เมื่อวานเย็นลงไปซื้อของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
ซึ่งจะมีคูปองลดอยู่ในไลน์
ทุกครั้งที่ซื้อก็จะเปิดไลน์และแคชเชียร์จะกดหาคูปองลดให้
เพราะไม่เคยรู้ว่าคูปองไหนบ้างที่ใช้ลดได้
มาเมื่อวานเจอแคชเชียร์รุ่นใหญ่ หน้าตาไม่ค่อยรับแขก
ก็พยายามช่วยเขาหยิบของใส่กระเป๋าผ้าเอง
จะได้ลดงานเขาลงบ้าง
พร้อมเปิดไลน์หน้าที่มีคูปองลดรอไว้ให้เขาด้วย
"คูปองนี้ใช้ไม่ได้ หมดอายุไปแล้ว"
น้ำเสียงห้วน สั้น แข็ง และหน้าตาเฉยเมย
พยายามยื่นมือถือให้เธอ เพื่อให้เธอกดหาให้
แต่เธอทำไม่สนใจ เลยเก็บมือถือมา
และหยิบของที่เหลือใส่กระเป๋าผ้าเอง
"เอามา...เดี๋ยวดูให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ คิดเงินเลย" น้ำเสียงห้วน สั่น ตอบกลับทันควัน
"เอามาสิ ไม่มีลูกค้าแล้ว"
น้ำเสียงอ่อนลง ไม่ตึง ไม่แข็งเหมือนตอนแรก
"ไม่เป็นไรค่ะ คิดเงินเลยค่ะ" น้ำเสียงยังห้วนและสั้น ยืนยันว่า ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากคุณอีกแล้ว
ระหว่างเธอคิดเงิน ฉันเข็นตะกร้ารถเข็นเก็บคืนที่ให้ด้วย
จ่ายเงินเสร็จ เดินออก ไม่มองหน้าเธอเลย
เพราะจำหน้าเธอได้อยู่แล้ว เจอเธอบ่อยๆ
เคยใช้บริการด้วย แต่ไม่เคยใช้คูปองกับเธอ
ถ้าการใช้คูปองส่วนลด จะทำให้เจออะไรแบบนี้
ก็คงไม่ใช้อีกแล้ว ขอไปใช้ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ที่มีคูปองเป็นกระดาษหรือมีส่วนลดทันทีเมื่อซื้อครบจำนวนเงิน
แบบนั้นสบายใจกว่าเยอะ
ถามว่าโกรธเธอมั้ย แล้วทำไมต้องโกรธ
ตอบเลยว่า โกรธเธอ เพราะเธอทำให้รู้สึกว่า
ตัวเองไม่มีปัญญาจะใช้คูปองเอง แล้วต้องพึ่งพาเธอ
เหมือนว่าคูปองนี้มันสำคัญจนต้องง้อเธอ
เมื่อเธอแสดงออกมาแบบนั้น จึงต้องแสดงกลับให้เธอรู้ว่า
คูปองไม่ใช่ส่วนสำคัญ มีเงินจ่ายเต็มจำนวน
และที่นำมาใช้ เพราะทุกครั้งแคชเชียร์
จะดูแลจัดการให้อย่างดี ไม่มีแสดงท่าทีแบบนี้สักคน
เจอแบบนี้ก็คงไม่คิดจะใช้อีกเลย
ขอบคุณที่ทำให้ได้บทเรียนว่า
#คูปองออนไลน์ถ้าใช้ยากก็อย่าใช้มันเลยดีกว่า
บางทีเราไม่อยากเจ้าคิดเจ้าแค้น
แต่บางคราว
การเอาคืนบ้างก็เป็นการเอาคืน
และได้ดัดนิสัยคนไปพร้อมๆกัน