั้งนี้

"อุ๊ย ! ว้าย!" เสียงอุทานนั้นเรียกสายตาทุกคนมองมาต้นเสียงเป็นตาเดียวเพราะรองเท้าเจ้ากรรมเกิดพลิกขึ้นมาโดยไม่บอกล่วงหน้า เฮ้อ! โชคดีไปที่คว้าเสาหลักของศาลาพักนั้นทัน หลายคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
แทน หลายคนอมยิ้มนิด ๆ ส่งให้มา เธอตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปหาแม่ค้าคนนั้นเพื่อจะได้พ้นไปจากบริเวณที่ตัวเองเป็นเป้าสายตาซะที ส่งยิ้มให้แต่ไกล

"ขายดีไหมคะป้า"

"พอขายได้จ้ะ" ธนาภานับถุงสินค้าที่อยู่ในกระจาดคร่าว ๆ คะเนแล้วคงไม่เกินห้าสิบบาท เอาน่ะลงทุนหน่อยเป็นไรไป

"หนูเหมาหมดเลยค่ะ ป้าจะลดให้เท่าไหร่คะ" อีกหนึ่งนิสัยของคนไทยที่มีในสายเลือดของเธอล่ะ ขอให้ได้ต่อรองเถอะ ลดราคาหรือไม่ ไม่ว่ากัน

"คิดไปสามสิบก็แล้วกันค่ะ ทั้งหมดแปดถุงละ ถุงละห้าบาทป้าลดให้คุณสิบบาทค่ะ"

"นี่ค่ะ" เธอหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้

"ป้าคะ แล้วหนูจะขอรบกวนป้าสักสิบนาทีนะคะ หนูขอถามอะไรสักสองสามข้อพอดีอยากได้ข้อมูลไปทำรายงานส่งอาจารย์น่ะค่ะ"

"ค่ะ ๆ" ป้ารับคำอย่างว่าง่ายทั้งสองถอยหลบผู้คนที่เดินส่วนกันไปมาไปจนชิดรั้วของมหาวิทยาลัย ป้าแกทรุดนั่งง่าย ๆ ตรงนั้นเองธนาภานั่งตามและเริ่มตั้งคำถามพร้อมกับขออัดเทปคำตอบ นานพอดูกว่าการสนทนา
จะยุติ ตบท้ายด้วยการนัดแนะให้เธอไปที่พักของป้าเพราะแกบอกว่าที่นั่นจะมีคนหลากหลายอาชีพแห่งการค้าที่เธอต้องการค้นคว้าหาข้อมูลจากปากจากประสบการณ์จริง ๆ

"ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ"

"ค้า" แม่ค้าขายถั่วกระจายยิ้มทั่วหน้า

----

กระจาดเก่า ๆ ถูกวางไว้ข้างบ้านอย่างไม่ใส่ใจอีกต่อไป ร่างสมส่วนของ 'แม่ค้า' ก้าวสู่ประตูห้องรับแขกอย่างสง่าดุจนางพญาไม่เหลือเค้า แม่ค้าขายถั่วต้มแม้แต่นิดเดียว เด็กรับใช้นำน้ำส้มคั้นมาเสริ์ฟแล้วยอบตัวอยู่ใกล้ ๆ อย่างรู้ใจ

"พรุ่งนี้จะมีเด็กสาวคนหนึ่งมาที่นี่ แกจัดแจงสั่งแม่พวกปากหอยปากปูไปให้พ้นหน้านะ"

"เจ้าค่ะ"

"เจอเหยื่อรายใหม่อีกแล้วหรือคะแม่" เสียงแหลมใสแหวกความเงียบมาก่อนตัว 'แม่' ปรายตาไปยังต้นเสียงที่ย่างเข้ามาในห้องด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดจุ๊ย์ปากกับชุดรัดรึงนั้น

"อย่าทำตัวให้หมดราคาด้วยชุดแบบนี้สิงาม"

"แหม..แม่ก็ป๋าเขาชอบให้แต่งแบบนี้"

"แสดงว่าพึ่งกลับมาจากข้างนอก"

"ค่ะ"

"ก็ดี..ป๋าพอใจมั๊ย"

"มือชั้นนี้แล้วแม่ก็"

"ดี"

"เมื่อกี้แม่พูดถึงใครคะ" เธอยังยืนอยู่ที่ประตู

"เด็กสาวมหาวิทยาลัยเดียวกับหล่อนไงล่ะ หน้าตาสวย รูปร่างดีท่านคงชอบ"

"ไม่เต็มใจมาหรือคะ แม่ถึงให้เคลียร์พื้นที่"

"ทำยังกะหล่อนเต็มใจยังงั้นแหละตอนแรก" คนฟังหลบตาไม่ตอบ

"แม่จะส่งเด็กคนนี้ให้ท่านหรือคะ"

"ใช่..คืนพรุ่งนี้ เดี๋ยวหล่อนไปสั่งให้ใครเตรียมห้องพิเศษไว้ด้วยนะอย่าให้มีตำหนิเชียว"

"ค่ะแม่"

"ไปเถอะ เดี๋ยวลงมาทานข้าวพร้อมกันนะ"

"ค่ะแม่" งามตาถอยฉากออกจากห้องรับแขก ใครหนอจะเป็นเหยื่อรายใหม่ของแม่ ถึงกับขนาดส่งให้ 'ท่าน' แสดงว่าหน้าคงไม่ขี้ริ้ว 'ท่าน' ในความคิดของเธอก็เป็นเหมือนคนรวยทั่ว ๆ ไป เพราะท่านท่านมีของเล่นแก้เครียดจากการงานอย่างที่คนจนไม่มีวันทำได้นั่นก็คือหว่านเม็ดเงินเพื่อให้ได้ทุกสิ่งตามใจปรารถนา โดยไม่สนใจผิดถูก หรือศีลธรรมใด ๆ ท่านชี้นกให้เป็นนก ชี้ไม้ให้เป็นไม้ได้เสมอ ๆ ส่วนแม่ที่เธอพึ่งแยกจากมาก็หาใช่มารดาผู้ให้กำเนิดไม่ หาแต่แม่เป็นแม่ค้าขายถั่ว หรือจะพูดให้ถูกคือแม่เล้าในคราบแม่ค้าขายถั่วที่ไม่เคยมีใครสงสัยเลยสักครั้ง งามตายักไหล่จะคิดไปทำไมให้
เปลืองสมอง แค่มีเงินให้กินให้ใช้โดยไม่เดือดร้อนโดยต้องทำงานงก ๆ ใช้แรงงานแลกมาอย่างยากลำบากเธอก็พอใจแล้วนี่นา คิดอะไรมากมายล่ะชีวิต

---

วันนี้เธอสวมกระโปรงทรงเอสีเขียวอ่อน เสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนเอวลอยนิด ๆ โชว์เนื้อตรงเอววับ ๆ แวม ๆ เกือบหกโมงเย็นแล้วแต่เธอก็ไม่ได้ช้าเกินไปสำหรับเวลานัดเดินทอดน่องมาจากหน้ามหาวิทยาลัยพอได้เหงื่อเธอหยุดอยู่หน้าประตูบ้านหลังที่สามนับจากต้นซอย มันเป็นบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณกว้างขวาง 'บ้านเจ้านาย ท่านย้ายไปต่างประเทศ เลยจ้างมาเฝ้าบ้านนี้ไว้ ป้าบอกอย่างนั้น เออสงสัยเงินเดือนจะไม่มากป้าถึงต้องออกไปขายของหาบเร่อย่างนั้น ธนาภาแหงนมองกำแพงรั้วตรงหน้าทำไม ต้องทำให้สูงขนาดนั้นหนอมองจากข้างนอกเห็นแต่ต้นไม้ครึ้มไปหมด ตัวบ้าน ที่มองเห็นก็คือชั้นสองของบ้านที่โผล่พ้นดงไม้เหล่านั้นขึ้นไปอีกหลังจากกดกริ่งข้างประตูไป
แล้วรอพักใหญ่ประตูบานเล็กจึงถูกเปิดออกด้วย เด็กหญิงตัวอ้วนผิวออกคล้ำ ๆ หน้าตาคมขำใช่เล่น

"ฉันมาพบป้าพรจ้ะ" เด็กสาวพยักหน้าให้เธอเดินเข้าไปก่อนแล้วจึงปิดประตูตามเดินตามเด็กสาวไป พลางสำรวจรอบตัวทางเดินที่ทอดยาวเข้าสู่ตัวบ้านนอกจากจะมีต้นไม้ยืนต้นจำพวกมะม่วงก็มีแปลงไม้ดอกตลอดแนว ทั้งสองอ้อมตึกใหญ่มายังเรือนหลังเล็ก ที่ซ่อนอยู่ข้างหลังป้าพรออกมารับถึงหน้าบ้านจับจูงให้เข้าไปให้ห้องรับแขกของบ้าน บ้านนี้หลังเล็กและชั้นเดียว ก็จริงแต่ถูกออกแบบและจัดให้ดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มดี เหมือนบ้านตุ๊กตาเธอคิดในใจ อากาศที่ถูกปรับด้วยเครื่องปรับอากาศยี่ห้อดีเย็นฉ่ำถูกใจผู้มาใหม่ไม่น้อย

"มาจ้ะ มาทางนี้บังเอิญท่านกลับจากต่างประเทศกระทันหันป้าให้เด็กไปทำความสะอาดบ้านใหญ่อยู่ท่านก็เลยเดินเล่น มานั่งทานของว่างที่นี่" ป้าพรซึ่งวันนี้อยู่ในชุด 'หรู' เกินฐานะแม่ค้าบอกกล่าวด้วยประโยคปกติธรรมดาไม่ตื้นเต้นอะไร เหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเสมอ ๆ แต่ธนาภาสิชะงัก

"แล้ว..แล้ว" ติดอ่างไปเสียแล้วสิ

"ไม่ต้องตกใจ ท่านน่ะใจดีมาป้าพาไปพบท่านก่อนเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน"

"ค่ะ" ก็มาจนป่านนี้แล้ว เจ้าของบ้านอยู่ไม่ไปพบได้อย่างไรล่ะพอเห็นหน้า 'ท่าน' ของป้าพรลมก็แทบจับ เพราะท่านเป็นถึงเศรษฐีใหญ่ที่มีอิทธิพลคนหนึ่งในสังคมเมืองหลวงของไทยธนาภารีบยกมือไหว้ ท่าน โดยไม่ต้องรอคำแนะนำ ดวงตาคมปราบคู่นั้นมองมาอย่างพอใจ

"หนูนั่งคุยกับท่านครู่หนึ่งนะคะ ป้าจะไปจัดของว่างมาเพิ่ม"

"เอ่อ..อย่าดีกว่าค่ะ"

"ไม่เป็นไรจ้ะหนู ไม่ต้องเกรงใจ" 'ท่าน' กล่าวอย่างปรานีท่าทางที่ออกจะตื่นเต้นประหม่านั้นทำให้ชีวิตผู้ชายแก่ ๆ คนหนึ่งกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก ครู่เดียวเด็กหญิงคนเดิมก็นำน้ำส้มคั้นมาเสริ์ฟ

"ดื่มน้ำส้มสิหนู ไม่ต้องเกรงใจนะ"

"ขอบคุณค่ะ" ยกน้ำส้มขึ้นจิบ และตามด้วยอีกอึกใหญ่เมื่อรู้รสชาดอากาศข้างนอกเมื่อครู่มันร้อนไม่น้อย ทำให้ออกจะกระหายน้ำเต็มที

"เรียนที่ไหนล่ะ" ท่านเป็นฝ่ายชวนคุย เธอบอกชื่อมหาวิทยาลัย

"คณะอะไรรึ" ไม่มีหางเสียงที่ลงด้วยครับเหมือนชายทั่วไป แต่กระนั้นเสียงนั้นก็นุ่มน่าฟังท่านยกน้ำส้มในแก้ของท่านขึ้นมาดื่มด้วยเช่นกัน

"มนุษย์ศาสตร์ค่ะ" ท่านชักชวนให้เธอดื่มด้วยอีกเหมือนกันการยุเด็กให้ดื่มนมให้หมดด้วยการแข่งขันให้ได้มาซึ่งชัยชนะ คะเนว่าตัวยาที่ถูกผสมมาในน้ำส้มคั้นเริ่มออกฤทธิ์ เพราะสายตาสดใสคู่ที่มองมาก่อน
หน้านี้ ตอนนี้มันถูกเติมประกายเร่าร้อนน่าเสน่หา

"หนูคงอยากชมที่นี่ให้ทั่ว ๆ มาสิฉันจะพาไป" ท่านลุกขึ้นเดินมาใกล้ ส่งมือให้มือเล็ก ๆ สอดวางลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิด เธอเคลื่อนกายเข้า
หาเขาช้า ๆ ความเร่าร้อนในอกมีมากกว่าจะสนใจว่าจะถูกพาไปชมห้องไหนมีลักษณะอย่างไรรู้แต่ว่าเมื่ออีกร่างเข้ามาแนบชิดแล้วบดขยี้ริมฝีปากนั้น ปลดปล่อยความทุรนทุรายตามครรลองของมัน เสียงประตูห้องนอนปิดดัง
คลิ๊ก อา...ทุกอย่างง่าย...ง่ายดายเหลือเกิน

สาวน้อยไร้ซึ่งเล่ห์ หวังเพียงเอเกียรตินิยม
ไม่ทันเหลี่ยมแหลมคม ถูกหลอกชมอย่างย่ามใจ


"อ๊ากส์..!!!!!!!..!!" เสียงกรีดร้องของชายชาติอาชาไนย ที่ไม่ผิดอะไรกับสัตว์ร้ายที่กำลังได้รับความเจ็บปวดสุดชีวิตแหวกความเงียบของห้องแคบ ๆ ขึ้นมาอย่างน่าตระหนก หากแต่บุคคลภายนอกหาได้ยินไม่ เพราะห้องนี้ถูกออกแบบอย่างพิเศษเพื่อซ่อนเร้นทุกเสียงมิให้ภายนอกได้ยิน 'ท่าน' เซผงะถอยกรูดไม่เป็นท่าในเมื่อสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าควรเป็นร่างเปลือยของหญิงสาววัยแรกแย้มที่ยังไม่เคยมือชายเหมือนทุกครั้ง แต่นี่คนที่อยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ผู้หญิง 'ไอ้นั่น' มันมีให้เห็นคาตาขนาดนั้น

"ฮึ่ม..นังพ้อน...แก..แก.." เค้นเสียงรอดไรฟันออกมา อย่างสุดแสนแค้นทว่าร่างเปล่าเปลือยตรงหน้า ไม่ปล่อยโอกาสให้ท่านได้มีโอกาสพ้นมือ อีกแล้วหล่อนถาโถมเข้ามาพัลวัลพันตูพลิกผันโลกมนุษย์
เฮงซวยของท่านให้เป็นสวรรค์ได้ในบัดดล นานนับนานกว่าจะจบเกมแห่งกามาและฤทธิ์ยาที่ถูกผสมเข้าไปในน้ำส้มทั้งสองแก้วเจือจางลง 'สาวน้อย' ของท่านระทดระทวย อยู่ข้าง ๆ ไม่ผิดกันกับท่าน เพราะเกมเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมามันเผาผลาญพลังงานเขาไปเสียจนลุกไม่ขึ้นทีเดียว อา..ความแปลกใหม่ อีกรูปแบบหนึ่งที่ เขาไม่เคยได้สัมผัสก็ได้สัมผัส รสชาด อีกอย่างหนึ่งชีวิตแม้จะชวนกระอักกระอ่วนอยู่บ้างแต่ก็...ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี

'นังพร..นังตัวดี เสือกไม่ดูตาม้าตาเรือ หลอกกระเทยมาฟันข้า เฮอ ๆ..' คำพูดหลาย ๆ ประโยคที่ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อร่างบางสมส่วนทั้งอก เอว สะโพกเบียดกระแซะมาก่ายเกย 'ท่าน' ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าใครหลอกใครงานนี้ โธ่..โลกหนอโลก ไอ้วิธีหลอกหญิงสาววัยเอ๊าะ ๆ มาบำรุงบำเรอให้ชีวิตเขาได้สดชื่นขึ้นบ้างของนังพร มันก็ได้ผลมาหลายต่อหลายหน จะมีก็อีหนนี้แหละที่ดั้นผิดพลาดทางเทคนิค ความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมา เออหนอ..หรือเวรกรรมจะมีจริง

"ฮึ่ย...เป็นไปไม่ได้" เขารำพึงออกมาเบา ๆ แล้วอีกหลายความคิดคำนึงที่เรียงลำดับเข้าทีละเรื่อง ๆ จนสมองเขาเริ่มล้าและไม่อยากรับรู้ ก่อนจะผลอยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย แต่ถ้าในฝันของเขาจะทำให้เขาเห็นภาพในอนาคต เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะหลับตา
เพราะจากนั้นมาไม่ถึงปีหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของไทยก็มีข่าวฮือฮา พาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐีหนุ่มใหญ่ ถูกคร่าชีวิตด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่สามารถมียาใด ๆ มารักษาได้เลยถึงแม้จะมีกำลังเงินมากแค่ไหนก็ตามวัฏจักรชีวิต เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่คนเราสามารถเลือกได้ ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรจึงจะมีความสุขโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนที่แวดล้อมในสังคมแห่งตน

สาวน้อยไร้ซึ่งเล่ห์ หวังเพียงเอเกียรตินิยม
ไม่ทันเหลี่ยมแหลมคม ถูกหลอกชมอย่างย่ามใจ
หลายคนมีโอกาส อย่าพลั้งพลาดระวังไว้
คิดก่อนจะเชื่อใคร เพื่อพ้นภัยจากกลลวง
เป็นใครในสังคม โลกใบกลมอันใหญ่หลวง
เกิด-ตายแล้วแต่ดวง กรรมทั้งปวงล้วนมีจริง




Create Date : 06 สิงหาคม 2549
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 11:57:14 น.
Counter : 514 Pageviews.

4 comments
  
ความคิดเห็นคัดลอกมา :

ความคิดเห็นที่ 1
เก็บเรื่องสั้น..ที่ พอจะ "อ่านได้บ้าง" มาไว้ในบล็อกค่ะ เรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเขียนตั้งแต่ปี '40 เห็นจะได้.. ตั้งใจจะให้เป็นเรื่องหวานแหวว .. แต่ปรับไป เปลี่ยนมาก็เลยได้ซะแบบนี้แหละค่ะ

โดย: สีน้ำฟ้า (สีน้ำฟ้า ) วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:0:48:14 น.


ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมสนทนา
พรุ่งนี้อ่านต่อมานยาว จ้า
โดย: ชายคา วันที่: 11 มกราคม 2549 เวลา:0:53:02 น.


ความมคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมสนทนา
ป่านนี้.. คุณชายคาอ่านจบยังน๊อ

คิดถึง ๆๆๆ
โดย: แจม (สีน้ำฟ้า ) วันที่: 16 มกราคม 2549 เวลา:3:03:34 น.

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมสนทนา
สู้ต่อไปบนเส้นทางฝัน สู้สู้
โดย: Dentovic IP: 58.136.93.184 วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:15:58:06 น.

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมสนทนา
ตอนนี้กำลังสร้างฝันใหม่อยู่ค่ะ

อิอิ.. เสร็จเมื่อไหร่จะสู่สายตาท่านผู้ชมนะคะ แล้วอย่าลืมแวะมาอีกล่ะ
โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:18:00 น.

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมสนทนา
อ่านเรื่องสั้นของคุณแล้ว แม้จะช้าไปนิด ชอบนะคะ มีหลายรสชาดดี บางเรื่องก็หักมุมซะ คิดไม่ถึงเชียว แต่นั่นก็เป็นจุดนึงที่ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามมากขึ้น จะรออ่านเรื่องต่อไปนะจ๊ะ

ปล. ดอกไม้สีขาวใน comment นี่ดอกอะไรเอ่ย สวยดี มีดอกเดียวด้วย คงเหงาแย่เลยนึ
โดย: ทิวลิปสีน้ำเงิน IP: 202.47.238.236 วันที่: 15 มิถุนายน 2549 เวลา:23:20:42 น.



โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:15:33:15 น.
  
แวะมาอ่านค่ะ แต่งเก่งจังเลยงิงิ เมื่อไหร่เราจะแต่งได้แบบนี้ไม่รู้เน้อ คิคิ
โดย: อิ๊วแมร์ (Napoleonquz ) วันที่: 13 สิงหาคม 2549 เวลา:15:08:11 น.
  
เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านฝีมือเรื่องสั้นของคุณแจมบ้าง

หักมุมสองชั้นสนุกหลาย

แล้วจะเข้ามาอ่านเรื่องอื่นนะครับ
โดย: ย.ยิ้มแย้ม วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:16:05:15 น.
  
เก่งจังเลยคะ เรื่องสั้นหักมุม ได้อย่างสวยงานจริงๆ
โดย: orkik IP: 124.120.63.227 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:14:34:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สีน้ำฟ้า
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend