สิ่งมีชิวิตเล็กๆ 5 (เดือนที่ 6)
วันนี้วันที่ 10 เม.ย.52 ค่ะ ในที่สุดก็เข้าเดือนที่ 6 แล้ว เย้เหลืออีกไม่กี่เดือนก็มีของเล่นๆแล้ววววันนี้ตื่นสายได้เพราะคุณหมอนัดตรวจ 10.30 น. แต่ก็ไม่วายต้องตื่นเช้าอยู่ดีเพราะมีสถานการณ์บ้านเมืองมันบังคับ มีพี่น้องชาวไทยมาช่วยกันปิดถนนแถวอนุสาวรีย์ แล้วว่าที่คุณตาบอกว่ากลัวเค้าปิดถนนแถวโรงพยาบาล เดี๋ยวรถติด ไม่ไม่ทันคุณหมอนัดก็เลยไม่วายต้องตื่นเช้าอีก เฮ้ออออ เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะเจ้าชายกวนทั้งคืน ส่วนอีพ่อก็หลับเป็นตายเลยหลับอย่างน่าอิจฉา หลับอย่างเอาเป็นเอาตาย เฮ้ออ ตอนเช้าก็ง่วงมากเลย แปลงฟันไป หลับไป ล้างหน้าแล้วก็ยังไม่หายง่วงเลยแถมหิวข้าวอีก กรรมมม ท้องร้องเรียกหาข้าวอย่างแรง ท้องร้องไม่พอเช้าชายน้อยก็ถีบพุง หม่าม๊า ขอข้าวกิน ประท้วงอย่างแรง เลยต้องบอกไปว่า "เดี๋ยวคุณหมอขอตรวจฉี่นะ เดี๋ยวเราไปกินที่โรงพยาบาลกัน เดี๋ยวจะพาไปกินแซนวิชทูน่า เชดด้า Au Bon Pain นะ" เออ ได้ผลแฮะ ฟังเรารู้เรื่องได้ไงหว่า เพลาลงเหมือนกันวันนี้ก็เลยแต่งตัวออกจากบ้านเช้าหน่อย แปลกใจมากรถโล่งเลยแฮะ 25 นาทีถึงโรงพยาบาลแล้ว อีกตั้งชั่วโมงครึ่งแนะกว่าจะได้ตรวจ ก็เลยถามว่าที่คุณยาย และคุณสามีว่าจะทำอะไรดีคุณยายก็บอกว่างั้นนั่งรอที่นี่แล้วกัน ทันใดนั้น เจ้าตัวเล็กก็ถีบอย่างแรงอีกรอบ ประมาณว่าไหนจะพาไปกินข้าวไง...เอ้อ...ลืม.. เราก็เลยบอกคุณยายและสามีว่า งั้นไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ก็เลยไปนั่งกินแซนวิชกันที่ AU Bon Pain กัน พอนั่งกินซักพักเท่านั้นแหล่ะ โอ้โห ดิ้น กุก กัก ๆ ๆ ไม่หยุดเลย สงสัยจะนัวมาก สามีก็ถามว่าดิ้นมั๊ย ก็เลยบอกไปว่ายังไม่หยุดเลย อยากรู้เหมือนกันว่าเจอหมอแล้วจะเก่งอย่างนี้ป่าว 555.....555พอกินเสร็จก็ไปนั่นรอคุณหมอซักพักระหว่างนั้นเจ้าตัวเล็กก็กลิ้งไป กลิ้งมา สนุกสนานอยู่คนเดียว แล้วเค้าก็เรียกให้ไปนั่งรอคุณหมอ เพราะเป็นคิวต่อไปทันใดนั้น ทุกอย่างก็เริ่มช้าลง ตัวเล็กเริ่มดิ้นน้อยลง พอเข้าพบคุณหมอ ๆ ก็ให้ไปนอนบนเตียงตรวจ แล้วก็เอาเครื่องฟังเสียงหัวใจมาวางที่พุง ฟังเสียงหัวใจของเจ้าตัวเล็ก ที่อย่างนี้ เงียบเชียว ไม่กระดิกซักนิดเลย ไม่เห็นเก่งแบบเมื่อกี๊เลย หุหุพอคุณหมอเอามือมากดๆๆ ดูว่ามดลูกโตเท่าไหนแล้ว เอาสายวัดมาวัด ก็จบ ไม่มีอะไรมากพอลงจากเตียงคุณหมอบอกว่าอย่าทานมากนะครับ ผมกลัวลดไม่ลง เดือนนี้น้ำหนักขึ้นมา 2 กิโล หมอบอกอยากให้น้ำหนักขึ้นเดือนละโลแต่เฉลี่ยโดยรวมแล้วเราขึ้นมาแค่ 6 โล ครึ่งเองนะ งงแล้วทีคนที่ขึ้นมาตั้งหลาย 10 โล ไม่เห็นว่าเลย แปลกจัง ขนาดปกติเวลาเราเดินไปไหนมาไหนก็ไม่มีใครรู้เลยว่าท้องนะเนี่ย พุงมันไม่ออกแล้วหมอจะกลัวอ้วนทำไมหว่าคราวหน้ามาหมอบอกให้เจาะเลือดตรวจน้ำตาลเลย แฮะๆๆหมอกลัวเป็นเบาหวานคุณยายและสามีก็นั่ง งง ว่าทำไมหมอกลัวอ้วนหว่า น้ำหนักก็ขึ้นไม่เยอะแค่อวบขึ้นหน่อยๆ หรือเพราะเราสูง (170 ซม.) ก็ไม่เกี่ยว น้ำหนักก่อนท้อง 65 เอง เออ ช่างมันเหอะ ก็ดีเหมือนกัน จะได้คุมอาหาร เพราะเดือนที่ผ่านมา เล่นกินขนมตบท้ายอาหารทุกมื้อเลย สงสัยเพราขนมนี่แหละก็มันอยากอ่ะ เพราะ 5 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้กินขนมเลย กินแต่อาหารจานหลัก นอกเวลาก็ไม่กิน หิวนิดหน่อยก็กินนมพร่องมันเนยเอาแต่ที่เข้าเดือนที่ 6 นี่แหล่ะ เพราะตรวจคราวที่แล้วน้ำหนักขึ้นมาแค่ .3 เอง เลยกินขนมตบท้ายอาหารทุกมื้อซะ หุหุ ไม่ได้หรอกลูกชายเป็นเด็ก ๆๆ ก็ต้องชอบกินขนมสิ (อ้างไปเรื่อย) จริงๆแล้วแม่มันเองแหล่ะ หุหุอันนี้เรายังดีนะขึ้นเดือนละโล ทั้งกินข้าว+ขนม แต่คุณสามีนี่สิ กินเหมือนกัน กินปริมาณเท่าๆกัน บางครั้งเราก็ขอแบ่งมากินมั่ง น้ำหนักขึ้นมา 10 โล กว่าแล้ว อ้วนปุ๊กเลย (ท้องแทนภริยา)ตอนนี้เลยมีเรื่องขำๆ แซวเล่นภายในบ้านเพราะสามีเริ่มมีพุงแต่เรายังมีไม่มากเท่า เลยกลายเป็นว่า บางครั้งสงสัยว่าเจ้าลูกชายกระโดดไปอยู่ในพุงคุณพ่อแทน หุหุ เพราะชุดทำงาน ชุดอยู่บ้านของคุณสามีเริ่มฟิต ใส่แล้วอึดอัด ส่วนเรายังใส้เสื้อยืด กางเกง กระโปรงบางตัวได้อยู่เลย หุหุ วันนี้ก่อนตรวจเสร็จก็ถามคุณหมอว่าช่วงนี้เดินทางไปไกลๆได้มั๊ย เพราะอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด หมอก็อนุญาตให้ไปได้ แต่บอกว่าถ้าเริ่มเกร็จ หรือปวดฉี่ก็ให้จอดรถที่ปั๊มเดินยืดเส้นยืดสายก่อน หายแล้วค่อยเดินทางต่อ ถ้าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไร แต่จอดรถบ่อยๆก็ดี เพราะกะไว้ว่า 17 - 19 เม.ย. นี้จะไปเที่ยวหัวหินกัน พาลูกชายตัวน้อยๆไปกินปลาตัวโตๆ สดๆ รับไอทะเล ดูพระอาทิตย์ขึ้น ให้สมเป็นลูกทหารเรือซะหน่อย