Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

โศลกธรรม

สืบเนื่องมาแต่ มีญาติธรรมที่ศรัทธาพ่อท่านฯ อยากจะได้รูปของท่าน
เอาไว้เตือนสติให้พากเพียรต่อสู้ ทำแต่ความดี
ท่างฝ่ายธรรมภาพ ก็ช่วยเป็นธุระจัดการ อัดรูป ขยายให้
และไหนๆ ก็อัดมาแล้ว ก็เลยถือโอกาสให้พ่อท่านฯ
เขียนคาถาหรือคำสั่งสอนเตือนสติลงไปด้วย
จากวันนั้นถึงวันนี้ บรรดาคำเตือนสติต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นกรรมฐาน
เฉพาะเจ้าของภาพโดยตรง
ส่วนหนึ่งก็เป็นกรรมฐานของพระคุณเจ้าและสิกขมาต
และอีกส่วนหนึ่ง ก็เป็นคำเตือนสติทั่วไป ก็ได้รวบรวมเก็บไว้
จนญาติธรรมกลุ่มหนึ่งเกิดความคิดที่จะให้ "โศลก" ต่างๆ เหล่านี้
กระจายไปสู่ญาติธรรมอื่นๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เสพย์.

หนังสือ "โศลก" จึงได้เกิดขึ้นมาด้วยประการฉะนี้

หากจะเป็นผลไม้ ก็คงจะเป็นผลไม้ที่มีรสเข้มข้น เด็ดขาด
พึงโยนิโสมนสิการในแต่ละโศลก ที่มีแต่อัตถะสาระแน่นเปรี๊ยะได้
ณ บัดนี้

จากพวกเรา ญาติธรรม

(เขารวบรวมไว้สองร้อยบท ผม คัดที่น่าสนใจ มาทยอยลง)

2. ผู้จะก้าวออกจากกรอบแห่ง "โลก" ได้นั้น ต้องเอาจริง!
(๕ ธ.ค.๒๕๑๘)

5. จิตที่วางได้ดีแล้วนั้นจะเป็นเครื่องใช้ของเรา "สำหรับเราเท่านั้น
และ จิตที่รู้สมมุติในโลกกับเขา แล้วหาทาง ช่วยเขาด้วยนั้น
จะเป็นความประเสริฐ ที่โลกต้องมี ต้องได้ เป็นคุณค่าสำหรับเราด้วย" สำหรับโลกด้วย
(30 ม..ค. 2519)

6. บิณฑบาต นั้น คือ งานแสดงธรรมโปรดสัตว์ของนักบวชผู้มีคุณธรรมที่แท้จริง
คนผู้ได้พบได้รับ "ธรรม" จะเกิดผลในจิตจริงๆ สอบดูรู้ได้ เป็นความเจริญ ความประเสริฐ
ธรรมนั้นคือ มี ศรัทธา- ปัญญา-ปิติ ที่สำคัญคือ ลดความโลภ และลดความโกรธ ลงไปอย่างแท้
มิใช่คนผู้พบนักบวช ตักบาตรกับนักบวช แล้วจะได้ความโลภใส่ใจเพิ่ม
ได้ความพยาบาทผูกพันขึ้นอีก เพิ่มมาเป็นอันขาด
(22 พ.ค. 2519)

7. คนผู้ตักบาตรเป็นนิจ นั่นคือ ผู้ประพฤติธรรมแล้ว แต่จะได้ผลเป็น "บุญ" หรือไม่?
ก็ขึ้นอยู่กับการทำจิตอย่างไร? ในตอนตักบาตรนั้นเท่านั้น!
ถ้าตั้งจิตขอนั่นขอนี่ในการตักบาตร นั่นคือผู้ตักบาตรนั้นยิ่งขอยิ่งไม่ได้ "บุญ"
ยิ่งอธิษฐานขอเอาโน่นเอานี่มากเท่าใดๆ ก็ยิ่งไร้ผล "บุญ" ยิ่งเท่านั้นๆ
ผู้ตักบาตรด้วยศรัทธาที่พร้อมด้วยปัญญาแท้ โดยไม่ต้อง "ขอ" อะไรเลย
และพยายามตั้งจิตให้อยู่ในสภาพจิตสะอาดอย่าให้มีโลภะ-โทสะ-โมหะ ใดๆ
ให้ได้อย่างละเอียดผุดผ่องทุกทีๆ นั่นแลคือผู้ได้ผล "บุญ" มากทุกครั้งเพราะ
ทำ "อธิษฐาน" ถูกภาษา ถูกสัจธรรมเป็น "สัมมาอริยมรรค"
(22 พ.ค. 2519)

8. ผู้กินอย่างฉลาด คือ ผู้รู้จักกินธาตุแท้ๆ ที่พอแค่เลี้ยงกายเท่านั้น มิใช่หลงรูปของกิน
หลงติดรสของกิน หลงกลิ่นของกิน และหลงความอัครฐานของของกิน
ผู้ฉลาดและ "ทำได้" แท้จริงแล้วจะเป็นสวรรค์พิสุทธิ์ ที่ไม่ใช่สวรรค์ลวงได้เองกับตน แท้จริง
(22 พ.ค. 2519)

9. "นิพพาน" นั้น ไม่ใช่คนเก่ง แต่ "นิพพาน" นั้นคือ ผล ของคนผู้มีปัญญา รู้จัก "เจโตวิมุติ"
และทำ "เจโตวิมุติ" นั้นๆ ให้กับตนเองได้สำเร็จ จนไม่กลับกำเริบ อย่างสัมมาทิฏฐิแท้จริง
(22 พ.ค. 2519)

10. ศรัทธา แม้จะมีมาก มีแรง แถมวิริยะดีจัดปานใดก็ตาม แต่ถ้าขาดสัมมาทิฏฐิเสีย ก็ไม่มีหวังพบกับนิพพาน
(22 พ.ค. 2519)

11. ผู้ปรารถนาจะได้ "ภาพ" อาตมาไว้นั้น จะต้องรู้ให้จริงว่า "ภาพ"ของอาตมาเป็นอย่างไร?
ประกอบพร้อมด้วยคุณสมบัติอย่างไร? (สภาพ, สภาวะ) ต้องรู้ ต้องอ่านให้ออกให้ลึกซื้ง
ทั้งนามธรรม ทั้งรูปธรรม
และต้องรู้ด้วยว่า (ส) "ภาพ" อย่างใด? ที่เราควรจะถ่ายทอดเอาไว้ให้ได้เร็วที่สุด
แนบเนียนที่สุดด้วย
นั้นแลคือ ผู้ได้ "ภาพ" ของอาตมา หาไม่คุณจะได้แต่แผ่นกระดาษที่มีสีกันเท่านั้น
(3 มิ.ย. 2519)

12. "ภาพ" นี้มันเป็นเพียงเส้น แสง เงา สี
แต่ "ความจริง" ที่คุณต้องการแท้ๆ นั้นไม่ใช่เพียง "ภาพ"
หรือแม้แต่ที่สุด "ความจริง" นั้นจะไม่ใช่ "มโนภาพ" เป็นอันขาด
ขอให้คุณพยายามเพื่อได้ "สภาพ" อันสมภาพให้ได้
(11 มิ.ย. 2519)

14. "ยอดความสุข" ประการแรกที่คนผู้ฉลาดแท้จะพึงได้เป็นอริยสมบัตินั้นคือ "เราไม่โกรธ"
(7 ต.ค. 2519)

15. "ความรู้" ของตนจะพาตนยิ่งใหญ่ได้ก็จริงที่สุด แต่
"ความไม่รู้" ในตน หลงตนว่าใหญ่ ว่ายิ่งจะเลวที่สุดและจริงที่สุดเสียอีก
(16 พ.ย. 2519)

16. ผู้ที่มี "การรับเอา" แต่ไม่มี "การให้" นั่นคือผู้ขาดทุน
เพราะเป็นผู้ทำจิตของตนให้เอียงไปสู่โลภะ
ส่วนผู้ที่มีแต่ "การให้" โดยมี "การรับเอา" น้อยได้เท่าใดๆ กลับยิ่งได้กำไรมากเท่านั้นๆ
เพราะเป็นผู้ทำจิตของตน ให้หมดโลภะ และเอียงเทเข้าสู่ความหมด ความจบหรือสุญญตา
(17 มี.ค.17)

17. ผู้ที่เห็นกิเลสของตน อยู่กับตนแท้ๆ ขณะใด
นั้นคือผู้เริ่มไม่มีกิเลสขั้นต้น… คือพ้น "โมหะ" แล้ว
จงอย่าให้กิเลสมันชนะเรา ทุกครั้งให้ได้
นั่นคือ เราเป็นผู้ไม่มีกิเลส แล้วโดยจริง ขั้นกลางคือ พ้น "โทสะ"
เมื่อทั้งรู้ ทั้งได้ทำดั่งนี้เสมอๆ ความดับสนิทแห่งกิเลส นั้นก็จะเป็นสมุจเฉทได้
เป็นขั้นสุดบริบูรณ์ นี้แหละ คือ พ้น "ราคะ" สนิทสูงสุด
(3 พ.ย. 2519)

18. หัดเสียสละ หรือให้ของที่เรารักแก่ผู้อื่นให้ได้เสมอๆ แต่อย่า "อยากได้" อะไรตอบแทน
นั่นคือ เรากำลังสะสม "นิพพาน" ให้แก่ตนเอง
(3 พ.ย. 2519)

19. ผู้รู้ว่าตนโกรธอยู่ที่ใด ก็ไม่สนุก ไม่อร่อย อยู่ที่นั้น
แต่ก็ไม่ทำตนให้หยุดเสียจากความโกรธนั้นๆ ผู้นั้นก็ยัง "โง่" แท้ๆ อยู่นั้นเอง
(3 พ.ย. 2519)

20. ผู้บรรลุธรรมได้นั้น มีหลักสำคัญอยู่ว่า "ต้องเอาจริง!"
(3 พ.ย. 2519)

21. ผู้ที่หลุดพ้นแล้ว ย่อมหลุดก่อน พ้นก่อนและย่อมนำหน้า
ผู้กำลังแจ้งใจนิพพาน ย่อมสว่างไสว ย่อมผุดผ่อง และโดดเด่นเป็นกลาง
ผู้ที่มีตาดี มีความเป็นอริยะเห็นและเลื่อมใส ในผู้นำหน้าแท้
เห็นและซาบซึ้งใจชัดในผู้เป็นกลางจริง ก็ย่อมจะตามอย่างกระชั้นชิดติดมาเป็นท้าย
ดังนี้เสมอแลคือ ศาสนาพุทธ
(11 พ.ย. 25 2519)

*22. การได้ "ให้" แก่ผู้อื่นเสมอ หรือผู้ได้ทำ "การเสียสละ"
นั้นก็เป็นคุณธรรมที่เลิศที่ยอดแล้ว สำหรับผู้ทำ
ยิ่งเราได้ให้หรือได้เสียสละด้วย "ปัญญา" ว่านี่สมควรหรือไม่สมควร
แล้วจึง "ให้" จึง "เสีย"! ก็ยิ่งเลิศ ยิ่งยอดยิ่ง
แลที่สุด เรา "ให้" ด้วยจิตสงบจิตเฉย "เสียสละ" ด้วยจิตเปล่า
ไม่ต้องการอะไรมาตอบแทน "ให้"โดยไม่มีจิตคิดแลกเอาอะไร
แม้แต่เพียงเผลอยึดเอาคุณธรรม ความดีนี้ไว้เพื่ออวดอ้าง ข่มกับผู้อื่นก็ไม่มี
ก็ยิ่งนั่นแหละคือ ยอดธรรมเลิศมนุษย์ สำหรับผู้ทำได้ เป็นได้
(11 พ.ย. 2519)

*23. สะอาด ผ่องใส โดดเด่น รุ่งแจ้ง สงบ สุดยอดแห่งความสุข
(11 พ.ย. 2519)

*24. ผู้เห็น "โลกธรรม" เป็นสิ่งน่าได้น่ามี น่าสะสมแสวงหา
ก็จะสำคัญมั่นหมาย เอาตายเอาเป็นอยู่กับ "โลกธรรม" สุข-ทุกข์อยู่กับ "โลกธรรม"
… ผู้เห็น "โลกุตรธรรม" แท้จริงเท่านั้นที่จะเลิก สุข-ทุกข์ กับ "โลกธรรม" ได้แท้จริง จริงๆ
(11 พ.ย. 2519)

*25. ผู้รู้ตัวว่ามี "ภาระ" แล้วรู้จักขีด "ขอบเขต" ของภาระไม่ให้โตใหญ่ หรือ
เพิ่มให้แรงขึ่นมาอีก และไม่หา "ภาระ"ใหม่มาให้ตนอย่างฉลาด
ก็มีวันจะสิ้น "ภาระ" ได้แน่นอน
(11 พ.ย. 2519)

26. "ผู้ที่ได้ตักบาตรกับพระอริยะเพียงหนึ่งครั้งนั้น
ได้บุญยิ่งกว่าผู้ตักบาตรกับพระที่ไม่ใช่อริยะร้อยครั้ง"
ดังนั้นการ "ตักบาตร" จึงควรใช้ "ปัญญา"
(30 พ.ย. 2519)

*28. ผู้รู้… เพียง "รู้" แม้จะรู้อย่างเก่งยอดปานใดก็ตาม
ถ้าตน "ทำ"ไม่ได้! "เป็น" ไม่ได้ตามนั้น!
ก็ยังไม่เชื่อว่า "เป็นผู้ข้ามได้แล้วถึงฝั่ง"
(30 พ.ย. 2519)

*30. ผู้สิ้นภาระแล้วจะเป็นอยู่กับสิ่งที่ตนเห็น
ด้วยอธิปัญญาว่าเหมาะควรอย่างไม่มีภาระสนิทใจแท้
เป็นสัมมากัมมันตะ เป็นสัมมาอาชีวะได้อย่างมีประโยชน์สูง - ประหยัดสุดจริงๆ
(19 ธ.ค. 2519)

31. การได้เห็น "พระอริยะ" แล้วอนุโมทนานั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีบุญยิ่งแล้ว
แต่จะดียิ่งกว่านั้นอีกถ้าเข้าหา "พระอริยะ" เรียนรู้ความเป็น "พระอริยะ"
แล้วทำตนให้เป็น "พระอริยะ" ให้ได้ด้วย
ก็ยิ่งเป็นบุญยิ่งๆ ขึ้นเป็นระดับๆ ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นๆ
(22 ธ.ค. 2519)

32. ผู้ "ฉลาดน้อย" (โง่) จะเห็น "ความงาม"
ได้เพียงสี เพียงรูป เพียงกลิ่น เพียงรสสัมผัสต่างๆ เท่านั้น
ผู้ "ฉลาดมากกว่า" (อริยะ) จะเจาะเห็น "ความงาม"
ที่เหนือชั้นหรือลึกซื้งได้ยิ่งกว่านั้น
(19 ธ.ค. 2519)

*33. "ความโกรธ" ไม่เคยทำให้ผู้โกรธเป็นสุขหรือเอร็ดอร่อยเลย
คนโง่เท่านั้นที่จะยังโกรธ
เหตุอันเลวแท้ที่ทำให้คนโกรธได้ง่ายที่สุดคือ "การเอาแต่ใจตัว"
ผู้ฉลาดแท้ (อริยะ) ย่อม "ไม่เห็นแก่ตัว" แม้ที่สุดไม่เห็นแก่ "ใจ"
(ที่ยึดซึ่งจะเอาแต่ตามที่ใจตัวเห็นดี) ของตัวเอง
(19 ธ.ค. 2519)

*34. "ชีวิต" คือ การเกิดมาเพื่อ "หัดกระทำ" ผู้กระทำดี ฝึกดี หัดดี ก็จะได้ดีไป
ผู้กระทำชั่ว ฝึกแต่ตามใจกิเลส หัดแต่สิ่งไปสู่ทางต่ำ
ก็จะได้แต่ชั่ว ได้แต่กิเลส ได้แต่ความต่ำไป
แม้ภายนอกของผู้นั้นจะมีเงินร่ำรวย จะมียศล้นฟ้า จะมีความงามสุดโลก
จะมีเสียงไพเราะสุดใจ หรือจะมียอดสมบัติใดๆ อีก อีกก็ตาม ที่
ถ้าไม่ใช่คุณสมบัติแห่งมโนธรรม ก็จะไม่ใช่
"ความดีแท้ สูงแท้" ที่ชีวิตเกิดมาเพื่อจะได้เลย
(20 ธ.ค. 2519)

*35. ลาภ-ยศ-สรรเสริญ และความรัก-ความต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ให้ได้สมใจเรา
เมื่อสมใจก็เรียกมันว่า "สุข" นั้น มันเป็นนายคนที่โง่ คนที่ยอมเป็นทาสมันมามากว่ามาก
ผู้ลดความต้องการใดๆ ลงได้บ้าง จะสุขจะแจ่มใส คลายเศร้าลงบ้าง
ถ้าลดความต้องการต่างๆ ที่เรารู้มันจริงได้มากเท่าใด
ผู้นั้นชื่อว่า ผู้พ้นทุกข์ ผู้ประเสริฐ ผู้แสนฉลาดมากเท่านั้นๆ
(22 ธ.ค. 2519)

วันนี้เอาเท่านี้ก่อนละกัน เป็นอย่างไรบ้างครับ
พอจะมีสาระ หรือน่าสนใจบ้างหรือไม่ครับ








 

Create Date : 05 ตุลาคม 2554
0 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2554 23:07:09 น.
Counter : 917 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


P2wichai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาตามหาเพื่อนร่วมทาง
เพื่อนเก่า-เพื่อนใหม่-ใครที่เคยรู้จัก ที่เคยคุย ช่วยแสดงตัวหน่อย

หรือใครที่ต้องการร่วมทางไป เหนือโลกด้วยกันก็เชิญด้วย
Friends' blogs
[Add P2wichai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.