Japan season 2 Hello!!! Osaka
ช่วงปลายปี 51 ไปเที่ยว โอซาก้ามาค่ะ ทีแรกตั้งใจจะไปที่อื่นสุดท้ายก็มาจบที่ญี่ปุ่นจนได้ เพราะดูรายการอาหาร รายการทีวีมากไปหน่อย แล้วก็อยากกินโอโคโนมิยากิแบบต้นตำหรับด้วยเลยตัดสินใจไปโอซาก้ากันค่ะงานนี้ไปแบบเจาะลึกโอซาก้าเลยค่ะ กิน เที่ยว ไม่เน้นแดนสิวิไลเอาแบบ บ้านๆ นี่แหล่ะค่ะ เข้าถึงคนที่โน่นดีก่อนไปเนื่องจากไปตัดผมมาใหม่ เพราะผมยามเลยหลังไปอีก แล้วดูแลลำบากเลยไปตัดผมก่อนให้เลยบ่าลงมาหน่อย ตอนขึ้นเครื่องเลยเอาโรลม้วนผมไปด้วย เอาไว้ม้วนตอนจะนอนตื่นมาลงจากเครื่องสวยพอดี สามีเห็นแล้วยังขำเลยทริบนี้ไม่เน้นถ่ายรูปค่ะ ถ่ายวีดิโอมา เพราะอยากเอามาให้คุณพ่อดูเพราะคุณพ่อเคยเป็นนักทศกรีฑาทีมชาติ แล้วเคยไปเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นมาแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ไปไม่ได้เนื่องจากเป็นโรคหัวใจเลยตั้งใจจะถ่ายมาให้ท่านดูน่ะค่ะ ว่าสิ่งที่ท่านเคยเห็นเปลี่ยนไปขนาดไหนฉนั้นรูปที่ถ่ายมานั้นมาจากมือถือล้วนๆวันแรกเครื่องลงที่สนามบินคันไซค่ะ ลงมาผมสวยแล้ว ปลายม้วนอย่างดีหน้าตาดูไม่ได้ ผมสวยไว้ก่อนค่ะ อย่างน้อย "ชนะ Act ไว้ก่อน"แล้วก็ขึ้นรถไปเที่ยวเลย วันนี้ไปหลายที่ค่ะ เพราะรถออกก็ไปนั่งรถไฟสายธรรมชาติเลย ดูสถานที่รอบๆภูเขาค่ะ ช่วงนี้ใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงบ้าง เขียวบ้าง สลับกันไป สวยดีค่ะ รถไฟก็ลัดเลาะไปตามภูเข้าบางทีเหมือนลอยอยู่บนเหวเลย นั่งๆ มองลงไปน่ากลัวเหมือนกันจากนั้นก็ไปถนนสายกาน้ำชา (อันนี้ไปมาแล้ว) แค่ขึ้นไปขอพรพระข้างบนนิดหน่อย แล้วก็ลงมาลั่นลาซื้อของข้างล่างแล้วก็ไปทานข้าวกันที่ภัตตาคารอาหารจีน อยากจะบอกว่าไม่อร่อยเลยกินเสร็จก็เดินออกมาไปเดินถ่ายวิดิโอที่วัดที่สร้างด้วยไม้ขัดสีแดงทั้งหลัง แล้วก็หาขนมกินระหว่างเดินเล่นจากนั้นก็ขึ้นรถบึ่งตรงไปวัดที่มี หมาจิ้งจอกเป็นเทพสถิตย์ที่นี่ค่ะวัดนี้จะมีเสาโทเรอิ toreii ตั้งเรียงกันตั้งแต่ที่วัดยาวไปจนภึงยอดภูเขาค่ะที่นี่เป็ฯที่ถ่ายทำหนังเรื่อง memoir of the keisha แล้วเห็นว่าถ้าเดินขึ้นภูเขาไปเรื่องๆ ลอดใต้เสาไปเรื่องๆจนสุดทางก็จะพบศาลเจ้าค่ะเห็นว่าถ้าใครเดินทางมาถึงแล้วขอพรจากที่นี่ก็จะสมหวังทุกประการค่ะแต่ว่าทางมันไกลมาก แล้วก็คดเคี้ยวด้วย เลยไปได้แค่ครึ่งทางก็ไม่ไหวแล้ว เดินลงดีกว่าค่ะ เพราะเริ่มมืดแล้วอันนี้ถ่ายก่อนเดินลงมา อาจดูน่ากลัวไปนิดก็ทำใจอ่ะ โทรศัพท์เราแฟรชไม่ดี (โทษไปเรื่อย)แล้วก็ไปกินข้าวเย็นแล้วก็เข้าโรงแรมค่ะมาทริบนี้นอนที่นี่ที่เดียวไม่เปลี่ยนเลยกลับมาโรงแรมแล้วก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ ออกไปเดินลั่นลาอีกหน่อยไปจอดที่ minimart ระหว่างเลือกของอยู่ว่าจะเอาอะไรไปกินมีเสียงดังขึ้นมาทางเรา "พี่คะ สวัสดีค่ะ"เลยหันไปเห็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นญี่ปุ่นน่ารัก 2 คน ยืน ยกมือสวัสดีเราอย่างงามเลย งง มั๊ยอ่ะ ใครก็ไม่รู้ ดิชั้นกับสามีเลยรับไหว้อย่าง งง พอเค้าเดินไปก็หันไปขำกัน 2 คน อะไรหว่าแถมหน้าโรงแรมมีร้านอาหาร ป้ายหน้าร้านเขียนตัวเบ้อเริ่มเลยว่า "ขายข้าวหน้าปลาไหล" งง อีกรอบคืนนี้เลยนั่งขำกับสามี 2 คน เออ ทริปนี้ น่าประทับใจดีเนาะวันรุ่งขึ้นเช้านี้ไปเยือนปราสาทนกกระสาขาวก่อนค่ะทางขึ้นก็ชัน คดเคี้ยวสุดๆ ชอบค่ะ บุกตะลุยดี ดูเหมือนว่าเราเป็นนินจายังไงก็ไม่รู้ มีทางลับ มีประตูเล็กประตูน้อย เรียกได้ว่าประตูที่อยู่ข้างล่างน่ะใหญ่มาก แต่ยิ่งขึ้นไปก็ยิ่งเล็กลงๆๆ พอถึงชั้นที่ 3 เป็นชั้นพัก ประตูก็แบบพอลอดได้ค่ะ ขึ้นไปต่อคงต้องคลานเข้าไปเพราะเค้าให้เราเดินขึ้นได้แค่รอบๆปราสาทค่ะ ไม่เข้าไปในปราสาทเลยรอบๆปราสาทเค้าก็สร้างประตูมาสำหรับกันพวกนินจาไม่ให้ไปทำร้ายโชกุนข้างในปราสาทน่าจะประตูเท่าๆกันหมดนะ คงไม่น่าลดลั่นเล็กลงๆๆ ขนาดนี้หรอกขึ้นไปชั้น 3 ก็ยอมแพ้แล้วค่ะ ทางมันชันด้วย เลยถ่ายรูปเก็บไว้ให้สามีเป็นหน้าฉากเสร็จแล้วก็รีบลงไปหาอะไรกินเล่น หาซื้อของฝากดีกว่าจากนั้นก็ไปกินข้าวเป็นแบบบุฤเฟต่ค่ะ งานนี้มาสายมาก เค้าจะไม่ให้เข้าแล้วเลยรีบๆกินแล้วก็ลงมาดูของที่ 7/11 ค่ะ เสร็จแล้วก็ไปนั่งเคเบิลคาร์ ขึ้นเขาร๊อคโค่ ค่ะ หน้าตาเคเบิ้ลคาร์ก็เหมือนๆกับที่บ้านเรามีไว้ขึ้นเขาวังที่เพชรบุรีนั่งแหล่ะ แต่ของเค้าดูทันสมัยกว่า คือ ดูแล้วปลอดภัยกว่าเยอะเลยก็เลยขึ้นไปถ่ายรูปซะหน่อย ก็ได้มาหลายรูปเหมือนกันจากนั้นก็ไปช๊อปปิ้งที่อ่าวโกเบค่ะ อันนี้ไม่ได้ถ่ายมา ถ่ายแต่วิดิโอล้วนๆได้ของกลับมาฝากทั้งคนทั้งหมาเลยเล่นเอากลับโรงแรมที เหนื่องเลยค่ะ วันนี้ทั้งวันวันรุ่งขึ้นวันที่ 3 ตื่นเช้าไปเที่ยว universal ค่ะ ก็ไม่ได้เล่นอะไรมาก ส่วนใหญ่ถ่ายวีดิโอซะมากกว่า เล่นก็เฉพาะตัวใหม่ๆค่ะ อย่าง spidermanคนเหล็ก แล้วก็อะไรอีกจำไม่ได้แล้วอยู่แค่ครึ่งวันก็ออกมานั่งรถไฟไปเที่ยวที่ย่านมินามิต่อค่ะอยู่มาหลายวันก็เพิ่งได้กิน โอโคโนมิยากิก็วันนี้แหล่ะค่ะ เพราะที่นี่ของกินเยอะก่อนหน้านั้นก็รองท้องนิดหน่อยด้วยเมล่อนปังลูกโตๆ แบบอิ่มสุดๆเลยค่ะวันนี้ค่ะวันนี้กว่าจะกลับโรงแรมก็มืดเลย ประมาณว่าเที่ยวซะดึกวันรุ่งขึ้นก็หมดแรงไปตามๆกัน วันนี้วันกลับไปที่ ย่าน shinsaibashi ก่อน อยู่นี่จนเกือบเที่ยงค่ะ ซื้อแต่ของกระจุ๊กกระจิ๊กไม่รู้จะซื้ออะไร แล้วก็เดินหทของกินเล่น รอเที่ยวก็แวะกิน Mc.Donald แล้วก็ขึ้นรถไป rinku outletไปเดินๆดูของ ก็ไม่รูจะซื้ออะไร งานนี้เน้นกินอย่างเดียว หลักๆก็เครปกับไอติมนี่แหล่ะค่ะ กินอยู่ 2 ประเภท ออกจากที่นี่ก็ตรงไปสนามบิน kansai ก็ไปหาของกินต่อ แล้วก็ซื้อของฝาก ตังค์มันเหลือเยอะเลยกว้านซื้อมาเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นของพื้นเมือนค่ะ ไม่ได้ซื้อพวกเครื่องสำอางค์ duty freeแล้วก็ขึ้นเครื่อง กะจะหลับเลยแต่ดูโปรแกรมหนัง มีหนังญี่ปุ่นแบบญี่ปุ่นโบราณเลย พระเอกในดวงใจเล่น Matsumoto Jun เรื่องเกี่ยวกับช่วยเจ้าหญฺงหลบหนีผู้ร้ายอะไรทำนองนี้ เป็นแบบซับอังกฤษ ไม่เป็นปัญหาเลยชี้ๆให้สามีดู แล้วก็กรี๊ดๆอยู๋ตรงนั้น สามีก็ขำๆ อะไรของมันวะส่วนสามีเค้าดูเรื่อง Pirate of the Caribean ภาคจบ สรุปไม่ได้นอนเลยค่ะ หนังจบก็อีก 1 ชม.ก็ landing เลย หนังยาวมากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว