มาแล้วครับ นายไข่กลับมาแล้วครับ
มารายงานการกลับบ้านนอกที่สกลนครอย่างไม่ทันตั้งตัวครับ
ก่อนอื่นขอกล่าวความหลังครั้งกระโน้นนะครับ
ว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมาครับ
ขณะที่แวะไหว้ราหูที่วัดราหูแถวนครชัยศรี
ในการไหว้ครั้งนี้ผมก็ได้อธิฐานขอให้พ่อผมหายป่วยไวไว
แต่ขณะที่นั่งทานเย็นตาโฟอยู่นั่นเอง
ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อครับ
พ่อโทรมาร้องไห้ด้วย และพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ผมฟังได้แต่คำว่า "กลับบ้านได้ไหม กลับมาวันนี้ได้ไหม"
เย็นตาโฟที่วางอยู่ข้างหน้า ผมไม่สนใจมันแล้วครับ
ขณะที่นั่งรถกลับเข้ากรุงเทพฯ ก็ได้โทรบอกพี่สาว
ว่าให้เข้าไปดูพ่อหน่อยว่าเป็นอะไร
ขณะนั้น ผมทั้งร้องไห้และพูดกับพี่สาว
ไม่รู้สิครับ น้ำตามันกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วครับ
ผมอยากกลับบ้านไปหาพ่อผมมาก
ก็เลยตัดสินใจที่จะกลับบ้านในเย็นวันนั้น
ทีแรกก็จะกลับรถทัวร์ แต่พี่ชายบอกว่าจะกลับเครื่องบินไหมล่ะ
สุดท้ายก็กลับเครื่องบินครับ
ไปถึงโน้น เวลาประมาณ 21.15 น.
ผมแวะเข้าไปหาพ่อที่โรงพยาบาลก่อน
ดูพ่ออาการดีขึ้น หลังจากที่เห็นผมในเย็นวันนั้น
วันรุ่งขึ้นผมกลับเข้ามาโรงพยาบาลอีกครั้ง
ได้อยู่เฝ้าพ่อทั้งวัน
และสอบถามอาการของพ่อกับแม่
แม่ก็ยังพูดคำเดิมว่า
หมอได้ให้แม่เข้าไปคุยในห้องหมอ
บอกว่าการผ่าตัดครั้งนี้
เป็นการผ่าตัดใหญ่และเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
การผ่าตัดครั้งนี้เกิดขึ้นมาด้วยคำขอของผู้ป่วยเอง
เพราะทางหมอรู้ดีว่า ถึงผ่าตัดก็ไม่ได้ช่วยอะไร
และหมอก็ยังได้บอกแม่อีกว่า
หมอขอยื้อพ่อไว้อีก 6 เดือน
คือ...ภายใน 6 เดือนนี้ อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
หรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย (อันนี้ความคิดผม)
ผมก็เลยถามแม่ว่าพี่คนอื่นรู้รึยัง
แม่ก็ว่ารู้หมอแล้ว แม่เล่าให้ฟังหมดว่าหมอบอกยังงัย
ผมเลยบอกกับแม่ว่า แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมล่ะ
เวลาถามอาการพ่อ พี่ก็จะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ดีขึ้นแล้ว
แต่ช่างเถอะครับ ถึงเราจะเค้นเอาความจริงจากพี่
มันก็ไม่ได้ส่งผลให้ดีขึ้นเลย
สู้ตอนนี้ เราดูแลพ่อให้ดีจะดีกว่า
2 คืนที่เข้าไปนอนเฝ้าพ่อเป็นเพื่อนแม่
เด๋วมาต่อครับ พอดีงานเข้า
**************************
แทบไม่ได้นอนเลยครับ เพราะพ่อปวดแผลตลอด
ต้องคอยลุกมาดูพ่อ พยาบาลเค้าก็ดูแลดีนะครับ
คอยมาดูตลอด ให้ยาพ่อทานไป สักพักพ่อก็หลับ
เฮ้อ....ผมกับแม่ได้หลับสักที
ตั้งแต่ได้รับการผ่าตัด หมอเค้ายังห้ามอาหารอยู่
สงสารพ่อครับที่ต้องงดข้าว
ได้แต่จิบน้ำเปล่าไปก่อน เป็นเวลา 6 วัน
กว่าจะได้ทานข้าว แต่กระนั้นเค้าก็ยังไม่ให้ทานอาหารธรรมดา
หมอให้ทานอาหารเหลวแทน นั้นก็คือ โอวัลติน กับน้ำข้าวครับ
ดูพ่อผอมลงกว่าเดิมมากครับ
แต่ก่อนพ่ออ้วนมาก ไม่สิต้องบอกว่าพุงพ่อใหญ่มาก
แต่เดี๋ยวนี้สิ ผอมมากเลย พุงหายหมดครับ
แขนท่านมองเห็นแต่หนังที่หุ้มกระดูกเอาไว้
คืนที่สองที่ผมเฝ้าพ่อ ผมเองก็เป็นไข้เช่นกัน
ที่สกลนครหนาวมากครับ คืนนั้นมีผ้าห่มอยู่ 3 ผืน
อยู่ที่ผมหมดครับ นั้นยังไม่ทำให้ผมหายหนาวได้
แม่ต้องนอนกอดผมไว้แน่น
เพราะไข้ผมขึ้นสูงมาก แต่กลับหนาว
จนทุกวันนี้ดูเหมือนว่าไข้ผมคงจะดีขึ้นแล้วล่ะครับ
แต่มันยังน้อยกว่าพ่อผม กับสิ่งที่พ่อผมเจ็บปวดและทรมาน
6 เดือนครับ
6 เดือนที่จะทำให้พ่อมีความสุข
และมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไป
กำลังใจจากลูกๆ เท่านั้นครับ
ที่จะทำให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง
และอยู่กับพวกเราไปนานเท่านาน.........ผมรู้ว่า
"พ่อทำได้"