ทริปอีสาน 2 คน 3 วัน 7 จังหวัด 15 สถานที่ 1700 กิโล กับ 1 แสนรอยยิ้ม
ไม่ได้เขียนบล็อคเสียนานมาก วันนี้ถือโอกาสมาชวนไปเที่ยว ไปกันเลยครับ
ก่อนจะออกเดินทาง มีแต่ข่าวน้ำท่วม จนแทบจะไม่แน่ใจว่าการเดินทางจะเป็นอย่างไร แต่ก็ศึกษาเส้นทางจาก ที่นี่ครับ //maintenance.doh.go.th/ems/ ซึ่งได้ประโยชน์มากทีเดียว ใครจะเดินทางลองเข้าไปดูครับ ทั้ง CCTV ทั้งข้อมูลภัยพิบัติ ข้อมูลการก่อสร้างทาง นำมาเปรียบเทียบกับเส้นทางที่วางแผนไว้ เปรียบเทียบแล้ว ปลอดโปร่งตลอดเส้นทางครับ ลองดูแผนที่เส้นทางประกอบครับ
เป้าหมายของทริปนี้ตามมี กำหนดไว้คร่าวๆ ดังนี้ คือ ทุ่งกังหันลม มอหินขาว น้ำตกตาดโตน โฮงมูนมัง วัดหนองแวง ตลาดต้นตาล พิพิธภัณฑ์สิรินธร วัดพระมหาธาตุเจดีย์ชัยมงคล วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ฯลฯ
ออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเย็นตรงไปพักที่ โรงแรมที่ อยู่ที่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นจุดแวะพักก่อนเดินทางต่อ ในวันรุ่งขึ้น เพื่อเฉลี่ยการขับรถในแต่ละวัน ไม่ต้องอยู่ในรถนานเกินไปจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เดินทางไปทุ่งกังหันลมที่ ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ระหว่างทางหาอะไรเติมพลังกันก่อน เจอร้านกาแฟร้านนี้ แวะเข้าไปก่อนแต่ว่ามาไปเช้าเกินไปร้านยังไม่เปิด เราก็ได้แค่แวะถ่ายรูปแล้วเดินทางไปต่อ
มาเรื่อยๆ พักเดียวก็มาถึงทุ่งกังหันลม
มีกังหันลม 90 ต้น ไม่ได้นับหรอกครับ หาข้อมูลต่างๆตาม สุภาษิตสอนใจยุคนี้คือ รู้อะไรไม่สู้ รู้จักกูเกิ้ล
แต่ละต้นสูง 99.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของใบพัด 101 เมตร ลองเทียบขนาดกับ ท่านผู้บังคับ และบัญชาดู
ออกจากทุ่งกังหันลมไปต่อกันที่มอหินขาว
กลุ่มหินชุดแรก คือ เสาหิน 5 ต้น ถนนราดยางไปจนถึงกลุ่มหินเลย
มอหินขาว ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่มีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน กลุ่มเสาหิน 5 ต้น เป็นหินที่มีความสูง ประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ นับเป็น เสา ไฮไลต์ของการมาเที่ยวมอหินขาว
เทียบขนาดกันซะหน่อย
หลังชื่นชมกับมอหินขาวแล้วเราก็ย้อนผ่านกลับมาที่น้ำตกตาดโตน เนื่องจากมอหินขาวจะเป็นทุ่งโล่ง ส่วนน้ำตกตาดโตนจะร่มรื่นกว่า เลยคิดว่าช่วงเวลาที่เช้ากว่าไปที่มอหินขาว เพื่อไม่ให้ร้อนเกินไปแต่วันที่ไปไม่มีที่ไหนร้อนเลยครับ อากาศสบายมากทั้งทริป
น้ำตกตาดโตน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ เป็นน้ำตกที่สวยงามมีน้ำไหลตลอดปี ด้านบนเป็นธารน้ำไหลผ่านลานหินสองฝั่งธารร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้านบนน้ำตกมีสภาพเป็นลานหินกว้างประมาณ 50 เมตร และยาวไปตาม ลำน้ำ ประมาณ 300 เมตร ทำให้น้ำไหลลาดมาตามลานหิน และไหลลงมาตก ที่หน้าผาเป็นน้ำตกตาดโตนที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร และกว้าง 50 เมตร ในฤดูฝน
ออกจากน้ำตกตาดโตนแล้วเดินทางต่อมาที่จังหวัดขอนแก่น ใช้เวลาที่เหลือของวันซิตี้ทัวร์เมืองขอนแก่น ตระเวณขับรถวนรอบบึงแก่นนครชมทัศนียภาพรอบบึง แล้วไปต่อที่ โฮงมูนมัง
โฮงมูนมัง เป็นที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของเมืองขอนแก่นไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวขอนแก่น ตั้งแต่อดีตเมื่อครั้งผู้คนอพยพมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเมืองขอนแก่น
"โฮง" หมายถึง โรง ห้องโถง หรือหอที่มีขนาดกว้างใหญ่ "มูนมัง" หมายถึง ทรัพย์สมบัติ, มรดก จึงมีความหมายรวมกันว่า ห้องที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติ ข้าวของ ที่สื่อ ถึงความเป็นมาและเรื่องราวของเมืองขอนแก่น ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวขอนแก่น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดนิทรรศการ แบ่งออกเป็น 5 โซน คือ แนะนำเมืองขอนแก่น, ประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น และวัฒนธรรมโบราณ, การตั้งเมือง, บ้านเมืองและวิถีชีวิตของชาวขอนแก่น และขอนแก่นวันนี้
ด้วยระยะทางอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จากโฮงมูนมังเราก็มาถึง พระมหาธาตุแก่นนคร (พระธาตุ 9 ชั้น) วัดหนองแวง ซึ่งถ้าใครเอาชื่อวัดหนองแวงไปหาพิกัดใน กูเกิ้ล อาจคลาดเคลื่อนนะครับ โชคดีว่าตอนขับรถวนรอบบึงแก่นนคร ผ่านวัด เมื่อพิกัดที่ได้มาผิด ก็เลยยังคงมาถูก
วัดหนองแวง (พระมหาธาตุแก่นนคร) ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัด ขอนแก่น
ภายในวัดหนองแวงเมืองเก่าซึ่งเป็นพระอารามหลวง มีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้นฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสานตากแห
ก่อนเดินทางไม่กี่วัน ดูรายการทีวีมีอยู่รายการนึง พาเที่ยวตลาดต้นตาลที่ขอนแก่น ได้การละ อยู่ในเส้นทางพอดี ไปตลาดต้นตาลกันครับ
ตลาดต้นตาล (Ton Tann Green Market ) ตั้งอยู่ในตัวเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีสโลแกนของตลาดด้วย ว่า ตลาดต้นตาล ตลาดฝันของคนมีไอเดีย
สโลแกนคงมาจากความตั้งใจของเจ้าของโครงการที่จะให้เป็นศูนย์รวม ชิ้นงานศิลปะ ของสะสม สิ่งประดิษฐ์ หรือของที่คนชื่นชอบ คอเดียวกัน กลุ่มเล่านิทาน กลุ่มละคร กลุ่มเต้นรำ กลุ่มถ่ายภาพ กลุ่มนักแสดงเปิดหมวก กลุ่มรถคลาสสิค บิ๊กไบค์ ฯลฯ มาโชว์ มาอวด แลกเปลี่ยนผลงานแบบคนใจเดียวกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางไปต่อที่กาฬสินธุ์ เพื่อไปที่ พิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือ (พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูกุ้มข้าว) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยา ที่มีการจัดแสดงซากกระดูกไดโนเสาร์ และแสดงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในมุมมองต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ การอนุรักษ์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่างๆ
ซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ที่ภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พบโดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ในปีพ.ศ. 2537 และได้เริ่มทำการขุดค้นอย่างเป็นระบบ โดยคณะสำรวจไดโนเสาร์จากกรมทรัพยากรธรณี ตั้งแต่ปลายปีพ.ศ. 2537
ภูกุ้มข้าว เป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย โดยพบกระดูกไดโนเสาร์เกือบทั้งตัว กองรวมอยู่กับกระดูกไดโนเสาร์กินพืชอีกชนิดหนึ่ง กระดูกทั้งหมดอยู่ในชั้นหินที่วางตัวอยู่บนไหล่เขาของภูกุ้มข้าวซึ่งมี รูปร่างคล้ายลอมฟาง มีความสูงประมาณ 240 เมตร ปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีได้ขุดค้นซากไดโนเสาร์พบกระดูกมากกว่า 700 ชิ้น เป็นกลุ่มของกระดูกส่วนขา สะโพก ซี่โครง คอ และหางของไดโนเสาร์กินพืชไม่น้อยกว่า 7 ตัว นอกจากนี้ยังพบฟันของไดโนเสาร์ทั้งกินพืช และกินเนื้ออีกอย่างละ 2 ชนิด
หลังเยี่ยมชมครบทุกโซนของ พิพิธภัณ์สิรินธรแล้ว เดินทางออกจากกาฬสินธุ์ ไปยังอำเภอหนองพอก จังหวัด ร้อยเอ็ด เพื่อมานมัสการ วัดพระมหาธาตุเจดีย์ชัยมงคล
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย พระอาจารย์ศรี มหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
พระมหาเจดีย์ชัยมงคลออกแบบโดยกรมศิลปากร เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศสร้าง ในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม
ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์
งดงามตระการตาด้วยศรัทธาของสาธุชน
แต่ละชั้นล้วนงดงามและแตกต่าง
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลายไทยวิจิตรพิสดาร ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์ ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสม ถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรี เคยบำเพ็ญธรรมมา ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
บันไดเวียน 119 ขั้น ถ้าอย่างนั้น ขอกราบนมัสการที่ชั้น 4 นี้เลยนะครับ วันนี้เส้นทางยังอีกยาวไกล
ยังคงอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด แต่เดินทางมาต่อที่อำเภอ ศรีสมเด็จ มาที่วัดประชาคมวนารามหรือว่าวัดป่ากุง
แรงบัดดาลใจจาก บรมพุทโธ มรดกโลกที่อินโดนีเซีย ทำให้หลวงปู่ศรี ได้สร้าง แบบจำลองความยิ่งใหญ่นี้ ไว้ที่วัดป่ากุง ร้อยเอ็ด จำลองแบบจากเจดีย์บูโรพุธโท(บรมพุทโธ) ที่เกาะชวา อินโดนีเซีย
สร้าง ด้วยแรงศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เสียสละกำลังกายกำลังทรัพย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัครสมานสามัคคี เทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติปฏิบัติ และทำงานแข่งกับเวลาให้สำเร็จเสร็จลงภายใน 2 ปี เริ่มก่อสร้าง 30 มกราคม พ.ศ. 2547
ทำงานกันทั้งกลางวันกลางคืน และจัดให้มีพิธีสมโภชไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 40 ล้านบาท
สร้างเป็นเจดีย์รูปทรงแปดเหลี่ยม กว้าง 101 เมตร ยาว101 เมตร(จากข้อมูลความ กว้างxยาว เหมือนกันกับ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล คงทำตามชื่อจังหวัด) สูง109 เมตร แบ่งเป็น7 ชั้น ตบแต่งด้วยหินทรายธรรมชาติ จากปากช่อง นครราชสีมา
สงสัยจะเริ่มเหนื่อย ท่านผู้บังคับและบัญชา ไม่ยอมเดินขึ้นมา ได้แต่ถ่ายรูปกลับลงไป
วันนี้สถานที่ท่องเที่ยวหมดลง แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุด จุดหมายของวันนี้อยู่ที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเข้าสู่ที่พัก เอาแรงไว้เตรียมเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น ได้เวลาออกไปตามรอยละครสาบพะเพ็งแล้ว หลังอิ่มท้องเราก็เดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร
ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ 200 เมตรจากพื้นราบ (ประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) คำว่า พนมรุ้ง นั้น มาจากภาษาเขมร คำว่า พนมรุ้ง แปลว่า ภูเขาใหญ่
ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
เทวสถานแห่งนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18
ชื่นชมความงดงามจากศรัทธาของบรรพชนในอดีตแล้ว ได้เวลาไปอีกปราสาทหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างกัน คือ ปราสาทเมืองต่ำ
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยคำว่า เมืองต่ำ นี้ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิม แต่เป็นชื่อที่ชาวพื้นเมืองเรียกโบราณสถานแห่งนี้ เพราะปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้ง
ปราสาทเมืองต่ำสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในศิลปะปาปวนตอนต้น และลดความสำคัญลงไปในราวพุทธศตวรรษที่ 18 และถูกทิ้งร้างในที่สุด จนเมื่อราวปี พ.ศ. 2490 จึงเริ่มมีการอพยพเข้ามาของชาวบ้าน มาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้อีกครั้งหนึ่ง

สถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งใจไป ก็ไปจนครบมีบางสถานที่ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวร้านอาหารที่เข้าไปกินส่วนใหญ่จะหาจากอากู๋ และรีวิวจาก Pantip ร้านที่เข้าไปกินวันแรกหลังเดินทางถึงชัยบาดาลลพบุรี ในคืนวันแรก คือ 1. ครัวลุงเบิ้ม อยู่ตรงหน้าทางเข้า โรงแรมนารายณ์แกรนด์เลยครับ 2. เช้าวันที่เที่ยววันแรก ตามรอย ชายกาง แห่งห้องก้นครัว ไปที่กลิ่นโภชนา เติมพลังด้วย ข้าวหมูกรอบ และต้มเลือหมู 3. มื้อกลางวัน กินขนมนมเนยบนรถจนอิ่มไม่ได้กินที่ไหน 4. เย็น ฝากท้องไว้ที่ตลาดต้นตาล เดินกินไปเรื่อยเปื่อย 5. เช้าวันเที่ยววันที่ 2 กินอาหารเช้าในโรงแรมบุษราคัม 6. มื้อกลางวัน มาถึงถิ่นอีสานทั้งที แวะกิน ไก่ย่างส้มตำ ก่อนทางขึ้นไปยัง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ขออภัยที่จำชื่อร้านไม่ได้ แต่ร้านนี้ระหว่างกินอยู่มีทัวร์มาลงด้วย โชคดีที่มาก่อนทัวร์นิดนึง 7. เย็นกินร้านอาหารของโรงแรมเดอะพาร์ค บรรยากาศข้างหนองน้ำหนองตากล่ำ (แต่ว่าตอนไปมืดสนิทแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย) 8. เช้าวันเที่ยววันที่ 2 แวะไปเดินเที่ยวตลาดในอำเภอนางรอง ซื้อของกินเล่น แล้วไปร้านขึ้นชื่อของอำเภอนางรอง ลักษณาขาหมู ร้านนี้ก็ตามรอยชายกางจากห้องก้นครัวเช่นกัน ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หลังเที่ยวปราสาทหินเสร็จแล้ว ก็ขับยาวรวดเดียวกลับมากรุงเทพ มีแวะซื้อของฝาก จากไร่ข้าวโพดสุวรรณที่เดียว
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ
Create Date : 21 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2556 11:28:05 น. |
|
34 comments
|
Counter : 21922 Pageviews. |
 |
|
พระธาตุขามแก่นยังไม่เคย เห็นแล้วอึ้ง สวยจริง โดยเฉพาะที่อึ้งสุดคงจะเป็นมหาเจดีย์ชัยมงคล เรียกว่าตะลึงไปเลยครับ