|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ANTHRAX: Spreading 'n' Thrashing the Heaviness
ในช่วงกาลสมัยที่ hair band และ New Wave Of British Heavy Metal (NWOBHM) กำลังครองพื้นที่ mainstream heavy metal ในช่วงยุค 80s อยู่นั้น เด็กหนุ่มอเมริกันชาว headbanger ทั้งหลายผู้พิศสมัยในดนตรีที่ก้าวร้าวและรุนแรงกว่า รวมถึงด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นกว่าได้ร่วมกันสร้างวิวัฒนาการแห่งความหนักหน่วงของดนตรีเฮฟวี่เมทัล เมื่อพวกเขานำมาดนตรีสายพันธ์นี้มาเร่งสปีดให้เร็วขึ้นดิบและหนักหน่วงกว่า พร้อมกับการสลัดคราบไคลจากเครื่องสำอางที่ใช้เมคอัพ ทรงผม และเครื่องแต่งกายบ้า ๆ บอ ๆ ที่บางครั้งกลายเป็นจุดขายได้มากกว่าดนตรีห่วย ๆ ที่พวกเขาแต่งสรรค์ขึ้นเพียงเพื่ออ้อนสาว และยอดขายผลงานที่ได้มาอันเนื่องมาจากแฟชั่นปัญญาอ่อนเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป เมื่อดนตรีที่หลักกระโหลกกว่าและซีเรียสกว่าอย่าง thrash metal ได้ถือกำเนิดขึ้น
Anthrax คือชื่อวงดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เฮฟวี่เมทัลแล้วก็คือ New Yorker อารมณ์ขันกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้ปลุกกระแสดนตรี thrash metal (หรือที่บ้านเรามักรู้จักกันในชื่อ speed metal) ให้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเชื้อพันธ์ดนตรีที่นับว่าบ้าบิ่นที่สุดในโลกนับตั้งแต่ช่วงปี 80s เป็นต้นมา โดยกลางปี 1981 เมื่อ Scott (Scott Ian) ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกผู้หลงไหลในดนตรีแบบเดียวกับที่เขาชื่นชอบอย่างเช่น AC/DC, Black Sabbath ไปจนถึงพวก New York hardcore และ punk เข้าร่วมอุดมการณ์ในช่วงเริ่มต้นสมาชิกของวงเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างบ่อยครั้ง กระทั่งพวกเขาออกงานเดโมแรกที่บรรจุไปด้วยเพลง 5 เพลง สมัยนั้น Neil Turbin รับตำแหน่งร้องนำและได้ Ross the Boss (มือกีตาร์วง Manowar) มาช่วยโปรดิวซ์งานให้ ซิงเกิ้ล แรกของพวกเขามีชื่อว่า Soldiers of Metal อันส่งผลให้ Anthrax กลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในแวดดวงเมทัลอันเดอร์กราวน์ด
ด้วยอิทธิพลจากวง NWOBHM อย่าง Judas Priest และ Iron Maiden ผสมผสานกับความก้าวร้าวของ hardcore punk ทำให้ดนตรีของ Anthrax กลายเป็นของใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร(นอกจากนี้พวกเขายังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นวงเฮฟวี่เมทัลวงแรกที่ทำลายกำแพงกั้นเขตแดนระหว่างดนตรี punk, rap และheavy metal ออกจากกัน โดยเฉพาะไสตล์การร้องแบบติดแร็ฟของ Belladonna ที่เข้ามาเป็นสมาชิกในภายหลัง) สมาชิกยุคดั้งเดิมประกอบด้วย Scott Ian (guitar), Dan Spitz (guitar), Neil Turbin (vocal), Charlie Benante (drums) และDan Liker (Bass) ออกอัลบั้มแรกในปี 1984 ชื่อว่า Fistful Of Metal ในปีถัดมา Liker ออกจากวงไปและได้ฟอร์มวง Nuclear Assault ขึ้น Frank Bello จึงเข้ามาเสียบแทน ส่วน Turbin เองก็ตัดสินใจลาออกเช่นกันแต่ก็ป็นโชคดีของทางวงที่ได้ Joey Belladonna มาร่วมงานแทน หลังจากนั้นทางวงได้ออกผลงาน EP คือ Armed And Dangerous และตามด้วยสตูดิโออัลบั้มเต็มลำดับถัดมาคือ Spreading The Disease สองอัลบั้มนี้ส่งผลให้ทางวงได้ชื่อว่าเป็นวงที่ทำดนตรีออกมาได้ดิบกร้าวมากที่สุดซึ่งก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของ Anthrax เองไปโดยปริยาย
ปี 1987 พวกเขาออกอัลบั้ม Among The Living ซึ่งทำให้พวกเขาเพิ่มความเก๋ามากขึ้นในฐานะของวง เมทัลชั้นหัวแถวในสมัยนั้น อารมณ์ภาคดนตรีในอัลบั้มนี้มีความแตกต่างจากอัลบั้มก่อน ๆ อยู่มากด้วยการนำดนตรี hardcore punk เข้ามาผสมจนกลิ่นฟุ้งตลบ ขณะเดียวกันเนื้อหาเพลงยังเน้นไปในเชิงแนวคิดเกี่ยวกับสังคมอีกด้วย I Am The Law กับ Indians " (พูดถึงชาวพื้นเมืองอเมริกัน) คือ tracks อมตะนิรันด์กาลที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยเช่นกัน State Of Euphoria คือผลงานลำดับต่อมาที่ออกตามมาติด ๆ ในปี 1988 ที่อัดแน่นไปด้วย thrash metal ระดับคลาสสิคล้วน ๆ ในช่วงนั้นพวกเขากลายเป็นหนึ่งในวงแธรชเมทัลระดับเจ้าพ่อไปเสียแล้วด้วยการถูกยกย่องขึ้นบัลลังก์ให้เป็นหนึ่งใน 4 เจ้าแห่งแธรชเมทัลระดับโลก (ประกอบด้วย Metallica, Slayer, Megadeth และAnthrax) หรือชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น Four Kings, Four Horsemen และBig Four of the thrash metal movement อย่างไรก็ตามแธรชเมทัลของ Anthrax นั้นมีซาวน์ดที่แตกต่างออกไปจาก 3 วงอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ปี 1990 ทางวงออกผลงานลำดับต่อมาในชื่อ Persistence Of Time ที่ถือได้ว่าเป็นอัลบั้มที่เจ๋งที่สุดที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเมื่อเทียบกับอัลบั้มก่อนหน้านี้ ด้วยการให้ความสำคัญมากขึ้นในทุก ๆ ด้านของการ production ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเพลง หรือการบันทึกเสียง ดนตรีมีรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมช่องว่างระหว่างดนตรี rap และmetal ดูเหมือนจะปิดสนิทลงเมื่อพวกเขาร่วมออกทัวร์กับวงเพื่อนซี้ N.Y. Rapper สุดเก๋า Public Enemy (Bring The Noise อาจถือได้ว่าเป็นเพลง rap metal แรก ๆ ของโลก) อัลบั้มนี้คืออัลบั้มแธรชที่ชาวเฮดแบงเกอร์สมควรอย่างยิ่งที่จะมีไว้ในครอบครอง
Sound OF White Noise (1993) คือผลงานแรกที่ John Bush (อดีตนักร้องนำวง Armored Saint) เข้ามารับตำแหน่งร้องนำแทน Belladonna ซึ่งถูกมติของวงไล่ออกไปอันเนื่องมาจากความขัดแย้งบางประการที่สั่งสมมานานจนมาถึงจุดแตกหัก กระนั้นก็ตาม SOWN เป็นอัลบั้มที่ทำออกมาได้แข็งแกร่งไม่แพ้ Persistence Of Time ซึ่งหมายถึงว่าการจากไปของ Belladonna ไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานโดยรวมของ Anthrax มากนัก
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Spitz ตัดสินใจออกจากทีมไปช่วงที่วงกำลังทำงาน Stomp 442 (ปี 1995) แม้ว่าจะมีขุนขวานในตำนานและเพื่อนซี้ปึ๊กอย่าง Dimebag Darell (อดีตมือกีตาร์วง Pantera/Damage Plan ผู้ล่วงลับไปแล้ว) มาช่วยงานด้านภาคกีตาร์ มันก็ยังเป็นอัลบั้มที่แสนสุดจะน่าเบื่อ การวิจารณ์ในเชิงลบทั้งในตัวอัลบั้มเองและเกี่ยวกับสมาชิกของทางวงเอง รวมถึงกระแสของดนตรี grunge ที่เข้ามาเบียดบังรัศมี คล้ายจะเป็นการตอกย้ำให้ Anthrax กลายเป็นวง 4 ชิ้นที่อยู่ในช่วงที่ตกต่ำสุด ๆ เช่นเดียวกับอัลบั้ม Volume 8: The Threat Is Real ที่ออกมาหลังจากนั้นสามปี (1998) แม้คุณภาพของงานจะเป็นเมทัลระดับมาตรฐานก็ตาม มันกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าไรนัก เพราะแม้ว่ากระแสดนตรีกรันจ์จะเริ่มโรยราลงแต่ nu-metal เริ่มจะมาแรงแซงขึ้นแทน การเล่นดนตรีแธรชในแบบโอลสคูลด์ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว มีแต่เพียงแฟนพันธ์แท้เท่านั้นที่ยังคงให้การสนับสนุนทางวงอยู่อย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้แน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับ Anthrax เพียงวงเดียวเท่านั้น อีก 3 บิ๊กเอง หรือแม้แต่วงแธรชชั้นนำทั้งหลายทั้งจากแถบ Bay Area และแหล่งอื่น ๆ ใน USA และทั่วทุกมุมโลกต่างก็ถูกกระแสดังกล่าวเล่นงานขัดแข้งขัดขาจนเป๋ไปตาม ๆ กัน
หลังจากยุครุ่งเรืองของ Anthrax ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้วสมาชิกแต่ละคนต่างมีหน้าที่อื่น ๆ ต้องทำกันนอกเหนือจากการอยู่ในวงเฮฟวี่เมทัลติดดินเพี้ยน ๆ ที่ใส่กางเกงขาสั้นเล่นคอนเสิร์ต อย่างไรก็ตามพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่ในสารบบของดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่เขามอบชีวิตให้ Frank ไปช่วยเล่นเบสให้กับวง Helmet (อเมริกันฮาร์ดคอร์พังค์/เมทัล) ส่วน Scott เองก็ไปเสนอหน้าทางทีวีรายการเพลงเฮฟวี่เมทัลที่ชื่อว่า Rock Show ของ VH1 และได้แสดงเป็นส่วนหนึ่งของวงเมทัลนาม Titannica ในภาพยนต์เรื่อง Run, Ronnie, Run อีกด้วย ในช่วงซัมเมอร์ 2000 ทางวงได้ไปแจมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทัวร์ของ Motley Crue กับ Megadeth นอกจากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้ม tribute วง Twisted Sister (2001) ด้วยเพลง Destroyer มือกีตาร์คนใหม่ Rob Caggiano เข้าร่วมวงเมื่อฤดูใบไม้ผลิ 2002 เพื่อช่วยเสริมทัพให้แก่ทางวงทำอัลบั้มใหม่ ซึ่งในปีถัดมา (2003) นั้นเองพวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มที่สาวกทั่วโลกต่างรอคอย We Come For You All John ยังคงรับหน้าที่แหกปากให้กับทางวงอยู่เช่นเคย อัลบั้มนี้ได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกเสียเป็นส่วนมาก อีกทั้งการทัวร์สนับสนุนอัลบั้มยังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม Anthrax คืออีกหนึ่ง Thrashers ที่ลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อกลับมาทวงบัลลังก์คืน ในช่วงที่เฮฟวี่เมทัลเริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง เช่นเดียวกับวงหัวแถวอย่าง Death Angel, Exodus, Over Kill, Megadeth, Metal Church, etc
20 ปีบนเส้นทางสายเมทัลหนักกระโหลกของ Anthrax ณ ปัจจุบันนี้สมาชิกยุคคลาสสิค Among The Living อันประกอบด้วย Scott, Spitz, Frank, Charlie และ Belladonna ได้กลับมา reunion เพื่อแพร่กระจายโรคร้ายกันอีกครั้งโดยการนำของ Charlie ที่คิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่พวกเขาจะต้องกลับมาปลดปล่อยพลังความบ้ากันอีกครั้งเสียที ด้วยการออกทัวร์ทั่วโลกอย่างบ้าคลั่งในรอบ 13 ปีที่พวกเขาไม่ได้ร่วมงานกัน อย่างไรก็ตาม John และRob ยังคงมีสถานะของการเป็นสมาชิกของ Anthrax เช่นเดิม Discography
Fistful Of Metal [Megaforce, 1984]
1. Deathrider 2. Metal Thrashing Mad 3. I'm Eighteen 4. Panic 5. Subjugator 6. Soldiers Of Metal 7. Death From Above 8. Anthrax 9. Across The River 10. Howling Furies
สตูดิโออัลบั้มเต็มชุดแรกอย่างเป็นทางการของ Anthrax เมื่อครั้งที่ Neil Turbin เป็นนักร้องนำ และ Dan Liker เป็นมือเบส พวกเขาคัฟเว่อร์เพลงหนึ่งของ Alice Cooper ที่ชื่อ Im Eighteen ดนตรีโดยรวมเป็นสปีดแธรชเมทัลดิบ ๆ เพรียว ๆ ที่เน้นความดุดันรวดเร็วและก้าวร้าวผสมผสานอิทธิพลของ Maiden และPriest แทร็คเปิดอัลบั้ม Deathrider คือเพลงสุดฮิตชวนโยกหัวที่ทางวงไม่เคยลืมที่จะจัดให้แฟน ๆ ไม่ว่าจะคอนเสิร์ตใดก็ตาม อัลบั้มนี้ส่งผลให้เหล่า New Yorkers ได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับ Metallica และRaven ในประเทศบ้านเกิด
Spreading The Disease [Island, 1985]
1. A.I.R. 2. Lone Justice 3. Madhouse 4. S.S.C./Stand Or Fall 5. The Enemy 6. Aftershock 7. Armed And Dangerous 8. Medusa 9. Gung-ho
อัลบั้มนี้ออกมาหลังจากที่ Metallica ออกอัลบั้ม Ride The Lighting มาได้ปีนึง และเป็นปีเดียวกับ Hell Await ของ Slayer และ Killing Is My Business
And Business Is Good ของ Megadeth และวงแธรชชั้นนำอีกหลายวงเช่น Exodus และ Agent Steel ยุครุ่งเรืองของดนตรีสายพันธ์นี้ได้เริ่มขึ้นมาระยะหนึ่ง และวง Anthrax เองก็กลายเป็นหนึ่งใน Big Four ไปแล้วด้วย อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกที่ได้ Joey Belladonna มารับตำแหน่งร้องนำแทน Turbin ที่ออกไปทำงานเดี่ยวและ Liker เองก็ออกไปตั้งวง Nuclear Assault
Among The Living [Island, 1987]
1. Among The Living 2. Caught In A Mosh 3. I Am The Law 4. Efilnikufesin (N.F.L.) 5. A Skeleton In The Closet 6. Indians 7. One World 8. A.D.I./Horror Of It All 9. Imitation Of Life
อัลบั้มที่ส่งผลให้ Anthrax เป็นวงที่น่าจับตามองเป็นที่สุดในเวลานั้นด้วยการนำซาวน์ดแบบ hardcore punk มาผสมกับดนตรี metal ได้อย่างลงตัวซึ่งต่อมาภายหลังกลายเป็นซาวน์ดเฉพาะของ Anthrax ไปในที่สุด ส่วนเนื้อหาของเพลงนั้นทางวงเริ่มซีเรียสกับทัศนคติและแนวคิดเกี่ยวกับสังคมมากขึ้น แทร็คเด่น ๆ ดัง ๆ อัดแน่นกันเต็มอัลบั้ม เช่น Caught in a Mosh," "I Am the Law," "Indians," "One World," และ The Stand โดยเฉพาะ I Am The Law นั้นติดชาร์ทซิงเกิ้ลฮิตอันดับที่ 32 ใน UK ส่วนอัลบั้มนั้นติดอันดับที่ 18 พวกเขาเป็นวงแธรชวงที่สองที่ได้ไปชัวร์ที่ Donington ร่วมกับ Metallica (วงแรกคือ Metallica เมื่อปี 1985) ส่งผลให้ Anthrax กลายเป็นวงรุ่นใหญ่เก๋าโคตรไม่แพ้ Metallica และSlayer ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคเฟื่องฟูของดนตรีสปีดแธรชอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อ Anthrax กอดคอกับ Metallica ขึ้น Donington พวก hairband ทั้งหลายต่างต้องหลีกทางให้อันเนื่องจากบารมีของพี่ ๆ ท่านมันช่างยิ่งใหญ่เหลือหลาย Among the Living คืออัลบั้มที่ควรมีไว้ครองครองอย่างไม่ต้องคิดมากให้วุ่นวาย State OF Euphoria [Island, 1998]
1. Be All, End All 2. Out Of Sight, Out Of Mind 3. Make Me Laugh 4. Antisocial 5. Who Cares Wins 6. Now It's Dark 7. Schism 8. Misery Loves Company 9. 13 10. Final้
อัลบั้มที่ดูเหมือนว่าจะถูกผลิตออกมาอย่างลวก ๆ ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Among The Living แต่กระนั้นก็ตามมันอัดไปด้วยแธรชเมทัลเจ๋ง ๆ หลายเพลงเช่นเพลงเปิดอัลบั้ม Be All, End All, Who Cares Wins, Schism และAntisocial (คัฟเวอร์วง Trust จากฝรั่งเศส) คอนเส็ปการทำงานดนตรียังคงเน้นอารมณ์ขัน และเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมที่มันส์และเข้มข้น แม้จะไม่ใช่อัลบั้มที่เป็นการพัฒนาก้าวหน้าขึ้นของทางวงแต่ อย่างน้อยอัลบั้มนี้ก็สร้างฐานแฟนเพลงใหม่ ๆ ได้อีกเพียบPersistence Of Time [Island, 1990]
1. Time 2. Blood 3. Keep It In The Family 4. In My World 5. Gridlock 6. Intro To Reality 7. Belly Of The Beast 8. Got The Time 9. H8 Red 10. One Man Stands 11. Discharge
เหมือนจะเข็ดหลาบจากครั้งที่ออกอัลบั้ม State Of Euphoria อัลบั้มนี้จึงคลอดออกมาด้วยคุณภาพที่คับแก้วลบข้อครหาและคำวิจารณ์เชิงลบที่มีตออัลบั้มนั้นไปโดยสิ้นเชิง นี่คืองานที่ดีที่สุดทั้งแต่ที่พวกเขาออกอัลบั้มแรกมาก็ว่าได้ทุกเพลงในอัลบั้มคือแธรชเมทัลชั้นเยี่ยมที่มีกลิ่นไอพังค์โชยไปทั่วโดยเฉพาะเพลง Got The Time ที่คัฟเวอร์ Joe Jackson มา ส่วน Keep It In The Family คือแทร็คสุดคลาสสิคที่อุดมไปด้วยท่อนริฟมันส์ ๆ ยากที่จะห้ามใจไม่ให้โยกหัวตาม Anthrax ได้ออกทัวร์ร่วมกับ Megadeth และSlayer อันเป็นปรากฏการณ์ที่ทางวงถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจสุด ๆ Sound Of White Noise [Elektra, 1993]
1. Potter's Field 2. Only 3. Room For One More 4. Packaged Rebellion 5. Hy Pro Glo 6. Invisible 7. 1000 Points Of Hate 8. Black Lodge 9. C11 H17 N2 O2 S Na 10. Burst 11. This Is Not An Exit
เหตุกาณ์ช็อคโลกแห่งเมทัลเกิดขึ้นเมื่อ Belladonna ถูกไล่ออกจากวงซึ่งเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา ภาพของวงเมทัลที่มีนักร้องนำสวมชุดนักรบอินเดียนแดงคล้ายจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เมื่อ John Bush (อดีตนักร้องนำวง Armored Saint) เข้ามารับหน้าที่แทน ภาคดนตรีของ Anthrax เองก็มีความทันสมัยขึ้นเป็นคนละเรื่องกับสมัย Among The Living ยุคของ Bush ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อัลบั้มนี้ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมถึงขั้นขึ้นอันดับที่ 14 ใน UK แม้ว่าประเด็นเรื่องนักร้องนำยังคงเป็นที่วิพากวิจารณ์กันก็ตาม Stomp 442 [Elektra, 1995]
1. Random Acts Of Senseless Violence 2. Fueled 3. King Size 4. Riding Shotgun 5. Perpetual Motion 6. In A Zone 7. Nothing 8. American Pompeii 9. Drop The Ball 10. Tester 11. Bare
เรื่องเซ็ง ๆ เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Dan Spitz มือลีดกีตาร์และผู้ร่วมก่อตั้งวงได้ลาออกไป เดือดร้อนถึง Dimebag Darrell ต้องเข้ามาช่วยงานภาคกีตาร์ให้กับอัลบั้มนี้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรไต่ได้แค่อันดับ 75 บนชาร์ท ขณะที่กระแสดนตรีกรั๊นจ์ ตามด้วยนิวเมทัลมันก็ช่างมาแรงกันเสียเหลือเกิน ยุคต่ำสุดของ Anthrax มาถึงแล้ว นี่คือจุดจบของพวกเขาหรือ? Volume 8: The Treat Is Real [Tommy Boy, 1998]
1. Crush 2. Catharsis 3. Inside Out 4. Piss N Vinegar 5. 604 6. Toast To The Extras 7. Born Again Idiot 8. Killing Box 9. Harms Way 10. Hog Tied 11. Big Fat 12. Cupajoe 13. Alpha Male 14. Stealing From A Thief 15. Pieces--(unlisted Track)
Anthrax พยายามถีบตัวเองให้รอดตายจากกระแสดนตรีเมนสตรีมในขณะนั้น เพราะแน่นอนว่าดนตรีแธรชเมทัลไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างอีกต่อไปแล้ว คล้ายกับว่าพวกเขาพยายามทำดนตรีให้แตกต่างไปจากเดิมมากขึ้นด้วยการเข้าหาภาคอคูสติค แม้แต่ดนตรีคันทรี่ร็อค อย่างไรก็ตามเพลงอย่าง Crush และBorn Again Idiot คืองานเมทัลคุณภาพที่ไม่ควรมองข้าม แต่ผลตอบรับกับอัลบั้มนี้มีน้อยมาก ไม่เหมือนเช่นในอดีตที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นชวนติดตาม Weve Come For You All [Beyond, 2003]
1. Contact 2. What Doesnt Die 3. Refuse To Be Denied 4. Safe Home 5. Any Place But Here 6. Nobody Knows Anything 7. Strap It On 8. Black Dahlia 9. Cadillac Rock Box 10. Taking The Music Back 11. Crash 12. Think About An End 13. W.C.F.Y.A. 14. Safe Home (Acoustic) (Bonustrack) 15. Were A Happy Family (Bonustrack)
หลายปีที่ผ่านมาก่อนที่จะออกงานอัลบั้มนี้นั้นชื่อเสียงและความนิยมที่ Anthrax เคยสั่งสมมาอย่างท่วมท้นนั้นจางหายไปอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงพลิกผันของแวดวงดนตรีเมนสตรีม พวกเขาไม่ได้ร่วมงานกับสังกัดใหญ่ ๆ มาร่วมแปดปีแล้ว เหตุการณ์วันที่ 11 กันยา ก็ยิ่งเป็นตัวฉุดให้ชื่อของทางวงพลอยมีมลทินไปด้วยทั้ง ๆ ที่มันไม่เกี่ยวกับตัวพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เชิ้อโรค anthrax กลายเป็นอาวุธชีวภาพที่ผู้ก่อการร้ายใช้เป็นเครื่องมือในการปฏบัติการ Weve Come For All อัลบั้มที่ออกมาสุดเจ๋งแบบโคตรจะเซอร์ไพรซ์และทำให้ใครต่อใครอึ้งไปตาม ๆ กัน ถือได้ว่าเป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคของ John Bush พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีทั้งจากแฟนเก่า ๆ ที่ต่างรอคอยอัลบั้มสุดเด็ดนี้ รวมทั้งเด็กเมทัลยุคใหม่เองต่างก็ได้เรียนรู้ว่า Anthrax คือใครและอะไรทำให้พวกเขาเป็นวงที่อึดตายยาก การออกผลงานอัลบั้มนี้มาแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีแรงทำงานกันต่อไปแม้จะล้มลุกคลุกคลานกันไปบ้างในอดีต ชื่ออัลบั้ม Weve Come for All ก็สื่อถึงความตั้งใจที่พวกเขามีให้แก่ชาวเมทัลเฮดอย่างแน่นอน
ปล: นอกจาสตูดิโออัลบั้มที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอัลบั้มที่น่าจดจำและควรคู่แก่การศึกษาอีกบางส่วน อย่างเช่น Armed And Dangerous EP (1995) I'M THE MAN EP (1987) Penikufesin (1989) Live: The Island Years (1994) Mosher 1996 1991 (1998) Return Of The Killers
(1999) Madhouse: The Very Best Of Anthrax (2001) Music Of Mass Destruction (Live 2004) The Greater Of Two Evils (2004) และANTHROLOGY:NO HIT WONDERS (1985-1991) (Remastered Anthology)
Anthrax's homepage
Create Date : 11 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2548 10:05:02 น. |
|
31 comments
|
Counter : 2557 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Fuller BP (Brad Pitt ) วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:21:40:51 น. |
|
|
|
โดย: Tumble วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:22:22:43 น. |
|
|
|
โดย: M12 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:22:59:01 น. |
|
|
|
โดย: melodic IP: 203.149.7.50 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:23:00:16 น. |
|
|
|
โดย: SSTR IP: 58.9.5.147 วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:23:47:29 น. |
|
|
|
โดย: เครา IP: 61.91.142.38 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:2:18:10 น. |
|
|
|
โดย: Tumble วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:8:26:16 น. |
|
|
|
โดย: Marquez IP: 202.28.169.165 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:10:24:04 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:15:35:23 น. |
|
|
|
โดย: Dark Secret วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:15:59:44 น. |
|
|
|
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:16:14:28 น. |
|
|
|
โดย: หงา คารูวาน IP: 210.86.145.3 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:18:02:23 น. |
|
|
|
โดย: 5150_b IP: 61.47.96.178 วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:20:09:12 น. |
|
|
|
โดย: Nutjung วันที่: 12 ตุลาคม 2548 เวลา:21:27:47 น. |
|
|
|
โดย: Dark Secret วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:17:35:23 น. |
|
|
|
โดย: Rude boy IP: 58.10.6.111 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:20:35:28 น. |
|
|
|
โดย: Doraemyung IP: 58.10.6.233 วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:2:12:56 น. |
|
|
|
โดย: Dark Secret วันที่: 20 ตุลาคม 2548 เวลา:19:59:50 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:16:52:39 น. |
|
|
|
โดย: YohEy วันที่: 22 ตุลาคม 2548 เวลา:23:19:40 น. |
|
|
|
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:0:34:14 น. |
|
|
|
โดย: Metallurgist IP: 203.84.85.11 วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:0:58:57 น. |
|
|
|
โดย: สาหร่าย (แร้ไฟ ) วันที่: 27 ตุลาคม 2548 เวลา:19:29:24 น. |
|
|
|
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 11 พฤศจิกายน 2548 เวลา:3:16:11 น. |
|
|
|
โดย: Dark Secret วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:1:06:15 น. |
|
|
|
โดย: mp3 ringtones IP: 60.32.7.83 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:59:08 น. |
|
|
|
โดย: funny ringtones IP: 200.104.51.133 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:59:13 น. |
|
|
|
โดย: funny ringtones IP: 203.144.144.164 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:59:17 น. |
|
|
|
โดย: ผมชื่นชอบMETALมากสุดยอดชาวนครนายก IP: 222.123.0.47 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:10:25:46 น. |
|
|
|
โดย: brodequin IP: 171.7.12.92 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:23:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|