### Mamy Poko ยิ้มง่าย ไม่ซึมเปื้อน ###

 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 กรกฏาคม 2550
 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับแสงแดด

1. ทำผิวสีแทนแบบปลอดภัย....ลืมกันไปได้เลยครับกับความคิดนี้เพราะไม่มีการทำผิวสีแทนแบบไหนหรอกที่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ว่าจะโดยตรงจากแสงแดดหรือแม้จากเครื่อง Tanning Booth ก็ตามที ถึงแม้ว่าคุณจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปและไม่มีการไหม้ของผิว แต่อันตรายยังคงเกิดกับสุขภาพผิวของคุณอย่างเงียบๆ

2. อันตรายอันร้ายกาจจาก UVB....คุณจะได้รับอันตรายทันที ทุกครั้งเมื่อต้องแสงแดดเพราะมันจะเล่นงานกับผิวคุณได้อย่างรวดเร็วแค่ภายในนาทีแรกที่คุณเดินออกจากที่ร่ม

3. ภัยเงียบจาก UVA....รังสีUVประเภทนี้มันจะเล่นงานคุณอย่างเงียบๆโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังโดนมันเล่นงานกับผิวคุณอยู่ และมันก็เป็นตัวการสำคัญของริ้วรอยและที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือโรคมะเร็งผิวหนังเลยหล่ะครับ มันสามารถตามมาทำร้ายคุณได้แม้ว่าคุณจะอยู่ในอาคารเพราะUVAสามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาได้หากไม่มีการเคลือบสารป้องกันรังสีUVไว้

4. วันนี้อากาศดีจังไม่มีแดดเลย....ช้าก่อนครับ! คุณกำลังมองข้ามอะไรบางอย่าง ถึงแม้ในวันนี้มีเมฆมาก และไม่มีแสงแดด แต่รู้มั้ยว่ารังสีUVตัวร้ายมันยังคงจ้องจะเล่นงานผิวคุณอยู่นะครับ

5. แดดร้อนจัง ไปนั่งพักที่ร่มดีกว่า....การที่คุณนั่งหลบแดดอยู่ในที่ร่ม มันช่วยคุณให้พ้นจากอันตรายจากแสงแดดได้บ้างบางส่วน แต่ทว่าสิ่งที่อยู่รอบๆตัวคุณไม่ว่าจะเป็นน้ำ พื้นซีเมนต์ หญ้า ล้วนรวมตัวกันกลั่นแกล้งคุณซะนี่ เพราะมันสามารถสะท้อนรังสีUV สู่ผิวคุณได้นะจะบอกให้

6. ยิ่งสูงยิ่งหนาว....แน่หล่ะยิ่งอยู่ในที่สูงอากาศก็เย็นสบายกว่าข้างล่าง แต่รู้มั้ยว่ายิ่งขึ้นสูงไปเท่าไหร่ คุณก็เหมือนป็นแมงเม่าวิ่งเข้ากองไฟ เพราะความสูงขึ้นไปทุกๆ 1000ฟุต ความเข้มของรังสีUVจะเพิ่มขึ้น4%

7. ค่า SPF มีความหมายยังไง บอกอะไรเราบ้างนะ....อ้างอิงจากองค์การอาหารและยา (USA) ค่า SPF หรือ Sunscreen Protection Factor เป็นตัวเลขที่บ่งบอกว่าคุณจะสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหนก่อนที่ผิวคุณจะถูกเผาซะก่อน มีวิธีคำนวณง่ายๆว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดตามค่าSPF ต่างๆสามารถยืดเวลาให้คุณอยู่กลางแดดได้นานเท่าไหร่โดยที่ผิวคุณไม่ไหม้ คือ (เวลาปกติที่คุณสามารถโดนแดดได้ก่อนจะเริ่มรู้สึกแสบ-นาที) x (ค่า SPF) ยกตัวอย่างเช่นปกติคุณสามรถอยู่กลางแสงแดดได้ 10นาทีก่อนจะรู้สึกแสบผิว ถ้าคุณใช้ครีมกันแดดที่มีค่าSPF15 นั้นแสดงว่าคุณสามารถอยู่กลางแดดเพิ่มขึ้นได้เป็นเวลา = 10 x 15 = 150 นาที หรือประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งนั้นเอง แต่ถ้าคุณว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดแบบที่เป็นแบบ water-resistant ซึ่งจะปกป้องคุณได้ประมาณ 40-80นาที ก่อนที่คุณจะต้องทาซ้ำเพื่อรักษาระดับการป้องกันไว้

8. ครีมกันแดดที่ดีก็ต้องมีค่า SPFสูงๆหน่ะซิ....จริงๆแล้วค่าSPF มีความสำคัญก็จริง แต่มันก็เป็นแค่ตัววัดที่บ่งบอกว่ามันกันรังสี UVB ได้เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าคุณยังมี UVA ภัยร้ายในเงามืดอีกตัวนะ ฉะนั้นคุณอย่าชะล้าใจไปหล่ะว่าคุณทาครีมกันแดดแล้วคุณจะปลอดภัยจากแสงแดดถ้าครีมกันแดดนั้นไม่มีส่วนผสมที่สามารถกันรังสีได้ครบทุกช่วงระยะคลื่น (Full Spectrum Coverage) แล้วที่สำคัญมันไม่มีตัวเลขบอกคุณหรอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ กันUVAหรือกันได้ครบหรือไม่ คุณต้องสังเกตุเอาจากส่วนผสมที่ออกฤทธิ์หรือ Active Ingredients (ย้ำว่าต้องเป็น Active Ingredients นะ ไม่งั้นไม่นับ) ว่ามีส่วนผสมต่อไปนี้ตัวใดตัวหนึ่งอยู่หรือไม่
- Zinc Oxide
- Titanium Dioxide
- Avobenzone (หรือ Parsol 1789 หรือ Butyl Methoxydibenzoylmethane)
- Mexoryl SX
- Tinosorb
มีสารบางตัวเช่น Oxybenzone (หรือ Benzophenone-3) ที่สามารถดูดซับรังสี UVAได้บ้าง แต่ไม่ดีเหมือนสารต่างๆที่บอกมาข้างต้น ฉะนั้นทุกครั้งก่อนซื้อครีมกันแดดก็ควรจะต้องดูส่วนผสมด้วยทุกครั้งไม่เฉพาะค่าSPF นะครับ

9. มองลึกเข้าไปอีกนิดกับ UVA และUVB...อ้างอิงจากองค์การอาการและยา (USA) รังสีUVA จะอยู่ในช่วงคลื่น 315-400 นาโนเมตร และรังสีUVB จะอยู่ในช่วงคลื่น 280-315 นาโนเมตร ทีนี้มาดูกันว่าสารที่ออกฤทธิ์กันแดดแต่ละตัวทำงานได้ในช่วงความคลื่นเท่าไหร่กันบ้างนะครับ
- Padimate O, 290-315 นาโนเมตร
- Benzophenones, 250-350 นาโนเมตร
- Octyl methoxycinnamate, 290-320 นาโนเมตร
- Avobenzone, 320-400 นาโนเมตร
- Oxybenzone 270 to 350 นาโนเมตร
- Titanium dioxide, 290-700 นาโนเมตร
- Zinc oxide, 290-700 นาโนเมตร

10. ครีมกันแดดแบบกันน้ำ....ไม่มีครีมกันแดดไหนที่กันน้ำได้จริงๆหรอก องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้ออกกฏระเบียบห้ามใช้คำว่า Water Proof กับผลิตภัณฑ์กันแดด แต่ให้ใช้คำว่า Water Resistant แทน ซึ่งหมายความว่าคุณต้องทามันซ้ำหากคุณว่ายน้ำ หรือมีกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ คุณต้องทาครีมกันแดดประเภทนี้ซื้อทุกๆ 40นาที หรืออาจจะ 80นาทีในกรณีที่ครีมกันแดดนั้นระบุว่า Very Water-Resistant

11. ครีมกันแดดยิ่งมีค่าSPFยิ่งสูงก็ดีหน่ะซิ....แต่ความจริงแล้วครีมที่มีค่า SPF 2 สามารถกันUVBได้ 50% ส่วน SPF 10 สามารถกรองUVBออกไปได้ 85% ในขณะที่ SPF 15 สามารถต้านUVBได้ 95% และSPF 30 สามารถต้านUVBได้ 97% ส่วนระดับค่าSPFที่มากกว่า30 ไม่ได้ช่วยป้องกันคุณจากรังสีUVBได้มากขึ้นแต่อย่างใด แต่มันแค่ทำให้คุณอยู่กลางแดดได้นานมากขึ้นไปอีกโดยที่ผิวไม่ไหม้ก็แค่นั้นเอง กล่าวคือแม้ว่าครีมกันแดดจะมีค่าSPFซัก50 แต่มันก็ยังมี UV อีก3% ที่สามารถผ่านเข้าไปทำร้ายผิวคุณได้ (กำลังจะมีกฎระเบียบใหม่ที่ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการขององค์การอาหารและยาของสหรัฐ ระบุไว้ว่าจะไม่อนุญาติให้ระบุค่าSPF มากกว่า SPF30+) นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งๆที่คุณทาครีมกันแดดไว้อย่างหนาแล้วก็ตามแต่ผิวคุณก็ยังคล้ำขึ้นอยู่ดี

12. เวลาที่เหมาะสมในการทาครีมกันแดด....คุณควรจะทาครีมกันแดดประมาณ15-20นาทีก่อนที่คุณจะต้องไปเผชิญกับแสงแดด เพื่อที่จะให้ครีมกันแดดนั้นมีเวลาซึมและกระจายตัวในผิวคุณซะก่อน

13. งก!!! ครีมกันแดด....อย่างกครีมกันแดดกันเลยนะครับ มีรายงานจากนักวิชาการด้านโรคผิวหนังว่ามีคนจำนวนไม่น้อยทาครีมกันแดดในปริมาณแค่50%ของปริมาณที่แนะนำ นั่นเท่ากับว่าคนเหล่านั้นได้รับการปกป้องจากแสงแดดแค่ครึ่งหนึ่งของค่าSPF ที่ระบุไว้ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะพูดได้ว่า ครีมกันแดดราคาแพงนั้นที่จริงแล้วอันตรายยิ่งนัก เพราะผู้ใช้มักจะเสียดายที่จะทาครีมกันแดดในปริมาณมาก กลัวสิ้นเปลือง ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีราคาแพง เพราะเท่ากับว่าเรากำลังทำร้ายผิวทางอ้อมโดนไม่รู้ตัว อย่าเสียดายโดยใช่เหตุเลยครับ ไม่งั้นเราก็แค่หาครีมกันแดดที่ไม่แพงนักแต่มีส่วนผสมที่กันได้ครบทั้ง UVA และ UVB แล้วเราสามารถทาได้ในปริมาณเยอะอย่างสบายใจสบายกระเป๋าน่าจะดีกว่านะครับ

14. AHA, BHA, Retin-A, Renova, Differin....ผู้ที่ใช้สิ่งเหล่านี้หรือสารประกอบวิตามิน A (Retinoid) อย่างอื่น รู้มั้ยครับว่าสารเหล่านี้มันจะทำให้ผิวคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้น เพราะสารเหล่านี้จะไปผลัดเอาเซลล์ผิวชั้นบนออก คุณจึงมีโอกาสเสี่ยงจากภัยร้ายของแสงแดดมากกว่าคนอื่น แม้จะโดนแดดเพียงเล็กน้อย แต่อย่าเพิ่งตกใจเพราะมันก็จะไม่เป็นปัญหากับคุณ ถ้าคุณรู้จักเลือกและใช้ครีมกันแดดอย่างฉลาดและถูกต้อง

15. 1+1 = 2 ....แน่หล่ะหนึ่งบวกหนึ่งก็เท่ากับสอง แต่คุณอย่ามามั่วนิ่มใช้หลักคณิตศาสตร์นี้กับครีมกันแดดหล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณทาครีมตัวนึงมีค่าSPF8 อีกตัว SPF15 แล้วจะกลายเป็นว่าคุณจะได้รับการปกป้องในระดับ SPF23 ฉะนั้นถ้าคุณต้องที่จะได้รับการปกป้องจากค่าSPF 30 ก็ควรจะใช้ครีมตัวเดียวที่มีค่าSPF 30 ไปเลยจะดีกว่า

16. แย่แล้ว!!! ผิวไหม้จากการโดนแดด....แน่นอนครับแย่จริงๆ แต่คุณรู้มั้ยว่าอาการผิวไหม้แดดจะยังคงเกิดขึ้นอีกนาน 12-24 ชม.หลังจากอาการไหม้ในครั้งแรก แล้วคุณจะทำยังไงดีหล่ะเพื่อบรรเทาอาการผิวไหม้แดด ก่อนอื่นขอบอกไว้เลยว่าการเอาครีมพวกMoisturizer ทั่วๆไปมาโป๊ะทาที่ผิวอย่างหนาเตอะนั้นนอกจากจะไม่ช่วยคุณแล้ว มันกลับจะทำให้อาการคุณเป็นหนักขึ้น เพราะมันจะไปกักเอาความร้อนที่ผิวไว้ทำให้อาการไหม้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ควรทำก็คือให้รีบเอาน้ำเย็น (แต่ไม่ใช่เย็นจัดหรือน้ำแข็ง เพราะถ้าคุณขืนเอาน้ำแข็งไปประคบตรงผิวโดยตรงหล่ะก็มันก็จะกลายเป็นการไหม้อย่างอื่น ทีนี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก) หรือจะให้ดีก็ว่านหางจระเข้มาโป๊ะไว้ที่ผิวบริเวณนั้น ทำซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้ง ซัก2-3 ชั่วโมง และคุณอาจจะต้องได้รับยาที่ลดการอักเสบจากแผลไหม้ เช้น Aspirin แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจก็ควรจะปรึกษาแพทย์น่าจะดีที่สุด

17. แย่จัง ผิวแพ้ง่าย....หากคุณมีผิวแพ่ง่าย หรือกำลังเลือกซื้อครีมกันแดดให้เด็กๆ เพื่อป้องกันการแพ้สำหรับผิวบอบบางแต่ก็ยังสามารถกันแดดได้ครบ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี Titanium dioxide และ/หรือ Zinc oxide เป็นActive Ingredients เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้เป็นสารเคมีและจะทำให้ผิวระคายเคืองน้อยที่สุดในบรรดาสารออกฤทธ์ตัวอื่นๆ

....Q & A ในการทาครีมกันแดด....

Q...เราควรจะทาครีมกันแดดในขั้นตอนไหนดีของการบำรุงผิวประจำวัน
A...หลักการง่ายๆ ของการทาครีมกันแดดก็คือควรจะทาเป็นตัวสุดท้ายหลังจากที่คุณทาครีมบำรุงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว แต่หากคุณทาครีมกันแดดก่อนแล้วตามด้วยMoisturizer หรือครีมแต้มสิว นั่นเท่ากับว่าคุณได้ลดประสิทธิภาพของครีมกันแดดของคุณไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

Q...แล้วการทารองพื้นที่ไม่ผสมสารกันแดดหล่ะ
A...หากรองพื้นของคุณเป็นแบบบางเบา แบบน้ำ แบบTinted หรือแบบMoisturizer (ที่ไม่ผสมสารกันแดด) การที่คุณทารองพื้นเหล่านี้หลังครีมกันแดดมันก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดก็จะลดลงด้วย
แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้รองพื้นแบบทั่วไป แบบ cream to powder แบบครีม หรือแบบแป้งอัดแข็งผสมรองพื้น และคุณลงรองพื้นเหล่านี้อย่างเบามือและไม่ไปถูกับผิวมากนัก มันก็มีโอกาสน้อยหรือแทบจะไม่มีเลยที่ครีมกันแดดที่คุณทาไปนั้นจะถูกลดประสิทธิภาพลง

Q...ถ้าใช้รองพื้นที่ผสมสารกันแดดโดยไม่ใช้ครีมกันแดดหล่ะ
A...มีเทคนิคอยู่ที่คุณต้องทารองพื้นเหล่านั้นอย่างทั่วถึงและในปริมาณที่มากพอ ถ้าคุณทาเพียงบางๆ คุณก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้เต็มที่เท่ากับที่ระบุไว้ที่ผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมทาครีมกันแดด(ไม่ใช่รองพื้น)ที่คอและบริเวณโดนแดดอื่นๆ ด้วยนะครับ

Q...แล้วเราจะใช้แค่แแป้งที่มีค่าSPFระบุอยู่ด้วยได้หรือเปล่า
A...เป็นไปได้อยากที่การทาแป้งที่มีค่าSPFด้วยจะช่วยปกป้องใบหน้าคุณจากแสงแดด เพราะไม่มีทางที่คุณจะทามันได้ทั่วถึงทั้งใบหน้า แต่การใช้แป้งผสมสารกันแดดจะเหมาะมากว่าสำหรับการเติมระหว่างวันเพื่อช่วยเพิ่มหรือรักษาระดับของประสิทธิภาพในการกันแดดเอาไว้

Q...ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน
A...การหาครีมกันแดดซักตัวที่เหมาะกับผิวมันนั้นยากมาก เพราะส่วนผสมบางตัวที่ใช้ในครีมกันแดดนั้นมันไม่ดีกับคนผิวมันเลย และตัวครีมกันแดดเองก็สามารถทำให้ระคายเคือง หรือแม้กระทั้ง Titanium dioxide และ Zinc oxide เองก็สามารถไอุดตันตามรูขุมขนได้เช่นกัน แล้วจะทำอย่างไรหล่ะ คำตอบที่ดีที่สุดคือ "ทดลอง" เรายังคงต้องหาครีมกันแดดและทดลองใช้เองจริงๆ จึงจะรู้ว่ามันดีกับผิวของเราหรือไม่

อ้างอิงข้อมูลจาก //www.cosmeticscop.com




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2550 14:35:12 น.
Counter : 522 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

MyLoveMyBabe
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add MyLoveMyBabe's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com