…ธรรมะวันนี้…
"มีบุญอยู่หนึ่งชนิด ที่เจ้ากรรมนายเวรของเรา สามารถรับอานิสงส์ผลบุญได้ ก็คือ บุญจากการนั่งสมาธิ ภาวนา เจริญให้มาก
ทำให้บ่อย ทำให้มาก บุญนี้ จะช่วยให้เรารอดพ้นจากวิบากสารวนไม่ดีที่กำลังเล่นงานอยู่"
:-หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
_______________________
"เราก็ตามจิตนี้ไปก่อน เห็นว่ามันไม่แน่ ไม่เที่ยง ให้มันเห็นซัดๆของมัน มันไม่มีที่เอา มันก็วางอันนี้.....
จิตอันนี้ มันก็ วางจิตอันนี้....รู้เรื่องของมัน มันก็วางจิตอันนี้ หมดจิตที่จะต้องปรุงแต่งมันแล้ว มันก็ไม่ได้สงสัยอะไร ทั้งหลายเหล่านี้ อันนั้นท่านเรียกว่า....(จิตเดิม).."
:-หลวงปู่ชา สุภัทโท
_______________________
"สติ"เป็นแก่นของธรรม แก่นของธรรมแท้อยู่ที่"สติ" ให้พากันหัดทำ ให้ดี ครั้นมีสติแก่กล้าดีแล้ว ทำก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด กุศลธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลอยู่กับสติแล้ว สติเป็นใหญ่ สติมีกำลังดีแล้ว จิตมันรวมเพราะสติคุ้มครองจิต...
:-หลวงปู่ขาว อนาลโย.
_______________________
ทำเหตุลงไปแล้วไม่ได้รับผล ไม่มีหรอกในโลกนี้ เหตุดีก็ต้องได้รับผลดี เหตุชั่วก็ต้องได้รับผลชั่วมันจะสูญหายไปไม่มี
:-หลวงปู่ขาว อนาลโย.
_______________________
เวลาภาวนา อย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลายอย่าไปยึด
ความรู้ที่เราเรียนมา กับตำราหรือครูอาจารย์ อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วเวลาภาวนาให้มันรู้จากจิตของเรานี่แหละ จิตของเราสงบ เราจะรู้เอง ความรู้ที่รู้จากจิตที่สงบ นั่นแหละเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งที่สุด
:-หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
_______________________
“คำว่ามิจฉาทิฏฐินั้น หาได้ทำคุณประโยชน์แก่ผู้ใดเลย แต่กลับจะพาผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิครอบงำนั้นลงอบาย“
:-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
_______________________
"ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ."
แปลว่า...สิ่งใดก็ตาม เกิดแล้ว ดับทั้งนั้น."
:-หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน.
_______________________
ที่เจ็บๆกันอยู่เนี่ย ไม่ใช่ !! เพราะ..
"เขาหลอก" บางที "เรา" นั่นแหละ
ที่หลอกตัวเอง !!
:-ว.กนฺตวีโร
_______________________
”บางครั้งโชคชะตาก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง สร้างไมตรีและทำดีเข้าไว้ ถึง..แม้ว่า เรา..จะลิขิตโชคชะตาไม่ได้ แต่เราก็สามารถลิขิตชีวิตของเราได้“
:-ว.กนฺตวีโร
_______________________
“บุญ”
เป็นพลังงานที่เรา มองไม่เห็นหรอก แต่เป็นพลังงานดีที่พอเราจวนเจียนจะตกทุกข์ได้ยากจริงๆ แล้วไซร้ บุญกุศลนั้นแหละ ก็จะสามารถเข้ามาคุ้มครองตัวเรา
:-หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
_______________________
เรื่องการปฏิบัติธรรมนี้ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแล้ว ชีวิตเราจะราบรื่นเป็นมอเตอร์เวย์แปดเลนไปตลอดทาง ไม่ใช่ว่าทำความดี จะเจอแต่สิ่งดี
ที่ถูกใจเสมอไป โลกธรรมต้องมีอยู่เหมือนเดิม เพราะเป็นของๆโลกที่เราอยู่อาศัย คนดีเข้าป่า ยุงไม่ได้กัดน้อยไปกว่าคนชั่ว เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องโลกให้ชัดเจน โดยเฉพาะโลกธรรม ถ้าเรารู้เท่าทันโลกธรรม มันจะทำให้ใจของเราไม่ต้องไปขุ่นมัวกับมัน
:-พระอาจารย์ชยสาโร
_______________________
"โลกต้องการคนดีไม่ใช่เพื่อให้มารับรางวัล แต่เพื่อช่วยกันทำชีวิตและสังคม...ให้ดีขึ้น"
:-พระพรหมคุณาภรณ์ ปอ.ปยุตฺโต
_______________________
" ไม่มีอะไรในโลกนี้ นอกจาก สิ่ง ที่จิตรู้ ถ้าไม่มีจิตเสียอย่างเดียวโลกนี้ก็ไม่มี"
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
“จุดมุ่งหมายของการปฏิบัติภาวนา คือ การเปลี่ยนแปลงตนเอง
ให้ จิตใจ สะอาด สว่าง และสงบ
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
"ถ้าคิดว่า...เกิดมาชาติหนึ่งต้องได้ชั้นดีที่สุด ชั้นเลิศที่สุด แล้วก็ ขอให้เพ่งเล็งถึงชั้น"โลกุตตระ" คือ มีจิตใจอยู่เหนือการปรุงแต่งของสิ่งใดๆ อะไรๆจะเข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จะน่ารักหรือน่าเกลียดก็ตาม ไม่ทำ ให้เกิดการวิปริตทางจิตใจ มีจิตใจคงที่ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย"
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
"บุญ" ภาษาคน ทำให้จมอยู่ในวัฏฏะ
"บุญ" ภาษาธรรม ทำให้ข้ามจากวัฏฏะ
"ทาน" ภาษาคน เป็นการลงทุนค้าเพื่อหากำไร
"ทาน" ภาษาธรรม คือ การกระทำด้วยเมตตาบริสุทธิ์ ไม่หวังผล
ตอบแทนอะไร..
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
ความลับสุดยอด
"โลกทั้งหมด ตั้งขึ้น และ ดับลงที่.."ผัสสะ" เมื่อควบคุมผัสสะได้ ก็คือ"ควบคุมโลก" ทั้งหมดได้ นั่นก็คือ ควบคุมทุกข์ทั้งปวงได้"
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
"ความว่าง...อย่างแท้จริง ความว่าง...อย่างถูกต้อง ปรากฏแล้ว นั่นแหละ...คือ ธรรมะ ปรากฏ
ถ้าเรายังไม่มองเห็น ความว่าง...
อันแท้จริง ของสิ่งทั้งปวงแล้ว เรียกว่า...เรายังไม่เห็นความว่าง หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง ที่กล่าวได้ว่า ถ้าจิตของเราไม่เข้าถึงความว่างแล้ว ก็เรียกว่า...จิต ของเราไม่เข้า...ถึงธรรมะ ไม่รู้...จักธรรมะ
ต่อเมื่อใด จิต...ของเรา อยู่...กับความว่าง เข้าถึงความว่าง...เป็นจิต ว่าง...เมื่อนั้น...จะกล่าวได้ว่าจิต...
เป็นธรรมะ
จิต เป็นธรรมะเสียเอง จิต เข้าถึงตัวธรรมะ จนกลายเป็นธรรมะ
เสียเอง และกลายเป็น ความว่าง...
ไปด้วย ว่าง...จากตัวตน ไม่รู้สึกนึกคิดยึดถืออะไรๆ ว่าเป็นตัวเป็นตนไม่ยึดถือร่างกายเบญจขันธ์ นี้ว่า...เป็นตัว เป็นตน เพราะฉะนั้น มันจึงว่าง...จาก...ตัวตน
เมื่อจิตมีความรู้สึก ว่าง...จากตัวตน เข้าถึงความว่าง...จากตัวตนอย่างนี้ จิต เป็นธรรมะแล้ว จิต เป็นความว่างแล้ว จิต เป็นของจริงแล้ว และจิตนั้น...เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นจิตที่รู้...ที่ตื่น...ที่เบิกบาน..
เป็นจิตที่สะอาด..สว่าง...สงบ...ถึงที่สุดจริงๆ."
:-พุทธทาส อินฺทปญฺโญ
_______________________
...............................................
ขอขอบคุณที่มาจาก : เพื่อน LINE
มาอ่านธรรมะครับ