วิธีรับมือกับ "คำวิจารณ์"แบบมืออาชีพ
ห้วงเวลาปลายปีอย่างนี้ นอกจากจะเป็นช่วงของการประเมินผลงาน ก็ยังอาจรวมถึงการเปิดอกเปิดใจกันถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละคน แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าจะร้ายกาจหรือไม่ก็ตาม ก็ยากที่จะทำใจทั้งนั้น แต่ว่ากันว่าวิธีการรับมือกับคำวิจารณ์ของคุณนี่เองที่บอกได้ว่า คุณจะยิ่งใหญ่ต่อไปได้หรือเปล่าในอนาคต ถ้าคุณยังทำได้ไม่ดีพอ วันนี้เราก็มีเคล็ดลับมาฝาก

คำวิจารณ์สามประเภท

คำวิจารณ์อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท นั่นก็คือ คำวิจารณ์ที่ยุติธรรมและเป็นไปตามความจริงคำวิจารณ์ที่อาจเป็นจริง แต่นำเสนอออกมาในแบบเป็นปฏิปักษ์ และคำวิจารณ์ที่ไม่เป็นจริงและเหยียดหยาม อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์ถือเป็นโอกาสในการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น มันอาจมีคนที่สะใจกับการหยาบคาย แต่คำวิจารณ์ส่วนใหญ่มักมีเจตนาที่จะสร้างสรรค์ การตอบโต้ ทุ่มเถียง หรือการตัวไม่น่านับถือกับคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากอาจทำให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ความเต็มใจที่จะรับคำวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ และทำอะไรบางอย่างกับมัน เป็นสัญญาณของความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นมืออาชีพ

ใครวิจารณ์กันล่ะ

ก่อนอื่นให้แน่ใจว่าคุณถูกวิจารณ์จริงๆ และดูว่าคำวิจารณ์มาจากไหน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ลูกค้า หรือเจ้านาย มันอาจเป็นความอิจฉาได้หรือเปล่า แม้แต่ผู้จัดการระดับอาวุโสหลายคนก็ยังอาจรู้สึกถูกคุกคามได้จากพนักงานที่เด็กกว่า ซึ่งกำลังไต่เต้าขึ้นมาในบริษัท ส่วนเพื่อนร่วมงานก็อาจวิจารณ์คุณ เพื่อทำให้ความสามารถของเขาดูเหนือกว่า แต่คำวิจารณ์จากลูกค้ามักจะไม่ค่อยมาจากความอิจฉา และอาจไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่ความต้องบ่นว่า

การดูว่าคำวิจารณ์มาจากไหน คือหัวใจสำคัญสำหรับการหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับมันอย่างเช่น ในกรณีของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ก่อนการเลือกตั้งที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2003 ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ฝ่ายตรงข้ามได้โจมตีดาราดังด้วย ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ซึ่งเขาเลือกที่จะขอโทษ และทำให้ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาการปฏิเสธจะกระพือเปลวไฟให้ลุกฮือขึ้นไปอีก เช่นที่เราได้เห็นจากกรณีของ บิล คลินตัน

มืออาชีพต้องรับมือแบบนี้

มันเป็นความผิดของคุณหรือเปล่า วางอีโก้ของตัวเองไว้ซะ ลองฟังฟีดแบ็กอย่างเป็นกลางและให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจมันอย่างถูกต้อง จากนั้น พิจารณาทางเลือกที่จะพลิกสถานการณ์ร้ายให้กลายเป็นดี

อย่าหาแพะรับบาป อย่าแก้ตัว โทษคนอื่นหรือไม่ยอมรับความจริง ด้วยความหวังว่าประเด็นนั้นๆ จะจางหายไปเอง บ่อยครั้งคำอธิบายจะฟังดูคล้ายคำแก้ตัวหรือคำปฏิเสธ โดยไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น การยอมรับและหาทางออกอย่างชัดเจนจะช่วยได้มากกว่า

อย่าต่อสู้กับระบบ คุณอาจถูกวิจารณ์ในเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของคุณ บางทีนโยบายของบริษัทคือเป้าหมายที่แท้จริง หรือทั้งแผนกเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าถือเป็นเรื่องส่วนตัวและจัดการกับสถานการณ์เท่าที่จะทำได้ ถ้าคุณเป็นผู้นำควรรับเผือกร้อนแทนทีมของคุณก่อน แล้วค่อยพูดคุยกับทีมงานเพื่อหาทางออกด้วยกัน

ยอมรับข้อจำกัด ถ้าคุณถูกวิจารณ์ในข้อที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ควรแบ่งงานให้คนอื่นเข้ามาร่วมรับผิดชอบ และรู้ว่าควรแบ่งงานให้คนอื่นในเรื่องใดบ้าง โดยไม่เอาอีโก้ส่วนตัวเข้ามาขวาง คำวิจารณ์ในเรื่องธรรมชาติของคนเราอาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักเรียนรู้ที่จะวางเฉยต่อคำวิจารณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความสามารถในการทำงานของพวกเขา อย่างเช่น เมื่อนักข่าวเอ่ยถึงทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา โดนัลด์ ทรัมปื ก็จะเพียงแค่หัวเราะ

"ารวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์และถ้าคุณหมกมุ่นอยู่กับมันมากเกินไป คุณก็ควรจะถูกเตือนว่ามันอาจทำความเสียหายให้แก่อาชีพการงานของคุณได้" เดล คาร์เนกี้ นักการตลาดชื่อดังชาวสหรัฐฯ


ข้อมูลจากLisa



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2553 2:11:01 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
12
13
14
15
16
18
19
21
23
24
28
 
 
All Blog