‘สุข’ด้วยปัญญาท่ามกลางความขัดแย้ง
เข็มทิศนำชีวิตไปในสิ่งถูกต้อง "ความสุขและความทุกข์" ของแต่ละคนมักมีนิยามที่ไม่เหมือนกัน อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนบางคนแม้เจ็บป่วย แต่หากมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต จิตใจก็สงบลงได้บางคนเพรียบพร้อมทุกอย่าง แต่ก็อาจหาความสุขที่ยั่งยืนไม่ได้ นั่นเป็นเพราะมุมมองต่อความสุขและความทุกข์ของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่หากรู้จักมองสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างตื่นรู้ ก็จะทำให้จิตใจสงบลงได้ดังสำนวนไทยที่ว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว" นพ.บัญชา พงษ์พานิช กรรมการบริหารแผน คณะ 6 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในเรื่องของความสุขนั้นเรามักจะยึดติดอยู่กับเรื่องของการมีความสุขทางกาย และทางใจซึ่งเป็นความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวถือว่าเป็นความ สุขเทียม ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงทาง สสส.จึงได้ตั้งโจทย์ขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสุขที่แท้จริงได้ คือ อยากให้คนไทยมีสุขภาวะที่ยั่งยืน ประกอบด้วยสุขภาวะทางกาย จิต สังคม และปัญญา ที่ไม่ใช่เพียงแค่การปราศจากโรคภัยหรือความพิการเท่านั้น "ประจวบ เหมาะกับที่เครือข่ายพุทธิกาได้ดำเนินการส่งเสริมความสุขให้แก่พี่น้อง ประชาชนอยู่พอดี ดังนั้น ทาง สสส. จึงได้เข้าไปให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและในปีนี้ก็เป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ทั้ง 2 องค์กรได้ดำเนินการร่วมกัน โดยโครงการล่าสุดที่ได้จัดทำขึ้นมาคือ การจัดประกวดวิดีโอคลิปในหัวข้อ"สุขแท้ด้วยปัญญา" เพื่อเปิดพื้นที่ระดมสื่อสร้างสรรค์ร่วมสมัยจากประชาชนทั่วไป ในการเผยแพร่แนวคิดสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญา โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดล้วนเต็มไปด้วยมุมมอง "ความสุขที่แท้" ในหลากหลายรูปแบบด้วยกัน" นพ.บัญชา กล่าว พร้อม กันนี้ยังได้จัดงานมอบรางวัลให้กับผู้ที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ด้วย ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ แยกคอกวัว กรุงเทพฯพร้อมเชิญวิทยากรจากหลากสาขาอาชีพ มาร่วมให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำชีวิตให้มีความสุขในหัวข้อ "สุขแท้ด้วยปัญญา ท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม" ด้วย สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัล ล้วนมาจากการคัดเลือกของคณะกรรมการหลากหลายสาขา ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา และนักวิจารณ์ศิลปะที่มีความรู้ ความสามารถมาดำเนินการ นพ.บัญชา กล่าว่า จะเห็นว่าในแต่ละเรื่องที่ได้รับรางวัลนั้น สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการใช้สติปัญญาอย่างถูกต้องเหมาะสม ด้วยการเสนอแง่คิดเกี่ยวกับการรู้จักทุกข์ รู้จักสุขโดยสามารถอธิบายถึงความทุกข์ของคนคนหนึ่งที่มีผลกระทบต่อคนรอบข้าง ได้เป็นอย่างดีและหากทุกคนตั้งมั่นอยู่ในธรรมใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา ทุกข์ที่มีอยู่ก็จะสามารถคลี่คลายกลายมาเป็นความสุขได้ "สำหรับโครงการสุขแท้ด้วยปัญญา เป็นโครงการที่มุ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนทางทัศนคติ4 ประการ อันเป็นพื้นฐานสู่สุขภาวะทางปัญญาได้แก่ 1.คิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง 2.ไม่พึ่งพิงความสุขทางวัตถุอย่างเดียว 3.เชื่อมั่นในความเพียรของตนไม่หวังลาภลอย คอยโชคและ 4.รู้จักคิดอย่างมีเหตุมีผลและเป็นประโยชน์เกื้อกูล" นพ.บัญชา กล่าว ด้านพระมหาพงษ์นรินทร์ ฐิตวังโสพระนักคิด นักเขียน และเจ้าของรางวัลศรีบูรพาปีล่าสุดร่วมอภิปรายว่า ปัญญาถือเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอันประเสริฐ นอกจากจะปกป้องให้เราไม่เป็นเหยื่อของเหตุการณ์ต่างๆที่มากระทบแล้ว ยังเป็นเสมือนเข็มทิศที่ช่วยนำพาชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องได้ก่อให้ เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น ความปกติสุขทางปัญญาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สุขภาวะทางปัญญา" สุขภาวะดังกล่าวแม้มีความสำคัญอย่างยิ่งแต่มักถูกมองข้าม ผู้คนจำนวนมากกลับไปพึ่งพาวัตถุสิ่งเสพและวิธีคิดที่ไม่ถูกต้องจึงประสบกับ ความทุกข์และก่อปัญหาแก่สังคมหากคนไทยหันมาใส่ใจกับสุขภาวะทางปัญญาให้มาก ขึ้น สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่มีความสุขและน่าอยู่กว่านี้มาก ขณะเดียวกันครอบครัวก็จะอบอุ่น ชุมชนก็จะเข้มแข็งขึ้นด้วย ส่วนมีสุขแจ้งมีสุข พิธีกรชื่อดัง กล่าวว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมานั้นล้วนมีเหตุผลอยู่ในตัวมันเองเสมอ เพียงแค่ต้องมองให้รอบด้าน อย่ามองแค่ในมุมของเรา แต่จะต้องมองในมุมของคนอื่นด้วย โดยต้องเข้าใจว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงตัดสินใจกระทำการต่างๆ ออกมา พูดง่ายๆ ก็คือ จะต้องใช้ปัญญาในการมองและแก้ไขปัญหาด้วยนั่นเอง "กับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมานั้น ไม่เคยรู้สึกโกรธแค้นเลย แต่กลับเข้าใจมากกว่า ถึงสาเหตุของการกระทำเปรียบเสมือนกับฝีเม็ดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบนตัวเราซึ่งเราไม่สามารถเกลียดมันได้ เพราะมันอยู่ในตัวของเราเอง นับวันฝีเม็ดนั้นก็เริ่มขยายวงกว้างออกไป จนในที่สุดก็แตก"มีสุข กล่าว ขณะที่ ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ นักกิจกรรม จากเครือข่ายสันติวิธี กล่าวว่าพฤติกรรมทั้งหมดของเราล้วนเริ่มต้นจากความคิด ความเห็น และความเชื่อ เราคิดหรือเชื่ออย่างไร เราก็ทำอย่างนั้นหากสิ่งเหล่านั้นประกอบด้วยปัญญามีเหตุผล หรือตั้งอยู่บนความรู้ที่ถูกต้องย่อมส่งผลให้เรามีพฤติกรรมที่ถูกต้องดีงาม และนำไปสู่ความสุขไม่ว่าจะเป็นความสุขทางกาย สังคม หรือจิตใจ จะเกิดขึ้นได้ล้วนขึ้นอยู่กับว่าเรามีปัญญาหรือใช้ปัญญามากน้อยเพียงใด นี่คือความเห็นเกี่ยวกับเรื่องความสุขของชีวิตจากผู้อภิปรายชื่อดัง ที่ระบุตรงกันว่าความสุขหรือความทุกข์อยู่ที่มุมมองของเราต่อสิ่งที่เข้า มากระทบกับ หากมองทุกสิ่งรอบตัวอย่างมีสติและรู้เท่าทันก็จะทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ที่ยั่งยืนได้ ปัญญาถือเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอันประเสริฐ นอกจากจะปกป้องให้เราไม่เป็นเหยื่อของเหตุการณ์ต่างๆ ที่มากระทบแล้วยังเป็นเสมือนเข็มทิศที่ช่วยนำพาชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูก ต้องได้ ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Free TextEditor
Create Date : 03 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 16:22:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 299 Pageviews. |
|
|