หลังจากสังคายนาครั้งแรกไม่นาน  คณะสงฆ์ได้แยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกยึดตามมติเถระ ได้แก่กลุ่มอรหันต์ปฏิสัมภิทาดังกล่าวมาข้างต้น     กลุ่ม 2.  ยึดเอาคำพุทธพจน์ที่ให้เว้นได้ในข้อเล็กน้อย   และพร้อมกับเรียกตัวเองว่านิกายมหายานอันหมายถึงยานใหญ่สามารถขนคนได้มาก   เพราะข้อจำกัดไม่มากและข้อขัดแย้งน้อยไม่ต่อว่ากันเรื่องศีล( ความเห็นส่วนตัวเพราะคุณก็ผิดผมก็ผิดว่ากันไม่ได้)   แต่ก็ยังเห็นต่างกันไปอีกมากมายเพราะหมดจุด ยืนไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอนทำให้นิกายมหายานแตกออกไปอีกเป็นร้อยนิกาย  อีกทั้งมีพุทธพจน์ตรัสไว้ให้โอนอ่อนพุทธบัญญัติได้โดยให้โอนอ่อนกับคำสั่งของกษัตริย์ในแว่นแคว้นนั้นได้หากจะเกิดราชภัย  (คือบางประเทศสั่งประหารพระเอาดื้อๆ)
 
เห็นได้จากในเมืองจีนสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศไม่อำนวยจึงเปลี่ยนสิกขาบท ด้วยระยะทางและกาลเวลาพระในประเทศญี่ปุ่นบางนิกายจึงมีภรรยาได้  และพร้อมกันนั้นก็ขนานนามกลุ่มแรกว่า นิกายหีนยาน อันหมายถึงยานคุณภาพต่ำขนส่งคนได้น้อย ในขณะที่กลุ่มแรกเรียกตนเองว่าเถระวาทหรือกลุ่มผู้ฟังคำของพระที่ร่วมประชุมครั้งแรกหลังจากนั้นไม่นานมีการตั้งมหาวิทยาลัยนารันทา เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นโดยนิกายมหายานมีพระเข้ามาศึกษาเป็นหมื่นรูป ในจำนวนนั้นมีมหาเถระที่เข้าศึกษาที่เป็นที่รู้จักของคนไทยอยู่ด้วยท่านผู้ นั้นคือ พระถัง ซัมจังรวมอยู่ด้วยหลัง  จากการที่พระพุทธธรรมเจริญมาก ก็ขนานไปกับความเสื่อมเช่นกัน เอกลาภมีมากในเหล่าพระสงฆ์ พระสัทธรรมเริ่มเบี่ยงเบนติดเข้าไปในความรู้ผิดๆบางรูปจึงเริ่มสะสมด้วยเหตุ ว่าเพื่อสืบพระศาสนาให้มากๆนานๆ   เมื่อมีทรัพย์มากก็เริ่มหลงผนวกกับการสรรเสริญ  ผู้หญิงก็เริ่มเข้ามาจะโดยฝ่ายไหนเริ่มก็แล้วแต่จึงเป็นที่อิดหนาของญาติ โยมอีกทั้งความแตกแยกของ 2 นิกายดังกล่าว
ขยายความเรื่องนิกายดังนี้
                                จะเข้าใจได้ต้องรู้ข้อมูลครบทุกแง่ ไม่ว่าจะเป็น ประวัติศาสตร์  คำศัพท์ทางพุทธศาสตร์  ศีลวินัยทั้งภิกษุและภิกษุณีนิกายเกิดขึ้นมาจากอะไร เกิดจาก ทิฎฐิ(โดยเฉพาะศีลและผลการปฏิบัติขั้นสูง) พระพุทธองค์จึงบัญญัติเรื่องนานาสังวาส  ฉะนั้นจะกล่าวว่านิกายไม่มีในพุทธกาลก็ไม่ตรงนัก เพราะในทางความเป็นจริงความแตกต่างของการปฏิบัติในเรื่องศีลเกิดตั้งแต่ในพุทธสมัย  เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่า นิกายนั้นนิกายนี้  ส่วนใหญ่ใช้ว่า อารามฝ่ายเหนือ อารามฝ่ายใต้ อันนี้กล่าวโดยไม่รวมส่วน มหายาน เพราะหลังพุทธปรินิพพาน โดยเถรวาท เองก็แยกออกเป็น 18 นิกาย ภายหลังสูญหายหมด(หาข้อมูลได้จากประวัติพระไตรปิฎก) เหลือเถระวาทสายที่สรุปกันว่า บริสุทธิจริงๆ ตามนัยเถรวาทคือตามความดั่งเดิมของ ท่านมหากัสสป และหมู่สงฆ์ที่เข้าร่วม สังคายนา ครั้งแรกส่วนที่เห็นต่างกัน  เพราะทิฐิคลาดเคลื่อนจากพระเถระบางส่วนที่ไม่ได้เข้าร่วมสังคายนา
                        อีกทั้งมีพุทธบัญญัติเรื่องการอยู่ ร่วมกับพระกลุ่มที่ปฏิบัติผิดพุทธบัญญัติ ทรงปรับอาบัติทุกกฏไว้(หรือมากกว่ากรณีมีปัจจัยอื่นพ่วง) และทรงกล่าวว่า อลัชชีหนึ่งรูปสามารถทำให้ ภิกษุทั้ง ร้อยเป็น อลัชชี ฉะนั้น การที่ภิกษุผู้ปฏิบัติตรงจะไม่ลงสังฆกรรมร่วมกับ อลัชชี จึงมีเหตุ ดังกล่าว
  คำศัพท์ที่ควรรู้ความหมายเพื่อพิจารณาได้
  นานาสังวาส*พจนานุกรมพุทธศาสตร์ นานาสังวาส -  มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ร่วม (คืออุโบสถและสังฆกรรมเป็นต้น) ที่ต่างกัน,สงฆ์ผู้ไม่ร่วมสังวาส คือไม่ร่วมอุโบสถและสังฆกรรมด้วยกัน เรียกว่าเป็นนานาสังวาสของกันและกัน 
 
   เหตุที่ทำให้เป็นนานาสังวาสมี ๒ คือภิกษุทำตนให้เป็นนานาสังวาส เอง เช่น อยู่ในนิกายหนึ่งไปขอเข้านิกายอื่น หรือแตกจากพวก  เพราะ  เหตุวิวาทาธิกรณ์อย่างหนึ่ง 
       อีกอย่างหนึ่ง ถูกสงฆ์พร้อมกันยกออกจากสังวาส  
                    ส่วนมุมมองเรื่องนิกายในภาพรวมผู้เขียนเห็นว่าพุทธพจน์กล่าวความ หมายโดยรวม คือ  หากผู้ปฏิบัติมรรค 8 ยังคงอยู่  พรหมจรรย์(อรหันต์สภาพ)จะไม่สิ้นจากโลกนี้  การบรรลุไม่ระบุเพศก็จริงอยู่  และไม่ระบุนิกายก็จริงอยู่แต่ นิกายนั้นแสดงให้เห็นถึงคล้ายกับ ภาชนะที่บรรจุ ความบริสุทธิอย่างยิ่งไว้
    ขยายความ  คำว่า
 
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว )
 
    อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว )
    ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ (สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใดปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว )
 
    สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ(สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใดปฏิบัติสมควรแล้ว)ยะทิทัง(ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ)
    จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ )
    เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า )
        อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา )
        ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ )
        ทักขิเณยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณา )
        อัญชะลีกะระณีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี )
        อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )
                 ฉะนั้น หากจะกล่าวว่า อริยบุคคลไม่จำเป็นต้องเป็นภิกษุก็จริงอยู่แต่เนื้อนาบุญ นั้นคือ คณะสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีแล้ว  ปฏิบัติตรงแล้ว ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว  สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว   ซึ่งเป็นรูปของหมู่สงฆ์ จะไปเทียบกับ บุคคล ไม่ได้ว่าเป็นเนื้อนาบุญอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็น อรหันต์บุคคลก็ตามที  ขนาดพระพุทธองเองยังให้เกียรติหมู่สงฆ์และยังตรัสกล่าวว่า การทำบุญกับหมู่สงฆ์ มีผลานิสงค์มากว่า การทำบุญ โดยส่วนพระองค์(คือถวายต่อพระองค์)
 
                ข้าพเจ้าเห็นโทษของการกล่าวอ้างนิกายทุกกรณีอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน การอ้างนิกายนั้นเพื่อ แยกชัดให้เห็นถึงความบริสุทธิคุณ ของความเป็นพุทธธรรม ซึ่งไม่สามารถแยกจาก พุทธศาสนาได้  ในฐานะชาวพุทธแท้ต้องเข้าใจจุดนี้ก็จะสามารถรู้ได้ว่า  แผ่นดินไทยมีคุณค่าอย่างไร เพราะเป็น สถานที่ ที่ตั้งของ แหล่ง อู่ข้าว อู่น้ำทางจิตวิญญาณ มาตลอดเวลา หลาย 1000 ปี คือเป็นแหล่งดินดี เป็นแหล่งเนื้อนาบุญที่ดี ประเสริฐ ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธเลยว่า นิกายอื่นๆ  ไม่มีอริยบุคคล  หากทว่าในส่วนของสังฆมลฑล นิกายอื่นๆ นั้นบางที่ บางแห่ง บางพวก ไม่ใช่ เนื้อนาบุญ อันประเสริฐ ตามพุทธพจน์ / พุทธบัญญัติและ ในขณะเดียวกัน แผ่นดินนี้ก็คละไปด้วยความเป็น นานาสังวาส  ที่ชาวพุทธต้องเรียนรู้เพื่อ ชี้ชัดในการร่วมกิจกรรมด้วย  ไม่งั้นหากไปพบกับกลุ่มที่ ไม่เป็นไปตามพุทธอนุญาต ก็ไม่คุ้มกับการร่วมกิจกรรมนั้นๆเลย
 
                           
                           
                                 
                                
									
										| Create Date : 13  พฤษภาคม  2553  | 								  | 								  | 										
									
									 									
                                        | Last Update : 21 ธันวาคม 2553 23:32:38 น. | 
                                    
                                     									
                                        | Counter : 5250 Pageviews. | 
		                                 |   | 
										 
                                         | 
                                    
									
									|   |