Group Blog All Blog
|
ตัวกวนป่วน(ก็)รัก (“แม่คร๊าบ..ผมหิว”) (“แม่คร๊าบ..ผมหิว”) “แง่ว แง่ว..แง้ว..แง๊ว” เสียงเริ่มแผดดังขึ้นทุกที ๆ “มีใครได้ยินเสียงลูกแมวร้องบ้างไหมคะ” เด็กสาววัยสิบแปดปี สวมกางเกงยีนเข้ารูป กับเสื้อยืดคอโปโล ด้านหลังพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของร้าน ช่วงนี้ปิดเทอมต้องอยู่กับบ้านช่วยงานในร้าน ปกติก็ไม่ต้องอยู่โยงเฝ้ามากนัก แต่นี่แม่ทะเลาะกับพ่อ หนีไปนอนที่บ้านยายตั้งแต่เมื่อคืน เธอก้มมองตามใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์ทุกตัวที่เรียงกันอยู่ข้างฝาอย่างเป็นระเบียบ ลูกค้าที่นั่งอยู่ สองโต๊ะแรกหันมามอง แล้วส่ายหน้า ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ “แว๊ว..แว๊ว...” (“หิว ๆ ๆ”) เสียงของแมวยังดังมาเป็นจังหวะ สักพักก็เงียบไป น่าจะเป็นลูกแมวหลงทาง ซึ่งฟังดูเหมือนมีอยู่ตัวเดียว “เมี้ยว...เมี้ยว” เธอส่งเสียงเลียนแบบ เผื่อมันจะส่งเสียงตอบ จะได้ตามหาต้นเสียงได้ถูก “แง่ว...แง่ว แง่ว แง้ว..แง้ว” (“ผมอยู่นี่..แม่ใช่ไหม.. แม่ แม่ แม่”) เล่นเจ้าล่อเอาเถิดกันอยู่อย่างนั้น ลูกค้าคนแรกคงจะเซ็งเลยเรียกเจ้าของร้านมาคิดเงินค่าบริการอินเทอร์เน็ต แล้วเดินหน้ามุ่ยออกไป ‘แหะ แหะ.. ก็คนมันสงสัยนี่นา ถ้าเกิดลูกแมวมันถูกอะไรทับอยู่แล้วไปช่วยไม่ทัน มันตายขึ้นมาจะว่าไงล่ะ’ เธอค้อนตามหลังลูกค้า เข้าใจว่าเขาคงรำคาญกับเธอที่ส่งเสียงเหมียว ๆ อยู่ได้ คิดเงินลูกค้าเสร็จก็เดินหาต่อ จากหน้าร้านจรดหลังร้าน ตามซอกโต๊ะ ซอกตู้ ก็ไม่เห็นมี จนชักจะเซ็งแล้วบ้างเหมือนกันก็เลยนั่งแผละ อยู่ริมประตูทางเข้า ที่จัดเก้าอี้เรียงข้างฝาอีกด้านไว้สองตัว เอาไว้ให้ลูกค้านั่งรอ แต่ตาก็ยังมองหาที่มาของเสียงอยู่ ร้านออกจะโล่ง ตรงกลางบ้านโล่ง มองเห็นสองข้างฝาได้ชัดเจน ฝั่งหนึ่งวางคอมพิวเตอร์เรียงกันแปดตัว อีกฝั่งหนึ่งของข้างฝา ก็มีเก้าอี้ที่เธอนั่งสองตัว ถัดไปเป็นตู้หนังสือเอาไว้ให้ลูกค้าอ่านเล่นบ้าง เช่าบ้าง ถัดไปก็ตู้กระจกยกพื้นสูง แต่ใต้ตู้ก็ไม่มีอะไร แล้วก็เครื่องถ่ายเอกสาร แมวคงไม่ไปอยู่ในเครื่องถ่ายหรอก มันตั้งเด่นเห็นสง่า ข้างหลังเครื่องมีซอกเล็ก ๆ เกือบติดฝานั่นก็โล่ง โต๊ะเก็บเงินหันหน้าเข้าข้างฝา ใต้โต๊ะโล่ง ในลิ้นชักก็ชักออกมาดูหมดแล้ว แม้จะขัดกับหลักความจริงไปบ้าง ว่าแมวอะไรจะหลุดไปอยู่ในลิ้นชักรก ๆ แบบนั้น ถัดไปเป็นโต๊ะวางของ วางเครื่องเข้าเล่มแบบสันห่วงกับเครื่องเคลือบ บนโต๊ะมีแต่อุปกรณ์ ใต้โต๊ะก็โล่ง ๆ แล้วก็เป็นผนังที่กั้นระหว่างหน้าบ้าน กับหลังบ้านออกจากกัน มีประตูที่เปิดโล่ง มองทะลุไปถึงไหน ๆ เลี้ยวซ้ายก็ขึ้นบันไดไปชั้นสอง ตรงไปอีกหน่อยมีอ่างล้างหน้า แล้วก็ประตูห้องน้ำ ถัดจากห้องน้ำ เมื่อก่อนเป็นครัวเดี๋ยวนี้ปรับเปลี่ยนเป็นเหมือนห้องโถงโล่ง ๆ มีแต่ตู้เย็น วางชิดข้างฝาอยู่มุมห้อง มีเครื่องซักผ้าวางติดอยู่กับผนังห้องน้ำ ‘เออ ! แล้วไอ้เหมียวน้อยมันจะไปอยู่ส่วนไหนของประเทศ เอ๊ย !ของบ้านหว่า’ เธอถอนหายใจเฮือก ๆ ความสงสัยยังไม่จางหาย แต่ความเหนื่อยหน่ายเข้ามาแทรกด้วย เลยเดินออกประตู ที่ชั้นในเป็นประตูกระจก และชั้นนอกเป็นประตูเหล็กดัด มีซอกว่างระยะห่างจากประตูชั้นนอกถึงชั้นในอยู่ประมาณสักคืบหนึ่งเห็นจะได้ (“แม่คร๊าบ..แม่คร๊าบ”) ‘นั่น ๆ มีตัวอะไรไม่รู้สูง ๆ ใหญ่ ๆ เดินมาที่ประตูจะ ไม่ใช่แม่หรอก แต่ต้องส่งเสียงไว้ก่อน ขู่ไว้ มันจะได้กลัวว่าเรายังมีแม่’ เจ้าเหมียวทำขนชี้ตั้งฟูข่มขู่สิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักไว้ก่อน ‘นั่น ๆ ๆ ตัวสูง ๆ ใหญ่ ๆ หันมาแล้ว’ สองสายตาประสานกัน ดวงตาสีเหลืองอำพันเบิกกว้าง ผิดกับอีกคู่หนึ่งที่น้ำตาลเข้มส่องประกายวาววาม สดใส “ฟื่อ...ๆ ๆ” (“อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวกัดนะเฟ้ย”) ‘ตัวอะไรไม่รู้ ใหญ่ยักษ์ ทำท่านั่งคล้าย ๆ กับเราเลย แปลกทำไมขา กับแขนถึงไม่เท่ากันเหมือนเรานะ’ แมวน้อยได้แต่คิดไม่รู้จะสื่อสารกับใคร “โอ๋.. เจ้าเหมียว อยู่นี่เองมานี่มาม๊ะ” เธอนั่งยอง ๆ ยื่นมือไปในซอกระหว่างประตู หมายจะจับลูกแมว หน้าตาคล้าย ๆ กับลูกเสือดาว ลำตัวลายพร้อย หางที่ขดหนีบอยู่ฟู เหมือนกับคนกำลังขนลุกตั้งชันยังไง ยังงั้น มันนั่งขดตัวหงออยู่ ส่งเสียงขู่แฝ่ด ๆ ขยับถอยหลังไปจนสุดมุม “แง๊ว...” (“อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวเค้าจะฟ้องแม่นะ”) “มาสิ.. ออกมาเร็ว เมี้ยว เมี้ยว” “แง๊ว ๆ ๆ ๆ” (“อะไรพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง แม่ครับช่วยด้วย แม่ แม่ แม่ช่วยผมด้วย...”) เหมียวตื่นตระหนก ร้องสุดเสียง “แง๊ว ๆ ๆ ๆ” “ออกมาสิเจ้าเหมียว ไปหลบอยู่ทำไมตรงซอกนั่น ฝุ่นเยอะจะตาย สกปรก มา..ออกมาเร็ว” “ง้าว...ง้าว ... ๆ ๆ ๆ” (“แม่ครับ..ช่วยด้วย.. แม่ แม่ ... แม่อยู่ไหน แม่...แม่”) เจ้าเหมียวน้อยร้องเสียงดัง จนน้ำตาคลอหน่วยตาสีเหลืองอำพัน จวนเจียนจะหยาดหยดลงมาทางร่องจมูก “เหมียว มานี่สิ หิวไหม” คนตัวสูงเอื้อมมือเข้าไป แต่ก็ยังไม่กล้าจับ “น้อง ๆ คิดเงิน” ‘แป่ว! แหว่ว! มันอะไรกันนักหนาฟระ ลูกค้าพวกนี้ คนกำลังยุ่งวุ้ย’ ‘น้อง’ เงยหน้า ส่งสายตาขุ่น ๆ ไม่แพ้เจ้าเหมียวที่อยู่ในรู เอ๊ย! อยู่ตรงซอกประตูนั่น เดินไปดูนาฬิกาจับเวลาที่แขวนไว้ “สามสิบบาท” 'เร็ว ๆ ฉันจะไปลูกแมว ดู ๆ ชักช้า กว่าจะล้วงกระเป๋าออกมาได้ เอ๋า..ยังให้แบงก์ร้อยอีก' แค่คิดในใจ รีบเปิดลิ้นชักหยิบเงินทอนให้ลูกค้า “ขอบคุณค่ะ” 'ไปเร็ว ๆ สิ ลีลาศอยู่ได้' ไม่กล้าพูดหรอก แค่ใช้สายตาสื่อความหมาย เจ้าของร้านที่ใจไม่อยู่กับงานเดินตามลูกค้าออกมานั่งอยู่ข้างประตูเหมือนเดิม ดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องอะไร เรียกก็แล้ว อะไรก็แล้ว เจ้าเหมียวมันขู่แฟ่ด ๆ จึงเดินกลับมาหยิบเงินในลิ้นชัก รีบสาวเท้าออกไปยังร้านขายของชำที่อยู่ห่างออกไปอีกสองช่วงตึก กลับมาก็หาถ้วยเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เจอ จึงไปรื้อถังขยะ หยิบขวดน้ำเปล่าที่ทิ้งไปแล้ว มาตัดเอาเฉพาะส่วนก้นขวด ไม่ลึกเท่าไหร่ เทนมลงไป แล้วเอาไปวางล่อไว้ตรงซอกประตู “เอ้า..หิวก็กินซะ ไม่ต้องเขิน” เธอวางมันไว้ใกล้ ๆ ตัวลูกแมว แล้วเดินหายลับขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน 0.0.0.0.0.0.0.0.0.0 “ก๊อก ๆ” เธอเคาะประตูแล้วเปิดผลัวะเข้าไปตามประสาคนใจร้อน คุ้ย ๆ เอาร่างที่นอนคุดคู้จมอยู่ในกองผ้าห่ม บนเตียงนอนออกมาจนได้ ยืนปักหลักอยู่ที่ข้างเตียง อีกฝ่ายงัวเงีย อะไรฟระ ตูเพิ่งจะนอนเอานอนหกโมงเช้า แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วล่ะ เขาลืมตาตื่น คนปลุกยิ้มหวานจ๋อย แต่อีกฝ่ายดวงตาแดงก่ำ พอเขาเห็นหน้าเธอก็ปิดตานอนต่อ “พ่อ ตื่น ๆ “ เธอนั่งลงข้างเตียง เขย่าร่างเขาเบา ๆ “อือ” เขาพลิกหันหลังให้ แล้วเอาผ้าห่มคลุมมิดศีรษะ แต่ก็ถูกดึงเหมือนปอกเปลือกกล้วย “มีลูกแมว เหมือนเพิ่งคลอดเลย ตัวเล็ก ๆ มาจากไหนไม่รู้ มันหลบอยู่ตรงซอกประตูหน้าบ้านแน่ะค่ะ” ‘อ๊าก.. พระเป็นเจ้าช่วยด้วยเถิด ลูกต้องตื่นจากฝันหวาน ๆ เพราะลูกแมวหลงทางเนี่ยนะ’ คนเป็นพ่อหลับตานอนนิ่ง “พ่อ” “อือ” ‘ต้องตอบ ไม่งั้นไม่จบ’ “พ่อ” “อือ” ‘อะไรนักหนาว๊า คนจะนอน’ “ฉัตรเลี้ยงมันไว้นะ” เสียงเบา ๆ ออดอ้อน “อือ” “เย้.. พ่อใจดีจัง ไปล่ะ งั้นพ่อนอนต่อเถอะ” “อือ” เด็กสาวเดินยิ้มย่องจากมา ส่วนคนบนเตียงนอนลืมตานึกแช่งชักหักกระดูกไอ้ลูกแมวบ้านั่น.. อะไรวะ คนจะนอน..ดันมาขัดจังหวะ เอ๊ะ.. หรือที่จริงต้องโทษยายฉัตรธิดา เออ ๆ ช่างมัน ๆ ยกให้มันคนหนึ่ง อ้ายลูกบังเกิดเกล้า เขายิ้มปิดเปลือกตา ชักผ้าห่มขึ้นคลุมโปง “พ่อ ๆ” เสียงเล็ก ๆ แหลม ๆ แว่วมาอีก “เออ..เวรกรรมของตรู” เขาเปิดเปลือกตามาใหม่ ‘เสียงตะโกนเรียกมาแบบนี้ แสดงว่าต้องลุกไปดูมัน... เฮ้อ’ 0.0.0.0.0.0.0.0.0.0 สองเดือนถัดมาลูกแมวหลงแม่ตัวเดิม ที่เคยเดินตุปัดตุเป๋ เพราะแข้งขายังไม่แข็งแรง กระโดดผลุงขึ้นบนตักเด็กสาวที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวของมันยาวจนเกือบฟุต ไม่รวมหาง ที่ลายพร้อย มันตะกุยต่อจนไปพาดบ่าของเธอ.. ฉัตรธิดาถอนใจ รามือจากการพิมพ์งานช้อนตัวนุ่มนิ่มของเจ้าตัวยุ่งลงจากบ่า เอาไปวางพื้น แล้วพิมพ์งานต่อ (“ไม่เอา..ผมจะอยู่กับแม่”) เจ้าตัวดีมันเดินไปที่เก้าอี้ตัวถัดไป กระโดดขึ้นเก้าอี้ ล้วงกระโดดขึ้นโต๊ะคอมพิวเตอร์ เดินหลบหลีกจอคอมพิวเตอร์กลับมาที่หญิงสาวอีกครั้ง ก้าวขาคู่หน้ามาเหยียบแป้นวางคีย์บอร์ดก่อน แล้วตามด้วยขาหลัง ส่งให้ขาหน้าสองข้างไปเกาะเกี่ยวที่ไหล่ของเธอ “อุ๊ย! เจ็บนะ” เธอร้องอุทธรณ์ เมื่อเล็บคม ๆ จิกผ่านเสื้อมาถูกเนื้อที่ไหล่ จนต้องรีบช้อนตัวเจ้าตัวยุ่งขึ้นไปพาดบ่า ให้มันพาดอยู่อย่างนั้นซะให้พอใจ แป๊บเดียว เล็บคม ๆ ก็เกี่ยวเอาเส้นผมที่เธอรวบไว้ด้วยยางรัดธรรมดาขยุกขยิก ฉัตรธิดาถอนหายใจ ลุกขึ้นเดินทั้งที่เจ้าเหมียวอยู่บนบ่า เดินตรงไปที่ตู้เย็นเปิดประตูตู้ หยิบขวดนมออกมา ดันเบา ๆ ให้ประตูตู้ปิด แล้วกอดเจ้าเหมียวไว้ ก้มลงหยิบชามเล็ก ๆ ใส ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ตู้ติดมือมาด้วย แล้วเอามาวางตรงขาเก้าอี้ โต๊ะคอมพ์ตัวที่เธอนั่งเมื่อกี้ วางขวดนมไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกเจ้าตัวยุ่งไปวางบนพื้น ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้น ใสแจ๋วจนเห็นภาพตัวเองปรากฏอยู่ในนั้น เธอยิ้มให้มันก่อนจะใช้นิ้วชี้ผลัก ก็ไม่เบานักหรอกเพราะมันไม่ทันตั้งตัว จึงล้มหงายท้องลงไป ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นมาใหม่ เธอขยับมาหยิบขวดนม แล้วเทลงไปในถ้วย “เมี้ยว...” (“ขอบคุณคร้าบ แม่”) มันรีบซุกหน้าไปที่ถ้วย แต่เธอผลักหัวมันออก เทนมเติมเข้าไปอีก แล้วก็ลุกขึ้นเอาขวดนมไปเก็บ กลับมาอีกที เห็นเจ้าตัวดีกำลังเลียแผล็บ ๆ คงจะหยุดกวนไปอีกนานล่ะ เธอกวาดสายตาอ่านทวนงานพิมพ์ที่ค้างไว้เมื่อครู่ เมื่อเทียบกับต้นฉบับลายมือเขียนได้แล้วก็ลงมือพิมพ์ต่อ ถึงแม้จะปิดร้านไปนานแล้ว พ่อกับแม่ไปงานแต่งของญาติ ก็เลยเป็นภาระของเธอที่ยังต้องพิมพ์งานต่ออีก เนื่องจากว่า ลูกค้าเร่งจะเอาตอนเช้าตรู่ของพรุ่งนี้ เธอชะงักมือ ก้มไปมองเจ้าเหมียวอีกที มันก็ยังก้มหน้าก้มตา จัดการกับนมที่เพิ่งเทลงไป จึงยักไหล่..ยิ้ม ๆ ตั้งสมาธิทำงานต่อไป 0.0.0.0.0.0.0.0.0.0 ชั้นสองของตัวบ้าน มีอยู่สามห้องนอนเดินขึ้นบันไดมาก็เจอห้องโถงโล่ง ๆ บันได ถ้าเดินตรงไปก็เป็นห้องของฉัตรธิดา ซึ่งตอนนี้ประตูเปิดโล่งอยู่ห้องโถงนี้ถูกจัดไว้เป็นมุมพักผ่อน มีโซฟาสีเขียวเข้มราคาไม่แพงนักเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก วางอยู่ชิดราวบันได ถัดจากโซฟาไปเป็นตู้โชว์ที่ตั้งโทรทัศน์วางชิด ข้างฝาด้านใน ซึ่งเป็นฝาที่กั้นห้องโถงนี้กับห้องนอนของพ่อกับแม่นั่นเอง เจ้าของห้องที่เปิดประตูโล่งไว้กำลังนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาตัวยาว เธอจ้องจอโทรทัศน์ตาแทบจะไม่กะพริบ แอบลุ้นตามเรื่องราวที่กำลังดูใจเต้นตึกตัก “บรู๊ว........” ‘อีกแล้ว อ้ายพวกไหนอีกฟระ ร้องเพลง’ เจ้าเหมียวซึ่งกำลังเลียขนอยู่ไม่ไกลนัก ชะงัก มองหาต้นเสียง “อะ...บรู๊ว.....” ‘เผ่นสิครับอยู่ทำไมล่ะ’ มันกระโดดทีเดียวตกปุ้กบนหน้าอกของหญิงสาวที่นอนดูทีวีอยู่ใกล้ ๆ กัน “อุ๊บ..อ้ายเหมียวบ้า โดดขึ้นมาได้” หญิงสาวขยับยกเจ้าเหมียวลงไปปล่อยบนพื้นห้อง “เหมียว...” (“โธ่ แม่ไม่ได้ยินหรือไง ไอ้พวกบ้านั่นมันส่งเสียงอีกแล้วอะ”) “อะไรอีกล่ะ แก” ตาก็ยังคงจับอยู่ที่จอทีวี เธอกำลังดูหนังฝรั่งซึ่งต้องอ่านข้อความที่ขึ้นหน้าจอประกอบไปด้วย ถ้าไม่งั้นจะไม่รู้เรื่อง เจ้าเหมียวตั้งคอหยั่งคะเนความสูงอีกที ยังไม่ทันจะกระโดดขึ้นไปอีกรอบ ก็ถูกมือใหญ่แข็งแรงคว้าลำตัวลอยอยู่กลางอากาศชักกระแด่ว “ดูหนังเรื่องอะไรฉัตร” พ่ออุ้มเจ้าเหมียววางไว้ในอุ้งมือ นั่งลงข้างลูกสาว ไอ้เหมียวเลิกดิ้นรน “เมียว...” (“ขอบคุณครับคุณตา”) เจ้าเหมียวหันไปมอง ฉัตรธิดาขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มันแลบลิ้นแผล็บ “งี๊ว…..” ร้องครางสียงที่คิดว่าน่ารักที่สุดแล้ว (“แหวะ ไม่ง้อแม่ก็ได้”) หญิงสาวสบตาเจ้าเหมียวจอมซน เอื้อมมือมายีหัวมันเล่น “เมี้ยว เมี๊ยว...” (“ไม่ต้องมาแตะเค้าเลยนะ”) มันเลียขนตรงที่ถูกจับ ก่อนจะเอาหัวซุกไซ้ไปมาที่หน้าอกของชายหนุ่ม “หนังผีค่ะ แล้วพ่อปิดร้านแล้วหรือคะ” “อือ..” “งั้นดูด้วยกันไหม เดี๋ยวฉัตรกรอให้” “ก็ดี..” พ่อยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะกระจกที่ตั้งข้างหน้า จับตัวเจ้าเหมียวนอนพาดเต็มความยาว แล้วเกาคางให้มันเบา ๆ “มิ้ว...มิ้ว...” (“รักตาเปรมจัง”) “เหมียวกินอะไรหรือยังอะฉัตร” “ค่ะ ฉัตรให้อาหารเปียกไปแล้วเมื่อเย็น” “แม๊ว ๆ ๆ ๆ” (“โห..แม่ขี้เหนียวจะตาย เทให้แค่นิดเดียวเอง จะกินอีก จะกินอีก หิว ๆ ๆ”) “สงสัยยังหิวอยู่มั้ง ไปเอามาอีกป๊ะ” “เมี้ยว” มองหน้าแม่ฉัตรสบตาปิ๊ง ๆ ทำท่าที่คิดว่าน่าเอ็นดูที่สุด “ไอ้แมวตุ๊ด..” เธอค้อนให้ “หน็อย..อ้อนนะ.. อ้อน เดี๋ยวก็จับไปปิ้งขายหน้าบ้านซะหรอก” “เมียว..” (“ช่างเถอะฮะ แม่ก็ปากร้ายไปแบบนั้นแหละ เนอะตาเนอะ”) ฉัตรธิดาแลบลิ้นให้ลูกแมววัยกำลังซนเกลือกกลิ้งศีรษะไปมาในอ้อมกอดของพ่อก่อนจะจัดการกับวีซีดีแล้วเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อจะจัดอาหารมาให้ไอ้เหมียวเจ้าเล่ห์ ตามคำสั่ง 0.0.0.0.0.0.0.0.0.0 เจ้าเหมียวหันหน้าไปมองคุณตา “เธอทำไม ไม่ยอมรับผิดนะฉัตร” มันหันกลับมาทางแม่ “ก็ฉัตรไม่ผิด ลูกค้าบอกจะเอาแบบนี้นี่” มองคุณตา “ไม่ผิดยังไง แล้วนี่ยังไง ต้องทำใหม่ให้เขาหมดเลย เมนูเล่มหนึ่ง ๆ หลายบาทนะ วัตถุดิบที่ต้องลงทุนไปไม่ใช่น้อยเลย ไหนจะต้องออกแบบ ใหม่อีกล่ะ” มองหน้าแม่ “พ่อจะบ้ารึไง ทำไมพ่อไม่ฟังฉัตร อีตาลูกค้าชีกอกับฉัตรนะ แล้วพอฉัตรไม่เล่นด้วย มันก็หาเรื่อง” มองคุณตา “ไม่รู้ล่ะ เธอต้องแก้ไขงานนี้ด้วยตัวเองนะฉัตรธิดา พรุ่งนี้ลูกค้าจะมารับแปดโมงเช้า” มองหน้าแม่ “พ่อใจร้าย ฮือ ๆๆๆ” แม่ฉัตรลุกจากเก้าอี้ กระทืบเท้าวิ่งหนีขึ้นไปทางชั้นสอง เจ้าเหมียวมองคุณตาอีกที แล้วก้าวกระโดดตามเธอไป “เมี้ยว ๆ ๆ” (“แม่ครับ เปิดประตูให้ผมด้วย”) เจ้าเหมียวข่วนประตู แหย่ขาหน้าเข้าไปลอดเข้าใต้ช่องประตู “เมี้ยว ๆ ๆ” (“แม่ครับ เปิดประตูให้ผมด้วย”) “ไปให้พ้นนะ ไอ้แมวบ้า!” “เมี้ยว ๆ ๆ” (“แม่ครับ เปิดประตูให้ผมด้วย”) ยืนด้วยสองขาหลัง แล้วใช้สองขาหน้าข่วนประตูแกรกกราก ๆ “เมี้ยว” ลูกแมวตัวยาว ๆ คะมำไปข้างหน้าเมื่อประตูถูกกระชากเปิดมาจากข้างใน มันเดินหงอย ๆ ไปอยู่ข้างเตียง หญิงสาวกระแทกประตูปิดดังเดิมแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าเหมียวน้อยนอนเงียบ ๆ อยู่ที่พื้นห้อง จนเสียงสะอื้นนั้นแผ่วไป มันจึงกระโดดผลุงขึ้นไปบนเตียง เธอคว้าตัวมันไปกอดไว้ “เมี้ยว” (“แม่อย่าร้องนะครับ โอ๋ .....”) เลียแผล็บ ๆ ที่แก้ม น้ำใส ๆ ยังหยาดรินออกมาเป็นทาง มีแต่เสียงกลั้นสะอื้นจนตัวโยน “เหมียว......” (“โอ๋ .....ไม่ร้องนะครับ แม่ฉัตรคนดีของผม”) เจ้าเหมียวเกลือกกลิ้งตัวบนหน้าอกของหญิงสาวไปมา มือเล็ก ๆ กับขนฟู ๆ เปะปะไปโดนปากของเธอเข้า “อี๊..” เธอผลักออก ผุดลุกขึ้นไปยืนทอดอารมณ์อยู่ริมหน้าต่าง เจ้าเหมียวตามมาเคล้าเคลียที่ขา “เฮ้อ... นี่นะเหมียว” เธอถอนหายใจ ก้มลงอุ้มมันมาแนบอก น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว จริง ก็แค่ทะเลาะกันเรื่องงาน เธอก็ไม่น่าจะใส่อารมณ์เสียมากมายขนาดนี้ อายุก็ปาเข้าไปตั้งสิบแปดแล้ว นี่ถ้าใครรู้เข้าคงอายเขาตาย “ความจริงฉันก็ผิดหน่อย ๆ ด้วยแหละ” “เมี้ยว” (“ไม่จริงหรอกครับ แม่ไม่ผิดหรอก แม่ฉัตรคนเก่ง ทำงานดี๊ดี”) ไอ้เหมียวทำตัวน่ารัก ใช้หัวหูซุกซุนบนตัวแม่ฉัตร “เดี๋ยวฉันจะลงไปขอโทษพ่อแล้วก็แก้ไขงาน จะได้เสร็จทันพรุ่งนี้” “เหมียว” (“ครับแม่..”) “รู้ไหม อีตาลูกค้าบ้านั่นก็เหลือเกิน” “ง๊าว.....” (“ผมเห็นมันโอบไหล่แม่ด้วย..ไอ้ลูกค้าลามก มันทำแบบนี้อะ”) เจ้าเหมียวซุกซบหน้าอกของเธอ ถูศีรษะเล็ก ๆ ซุกไซ้ไปมา “อื๋อ...” เธอปล่อยมันลงพื้น “ไอ้แมวลามก แกคิดอะไรกะชั้น...หน็อย……” เจ้าเหมียวแลบลิ้นแผล็บ ๆ กระโดดไปมา หลบปลายเท้าโต ๆ ที่ฉวัดเฉวียนนั่น “ก๊อก ๆ “ คนกับแมวต่างก็ชะงัก แม้จะหายโกรธแล้ว แต่ก็ไม่วายปั้นปึ่ง อย่างน้อยพ่อก็ไม่น่าตะคอกเสียงใส่เธอแบบนั้น “ลูกค้าโทรมา บอกว่าที่ฉัตรทำให้น่ะถูกแล้ว ไม่ต้องแก้ไขก็ได้ เขาฝากขอโทษด้วยที่ทำให้ยุ่งยาก พอดีเขาสแกนเมนูส่งไปให้เจ้านายของเขาดูแล้วเจ้านายของเขาว่าไม่ต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ” “ค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ” “ได้ยินเสียงอะไรตึงตัง ๆ ไล่ฟัดกะไอ้เหมียวอยู่รึไง” “เมี้ยว” (“อุ้ม ๆ คุณตา อุ้มหน่อย ๆ”) เหมียวน้อยมาคลอเคลียที่เท้าของเปรม จนเขาต้องอุ้มมันขึ้นมา “ก็ไม่มีอะไร” “ฉัตร” พ่อใช้มือใหญ่แข็งแรงจับไหล่ลูกสาว “คะ”. ก้มหน้าหลบตา หางตาร้อนผ่าวอย่างไม่มีเหตุผล “พ่อเสียใจที่ว่าเราแรงไปหน่อย” ลูกสาวโผเข้ากอดพ่อ น้ำใสไหลออกตาพรั่งพรู “ฉัตรก็ขอโทษ” พ่อกอดตอบลูบผมลูกสาวด้วยความเอ็นดู “ไป..เราไปเช่าหนังมาดูกันดีกว่า” “อ้าว..แล้ว...” เงยหน้ามองพ่อ เอามือปาดน้ำตา “ปิดร้านไวหน่อยจะเป็นไรไป.. ไป เข้าไปหาย่าด้วย” พ่อช่วยปาดน้ำตาบนร่องแก้ม จนเหือดแห้ง ดวงตาสาวน้อยเปล่งประกายอีกครั้ง “ฮั่นแน่ะ.. จะไปหาย่าหรือจะไปง้อภรรเมียอ่ะคุณเปรม ..โด่ ๆ “พ่อใช้มือที่ว่างมาเขกกะโหลกลูกสาว “เรื่องของผู้ใหญ่” “อิโธ่..ไป..จะไปหาภรรเมียก็ไปเลยพ่อ เดี๋ยวฉัตรเฝ้าร้านเอง แล้วอย่าลืมรับกลับมาด้วยนะ ฉัตรขี้เกียจหุงข้าวแล้ว” “แล้วไม่ไปด้วยเรอะ” “หึ... จะออนไลน์แช้ทกะหนุ่ม ๆ มั่ง พ่ออย่าด่าก็แล้วกัน” “ตามใจ เอ้า..ลูกเราไปด้วยไป” พ่อยัดเจ้าตัวขนฟู หน้าเหมือนลูกเสือดาว แต่ตัวดันเป็นลายกะรอกมาให้ เธอรับเจ้าตัวแสบมากอดไว้ มันเลียอีกแผล็บที่แก้ม เธอเลยจับมันโยนเข้าห้องนอน แล้วปิดประตูโครม “อยู่ในนั้นแหละ เจ้าแมวลามก” เด็กสาวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากวิ่งลงบันไดตามพ่อไป ~ ~ E n D ~ ~ https://www.bloggang.com/data/phiphionline/picture/1168607775.jpg> มาดูห้องแต่ยังไม่ได้อ่านนะครับ ขอไว้คราวหน้าที่ไม่เหนื่อยอีกนิด
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:23:38:06 น.
|
สีน้ำฟ้า
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |
แวะมาอ่านเรื่องสั้นจ้า