|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
แล้วชีวิตก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครา
เช้าวันพุธที่ 31 พค.49 "ตุ๊ด ตุด ตู้ด ...." "หวัดดีครับ น้าจ๋อยเหรอครับ ผมนิ้งนะครับ" "อ้าว! นิ้ง มีไร?" "ผมว่าผจะกลับไปทำงานน่ะครับ ได้ไหมครับ?" "ได้ซิ" "'งั้นเดี๋ยวเที่ยงๆผมเข้าไปคุยนะครับ น้าจ๋อยอยู่ไหมครับ?" "วันนี้พี่อยู่ทั้งวัน เข้ามาได้เลย" "เดี๋ยวเที่ยงผมเข้าไปครับ ขอบคุณครับ"
และแล้ววันจันทร์นี้ก็ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้ง
ไม่รู้เป็นเหตุบังเอิญหรือว่าความตั้งใจของข้าพเจ้า ตั้งแต่เรียนจบมา พอเริ่มทำงานเท่าที่จำได้ความได้ว่า พอถึงช่วงฟุตบอลโลกเมื่อไหร่ ตัวข้าพเจ้าเองมักจะได้เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเกือบทุกครั้ง
เริ่มตั้งแต่โน่นเลย จำได้ว่าทีม อิตาลี่ ยุค เปาโล รอชซี่ ได้ครองถ้วย ปีนั้นก็ได้ขึ้นมาเรียน ที่กรุงเทพ นับว่าเป็นจุดเริ่มของการผจญภัยในเมืองหลวง ตอนขึ้นมาอายุก็ 13 ปี เท่านั้น แถมมาอยู่คนเดียวด้วย (ชอบมาก)
ถัดมาอีก 4 ปี จบ ปวช.มาหลายเดือนแล้ว กลับมาอยู่บ้านที่ ตจว. ช่วงนั้น จำได้ว่าเป็น ยุคของ หัตถ์เทพเจ้า อาร์เจนตินา ได้ถ้วยผมก็ได้งานทำเหมือนกัน (พ่อเป็นคนฝากให้) ยังจำได้ว่าไปทำงานวันรุ่งขึ้นยังเมาขี้ตาอยู่เลย ก็กว่าบอลจะแข่งเสร็จก็เกือบสว่างแล้ว แถมงานที่ได้ไปทำก็เป็น นายช่าง survey ถนนของนักการเมืองท้องถิ่น คิดดูว่าต้องเดินส่องกล้องกลางแดด เป็น สิบๆกิโล.. แล้วคืนก่อนเริ่มงานก็นอนน้อยด้วย (มัวแต่ดูบอลนัดชิง) งานนายช่าง survey นี่ทำได้ปีกว่าๆ ก็เบื่อ เลยหาเรื่องกลับขึ้นมาอยู่ กทม. (หลงแสงสี) ตอนลาออกให้เหตุผลกับ บ.ว่า จะขึ้นมาเรียนต่อ แต่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ ว่าลาออกจากงานแล้ว พอตอนเช้า แม่เห็นไม่ไปทำงาน แม่ก็ถาม แต่โกหกแม่ไปว่า "ช่วงนี้ฝนตก .ใครเค้าทำกันถนน" โกหกอยู่ได้ไม่ถึง อาทิตย์ ที่บ้านก้รู้ เลยโดนสวดซ่ะจนอยู่บ้านไม่ได้ ก็เลยขึ้นมา กทม.
ย้อนกลับไป 8 ปีก่อน ยุค ฝรั่งเศส ครองถ้วยพร้อมทั้งฉลองวันชาติ ด้วยการเอาชนะ บราซิล ได้ คืนนั้นจำได้แม่นยำเลย เพราะว่าช่วงนั้นได้ทำงานอยู่ที่ บ.ในเครือ Team Group ช่วงนั้นริเริ่มที่จะเป็นคนรับแทงพนันบอลด้วย โดยส่งให้กับเพื่อนอีกต่อหนึ่ง ช่วงก่อนบอลนัดชิงจะแตะกัน 2 วัน ก็มี โทรศัพท์จากที่บ้านโทรมาบอกว่า "เฮ้ย! นิ้ง มรึงกลับมาที่บ้านหน่อยซิ นิ นอนอยู่ที่โรงพยาบาลว่ะ" ( นิ เป็นนามที่ผมใช้เรียกแม่ผม ติดมาจากพี่เลี้ยงตอนเด็กๆ เค้าเป็น อิสลาม เค้าชอบเรียกแม่ผมว่า นานิ ซึ่งแปลว่า น้าสาวหรือพี่สาว ) ผมได้ข่าวก็ลางานกลับบ้าน ไปถึงบ้านก็ดิ่งไปโรงพยาบาลที่แม่นอนก่อนเลย แม่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวบนเตียง ถามอาการหมอๆก็ตอบไม่ค่อยเคลียร์ ก็เลยหาย้ายแม่เข้าไปยังโรงพยาบาลในตัวจังหวัด ให้รถโรงพยาบาลมารับ ผมนั่งไปกับรถพยาบาล ระหว่างทางแม่ก็ชัก ดีว่าถึงโรงพยาบาลพอดี หมอก็จัดการเอาแม่เข้าห้อง แล้วบอกกับผมว่า "คนไข้คงจะช็อกน่ะ แต่คงไม่เป็นไรแล้ว" หมอก็แนะนำว่าให้ผมกลับไปบ้านดีกว่า (เพราะผมอยู่ตัวอำเภอ ซึ่งห่างจากโรงพยาบาลหลายสิบกิโล) ไว้มีอะไรหมอจะโทรแจ้งทางมือถือ ผมก็เบาใจ
เย็นวันนั้นผมผมก็รับแทงบอลทางโทรศัพท์มือถือ จากลูกค้าในกรุงเทพเหมือนเช่นเคย จำได้ว่าวันนั้นลูกค้าอยู่ฝั่ง บราซิล ทั้งนั้น ยอดแทงรวมๆแล้วก็ 7หมื่นกว่า ค่ำๆก็ยังไม่ส่งยอดแทงไปให้เพื่อน กะว่าเดี๋ยวค่อยส่ง แล้วก้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายเป็นเสียงมาจากโรงพยาบาล แจ้งมาว่า คนไข้หัวใจหยุดเต้น ตอนนี้หมอกำลังช่วยปั๊มหัวใจอยู่ ผมได้ยินก็รีบบึ่งไปโรงพยาบาล ไปถึงหมอก็ออกมาจากห้อง icu บอกให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็ขอเข้าไปดูแม่ผม ตอนนั้นดูแล้วก็ต้องบอกเลยว่า ต้องทำใจ ผมก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่ผมได้เปิดห้องที่โรงพยาบาลนอนกะไว้ว่าเผื่อมีอะไรฉุกเฉินก็จะไม่ต้องเทียวไปเทียวมา เข้าห้องได้ผมก็หลับ... ตื่นอีกทีก็เพราะมีเพื่อนโทรศัพท์มาปลุกให้ดุฟุตบอลโลกนัดชิง ผมก็ดูอยู่ในห้องที่โรงพยาบาลน่านแหละ โดยที่ลืมสนิทเลยว่า ยังมียอดที่เค้าแทงทีม บราซิลมาตั้ง 7หมื่นกว่า อยู่ในมือ โดยที่ยังไม่ได้ส่งให้กับเจ้ามือ "ซวยแล้วซิตรู บอลก็แข่งแล้วด้วย ใครมันจะรับวะ" ผมก็เลยเก็บไว้เอง เพราะให้ใครๆก็ไม่รับ แมต์นั้นมีแต่คนแทงบราซิล ผมดูบอลไปก็กังวลไป ไหนจะแม่ที่นอนอยู่ icu ไหนจะเงินที่เค้าแทงบอลมา ตอนที่ อิตาลี่ ยิงนำ บราซิล ผมได้ยินเสียงโห่ร้องจากร้านค้าหน้าโรงพยาบาลดังเข้ามาในห้องที่ผมอยู่เลย แต่ผมไม่มีอารมณ์ดีใจเลย ทั้งๆที่ถ้า อิตาลี่ ชนะผมได้เงินมาใช้ตั้ง 7หมื่น ในที่สุดบอลจบผมก็ได้เงินมาใช้ อิตาลี่รับถ้วยเสร็จ ผมก็ปิดไฟนอน
ซักตี 4 กว่าก็ต้องตื่นด้วยเสียงเคาะประตู 3 ครั้ง ทุกคนที่นอนอยู่ในห้อง ทั้ง พ่อ/พี่/น้องผมได้ยินกันหมด ผมนอนอยู่ใกล้ประตู ก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูปรากฎว่า ว่างเปล่าไม่มีใครเลย ผมปิดประตูแล้วก็อดคิดไม่ได้ เลยพูดกลับคนในครอบครัวไปว่า "สงสัย นิ มาบอกลาแล้วล่ะวะ" ทุกคนก็ได้แต่เงียบ ไม่พูดอะไร แล้วก็ปิดไฟนอนต่อ อีกซัก 20 นาที ก็มีเสียงเคาะประตูอีก พอเปิดประตูไปก็เหมือนเดิมอีก เราทุกคนก็ได้ยินเหมือนกันหมด ก็ได้แต่นั่งมองหน้ากัน แล้วก็ปิดไฟนอนต่อ มารู้สึกอีกทีก็ตอน 7โมง มีพยาบาลเอาของกินมาให้ ผมก็ถามเค้าว่าก่อนหน้านี้มีใครมาเคาะเรียกอะไรที่ห้องหรือเปล่า พยาบาลบอกว่าไม่น่าจะมีนะ เพราะเวลานั้นคงไม่มีใครมาเคาะหรอก และนี่เธอก็เป็นเที่ยวแรกที่เอาของกินมาให้ตามห้อง...
รุ่งวัน ห้อง icu เปิด ผมก็เข้าไปดูอาการแม่ผม ทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น หมอเจ้าของคนไข้มาผมก็ถามหมอ ว่าเป็นยังไงบ้าง หมอก็บอกตามควมจริงว่า%เหลือน้อย ในที่สุดตอนสายวันๆนั้นแม่ผมก็จากไป จริงๆแล้วผมว่าแม่ผมน่าจะจากไปตั้งแต่คืนนั้นแล้วด้วย
จัดงานศพแม่ผมเสร็จผมก็ขึ้นมาลาออกจากงาน แล้วก็เริ่มทำอาชีพ รับแทงฟุตบอลอย่างเป็นจริงเป็นจัง (มีเงินให้ตั้งตัวตั้ง 7หมื่น) โดยเปิดเป็นร้านขายกาแฟ ไว้เป็นที่รับแทงและให้ลูกค้านั่งดูบอลกัน แต่ผมไม่ได้เป็นเจ้ามือเองหรอกนะ แค่ส่งกินค่าน้ำก็เหลือเยอะแล้ว ผมทำอยู่ ปีกว่าๆ เก็บเงินได้ซื้อมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง
เจ้านี่แหละครับ มันชื่อว่า "ฮาเลย์ เดวิดเจียง" ค่าตัวก็ 3แสน พอดิบพอดี
ระหว่างนั้นผมก็ไปรับทำเป็น นายช่าง survey ถนนกับเจ้านายที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นคนเก่าด้วย วันไหนถ้ามีงาน survey ถนน ผมก็ไปทำให้ โดยได้ค่าจ้างเป็นงานๆไป แต่ที่สำคัญผมเป็นคนของนักการเมืองท้องถิ่น มีอะไรก็ยังมีคนช่วยเคลียร์ให้ โดยเฉพาะเจ้า "ฮาเลย์ เดวิดเจียง" ผมซึ่งมันไม่มีทะเบียน (ค่าทำทะเบียนเกือบแสน) เลยโดน ตร.เล่นงานบ่อยมาก แต่ก็มีคนจัดการได้ทุกครั้ง
ช่วงนั้น อู้ฟู้ มาก ขับเจ้า เดวิดเจียง ไปซ่าถึงหาดใหญ่ ก็ไปจีบสาวน่านแหละ วันดีคืนดี สาวเจ้าก็คงจะเบื่อกับการใช้ชีวิตของผม ก็เลยบอกว่าให้ผมไปทำตัวให้ดีใหม่ หัดทำงานให้เหมือนคนอื่นเค้าบ้าง ... ผมก็เลยมึนไปพักใหญ่ แล้วยังมาโดน ตร.เรียกเข้าไปคุยเรื่องผมทำโต๊ะบอลอีก็ เพราะว่าลูกค้าที่เป็นเด็ก นร. ชอบมาแทง บอลชุด กับผมน่ะซิ ครับ บอลชุด ที่ว่านี่ มีเงินน้อยๆก็แทงได้ (20 บาท) ค่าขนมเด็กๆก็มาอยู่ที่พวกผมหมด จนผู้ปกครองเริ่มร้องเรียน จึงเป็นเหตุให้ร้านกาแฟผมโดนค้น แต่ผมก็รอดมาได้เหมือนทุกครั้ง ...
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจยกร้านและลูกค้าทั้งหมดให้เพื่อนผมที่เป็นหุ้นส่วนทำต่อ เจ้า เดวิดเจียง ผมก็ขายถูกไปให้พรรคพวก (เพราะ กทม. คงไม่มีใครช่วยเคลียร์ให้แน่) แล้วผมก็ขึ้นมา กทม. อีกครั้ง ตอนนั้นยังจำได้ว่า ฟุตบอลโลกกำลังเตะกันอยู่เลย วันที่ผมขึ้นมา กทม. ผมจำได้ว่า แมต์นั้น (เมื่อ 4 ปีก่อน) ทีม เกาหลี เล่นกับ ทีมอิตาลี่ ในเวลา 90 นาที ผลเสมอกัน
แล้วผมก็ได้ทำงานเกี่ยวกับหมู่บ้านจัดสรรญ ทำอยู่ได้ 3 ปีกว่า (ถึงได้มี ไอ้โหด , ไอ้ไข่นุ้ย) ก็เป็นที่รู้ๆกันของเพื่อนใน blog ว่าต้องมีอันต้องออกมาแสวงหาอาชีพใหม่ (เป็นพ่อค้าผ้า) แต่ต้องยอมรับว่า ไม่รุ่งครับ อย่างว่าประสบการณ์น้อยมาก ก็เลยไม่ได้ดั่งที่คาดคิดไว้ จนในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ แล้วก็....
"ตุ๊ด ตุด ตู้ด ...." "หวัดดีครับ น้าจ๋อยเหรอครับ ผมนิ้งนะครับ" "อ้าว! นิ้ง มีไร?" "ผมว่าผจะกลับไปทำงานน่ะครับ ได้ไหมครับ?" "ได้ซิ" "'งั้นเดี๋ยวเที่ยงๆผมเข้าไปคุยนะครับ น้าจ๋อยอยู่ออฟฟิตไหมครับ?" "วันนี้พี่อยู่ทั้งวัน เข้ามาได้เลย" "เดี๋ยวเที่ยงผมเข้าไปครับ ขอบคุณครับ"
ครับ... วันจันทร์ผมกลับไปเริ่มงานที่เก่าครับ ยอมปวดหัวอย่างเก่า แต่สิ้นเดือนมีเงินใช้แน่นอนครับ
ปล.ทิฐิมันกินไม่ได้จริงๆครับท่าน
Create Date : 04 มิถุนายน 2549 |
|
22 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2549 20:37:34 น. |
Counter : 1551 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Zantha 4 มิถุนายน 2549 10:32:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 4 มิถุนายน 2549 14:29:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 4 มิถุนายน 2549 17:56:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: มณี IP: 130.101.31.16 4 มิถุนายน 2549 19:01:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Porkaew_Pen (ปากกา_ปอแก้ว ) 4 มิถุนายน 2549 20:48:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: tzippy 4 มิถุนายน 2549 20:58:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 5 มิถุนายน 2549 12:57:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: BaLL182 (BaLL182 ) 5 มิถุนายน 2549 14:58:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 5 มิถุนายน 2549 15:33:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 5 มิถุนายน 2549 21:12:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป่ามืด 6 มิถุนายน 2549 14:09:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiny (tiny ) 6 มิถุนายน 2549 20:44:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซีบวก 7 มิถุนายน 2549 8:04:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: mungkood 8 มิถุนายน 2549 0:19:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 8 มิถุนายน 2549 15:10:00 น. |
|
|
|
| |
|
|