ธมฺมํ ปสฺสโต มโน สุขํ.
เมื่อมองเห็นธรรม ใจย่อมเป็นสุข ฯ
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
อยากให้รู้ว่าคิดถึง..ตอน..อนาคตที่น่ากลัว


อืม..ขณะที่พวกเรากำลังเดินซื้อของอยู่..เราก็คอยสังเกตยายตัวร้าย..

เอ..ยายตัวร้ายนี่มีลักษณะของแม่บ้านที่ดีเนอะ..

ถ้าใครได้ไปเป็นคนแม่ครัว..รับรองว่าไม่มีการใช้จ่ายเกินงบแน่ๆสิ..

ก็เธอเล่นต่อราคาของทุกอย่างที่ซื้อเลย..แถมยังได้ตามที่ต้องการอีก..

นี่เราไม่ได้ว่าเธองกหรอกนะ..ขอบอก..แต่เธอเป็นคนประหยัดมากๆสิ..

แหมๆ..ยายตัวร้ายนี่เก่งหลายอย่างจังแฮะ..

แต่เราไม่กล้าขัดคอเธอหรอกนะ..เมื่อคืน..สี่เขี้ยวยังจำติดตาสิ..

“นี่ตาบ้า..เดินให้มันเร็วๆหน่อยสิยะ”..

“โห..เผลอเดินช้าหน่อยเดียว..ทำเป็นดุ”..

“ก็นายเดินให้เร็วๆหน่อยสิ..โน้น..ไปรับของที่พันสิ”..

“อ้าว..นี่..ยายบ๊อง..เราตั้งใจจะมาเดินดูของนะ..

ไม่ใช่ตั้งใจจะมาคอยถือของให้เธอ”..

“เย็นนี้จะกินข้าวหรือเปล่า”..

“กินสิ”..

“งั้นก็ไม่ต้องบ่น..ไปรับของที่พี่พันโน้น”..

ฮืม..ฝากไว้ก่อนเหอะ..ยายตัวร้าย..

นี่ถ้าไม่เห็นว่าทำกับข้าวอร่อย..จ้างให้เราก็ไม่ยอมหรอกนิ..

เฮ้อ..การมีเพื่อนต่างเพศนี่..มันลำบากเหมือนกันนะ..

เออ..ดูๆไป..ยายตัวร้ายนี่เหมือนคุณหนูมาเดินจ่ายของเลยเนอะ..

เพราะมีคนคอยรับใช้ตั้งสองคน..คือเรากับเจ้าพันไง..

เฮ้อ..คิดๆไป..ก็สงสารตัวเองเนอะ..วาสนาเราคงมีได้แค่นี้..มั๊ง..นะ..ยัยตัวร้าย..


ในขณะที่เรากำลังเดินหน้ามุ่ยเพราะความหนักนั่นเอง..

เราก็เห็นยายตัวร้ายเลือกซื้อของร้านหนึ่งอยู่..

อืมๆ..เจ้าของร้านเป็นหญิงชราคนหนึ่ง..แกขายของจำพวกผัก..

แปลกแฮะ..ร้านนี้ยายตัวร้ายไม่ต่อราคาเลยสักคำ..

มันน่าสงสัยๆ..เดี๋ยวมีเวลาต้องถามดูสักหน่อย..

เอ..แต่ดูๆแล้วก็น่าสงสารแกเหมือนกันเนอะ..อายุแกก็มากแล้ว..

แต่ยังต้องออกมาขายของอยู่อีก..

เออ..ถ้าเราแก่ตัว..เราจะต้องลำบากแบบนี้ไหมอ่ะ..

ชักเริ่มกลัวแล้วสิเรา..อย่างนี้หรือเปล่านะ..

ที่เขาเรียกว่ายังใช้กรรมไม่หมด..ถึงต้องทนอยู่เพื่อรับกรรมต่อไป..

กรรมนี่..มันน่ากลัวนะ..ยัยตัวร้าย..


เฮ้อ..ในที่สุด..การจ่ายกับข้าวโดยเอาชีวิตเราเป็นเดิมพันก็จบลง..

จะไม่ให้พูดอย่างนี้ได้ยังไง..ก็ยายตัวร้ายเล่นจ่ายของเสียมากเลย..

เราถือคนเดียวสิ..มันหนักมากๆนา..หิ้วจนปวดแขนเลยสิ..

เอ..หรือว่ายายตัวร้ายแกล้งเราหว่า..ชักเกิดความสงสัยตะหงิดๆแล้วสิ..

ด้วยความสงสัยนั่นเองทำให้เราอดที่จะถามไม่ได้..

“นี่ยายบ๊อง..เธอแกล้งเราหรือเปล่า”..

“ชั้นไปแกล้งอะไรนาย”..

“ก็เธอซื้อของเสียมากมายสิ..เราถือคนเดียวมันหนักนะ”..

“อ้าว..แล้วทำไมนายไม่เอาไปเก็บไว้ที่รถก่อนเล่า..มาถือไว้ทำไม”..

“เออ..นั่นสิเนอะ..ทำไมเราคิดไม่ถึง”..

“สม..อยากโง่นัก”..

กรรมของเราอีกแล้วนะ..ยัยตัวร้าย..


ในระหว่างที่เรากำลังขับรถกลับ..เจ้าพันก็เอ่ยขึ้น..

“น้องดาวเข้าใจคำว่า..เป็นเครื่องมือทำกรรมไหมครับ”..

“ไม่เข้าใจเลยค่ะ..พี่พันหมายถึงอะไรหรือคะ”..

“เออ..นั่นสิ..ชั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน..แกช่วยอธิบายหน่อสิ”..

“อืม..ถ้าพูดถึงเครื่องมือฆ่าคน..น้องดาวคิดถึงอะไรก่อน”..

“ปืน..มีด..ระเบิด..ค่ะ”..

“อืม..แล้วแกล่ะ”..

“ชั้นก็คิดเหมือนยายบ๊อง”..

“แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็นสิ่งไม่มีชีวิต..ไม่มีความคิดนี่นา..

ต้องอาศัยคน..มันถึงจะฆ่าคนได้..

ดังนั้น..คนเรานี่เองที่เป็นเครื่องมือฆ่าคนที่น่ากลัว..

เพราะว่าสามารถคิด..ตรึกตรองและวางแผนได้..

ถึงแม้จะไม่มีอาวุธเหล่านั้น..ก็ยังสามารถฆ่าคนได้”..

“แล้วที่พี่พันบอกว่าเป็นเครื่องมือทำกรรมล่ะคะ..มันหมายความว่าอย่างไร”..

“อืม..สมมุตินะครับ..สมมุติว่าน้องดาวอยากจะฆ่าเจ้านุ..

แต่ไม่อยากจะลงมือเอง..เลยมาสั่งให้ผมไปฆ่าเจ้านุแทน..

น้องดาวเป็นคนสั่ง..เรียกว่าเป็นคนคิดทำกรรม..

ผมเป็นคนลงมือ..เรียกว่าเป็นเครื่องมือทำกรรม..

เจ้านุเป็นผู้รับกรรม..ในพวกเราทั้งสามนี่..ใครจะมีผลอย่างไร..

น้องดาวคิดได้ไหมครับ”..

“ก็..ดาวจะต้องรับกรรมหนักกว่าพี่พัน..เพราะเป็นคนต้นคิด..

พี่พันรับกรรมน้อยกว่า..เพราะไม่ใช่คนต้นคิด..

ส่วนตาบ้านุได้รับผลของกรรมเก่าอย่างเดียว”..

“อืม..จริงๆแล้ว..ผมต้องได้รับกรรมมากกว่าน้องดาวนะ”..

“เอ๋..ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ”..

“เพราะว่าผมได้รับคำสั่งมาจากน้องดาว..แล้วก็คิดวางแผน..

เรียกว่ามีเจตนาที่จะคิดฆ่าเกิดขึ้น..เมื่อวางแผนเสร็จ..

ก็คอยหาโอกาสที่จะฆ่าเขา..เรียกว่ามีความพยายามในการฆ่า..

เมื่อฆ่าเขาสำเร็จ..เรียกว่าเขาตายด้วยความพยายามนั้น..

ดังนั้นผมจนต้องได้รับกรรมมากว่าน้องดาว..น้องดาวแค่เป็นคนต้นคิด..

แต่ไม่ได้มีความพยายามในการฆ่าเขานะครับ..

แต่ก็จะต้องเป็นคนรับกรรมเหมือน..ตรงนี้ต้องดูที่เจตนาเป็นสำคัญครับ”..

“อ้อ..ค่ะ..ดาวเข้าใจแล้ว..อย่างนี้ดาวเป็นคนต้นคิด..

พี่พันเป็นเครื่องมือทำกรรม..

ตาบ้านุเป็นคนรับกรรมเก่า..

ทั้งดาวทั้งพี่พันจะต้องจะรับผลกรรมในชาติหน้า”..

“ใช่ครับ..ตอนนี้เราทำได้แค่เพียงป้องกัน..

ไม่ให้เราเป็นเครื่องมือทำกรรมชั่ว..ที่จะคอยส่งผลไปภพหน้าเท่านั้น”..

“หมายความว่าอย่างไรหรือคะ”..

“ก็ที่น้องดาวบอกว่า..เวลาที่เราไปซื้ออาหาร..

เราไม่รู้ว่ามันมีสารปนเปื้อนอะไรบ้างหรือเปล่า..

คนปลูกหรือคนทำการผสมสารเพื่อเอามาขายเป็นคนสร้างกรรม..

แต่กรรมมันจะไม่สำเร็จ..ถ้าไม่มีใครซื้อ..แต่เมื่อมีคนซื้อ..

กรรมนั้นมันก็เกิดกับเขา..เพราะสำเร็จตามที่เขาตั้งใจ..

แล้วคนซื้อก็เป็นเครื่องมือของการสร้างกรรมต่อจากเขา..

คือเอามาปรุงเป็นอาหารให้คนอื่นกิน..ทำให้คนอื่นเจ็บป่วย..

ถึงแม้ว่า..คนทั้งสองจำพวกนี้จะได้รับผลกรรมเหมือนๆกัน..

แต่ว่า..คนที่เป็นต้นคิดจะได้รับผลของกรรมมากกว่า..

เพราะว่า..คนซื้อเขาไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายคนอื่น..

และเมื่อไม่มีคนคิด..เหตุการณ์อย่างนั้นมันก็ไม่เกิดขึ้น..

มันเหมือนกับการจ้างวานฆ่าคนนั่นแหล่ะ..คนจ้างจะมีความผิดมาก..

เพราะเป็นคนต้นคิด..คนลงมือจะมีความผิดน้อย..

เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของความคิด..ผมหมายถึงทางกฎหมาย..

แต่ทางศีลธรรมแล้ว..คนลงมือจะเป็นผู้รับกรรมมากกว่า”..

“แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไรคะ”..

“แล้วน้องดาวคิดว่าอย่างไรครับ..ถึงจะไม่เป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น”..

“ก็..คงต้องเลือกซื้อแต่ของที่คิดว่าสะอาดเท่านั้นค่ะ”..

“อืม..นั่นแหล่ะครับ..

เป็นวิธีการป้องกันการเป็นเครื่องมือทำกรรมอย่างหนึ่ง..

แต่จริงๆแล้วการบังคับตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในอำนาจของ..

ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..

นับได้ว่าเป็นเครื่องป้องกันอย่างดีที่สุดนะครับ..

คนเราทุกวันนี้..ส่วนมากจะตกอยู่ในอำนาจของความโลภ..

ความโกรธ..และความหลง..

ถ้าหากเราป้องกันตัวเองไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของทั้งสามสิ่งนี้ได้..

มนุษย์เราคงจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข”..

“แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไรคะ”..

“ฮูย..นี่ยายบ๊อง..เรื่องนี้เดี๋ยวเราจะอธิบายเอง”..

ในเรื่องของมงคล ๓๘ ประการ..ที่เราจะเขียนเรื่องหน้าอ่ะ..อธิบายตอนนี้..

เดี๋ยวเราก็หมดภูมิกันพอดีสิ..เธอเอาไว้อ่านตอนนั้นนา..นะ..ยัยตัวร้าย..^0^


“เฮ้อ..นี่ชั้นตั้งใจว่าจะมาเดินดูของนะนี่..

กับต้องมานั่งฟังแกกับยายบ๊องพูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้..ชั้นมึนจริงๆนะ”..

“ก็เรื่อง..การทำกรรม..การเป็นเครื่องมือทำกรรม..

และการรับผลของกรรมไงล่ะ”..

“ขยายอีกนิดสิ”..

“งั้นเอาอย่างนี้นะ..สมมุติว่า..ในขณะที่แกกำลังขับรถอยู่นี่..

ถ้าแกพาชั้นกับน้องดาวไปประสพอุบัติเหตุ..

ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต..จะคนเดียวหรือทั้งหมดก็ได้..

แกเป็นผู้รับกรรมจากชาติภพก่อน..นอกจากนั้นแล้ว..

แกยังได้สร้างกรรมใหม่..เพื่อที่จะได้ไปรับผลของกรรม..

ในชาติภพหน้าด้วย..เพราะทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต..

ส่วนชั้นกับน้องดาว..ได้รับผลของกรรมเก่า..แต่ไม่ได้สร้างกรรมใหม่..

เพราะไม่ได้เป็นต้นเหตุ..ทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต..

คงได้รับแต่ผลกรรมเก่าเท่านั้น”..

“งืมๆ..พอเข้าใจนิดหน่อยแล้ว..

แล้วที่แกว่าการเป็นเครื่องมือสร้างกรรมล่ะ..หมายความว่าอย่างไร”..

“ในขณะที่แกกำลังขับรถคันนี้อยู่..เกิดมีรถคันอื่นวิ่งมาชนรถคันนี้..

จนทำให้พวกเราบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็ตาม..

คนขับรถคันนั้นก็เป็นผู้รับกรรมเก่า..

นอกจากนั้นแล้วยังได้สร้างกรรมใหม่..

ที่ตัวเองจะต้องไปรับผลของกรรมในชาติภพหน้าด้วย..

เพราะว่าเป็นตัวต้นเหตุ..ที่ทำให้พวกเราได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต..

ส่วนแกเป็นคนขับรถคันนี้..ก็ได้รับผลของกรรมเก่า..

นอกจากนั้นแล้วแกก็ยังเป็นเครื่องสร้างกรรมใหม่ด้วย..

เพราะว่าเป็นคนพาชั้นกับน้องดาวไปบาดเจ็บหรือเสียชีวิต..

ส่วนชั้นกับน้องดาว..เป็นคนรับกรรมเก่าอย่างเดียว..

เพราะไม่ได้เป็นคนพาแกไปได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”..

“โห..นี่ชั้นต้องรับผิดชอบมากถึงขนาดนี้เชียวรึ”..

“ก็ใช่น่ะสิ..เพราะงั้น..แกตั้งใจขับรถไป..อย่าหันมาคุยบ่อยนัก”..

“นั่นสิ..ชั้นยังไม่อยากตายนะ..ตาบ้า”..

“โธ่..ตายพร้อมกันหลายคน..ดีจะตาย..จะได้ไม่เหงา”..

“ตายจริงก็คงไม่เท่าไหร่..กลัวแต่ไม่ตายจริงต้องมาพิการ..

แล้วใครจะเลี้ยงชั้นเล่ายะ”..

“ก็เราไง..รับเลี้ยงตลอดชีพ”..

“ตาบ้า..ใจอกุศล”..

งืมๆ..เราอยากรับเลี้ยงเธอจนตลอดชีพจริงๆนะ..ยัยตัวร้าย..


“เอ่อ..พี่พันคะ..ถ้าหากว่า..ในระหว่างที่ตาบ้านี่ขับรถอยู่..

แล้วดาวเกิดชวนคุยจนได้รับอุบัติเหตุเล่าคะ..

ใครจะเป็นผู้รับผลของกรรมอะไรบ้าง”..

“อืม..ตรงนี้ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับน้องดาว..

ว่าตอนที่น้องดาวชวนคุยนั้นมีเจตนาอย่างไร”..

“เจตนา..หมายถึงความคิดใช่ไหมคะ”..

“ใช่ครับ..กรรมจะให้ผลมากหรือน้อยก็อยู่ที่ความคิด”..

“อย่างไรหรือคะ”..

“ถ้าในขณะที่เราทำกรรม..

เรามีความคิดว่าคนๆนี้..จะต้องได้รับผลของการกระทำของเรา..

แล้วเขาได้รับผลนั้นของการกระทำนั้นจริง..

ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมไม่ดีก็ตาม..กรรมนั้นก็จะให้ผลมาก..

แต่ถ้าหากว่าไม่มีความคิดอย่างนั้น..ทำไปโดยความพลั้งเผลอ..

กรรมก็ยังมีอยู่นั่นเอง..เพียงแต่น้อยกว่าเท่านั้น”..

“คืออย่างไรคะ”..

“น้องดาวเคยไปถวายของที่วัดหรือเปล่าครับ”..

“เคยค่ะ..ถ้าว่าง..แม่จะพาไปบุญทุกวันพระ”..

“ก่อนจะถวายของน้องดาวทำอย่างไรก่อนครับ”..

“พระท่านจะให้ศีลก่อนค่ะ..ดาวก็รับศีล”..

“ทำไมพระท่านถึงทำอย่างนั้นน้องดาวเคยคิดไหมครับ”..

“ไม่เคยค่ะ..แต่ถ้าให้ดาวคิดตอนนี้..

คงเป็นเพราะท่านต้องการทำให้ใจของเราเป็นกุศล”..

“ใช่ครับ..อย่างที่ผมพูดตั้งแต่ต้นว่า..

คนเราจะพูดอะไรก็ตาม..จะทำอะไรก็ตาม..

ความคิดของตัวเองเท่านั้นที่เป็นใหญ่..

เพราะว่าเราจะทำ..จะพูดตามความคิด..

ถ้าคิดดีการกระทำก็ดี..คำพูดก็ดี..

ถ้าคิดไม่ดี..การกระทำและคำพูดก็จะไม่ดีตามไปด้วย..

ที่พระท่านให้ศีลก่อน..

ก็เพราะต้องการชำระใจที่ไม่ดีให้หมดไปและทำใจให้เป็นกุศล..

เมื่อใจของเราเป็นใจดีเป็นใจประกอบด้วยกุศลแล้ว..

ผลของทานที่เราถวายก็จะให้ผลที่มาก”..

“ค่ะ..ดาวเข้าใจแล้ว”..

“งืมๆ..ชั้นก็เข้าใจเหมือนกันอ่ะ”..

เราเข้าใจจริงๆนะ..ยัยตัวร้าย..


เฮ้อ..หลังจากที่พล่ามไปหลายหน้า..

ในที่สุด..การไปจ่ายกับข้าวมื้อเย็นก็เสร็จสิ้นลงอย่างปลอดภัย..

เพราะว่า..พวกเราได้กลับมาถึงบ้านของยายตัวร้ายจนได้..

เมื่อเรากลับมาถึงบ้านของยายตัวร้ายก็ไม่เจอลุงโชติ..

พอถามป้าสายถึงได้รู้ว่าลุงแกเข้าไปรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน..

เจ้าพันก็เตร่ไปหลังบ้านทันที..

ส่วนเราน่ะเรอะ..มีที่หมายแล้วเหมือนกัน..

แต่ไม่ใช่หลังบ้านหรอกนา..ในบ้านเลยล่ะ..

ที่ไหนน่ะรึ..ก็ที่ครัวไง..

ก็เราอยากคุยกับยายตัวร้ายน่ะสิ..

ภาพที่ยายตัวร้ายซื้อผักของป้าคนนั้นยังจำติดตาอ่ะ..

แต่ปรากฏว่าโดนไล่ออกมาเสียนี่..

แหมๆ..ยายตัวร้ายนี่ไม่ให้ความร่วมมือเลยนิ..

เราก็เลยต้องเตร่ไปหลังบ้านบ้าง..

เมื่อเดินไปถึงก็เห็นลุงโชติกับเจ้าพันคุยกันถึงเรื่องต้นไม้..

เราก็เลยกลายเป็นผู้รับฟังที่ดี..

แหะๆ..ก็เราไม่มีความรู้เรื่องต้นไม้เลยนี่นา..

ขืนไปคุยเข้า..เดี๋ยวจะกลายเป็นปล่อยไก่ตัวโตๆไปสิ..

เป็นผู้รับฟังนี่แหล่ะ..ไม่เปลืองตัวดี..

หลังจากที่มึนจากการฟังเขาคุยกัน..

เออ..ใกล้จะมืดแล้วสิ..ป่านนี้ยายตัวร้ายทำกับข้าวเสร็จหรือยังนะ..

ต้องย่องๆไปดูเสียหน่อย..

“อ้าว..จะไปไหนหรือเจ้านุ”..

โห..อุตส่าห์ว่าจะย่องแล้วนา..เจ้าพันกลับเห็นได้..

“อืม..จะไปดูยายดาวหน่อยว่าทำกับข้าวเสร็จหรือยัง”..

“คุณนุถ้าจะหิวแล้วสิครับ”..

“เปล่าหรอกครับคุณลุง..ผมจะไปดูเผื่อจะมีอะไรให้ช่วยบ้างครับ”..

เฮ้อ..ถึงตอนนี้ไม่ต้องย่องแล้วสิเรา..เดินเข้าไปอย่างนี้แหล่ะ..

“ยายบ๊อง..เสร็จหรือยัง”..

“ยังสิ..นายหิวแล้วรึ”..

“เปล่า..เราแค่มาดูว่ามีอะไรจะให้ช่วยบ้างไหม”..

“งั้น..นายช่วยยกข้าวไปให้แม่ชั้นหน่อยสิ”..

“อืม..เดี๋ยวเราช่วยยกไปให้เอง”..

“เอาแก้วน้ำกับน้ำไปด้วยนะ..

เสร็จแล้วก็ไปบอกพ่อชั้นให้มาอาบน้ำ..เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน”..

“อืม..เดี๋ยวเรามาช่วยยกนะ”..

คอยก่อนนะ..ยัยตัวร้าย..


หลังจากที่ทุกคนได้อิ่มหนำด้วยฝีมือยายตัวร้ายแล้ว..

เจ้าพันกับลุงโชติก็ไปนั่งคุยกันต่อ..

ส่วนเรารึ..ก็ในครัวไง..ต้องไปช่วยยายตัวร้ายล้างชามก่อน..

ที่แรกยายตัวร้ายไม่ยอมหรอกนะ..แต่เราบอกว่ามีเรื่องจะถาม..

เค้าถึงยอม..ก็ภาพของป้าคนขายของยังจำติดตานี่นา..

แล้วเรามันเป็นคนเก็บความสงสัยไม่เป็นเสียด้วยสิ..

ถ้าไม่ทำให้กระจ่าง..รับรองว่าคืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆสิ..มันคาใจอ่ะ..

“นี่ยายบ๊อง..เมื่อเย็นเธอซื้อของร้านสุดท้าย..

เราไม่เห็นเธอต่อราคาเลย..เธอรู้จักเขารึ”..

“อืม..รู้จักสิ..ป้าสีแกเคยทำงานร่วมกับพ่อชั้น”..

“เธอรู้จักเขามานานแล้วรึ”..

“นานแล้ว..ตั้งแต่ชั้นยังเป็นเด็ก..ชั้นก็เห็นแกทำงานอยู่กับพ่อชั้นแล้ว..

พ่อบอกว่าตอนที่พ่อมาทำงานใหม่ๆ..ป้าสีแกก็ทำงานอยู่ก่อนแล้ว”..

“อืมๆ..งั้นแกก็คงทำมานานมากเลยเนอะ..คงจะรุ่นแรกแย้มบริษัทมั๊งนี่”..

“ตาบ้า..พูดภาษาอะไร..ชั้นไม่เห็นเข้าใจ”..

“ก็รุ่นบุกเบิกบริษัทไง..โธ่..ทำเป็นโง่”..

“ฮึ..ตาบ้า..สี่เขี้ยวเมื่อคืน..ยังไม่เข็ดอีกรึ”..

“เออ..นั่นสิ..เราลืมไป..ดีกันนะ..บ้านป้าแกอยู่ที่ไหนรึ”..

“อยู่ใกล้ตลาดนั่นแหล่ะ..เดินสักเดี๋ยวเดียวก็ถึงบ้านแกแล้ว”..

“บ้านแกอยู่กันกี่คนรึ..ทำไมต้องให้แกมานั่งขายของด้วยล่ะ..

ลูกหลานไม่มีเลยหรือ”..

“ตอนนี้แกอยู่คนเดียว..สามีแกตายไปแล้ว..

ลูกแกมีครอบครัวกันไปหมดแล้วสิ”..

“อ้าว..แล้วทำไมแกไม่ไปอยู่กับลูกๆของแกล่ะ”..

“ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ..ลูกๆของแกก็อยากให้ไปอยู่แต่แกไม่ยอมไปเอง”..

“อืม..น่าสงสารแกเนอะ..แก่แล้วยังต้องลำบากอีก”..

“นั่นสิ..แต่ลูกๆแกก็ส่งเงินมาให้ใช้บ่อยๆนะ..

ป้าแกคงไม่อยากอยู่เฉยๆมั๊ง..ถึงต้องออกไปขายของ”..

“นั่นสิ..ผักนั่นแกปลูกเองรึ”..

“ใช่..ชั้นเคยแวะไปที่บ้านแกมา..เห็นแกปลูกเอง..

ชั้นถึงไม่กลัวว่าจะมีสารปนเปื้อนไง..เวลาจะเลือกของจำพวกผัก..

เราก็เลือกดูที่มีรอยแมลงกัดกินเล็กน้อย..

เพราะว่าแมลงมันกินได้..คนก็กินได้เหมือนกัน”..

“เออ..นั่นสิเนอะ”..

“แต่ชั้นก็ยังไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะ..

ชั้นถึงต้องเตรียมด่างทับทิมติดบ้านไว้ด้วย..เอาไว้ล้างผักหรือผลไม้”..

“ด่างทับทิมมันช่วยได้รึ”..

“ช่วยได้สิ..ถึงแม้จะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์..แต่มันก็ช่วยได้เยอะเลย”..

“งืมๆ..เราเพิ่งรู้นะว่าด่างทับทิมมันช่วยล้างสารพิษได้”..

“อ้าว..พวกนายไม่เคยใช้เลยรึ”..

“ไม่เคยอ่ะ..เพราะว่าที่ทำงานเค้ามีแม่ครัวทำให้กิน..

แต่ถ้าเราออกไปข้างนอก..เราก็ซื้อกิน..ไม่เคยทำกับข้าวเองเลยสิ”..

“อืม..นายโชคดีเนอะ..ที่มีคนทำให้กิน”..

“ไม่หรอกนา..

เพราะว่าถ้าเราออกจากงานที่ทำแล้วเราจะทำกับข้าวอะไรกิน..

เราทำไม่เป็นสักอย่าง..นอกจากไข่กับมาม่า”..

นี่เป็นอาหารหลักของเรา..หลังจากเรื่องใหญ่ครั้งที่สองนะ..ยัยตัวร้าย..


“ตอนที่เราเห็นป้าแก..ทำให้เรานึกถึงอนาคตของตัวเอง”..

“นึกว่าไงรึ”..

“ก็นึกว่าพอเราแก่ตัวไป..เราจะต้องลำบากเหมือนป้าแกหรือเปล่าน่ะ”..

“อ้อ..นายเริ่มมีความคิดแล้วนี่”..

“ฮูย..ยายบ๊อง..เรามีความคิดมาตั้งนานแล้วนา..แต่มันคิดคนละอย่างสิ”..

“นายมีความคิดว่ายังไง”..

“หมายถึงตอนไหนรึ”..

“ก็ที่นายบอกว่านายมีความคิดตั้งนานน่ะ..นายมีความคิดยังไงรึ”..

“ก็เราคิดแค่ว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้วสิ”..

“อ้อ..นายไม่เคยคิดถึงอนาคต”..

“ใช่อ่ะ..เราไม่เคยคิดถึงอนาคตเลยว่าในวันข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร”..

“อืม..งั้นนายก็เริ่มคิดได้แล้ว..ถ้านายคิดแค่ทำปัจจุบันอย่างเดียว..

มันก็ไม่ถูก..นายจะต้องคิดถึงอนาคตด้วย”..

“นั่นสิเนอะ”..

“แล้วที่ชั้นบอกให้ชวนพี่พันกับพี่นะไปเรียนต่อล่ะ..นายชวนหรือยัง”..

“เจ้านะยังไม่กลับสิ..แต่เราชวนเจ้าพันแล้วล่ะ”..

“พี่พันว่ายังไงบ้างล่ะ”..

“ก็..ตกลงน่ะ..แต่ว่าต้องรอเปิดเทอมหน้า”..

“อืม..นี่แหล่ะ..เป็นการวางแผนชีวิตไว้เพื่ออนาคตล่ะ”..

“งืมๆ..ตอนนี้..เราจะวางแผนเพื่ออนาคตสักอย่างหนึ่งอ่ะ”..

“แผนอะไรของนาย”..

“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันลอยกระทงแล้ว..เราเลยจะชวนเธอไปเที่ยวอ่ะ”..

“ตาบ้า..นี่รึแผนอนาคตของนาย”..

“อืม..ใช่สิ..หรือเธอคิดว่าวันลอยกระทงไม่ใช่วันในอนาคต”..

“มันก็ใช่..แต่ว่า..มันจะมีประโยชน์อะไรสำหรับอนาคต..

ชั้นยังไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรเลย”..

“มีสิ..วันนั้นน่ะ..เราคิดว่าเจ้านะต้องชวนน้องนัทมาแน่ๆ..

เธอจะได้รู้จักน้องนัทด้วยไง..แล้วเธอยังจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นด้วยนา”..

“อ้อ..นายคิดจะชวนชั้นไปเป็นเพื่อนคนชื่อนัทรึ”..

“ใช่อ่ะ..เพราะถ้าไม่มีผู้หญิงไปด้วย..

ทางบ้านน้องนัทเค้าคงไม่ให้มาหรอก”..

“อืม..จะไปกันกี่คนรึ”..

“เรายังไม่รู้เลย..ต้องรอถามกันก่อน”..

“แล้วนายคิดจะไปเที่ยวที่ไหน”..

“ที่วัดหลวงพ่อโสธรไง..อยู่ไม่ไกลเอง”..

“อืม..ชั้นยังไม่รับปากหรอกนะ..ไม่รู้ว่าพ่อแม่ชั้นจะให้ไปหรือเปล่า”..

“เราไปกันกลางวันสิ..จะกลับกันตอนค่ำๆหน่อย..

เพราะเจ้านะต้องไปส่งน้องนัท..กลับดึกไม่ได้”..

“อืม..งั้นรอให้ชั้นขอพ่อกับแม่ก่อนนะ..ค่อยให้คำตอบ”..

“ได้สิ..ใกล้ๆแล้วเราจะมาถามเธออีกครั้งหนึ่ง”..


เราอยากไปเที่ยวกับเธอนะ..ยัยตัวร้าย..



ขอขอบคุณเฉดสีอักษรสวยๆจากบล๊อกคุณป้ามดด้วยนะขอรับ


ปล. ยายตัวร้าย..เรื่องนี้เราเขียนให้เธอนะ..

ถ้าพลัดหลงเข้ามาอ่าน..ก็คอมเม้นบอกด้วยนา..

เรายังคิดถึงเสมอ..เพื่อนรักต่างเพศ..

บรรยายโดย...ปีศาจน้อยจอมซน..



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 20:33:52 น. 0 comments
Counter : 587 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คืนฝันปีศาจน้อย
Location :
สมุทรสาคร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




web stats
free counters
Friends' blogs
[Add คืนฝันปีศาจน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.