
 |
|
 |
 |
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
BANGKOK :: พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เรียนรู้ความเป็นมาเมืองบางกอก
เมื่อเดือนก่อนเป็นช่วงพักเบรกไม่ได้เที่ยวต่างจังหวัด แต่ด้วยความอยู่บ้านไม่ได้มันร้อน เลยชวนเพื่อนซี้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กรุงเทพฯ กันดีกว่า ครั้งที่แล้วไปผิดพิพิธภัณฑ์ ดันไปมิวเซียมสยามซะนี่ ครั้งนี้เลยตั้งใจไปใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ตรงซอยเจริญกรุง ๔๓ ล่ะ การเดินทางสะดวกแถวๆ ถนนเมเหสักข์ ตรงไปเจอร้านขายไก่ย่างก็เลี้ยวเข้าซอยถัดไปก็ถึงแล้วล่ะ


พอมาถึงก็เข้าไปกดกริ่งเค้าก็จะมีคนมาเปิดประตูให้ เราก็เข้าไปเซ็นต์ชื่อ Visitor จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปเลย ก่อนอื่นเรามารู้จักความเป็นมาของที่นี่กันก่อน พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก (Bangkok Folk's Museum) เดิมเป็นบ้านของอาจารย์วราพร สุรวดี ซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากมารดาคือ นางสอาง สุรวดี (ตันบุญเต็ก) ต่อมาได้ยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสมบัติของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับเยาวชนคนรุ่นหลัง

ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลางในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือในระหว่างปี ๒๔๘๐ - ๒๕๐๐ โดยแบ่งเป็นอาคาร ๓ หลัง แต่ละหลังก็บอกเล่าเรื่องราวแตกต่างกันไป
พวกเราเดินตรงเข้าไปยังอาคารที่สามเพราะเห็นว่ามีคนอยู่ด้านในพอสมควร จากประตูทางเข้าก็จะพบกับเอกสารการแสดงสิทธิหน้าที่ของประชาชน เช่น โฉนดในสมัยเก่า สำมะโนครัว ตลอดจนแผนที่ที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ


จากประตูทางเข้าเดินต่อไปทางขวาก็จะพบกับห้องจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ชุดเครื่องครัวที่มีทั้งขนาดใหญ่ใช้ในงานบุญต่างๆ และขนาดกลางสำหรับครอบครัวใช้ในชีวิตประจำวัด โดยข้าวของที่จัดแสดงทั้งหมดเป็นของคุณยาย (คุณแม่ของอาจารย์วราพร)


อาคารหลังที่ ๓ นี้มีสองชั้น ชั้นบนจะแสดงนิทรรศการภาพรวมกรุงเทพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ประวัติความเป็นมาของบางกอก การขุดคลองลัดในสมัยสมเด็จพระไชยราชาส่งผลให้แม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนทางจวบจนปัจจุบัน ตามพวกเราขึ้นมาดูชั้นสองกันดีกว่า


พวกเราขึ้นบันไดมาทางด้านบน โดยมีไกด์เป็นน้องที่ดูแลที่นี่พาพวกเราขึ้นมาชม ด้านบนมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับบางรักและบางกอกไว้เป็นหมวดหมู่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาเรื่องราวบางกอกในอดีต

 สำหรับ "บางรัก" นั้นว่ากันว่าบริเวณนี้เคยมีคลองเล็กๆ ไหลสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งหนึ่งมีผู้พบต้นรักขนาดใหญ่จมอยู่ในคลองนั้น ความใหญ่โตของไม้รักที่พบทำให้เป็นที่เล่าลือกัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน ต่อมาเมื่อพูดถึงสถานที่บริเวณนี้ก็จะเรียกชื่อตามไม้รักจนกลายมาเป็นบางรักในที่สุด แต่บ้างก็ว่าชื่อนี้มาจากโรงพยาบาลหรือที่เรียกกันว่าโรงหมอ เข้าใจว่าเป็นหมอมิชชันนารีรักษาตามแบบสมัยใหม่ ผู้คนนิยมเดินมามารับการรักษาจึงเรียกที่นี่ว่า บางรักษ์และกลายมาเป็นบางรัก


เดินไปเดินมาก็แปลกใจกับเครื่องลักษณะเหมือนเครื่องพิมพ์ดีด แต่น้องที่มาแนะนำที่นี่เล่าว่า ไม่ใช่เครื่องพิมพ์ดีดแต่นี่เป็นเครื่องคิดเลขในสมัยก่อน ดูจากลักษณะแล้วนะจะใช้ยากเหมือนกันนะเนี่ย

นอกจากนี้ยังมีการจำลองการลาดถนนยางมะต่อยอีกด้วย ว่ากันว่า ถนนแบบเดิมของไทยนั้น เป็นการแผ้วถางพื้นที่ให้เป็นเส้นทางสำหรับสัญจร เดินไปนานๆ ดินจึงเรียบแน่น แต่พอหน้าฝนก็กลายสภาพเป็นหล่มโคลนเละเทะ ต่อมาจึงมีการนำดินแดงหรือลูกรังมาถม อัดให้แน่นเพื่อให้แข็งแรง จนในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการตัดถนนเจริญกรุง เป็นการตัดถนนแบบยุโรปเป็นครั้งแรก คือมีการอัดดินหินเป็นชั้น เพื่อให้แข็งแรงรับน้ำหนักได้ดี
ส่วนการราดยางมะตอยนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยมีข้อความในคอลัมน์ของวิเศษ พ.ศ. ๒๔๕๙ เชิญชวนให้ไปเดินบนถนนราดยางที่สามแยกถนนเจริญกรุงตัดกับถนนเยาวราช ซึ่งถ้าประชาชนอยากให้มีถนนแช่นนี้ตลอดทั้งเมืองก็ให้ช่วยกันอุดหนุนสินค้าต่างๆ เพื่อให้ได้ภาษีมากๆ มาพัฒนาถนนให้ดีขึ้น เพียงไม่นานถนนเจริญกรุงก็เป็นถนนราดยางทั้งเส้นสายแรกของเมืองไทย


หลังจากที่เดินชมนิทรรศการเราก็เพิ่งรู้นะว่าแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใช้ในปัจจุบันเป็นสายที่ขุดขึ้นมาใหม่ โดยในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช (พ.ศ ๒๐๗๗ - ๒๐๘๙) การติดต่อกันต่างประเทศเช่น จีน โปรตุเกส มีความสม่ำเสมอมากขึ้น ราชสำนักกรุงศรีอยุธยาจึงให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกในเรื่องการคมนาคมเป็นอย่างมาก ขณะที่การเดินทางจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยาต้องเสียเวลามาก เพราะเส้นทางน้ำคดโค้ง มีบางช่วงเป็นรูปเกือกม้าทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
พ.ศ. ๒๐๘๕ สมเด็จพระไชยราชาธิราชจึงโปรดให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ย่านบางกอกตรงบริเวณที่แคบที่สุดคือขุดตรงปากคลองบางกอกน้อยไปจนปากคลองบางกอกใหญ่ จนกลายเป็นลำน้ำแม่เจ้าพระยาขึ้นมาแทนสายเก่า กล่าวกันว่าคลองลัดนี้ช่วยย่นระยะทางจากพายเรือเป็นวันเหลือเพียงใช้เวลาเท่ากับตั้งไฟหุงข้าว "ชั่วหม้อข้าวเดือด" เท่านั้นเอง

พวกเราใช้เวลากับอาคารที่สามนี่ค่อนข้างนานเพราะมีเรื่องราวประวัติให้เดินอ่านเลยนานไปหน่อย เอาละไปดูอาคารอื่นกันบ้างดีกว่า


อาคารหลังที่ ๑ สร้างใน พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันดกซึ่งนิยมสร้างเป็นอาคารไม้สองชั้น หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวสีแดง ผนังอาคารทาสีเลียนแบบผนังก่ออิฐ เดินเข้าไปในตัวบ้านก็จะพบกับห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องหนังสือ สิ่งที่สังเกตุเห็นการซ่อมกระจกในสมัยก่อนเค้าใช้เป็นตัวกลมๆ ยึดกระจก แปลกดีอันนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนแฮะ




เดินขึ้นไปด้านบนก็จะพบกับห้องนอนและห้องแต่งตัว ซึ่งต้องบอกว่าเฟอร์นิเจอร์เก่าที่นี่สวยจริงๆ โดยเฉพาะโต๊ะเครื่องแบบไม้ที่ออกแบบสวยงามมากๆ ตู้เสื้อผ้าลักษณะกลมมนแต่เป็นตู้ไม้อันนี้ก็สวยดี ห้องแต่ละห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ชอบบ้านสมัยก่อนก็ตรงที่เป็นบ้านทรงสูงอากาศถ่ายเทสะดวกแทบไม่ต้องใช้แอร์เลยล่ะ
จากนั้นเราก็เดินลงมาและไปต่อกันที่อาคารหลังที่ ๒ ตามประวัติบ้านหลังนี้ปลูกอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ ซอยงามดูพลี (ออฟฟิตเราเลย) โดยปลูกเพื่อเป็นคลินิคของคุณหมอฟรานซิส คริสเตียนชาวอินเดียศัลยแพทย์จากอังกฤษ โดยสร้างเสร็จยังไม่ท้นอยู่หมอฟรานซิสก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลง บ้านหลังนี้จึงถูกปล่อยให้คนเช่าเรื่อยมา
เมื่ออาจารย์วราพรจะทำบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ขาดเงินจึงขายที่ดินและรื้อบ้านที่ทุ่งมหาเมฆมาสร้างไว้ที่นี่โดยย่อส่วนตามพื้นที่ที่จำกัด ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ของคุณหมอฟรานซิส




ที่นี่ถือเป็นแหล่งศึกษาสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางกอกในสมัยก่อน แต่ก่อนแถวนี้ตามที่อ่านในประวัติเป็นคลองตัดผ่านเพราะสังเกตุจากภายในบ้านมีท่าเทียบเรือเก่าอยู่ด้วย ก็ถ้าใครว่างๆ ก็ลองแวะมาเที่ยวกันดูนะคะ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้า ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงในการเดินชมรอบๆ บ้านล่ะ..
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 0:50:11 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2766 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:11:18 น. |
|
โดย: BeeVee' IP: 161.200.142.48 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:41:42 น. |
|
โดย: ืทีฯ IP: 115.67.195.80 วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:19:05:54 น. |
|
| |
|
patthanid |
 |
|
Location :
ราชบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ : คืออีกก้าวของประสบการณ์ : ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน : มีจุดหมายที่อยากสัมผัส : โลกใบกลมๆ ใบนี้
ติดต่อผู้เขียน Email :: patthanids@hotmail.com Line :: @atourthai Facebook :: Patthanid Cheang Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
 |
|
ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ ครับ