:::ปลายทางที่โค้งฟ้า..ตอนที่ 8 :::
วัยซ่าส์วัยซนของฉัน ในวัยนั้นฉันระเริงไปในรั้วนักเรียนหญิงล้วนของโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ฉันไม่ใช่คนสวย แต่ช่างเล่นช่างคุย สนุกสนานไปในกลุ่ม "เด็กเรียน" มีเพื่อนเฉพาะกลุ่มพี่รหัสของฉันเป็นเด็กเรียนเช่นกันเธอขมักเขม้นกับโควต้าของมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือนานนานก็จะมีเครื่องประดับกระจุ๋มกระจิ๋มมาฝากทักทายตามธรรมเนียมมีเรื่องพูดก็พูด ไม่มีเรื่องพูดก็ยิ้มทักเฉยเฉยในเวลานั้นฉันกลับมี "พี่ยา" มาสนิทสนมคลุกคลี พี่ยาเป็นลูกสาวคนเดียว เธออยากมีน้องสาวอย่างฉัน! เธอบอกอย่างนั้นเธออยู่มัธยมปีที่สามหลายคนบอกว่าเธอเรียนดีและเป็นนักเรียนตัวอย่างเธอพาตัวเองเข้ามารู้จักฉันในงานนิทรรศการชุมนุมศิลปะที่ฉันมีตำแหน่งประชาสัมพันธ์พี่ยามาช่วยจัดนิทรรศการ ประดับดอกไม้ จับจีบผ้าตามมุมบูทอยู่ข้างข้างจับนั่นนี่ช่วยแก้วใสจนงานนั้นผ่านไปด้วยดีงานเลิกเธอพาฉันลัดเลาะริมน้ำไปทานก๋วยจั๊บและคุยกันเหมือนเราคุ้นเคยกันมาเนิ่นนานทั้งทั้งที่เราเพิ่งรู้จักแต่เธอบอกเห็นฉันและประทับใจตั้งแต่วันรับน้องวันนั้นเราคุยกันสารพัดเรื่องแทบลืมเวลากลับบ้านเลยหลังจากวันนั้น..ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันไม่ได้พบพี่ยา.. ฉันจะพบรอยยิ้มต้อนรับที่บันไดตึกตอนเช้าเกือบทุกวัน พร้อมขนมนมเนย หนังสือ บางทีมีการ์ดน่ารักกับดอกไม้ด้วยเมื่อไหร่ที่มาไม่ได้ เธอจะฝากเพื่อนมาให้ ในทุกครั้งจะมีโน้ตข้อความสั้นสั้นถึงฉันเสมอฉันมองไม่เห็นว่าจะผิดปกติตรงไหน ก็มันผิดปกติอย่างไรล่ะ ผิดตรงไหนหากใครจะสนใจ เอาใจใส่ดูแลใครสักคนก็เหมือน"พี่สาว" ฉันคนก่อนในโรงเรียนประถมที่ฉันเพิ่งแยกตัวมาเข้าโรงเรียนมัธยมนี่ต่างแค่วันนั้นฉันยังถักผมเปียและใช้คอซองเช็ดน้ำมูกอยู่เลยวันนี้หลายคนบอกเขี้ยวเล็กเล็กของฉันทำให้หน้าตาบ้องแบ้ว พี่ยาเรียกฉัน "กระแต" สนิทสนมกันนานนานไปเหลือแค่ "แต"เพื่อนเพื่อนเริ่มแซวแต่แก้วใสก็ไม่ทุกข์ร้อน ฉันพอใจที่จะมีคนมารอรับไปทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกันวันไหนไม่มาเริ่มมองหา ต่อมาแม้วันเสาร์อาทิตย์เธอก็จะแวะมานั่งเล่น นั่งคุยที่บ้านบางวันขลุกอยู่กับฉันจนค่ำ พี่สามบอก "สงสัยที่บ้านไม่มีใครคบ"เธอหอบงานมาทำที่บ้านแก้วใส บางวันจะไล่คนขับรถกลับจนคุณลุงต้องมารับเองเป็นอย่างนี้กว่าครึ่งปี พ่อบอกว่าน้องกลางไม่ค่อยมีเพื่อนนะ..จริงด้วย..ฉันเหมือนไม่มีใครคบ..หรือเหมือนฉันไม่คบใคร..ในขณะที่พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม มีเพื่อนมากมาย และเริ่มห่างความสัมพันธ์อย่างในวัยเด็กโดยเฉพาะเมื่อพี่ใหญ่พี่รองขมักเขม้นเตรียมสอบฉันก็เหมือนถูกลืมเมื่อฉันขอปลีกตัวไปทำงานกับเพื่อน พี่ยาจะตามไปด้วยทุกครั้ง ฉันเริ่มอึดอัด เพื่อนว่าฉันเป็นนักโทษ มีคนคุม ..แม้แต่พี่รหัสยังไม่ยอมคุยกับฉันเลย พบเมื่อไหร่ก็ทักไปแกนแกนฉันคงคิดมากตอนนั้น เพื่อนบอกฉันขรึมไปพี่สามกระแนะกระแหนพี่ยาทุกครั้งที่เจอหน้ากันฉันรู้ว่าพี่พี่เป็นห่วงฉัน เพื่อนเพื่อนหายไปทีละคนฉันเริ่มบิดพริ้วกิจกรรมโรงเรียนก็ไม่อยากให้เพื่อนเพื่อนล้อเลียน และไม่อยากให้พี่ยาเสียใจด้วย"ไม่อยากให้มีเวลาที่ต้องแยกจากกัน" เธอบอกฉันใต้ซุ้มกระดังงาฉันนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็มันไม่ใช่คำถามสักหน่อยวันหนึ่งพ่อไปพบคุณลุง คุณพ่อของพี่ยา และคุยกันอยู่นานเมื่อกลับมา พ่อถามว่า น้องกลางอยากไปอยู่โรงเรียนประจำไหม?แน่นอน..ฉันไม่จากบ้าน จากพี่พี่น้องน้องเด็ดขาด พ่อลูบหัวฉันเบาเบาและบอกว่า บ้านเรามีพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า ทุกข์เราทุกข์ด้วยกัน สุขเราสุขด้วยกันฉันรู้ว่าพ่อหมายถึงอะไร ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันจะยังมีความรักโอบอุ้มไว้เสมอต่อมาในทุกครั้งที่พี่ยามาบ้าน พวกเราจะอยู่กันครบทีมไม่มีใครแยกกลุ่ม ไม่ห้ามที่จะคบแต่ไม่เปิดโอกาสให้เราอยู่กันลำพังหรือไปไหนมาไหนด้วยกันอีก ฉันไม่รู้สึกเป็นทุกข์แต่พี่ยาขรึมไป นานนานเข้าก็ห่างกันไปโดยปริยายเธอมีเพื่อนใหม่ และมีข่าวทะเลาะเบาะแว้ง ตบตีกัน มีเรื่องถึงห้องปกครองเสมอฉันเพิ่งได้รู้จากเพื่อนว่าเธอเป็นหญิงที่นิยมเพศเดียวกันก็ตอนนั้น..เซ่อไปนาน.. เทอมปลายพี่ยาถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ เราไม่ได้พบกันอีกเลยรู้แต่ว่าหลังจากจบมัธยมปลายเธอไปเรียนต่ออยู่ต่างประเทศแต่งงานและหย่าร้างกันในเวลาต่อมา เวลานี้ฉันหวังว่าเธอคงจะสบายดี ขอบคุณในน้ำใจ ขอบคุณรอยยิ้มพิมพ์ใจของวันวาน..ขอบคุณทุกถ้อยคำ ..ยังระลึกถึงเสมอ..หากมีโอกาสได้พบอีกครั้ง ฉันจะบอกเธอ.."..หากเลือกได้ จะเลือกให้เราไม่ต้องแยกจากกัน.."