พฤษภาคม 2549

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เรื่องยาว : ~~~เงาของพระจันทร์~~~ (บทที่ 3)
ซีตื่นแต่เช้ามืด อาจจะเป็นเพราะนอนแปลกที่ แปลกถิ่น อีกอย่างเกรงใจเจ้าของบ้านด้วย เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนชุดเดิม เพราะว่าครามให้น้องแดงซักด้วยเครื่อง ปั่นแห้งเสร็จก็นำมาผึ่งไว้ในห้อง โชคดีเป็นผ้าชนิดที่ไม่ต้องรีด เช้านี้ก็เลยได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด ๆ ของตัวเอง

เธอเปิดประตูเดินออกมานอกห้อง มุ่งตรงไปทางห้องครัว เพราะได้ยินเสียงก๊อกแก็ก ก้องแก้ง เหมือนคนกำลังล้างจาน-ชาม น้องแดงกับคุณแม่ของครามยิ้มรับ

“ตื่นเช้าจัง แล้วนอนหลับสบายดีไหม”

“สบายดีค่ะ”

“กลัวหรือเปล่า เมื่อคืนน่าจะให้น้องแดงไปนอนเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ ซีนอนคนเดียวจนชิน ที่นี่อากาศดีมากนะคะ เมื่อคืนซีลุกมาปิดพัดลม อากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องใช้แอร์ อีกอย่างอยากบอกว่าเมื่อคืนพระจันทร์สวยมาก ส่องเข้ามาถึงในห้องแน่ะค่ะ”

“จ้ะ ห้องนั้นแขกไป ใครมาแล้วได้พัก ถ้าตรงกับคืนเดือนหงายก็พูดแบบนี้กันทุกคน”

“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ”

“เสร็จแล้วจ้ะ แม่กำลังจะไปใส่บาตร สักเดี๋ยวพระจะมาแล้วล่ะ ไปด้วยกันสิ”

ซียิ้มแป้น นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่ไม่ได้ใส่บาตร รีบไปช่วยยกของ ตามสองคนนั้นไป น้องแดงเป็นเด็กสาวอายุราว ๆ สิบแปด-สิบเก้า หน้าตาหมดจด สดใสสมวัย เสียดายที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ระหว่างเดินตาม ๆ กันมาสองสาวลอบสบตาและยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร แดงนั้นยกโต๊ะมาตั้งเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นคุณมาลัยเป็นผู้ถือขันสำหรับใส่ข้าว ซีถือถาดที่ใส่อาหาร ส่วนแดงถือถาดดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนย่อเข่าลงเมื่อพระมาถึง โดยคุณมาลัยอยู่หัวแถว ยกขันที่ใส่ข้าวจรดหน้าผาก อธิฐานจากนั้นก็บรรจงตักข้าวใส่บาตรอย่างระมัดระวังมิให้ทัพพีกระทบบาตร ถวายอาหาร แล้วถอยหลังมายืนห่าง ๆ ซีและแดงทำตาม โดยแดงเป็นผู้วางดอกไม้ ธูปเทียนไว้บนฝาบาตร เสร็จแล้วก็ย่อกายลงนั่งเพื่อรับพรจากพระ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนรอจนกระทั่งพระผ่านหน้าบ้านไปแล้ว ทุกคนก็เก็บสัมภาระ ไปคืนตำแหน่งเดิม ครามนั่งยิ้มเผล่อยู่หัวโต๊ะ ข้างหน้าเขามีกาแฟควันกรุ่นลอยอ้อยอิ่ง

“ไงครับแม่ ผมหาลูกสาวให้ถูกใจไหม” ผู้เป็นแม่หันมามองซียิ้ม ๆ

“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะแม่ คนนี้เป็นน้อง พามาให้เป็นลูกสาวแม่ ส่วนคนที่จะแต่งยังหาไม่พบ”

“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”

“แบบว่า เพราะเธอดีเกินไป อย่างนั้นหรือเปล่าพี่คราม” เขาหัวเราะ ผู้เป็นแม่เขม้นมองลูกชายที่อารมณ์ดี หัวเราะระรื่นที มองตามเด็กสาวที่เดินไปนั่งข้าง ๆ เขาที

‘ตายแล้ว ลูกชายฉัน นั่นโง่หรือเมากาแฟ’ คิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่อย่างไรก็เชื่อด้วยสายตาผู้ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาก่อน ว่ามองไม่ผิดแน่ ๆ

“ก็ดีถ้าอย่างนั้นซีมาเป็นลูกแม่อีกคนหนึ่งนะ สะดวกเมื่อไหร่ก็แวะมาได้ตลอด ถ้าเจ้าหมอนั่น” แม่พยักหน้าส่งสายตาไปทางลูกชายรูปหล่อ

“ไม่ขับรถมาส่ง หนูก็ขับรถมาเองก็ได้” ซียิ้มแหย ๆ

“หนูไม่มีรถยนต์ค่ะ ขับก็ไม่เป็นด้วย”

“ให้พี่เขาสอนให้สิ”

“ไว้ว่างก่อนนะแม่” เขาเอื้อมมือมาโยกศีรษะเธอเล่น ซีตาเขียว บ่นด้วยชอบแต๊ะอั๋งเรื่อยเลย

“ร้องเพลงรอไปก่อนนะน้อง” ถ้าไม่ติดอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่จะแลบลิ้นให้อีตานี่สักหน่อย

รับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็บอกลามารดา พาเจ้าตัวดีกลับไปส่งถึงหอพัก แล้วนัดเจอกันอีกครั้งวันศุกร์ พอขับรถออกจากหอพักของซี เขาก็กดโทรศัพท์หามิ้นท์ทันที ฟังเสียงให้รอสายด้วยเพลงอยู่ครู่ใหญ่

“สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ”

“สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ คุณครามล่ะคะ เป็นอย่างไรบ้าง” แก้มอุ่นจนร้อน ยิ้มกับดอกไม้ในแจกันที่โต๊ะอาหาร

“วันนี้วันหยุด กลับบ้านหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้กลับค่ะ ต้องทำรายงานส่งเลยขี้เกียจขับรถไป ๆ มา ๆ ทำงานแบบสบาย ๆ ดีกว่า”

“รายงานเสร็จหรือยังครับ”

“เหลือพริ้นท์ปก เข้าเล่มก็เรียบร้อยค่ะ เมื่อคืนนั่งทำจนดึก ตั้งใจจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปดูหนังเรื่อง”

“รอบไหนครับ”

“ค่ำ ๆ ค่ะ”

“ที่ไหนครับ”

“มาบุญครอง ใกล้ที่พักดีค่ะ ไม่ต้องขับรถด้วย นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊ปเดียวก็ถึง วันหยุดค่ะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปติดอยู่กลางถนน”

“ไปกับเพื่อนสนิทหรือเปล่าครับ” เขากลั้นใจฟังคำตอบ เสียงหัวเราะสดใสมาตามสาย

“มิ้นท์ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ คุณคราม ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย อาจเป็นเพราะอย่างหนึ่งคือมิ้นท์ไปเรียนแล้วก็กลับ ถ้าไม่อยู่หอพักก็กลับระยอง ไม่ได้ไปไหนกับใครที่เรียนด้วยกัน ก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจ”

“โห ไม่น่าเชื่อนะครับ ใคร ๆ จะใจร้ายกับสาวสวยอย่างคุณมิ้นท์ได้ลงคอ”

“โอ๋ย ! อย่าหวานประจบเลยค่ะ คุณคราม อย่างไรมิ้นท์ก็รู้สึกผิดกับคุณที่ทำโทรศัพท์คุณเกือบพังวันก่อน แล้ววันนั้นทำไมรีบกลับไม่ยอมอยู่ทานอาหารเช้าด้วย”

“เอ่อ.. มีงานเร่งครับ เลยต้องรีบออกแต่เช้า”

“ถ้างั้น ผมไปให้คุณมิ้นท์เลี้ยงหนังเย็นนี้ได้ไหมครับ”

“อืม ได้ ดีไหมล่ะคะ”

“ดี จริงแท้แน่นอนครับผม”

“งั้นเจอกันค่ะ มิ้นท์มีอะไรจะให้คุณด้วย”

“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”

“บ๊าย..บายค่ะ”

------------------***************************--------------

ซีเอากระเป๋าสะพายไปแขวนเก็บประจำตำแหน่ง เดินไปจัดการเปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพอเปิดเสร็จ เสียงข้อความเข้าก็ดังระงมไม่รู้กี่สิบครั้ง เธอกดเช็คแรก ๆ ก็เป็นของเขา ข้อความหลัง ๆ เป็นของส้ม และก็แม่ เลย รีบต่อสายหาแม่ก่อนอันดับแรก

“สวัสดีค่ะแม่”

“หายไปไหนมาลูก แม่เป็นห่วง” เสียงแม่ร้อนรนมาตามสาย ซีน้ำตาคลอ

“ขอโทษค่ะ แม่ พอดีโทรศัพท์เสียเอาไปซ่อมมาค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปบอกก่อน ทำให้แม่กับพ่อต้องเป็นห่วง” หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างคอกับไหล่ ยกมือพนมกล่าวในใจ ‘ขอโทษค่ะแม่’

“แม่กับพ่อสบายดีไหมคะ”

“สบายดี ถ้าซีไม่เป็นไร แม่ก็โล่งใจ นี่พ่อโทรเข้าที่อพาร์ทเม้นท์ เห็นบอกว่าซีไม่กลับเข้ามาด้วย อย่างนั้นหรือลูก”

“ค่ะ แม่ วันหยุดเพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าน อยู่ระหว่างทางไปจังหวัดสุพรรณแต่ไม่ถึงตัวจังหวัดค่ะ เขาเรียก...ลาดบัวหลวงค่ะแม่”

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” เสียงแม่กระซิบลอดโทรศัพท์มา

“ผู้ชายค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรกันค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง รับรองหนูไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังหรอกค่ะ” เธอรีบบอกก่อนจะได้ยินคำถาม่ตามมา

“เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้าน พ่อเป็นห่วง กิจการงานเราก็มีทำ ไปเป็นลูกจ้างเขาสนุกตรงไหน”

“ซีขอเวลาอีกสักหน่อยค่ะแม่ แล้วซีจะกลับไปเป็นเลขาให้พ่อแน่นอนค่ะ”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก หมั่นโทรมาบ้านบ้าง แล้วนี่ไม่มีหนุ่ม ๆ ซ่อนไว้แน่นะ หรือถ้ามีก็บอก ไม่ต้องอาย ดีเสียอีก แม่กับพ่อจะได้ช่วยดูให้”

“เฮ้อ.. ลูกสาวแม่ท่าจะอยู่เป็นโสดจนแก่กระมังค่ะ”

“อ้าว ทำไมพูดเหมือนคนอกหัก”

“เปล่าหรอกแม่ หนูเห็นชีวิตในเมืองกรุงแล้ว มันยุ่งเหยิงดี บางคนยังเรียนไม่จบก็อยู่ด้วยกันแล้ว พออยู่ด้วยกันไม่นานก็มีปัญหา แฟนไปมีกิ๊กบ้าง ร้องห่ม ร้องไห้ หนูยังไม่อยากเสียใจค่ะแม่”

“ลูกเอ๋ย..” เสียงแม่สั่นสะท้าน

“ซี ไม่เป็นไรจริง ๆ แม่ถ้าเบื่อแล้วเดี๋ยวซีกลับ บางทีอาจจะพาหนุ่มไปฝากแม่กับพ่อสักคนก็ได้ ตอนนี้ให้ซีหาให้ได้ก่อน” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน

“รักษาเนื้อ รักษาตัวนะลูก”

“ขอบคุณค่ะ แม่จะมาเที่ยวกรุงเทพฯ บ้างไหมคะ”

“ต้องถามพ่อ เห็นบอกว่าอยากไปหาซี ยิ่งตอนที่เราเงียบหายไปเมื่อคืน ยิ่งพล่านใหญ่”

“แม่บอกล่วงหน้านะคะ หนูจะลาหยุดงานแล้วพาแม่ไปทานอาหารอร่อย ๆ ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในห้อง รอให้หนูเลิกงานเหมือนคราวก่อน”

“จ้ะ แล้วแม่จะโทรไปบอก อย่าเงียบหายไปอย่างนี้อีกนะลูกนะ”

“ค่ะแม่ สวัสดีค่ะ” ซีเป่าลมหายใจออกทางปาก แล้วกดหาเบอร์ของส้มต่อ

“ฮาโหล หายไปไหนมาจ้ะแม่คุณ”

“พี่ครามพาไปบ้านแม่เขา ที่อยุธยาน่ะ” กับส้ม คือเพื่อนสนิทที่ไม่มีความลับ

“อุ้ยต๊าย ! พาไปให้แม่ดูตัวแล้วหรือ”

“ไม่ใช่อะ แค่พาไปฝากให้เป็นลูกอีกคน”

“อ้าว แล้วไม่ใช่ตรงไหน ก็เอาไปฝากเป็นลูกสาว อีกหน่อยเขาก็ให้แม่มาขอ”

“เขาไปขอสาวชื่อมิ้นท์ ลูกสาวเจ้าของบังกะโลอะไรที่ระยองหรอก”

“อ้าว”

“เอาน่ะ อย่าสงสัยให้มาก”

“เย็นนี้ส้มจะไปดูหนัง ไปหรือเปล่า”

“อืม..”

“มาบุญครอง ห้าโมงเย็นนะ หาอะไรกินก่อนแล้วค่อยเข้าโรงหนัง”

“ก็ได้..แล้วเจอกัน”

“จ้ะ.. แล้วเจอกัน

------------------***************************--------------

ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ฟ้าอมร แหล่งรวมวัยรุ่น รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ มากหน้าหลายตา ถึงแม้จะมีเซ็นเตอร์พ้อยท์ แต่ซีกับส้มก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินก็ว่าได้ ถ้าดูหนังก็เลยคิดถึงที่นี่เป็นแห่งแรก ซีกับส้ม นัดเจอกันที่ร้านสุกี้ชื่อดัง ส้มโทรมาบอกว่ากำลังเดินทางและจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ซีตัดสินใจเข้าไปจองโต๊ะ เลือกมุมที่ใกล้ประตูที่สุดที่ว่างอยู่ เดี๋ยวเผื่อส้มมาจะได้ไม่ต้องตามหา เธอหันหน้าออกทางประตูเพื่อจะได้มองเห็นเพื่อนชัดเจน เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ร่างหนุ่มคุ้นตา เดินเคียงคู่กับมาสาวผมยาว ร่างโปร่งบาง เธอแต่งกายง่าย ๆ ด้วยเสื้อสายเดี่ยว สีขาว ลายดอกไม้ กับกางเกงยีนส์ กำลังเดินเข้าประตูมา อาจจะเพราะกำลังมองหาโต๊ะหรือเปล่า เขาจึงไม่เห็นเธอ แต่ไม่นานสองสายตาก็ประสานกัน เขายิ้มร่า

“ซี” เขาเดินเข้ามาทัก แตะข้อศอกสาวที่พามาด้วยเบา ๆ ไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ข้างโต๊ะ

“พี่นั่งด้วยได้ไหม” ซียิ้มให้ทั้งสองคน พยักหน้า

“เชิญค่ะ”

“นี่ซี น้องสาวผมครับคุณมิ้นท์” ‘คุณมิ้นท์ของเขา’ ส่งยิ้มมาให้ ซียิ้มตอบ สองสายตาประสานกัน มิตรภาพดี ๆ บังเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ซีรู้สึกถูกชะตากับเธอเป็นอย่างมาก มิ้นท์เองก็ขยับเข้ามาใกล้และยกมือไหว้ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ซึ่งคะเนแล้วว่าคงจะเป็นรุ่นพี่ ซีรับไหว้ ชายหนุ่มผู้พามา ยิ้มอวด ๆ ทำนองที่จะบอกว่า เห็นมั้ย ‘คุณมิ้นท์ของเขา’ น่ารัก

“มิ้นท์เรียกพี่ซีได้ไหมคะ มิ้นท์เรียนอยู่....” เธอเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัย

“ค่ะ พี่จบมาหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่คนละแห่งกับที่คุณมิ้นท์เรียนอยู่” ซียิ้ม

“เชิญนั่งค่ะ พี่คราม คุณมิ้นท์” ครามนั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนมิ้นท์เลือกที่จะนั่งข้าง ๆ เธอ

“เรียกมิ้นท์เฉย ๆ ดีกว่าค่ะ อย่าเรียกคุณเลย และมิ้นท์ก็ขอเรียกว่าพี่ซีนะคะ มิ้นท์ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ ปกติก็ดูหนังคนเดียว หนนี้พอดีคุณครามโทรหา มิ้นท์ติดหนี้เขาอยู่ด้วย วันก่อนวิ่งไปชนเขาโทรศัพท์ตกแตกกระจาย ก็ยังดีค่ะ ที่เป็นยี่ห้อ.....” เธอพูด ทุกอย่างแลดูเป็นธรรมชาติไม่เคอะเขิน

“กลับเอามาประกอบแล้วคุยต่อเฉยเลย”

“ค่ะ”

“พี่ซีมาดูหนังคนเดียวหรือคะ วันหน้าโทรชวนมิ้นท์นะ มิ้นท์ก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน”

“ไม่ค่ะ พี่นัดกับเพื่อนไว้ สักเดี๋ยว..” ส้มเดินโปรยยิ้มมาตั้งแต่ประตู จริง ๆ ต้องเรียกว่าปั้นยิ้มเพราะมองผ่านกระจกเข้ามาเห็นทั้งสามคนชัดเจน ส้มเป็นคนรักเพื่อน ยิ่งเพื่อนแบบซี เธอว่านับวันยิ่งหายากเข้าไปทุกที แล้วเหตุการณ์ที่เห็นเธอว่ามันไม่ปกตินัก

“สวัสดีค่ะ” ส้มเดินมาถึงโต๊ะก็ยกมือไหว้ชายหนุ่ม ที่อาวุโสสุดในโต๊ะ แล้วโปรยยิ้มมาทางสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนของเธอ สาวน้อยยกมือไหว้

“สวัสดีค่ะ พี่ต้องเพื่อนสนิทพี่ซีแน่เลย น้องมิ้นท์ดูตาก็รู้” ส้มเลิกคิ้วแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่ผิดแปลก แววตานั้นใสแจ๋ว แสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างเห็นได้ชัด เอ๊ะ หรือมันจะชัดเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้ส้มคิดมาก หรือเหตุการณ์พาไป

“จ้ะ เอ่อ.. เราไปกันหรือยังอ่ะซี” ซีสบตาเพื่อน

“ยังไม่ได้ทานอะไรกันเลยนี่ ทานด้วยกันก่อน มื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเองนะ”

“อ้าว คุณคราม” มิ้นท์ส่งเสียงมาตัดพ้อ

“ไหนว่า มื้อนี้ให้มิ้นท์เลี้ยงไงคะ แล้วนี่.. มิ้นท์มีมือถืออันใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณ แทนอันเก่าที่มิ้นท์ทำหล่น” ชายหนุ่มได้แต่ยิ้ม หนุ่ม-สาว สบตากันจนแทบลืมอีกสองคนที่อยู่ด้วยในที่นั้น

“เอ่อ .. ส้มจองตั๋วไว้แล้วค่ะ ตอนแรกก็ตั้งใจจะทานอะไรก่อน แต่ว่าส้มมาช้าเลยไม่ทันแล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรหน้าโรงหนังเข้าไปทานก็ได้ค่ะ” ส้มเป็นคนออกตัว ซีพยักหน้าเห็นด้วย แต่โต๊ะนี้ติดกับฝาข้างหนึ่ง มิ้นท์จึงขยับตัวลุกขึ้นเพราะนั่งด้านนอก ให้ซีซึ่งนั่งอยู่ด้านในเดินออกมา เธอจับมือซี ทำตาอ้อน ๆ

“วันหน้าพี่ซีนัดมิ้นท์นะคะ มิ้นท์จะได้มีเพื่อนดูหนัง” ซีตบหลังมือขาวเนียนนั้นเบา ๆ และปลดออกอย่างสุภาพ ยิ้มพยักหน้า และไหว้ลาคนที่อาวุโสสุดในกลุ่ม ทั้งคู่มองสองสาวจนลับตาแล้วกลับมาสบตากันเองยิ้ม ๆ มิ้นท์กลับมานั่งที่เดิม พนักงานเสริ์ฟเดินเข้ามายื่นเมนู เขาผายมือเป็นเชิงให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ตัดสินใจเลือก

---------------***************************--------------

ส้มทั้งลากทั้งดึง ซีเดินออกจากห้าง มายืนรอรถอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าฉันจะดูหนัง ถ้าส้มไม่ดูจะไปดูคนเดียวก็ได้ ส้มต้องฉุดไว้ให้หยุดคุยกันก่อน

“ซีจะดูหนัง ส้มจะกลับก็กลับสิ ดูคนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไร”

“ซี” ส้มเรียกหนัก ๆ ซียิ้ม

“ซีไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะส้ม แค่คนที่รู้จักกันมาสองปี และเจอกันสองครั้ง อ้อ..เมื่อกี้อีกครั้งเป็นครั้งที่สาม”

“จริ๊ง?”

“น่า เชื่อสิ”

“แล้วใครชอบมาเล่า พี่ครามอย่างโน้น พี่ครามอย่างนี้ แล้วใครเป็นคนทุรนทุรายเวลาเขาหายหลังจากวันที่เจอกันครั้งแรก”

“โธ่ ก็แค่บ่นเล่น ๆ ไม่เห็นเป็นไร”

“จริง จริ๊ง ?”

“จะคาดคั้นเอาอะไร ไม่มี” ซียื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อนเพื่อให้สำรวจหารอยผิดปกติในดวงตา

“ก็แล้วไป” ส้มถอนหายใจ จะว่าโล่งอกก็ไม่เชิงนัก เป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากเพราะ เธอมีแต่ซีคนเดียว ส้มไม่เหลือคนในครอบครัวอีก เพราะเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ยายเลี้ยงไว้ ต่อมายายเสียชีวิตเธอก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ หางานทำ ปากกัดตีนถีบส่งตัวเองเรียน ส้มเจอซีตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ ๆ ตอนนั้นส้มเป็นเพียงพนักงานพิมพ์ดีดธรรมดา จนมาได้ซีซึ่งคอยหัด คอยสอน จนตอนนี้ได้เป็นผู้ช่วยเลขา และกำลังจะได้เป็นเลขาแทนคนเก่าที่จะลาออกไปแต่งงานเร็ว ๆ นี้ ส้มจึงรักซีมาก ถือว่าซีคือคนในครอบครัว แต่ก็ด้วยวิถีชีวิตที่เธอเป็น ส้มมีแฟนเป็นชาวต่างประเทศ จึงไม่สามารถพักรวมกันกับซีได้

“ส้ม ซีว่าจะกลับบ้านสุดสัปดาห์นี้ ไปด้วยกันไหม” ส้มเลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าพยักหน้าหงึกหงัก

“เอ แต่ว่าพี่ครามจะชวนไประยอง ไปพักบ้านน้องมิ้นท์”

“ซีชอบเด็กนั่นจริง ๆ หรือ” ส้มจ้องตาอย่างค้นคว้า

“จริง เด็กเค้าน่ารักดี ดูท่าทางไม่มีพิษ มีภัยอะไร” ส้มถอนหายใจกับแม่นางเอกแสนดี เคยเห็นแต่ในนิยาย นี่อะไร แต่ส้มก็รู้จักซีนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานซีเป็นของซีอย่างนั้นจริง ๆ

“แต่แม่ก็เป็นห่วง ดันโทรมาตอนปิดโทรศัพท์มือถือ แถมถอดสายเครื่องในห้องอีก” เธองึมงำ ๆ

“งั้นก็ไปหาแม่กันดีกว่า ส้มจะได้ไปหาหนุ่ม ๆ แถวโน้นกินด้วย” ซีฟาดเผียะที่ต้นแขนเพื่อน

“แหม.. จริง ๆ เลยพูดจาไม่รู้จักระวัง เดี๋ยวเพื่อนแฟนคนไหนผ่านมาได้ยินแล้วเอาไปฟ้อง เหอะ น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า” ส้มหัวเราะ เริ่มผ่อนคลายกับเหตุการณ์ทั้งมวล

“ตกลงไปดูหนังนะ ซีอยากดูหนัง” ส้มพยักหน้า เดินกันจากสถานีรถไฟฟ้าเข้าไปทางห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะส้มมัวแต่มองหนุ่ม ๆ ที่สวนทางมา จึงไม่ทันเห็นเพื่อนคนที่เดินจูงมา หรุบตามองพื้นแล้วแอบกระพริบตาถี่ ๆ ไล่หยดน้ำที่จวนเจียนจะหยด และสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อที่ไม่ให้ปล่อยเสียงสะอื้นออกมา

--------------***************************--------------

หญิงสาวไขกุญแจห้อง ดันประตูพอแทรกตัวเข้ามาได้ พอพ้นประตูก็วางทุกอย่างที่อยู่ในมือไว้กับพื้น ถอดรองเท้าโดยอัตโนมัติ ใบหน้างาม ขาว ซีดเซียวเหมือนคนเป็นไข้ หันไปปิดประตูห้อง กดล็อคแล้วเดินสะลึมสะลือไปที่เตียงล้มตัวลงนอนนิ่ง ๆ มองเพดานขาว ๆ สายตาค้างเติ่งอยู่ที่เพดาน

ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงเขา คนที่ผ่านมาให้รู้สึก เขาผ่านมาให้เธอรู้สึกว่าได้ใกล้ชิด สนิทสนมกับเขามานาน นานมาก นานจนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน ครั้งเมื่อได้ยินว่าเขาสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ยังคิดว่าพูดเล่น พอครั้งนี้เห็นเขากับผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าต้องการจะใส่ใจ ทำไมหัวใจมันว่างเปล่าเสียจนน่าแปลก แถมยังรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนั้นอีกต่างหาก

ตลอดเวลาที่ผ่านมามักจะบอกกับตัวเองอย่างคนที่เห็นแก่ตัวว่า เธอไม่ใช่แค่ได้รักข้างเดียว แต่เธอได้สิทธิ์คนที่ถูกรักมาบ้างแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าได้มาตอนไหน แต่มั่นใจว่าได้รักนั้นมาแล้วแน่ ๆ

ไม่รู้บังเอิญไหม วันนี้ได้เจอคนที่เขาพูดถึง ผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าจะรัก และกำลังหาทางครอบครองหัวใจใครคนนั้นอยู่เธอแจ่มในและน่ารักเหลือเกิน เหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอโหวงเหวงอยู่ตอนนี้ อาการมั่นใจในตัวเองที่ว่าได้ถูกรักบ้างแล้วเริ่มสั่นคลอน

จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ และมองลงมาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนตัวงออยู่บนเตียงด้วยอาการเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หญิงสาวคนที่ว่านิ่งเสียจนไม่น่าจะมีลมหายใจอีกแล้ว

ในนาทีต่อมา จึงได้รู้สึกว่านั่นคือตัวของเธอเอง จุกเสียด แน่นขึ้นมาถึงหน้าอก เจ็บปริ่มว่าจะขาดใจตาย ลมหายใจสะดุด ดั่งจะหยุดอยู่แค่นั้น เธอดิ้นพลิกตัว ยืดขาออก แล้วกลับขดตัวงองุ้มกว่าเดิม แขนสองข้างกอดตัวเองกระชับขึ้น ปวดมวนในช่องท้อง นาทีนี้ไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดทั้งปวง

คิดถึงภาพของเขาที่กำลังสบตาหวานซึ้งกับใครอีกคน

แล้วร่างที่ขดตัวงออยู่กระตุกเหมือนคนสะดุ้งตกใจอะไรสักอย่าง ร้อนวาบหนึ่งในอก ครานี้น้ำใส ๆ หยดหนึ่งรินออกจากหางตา เสียงสะอื้นฮัก ๆ ถี่ขึ้น ๆ ในที่สุดก็เหมือนทำนบพัง น้ำใส ๆ ไหลพร่างพรูออกมาพร้อมกับเสียงโฮที่เปล่งออกมาจากลำคอจนสุดเสียง

ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้กับตัวเอง ได้ยินแต่เสียงสะอื้นดังก้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เนิ่นนาน

นานทีเดียวกว่าเสียงจะแผ่วลง แล้วก็ค่อย ๆ แผ่วลง ๆ ดุจดังลมหายใจหายห้วงไปแล้ว แต่พอภาพคนสองคนกำลังสบตากันหวานซึ้งกระจ่างมาในมโนภาพ ร่างบางจะคุดคู้กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก เสียงก็ดังขึ้นอีก

เพิ่งจะรับรู้ว่าเธอหวงเขาขนาดนั้น

ทำไมนะ พอจะรู้จักความรัก ปรากฏว่าเธอต้องผิดหวังเสียแล้ว ทำไม ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไม ทำไม ทำไม คำถามดังก้องวนเวียนอยู่ในศีรษะ น้ำตาไหลออกจนเหือดแห้ง เสียงสะอื้นแผ่วลงเรื่อย ๆ และแล้วลมหายใจก็ทอดสม่ำเสมอ

--------------***************************--------------

//www.oldsonghome.com/music/listen.php?song_id=2012




Create Date : 18 พฤษภาคม 2549
Last Update : 18 พฤษภาคม 2549 3:13:05 น.
Counter : 490 Pageviews.

2 comments
  
เขาว่ากันว่า ตอนที่เศร้า ๆ
ฟังเพลงรักแล้วยิ่งเศร้าหนักเข้าไปอีก

จริงหรือเปล่าคะ
โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:3:45:32 น.
  
เพิ่งแวะมาอ่านเรื่องยาว จ๊ะ
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:19:17:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สีน้ำฟ้า
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



MY VIP Friend