พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
12
13
15
16
17
19
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 7 .. ความรักยังต้องปิดบัง

Chapter 7

ความลับยังต้องปิดบัง

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลคือจุดหมายแรกที่มุ่งเข้าหาฟาบอกกล่าวเกี่ยวกับความต้องการ อยากพบเจอผู้ป่วยซึ่งพักรักษาตัวอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้แม้เธอจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามอย่างเป็นทางการ แต่ในเมื่อซันเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกับนายรันติมามันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการหาข้อมูล ฟาเอ่ยอ้างถึงนามสกุล ‘อัคคีราศิวาโรฒน์’ แก่เจ้าพนักงานเพื่อค้นหาห้องพักผู้ป่วย และเพียงไม่นานก็ได้รับคำตอบสมความตั้งใจ

แอลเดินตามฟาทุกฝีก้าวเฝ้ามองการกระทำของเธอโดยไม่ขัดใจแต่อย่างใดกระแสความฉุนเฉียวรุนแรงจนเขารับรู้ได้ทันที และคงดีกว่าถ้าอยู่นิ่งเฉย ไม่ก่อกวนอารมณ์ของเธอเวลานี้แอลพยายามไตร่ตรองคำพูดของฟาระหว่างทาง และครุ่นคิดถึงสิ่งที่เธอต้องการอยากถามไถ่จากรันเพื่อนของเขาภายในตู้ลิฟต์เงียบกริบไร้เสียงพูดจา ชายหญิงสองคนยืนนิ่งเฉย ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเองเมื่อประตูลิฟต์เปิดกว้าง คนใจร้อนสาวเท้าเดินออกไม่รั้งรอ สายตากวาดมองหาลำดับเลขห้องจนหยุดยืนหน้าที่หมายปลายทาง

“ฟา..”

“...”เสียงเรียกทำให้มือบอบบางชะงักค้างอยู่ที่ลูกบิดประตู เหลียวมองยังบุคคลด้านหลังโดยไม่ปริปากถามสักคำว่าเขารั้งเธอไว้ทำไม

“คุณแน่ใจเหรอว่าอยากเข้าไปในห้องนั้นจริงๆ”

“ถ้าไม่แน่ใจฉันคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้”

น้ำเสียงแน่วแน่เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำก่อนจะเปิดประตูเข้าในห้องเพื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มซึ่งอยากเจรจาไขข้อข้องใจ ยุติความคลางแคลงที่ก่อร่างสร้างตัวทุกสายตาหันมองผู้มาเยือนเป็นตาเดียวพร้อมแววประหลาดใจ

“แอลพาสาวมาเยี่ยมซันเหรอ”

คนป่วยเอ่ยทักทายตามมารยาทกลบความรู้สึกอึดอัดไว้ภายในใจผิดกับผู้ดูแลซึ่งวางตัวนิ่งเฉยราวกับทุกอย่างรอบตัวไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นทำให้แอลเริ่มวางตัวไม่ถูก ส่งยิ้มทักทายให้ซันก่อนเริ่มสร้างบทสนทนา

“รัน..ฟาอยากคุยกับนาย”

นัยน์ตาสีนิลชำเลืองมองทางเพื่อนสนิทชั่วครู่ ก่อนหันเหหาหญิงสาวที่ต้องการเจรจากับเขารันแสดงท่าทางนิ่งเฉยราวกับเจอคนแปลกหน้าไม่รู้จักกัน ทำให้ฟาอยากเจรจาให้จบเรื่องราวโดยเร็วเพื่อจะไปให้พ้นจากสถานที่อึดอัดเสียที

“ฉันขอเวลาคุยกับนายไม่นานเสร็จธุระเมื่อไหร่ฉันจะไปให้พ้นจากตรงนี้”

รันเดินนำออกจากห้องพักผู้ป่วยตามคำขอโดยมีฟาก้าวตามไปติดๆ ปล่อยให้ชายหญิงสองคนในห้องมองตามอยากรู้เกี่ยวกับประเด็นการสนทนา

“แอลรู้หรือเปล่า.. เธอคนนั้นต้องการคุยอะไรกับรัน”

“เรื่องของเฟ..”แอลตอบคำถามทั้งที่มองทางประตูห้องไม่วางตา

“เธอรู้ความจริงแล้วหรือแอล”ซันทำเสียงตระหนกรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ดึงให้แอลหันกลับมาเพื่อตอบคำถาม

“คงไม่ทั้งหมด..แต่ตอนนี้ฟารู้แล้วว่าซันกับรันเป็นพี่น้องกัน”

“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน..”

“ผมเป็นคนบอกเธอเอง”

แอลให้ความสนใจยังหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยใบหน้าซีดขาวดูกังวลเล็กน้อย หากแต่แย้มยิ้มเบาบางพยายามปิดบังความไม่สบายใจเอาไว้คงต้องรอคอยเพื่อดูสถานการณ์เกี่ยวกับการเจรจาระหว่างฟาและรันจะจบลงอย่างไร

ประตูดาดฟ้าถูกผลักเปิดพร้อมร่างสูงโปร่งก้าวออกมารับอากาศสดชื่นยามสายของวันแสงแดดอ่อนทอประกาย บรรยากาศเงียบสงบไม่มีผู้ใดขัดจังหวะ เหมาะแก่การสนทนากับหญิงสาวซึ่งเดินตามติดรันเข้ายืนพิงกำแพงดาดฟ้าหันเผชิญหน้ากับฟาซึ่งมองเขาไม่มีกะพริบ สีหน้าและแววตาดูจริงจังคล้ายมีปัญหาหนักอกอยากแก้ไขจากที่คาดเดา

“เธอมีอะไรก็ว่ามา”

รันยกมือขึ้นกอดอกสายตามองต่ำไม่ได้ใส่ใจต่อหญิงสาวตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาพร้อมแล้วกับการรับฟังในสิ่งที่เธออยากเจรจาเพื่อจบเรื่องราวทั้งหมดและหญิงสาวคนนี้จะได้ไปให้ไกลจากเขาเสียที

“ฉันอยากรู้ว่านายคบกับเฟยังไงรู้จักกันระดับไหน แล้วนายทำอะไร น้องสาวฉันถึงต้องคิดสั้นทำให้ตัวเองประสบอุบัติเหตุเมื่อสองปีที่แล้ว”

“เรื่องพวกนั้น..ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอ”

“แต่ฉันต้องรู้และนายต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้ นายทำอะไรน้องสาวฉัน เฟถึงได้ขาดสติขับรถไปคว่ำแบบนั้น”

“เธอต้องการให้ฉันตอบว่าไงยอมสารภาพว่าผิด บอกว่าตัวเองเลวทราม หรือให้พูดว่าขอโทษ เธอถึงจะพอใจ แล้วเลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันงั้นเหรอ”

ประโยคเหยียดเสียงพลางหัวเราะหึในลำคอสร้างความรู้สึกหน้าชาไม่น้อย ฟาเม้มริมฝีปากแน่น สะกดอารมณ์สับสน ฟาเคยคิดแก้แค้นบุคคลตรงหน้าซึ่งทำให้น้องสาวของเธอเสียใจยิ่งเฟเจ็บช้ำมากมายเท่าไหร่ เขาคนนี้ต้องเจ็บปวดกว่าหลายร้อยเท่าฟาไม่อยากได้ยินคำขอโทษ หรือแม้แต่ยอมรับผิด เพียงเพื่อจบสิ้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างง่ายดายความเจ็บปวดรวดร้าวเท่านั้นที่ต้องการตอบแทนให้สาสมทว่าเวลานี้ทุกเรื่องราวกลับตาลปัตร ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้เฟเสียใจเพราะคบหาดูใจกับหญิงอื่นนั่นเป็นสิ่งที่ฟาเข้าใจผิดไปเอง แล้วเหตุผลแท้จริงคืออะไรกันแน่

ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีหลังจากเฟเสียชีวิตฟาพยายามรื้อค้นทุกอย่างในความทรงจำ เพื่อหาสาเหตุการจากไปของน้องสาวตนเองทั้งความจำและความคิดที่ผุดขึ้นมา มีแต่เรื่องราวของเขา..นัยน์ตาสีนิลบนใบหน้าเฉยชา แทรกอยู่ในความคิดเหล่านั้นตลอดเวลา ชื่อ ‘รันติมาอัคคีราศิวาโรฒน์’ วนเวียนอยู่ในจิตใจไม่เคยลืมเลือนสักวันภาพรอยยิ้มของหญิงสาวคนหนึ่งขณะใกล้ชิดกับคนรัก ดูมีความสุขสดใสราวกับโลกนี้คือสวรรค์ที่ไม่อาจมีใครมาพรากไปได้ฟาเชื่อมาตลอดว่าความทรงจำเหล่านั้นเป็นของเฟ เพียงเพราะเฟอยากสื่อสารให้เธอรับรู้และเข้าใจความเจ็บปวดซึ่งถูกผู้ชายคนนี้ทรยศหักหลัง ตั้งแต่นั้นมาฟาพยายามออกติดตามบุคคลซึ่งฝังลึกในความทรงจำขาดๆเกินๆ โดยสรุปทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คาดเดาเอาเองและนั้นคือจุดเริ่มต้นของการแก้แค้น ฟาเชื่อมั่นมาตลอดว่ามันคือเรื่องจริง

“ฉันไม่ได้อยากมีเรื่องกับนายตอนนี้ความสับสนพาให้ฉันมายืนตรงนี้ เพื่อให้นายไขความกระจ่างเท่านั้น”

“กลับไปซะ..มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอมาที่นี่ เพราะฉันไม่มีอะไรจะบอกเธอ”

“นายไม่เห็นแก่ฉันก็ช่วยเห็นแก่เฟที่เคยหลงรักนายจนหัวปักหัวปำนายมีเหตุผลอะไรถึงทิ้งน้องสาวฉันให้อยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง”

“หรือที่เธอเข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉันเพราะเข้าใจว่าฉันเป็นคนทำให้น้องสาวของเธออกหัก จนคิดสั้นแล้วประสบอุบัติเหตุสินะเธอเลยอยากแก้แค้นแทนน้องสาวว่างั้น”

“ถ้าไม่ใช่เพราะนายเฟคงไม่ตาย!”

ความคลั่งแค้นโกรธเคืองเริ่มก่อตัว แม้เขาจะเข้าใจถูกทั้งหมดเกี่ยวกับการเข้าหาของเธอแต่มันไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บช้ำเบาบางลงแม้แต่น้อย ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไรสิ่งเดียวที่ฟาคิดได้คือเขาคนนี้สร้างความรวดร้าวให้แก่เฟ และอาจรวมถึงเธอด้วยเช่นกัน

“ฉันไม่รู้เธอต้องการอะไรถึงจะสาแก่ใจ แต่เฟไม่เคยมีตัวตนสำหรับฉัน”

ในความราบเรียบของประโยคคล้ายไม่มีความหมายอะไรแต่กลับทำให้ฟายืนตัวชา จุกร้าวในอกอย่างสาหัส สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งดูไร้ค่าเหลือเกินถึงขนาดไม่เคยมีตัวตนเชียวหรือ ฟาได้แต่ตะโกนถามไถ่ในใจรันเตรียมเดินกลับเข้าตัวอาคาร ไม่อยากใส่ใจฟาซึ่งยืนนิ่งเฉย สีหน้าส่อแววเจ็บปวด ในดวงตากลมโตคล้ายกำลังอยากร้องไห้ทว่าแขนแข็งแรงถูกคว้าเอาไว้ระหว่างก้าวเดิน

“นายมันทุเรศมากรู้ตัวบ้างไหม!นายกล้าดียังไงมาบอกว่าเฟไม่มีตัวตนสำหรับนาย หัวใจนายทำด้วยอะไรเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่รักนาย ไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ!”

“แล้วจะให้ฉันทำไง..”

“ให้ทำไง..นี่นายกล้าถามฉันว่าต้องทำไง.. อย่างงั้นเหรอ!”

“...”ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกจากปากของรัน ทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จนฟาเริ่มหมดความอดทน

“นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดนาย”

“มันก็สมควรดีแล้วไม่ใช่เหรอ..”

รันดึงแขนตัวเองจนหลุดพ้นพันธนาการเขาไม่คิดแม้จะหันมองกลับไปที่เธอประตูดาดฟ้าเปิดออกและปิดตัวลงพร้อมร่างสูงโปร่งหายลับเข้าด้านในอาคารปล่อยให้หญิงสาวอีกคนยืนสงบจิตใจซึ่งร้อนรุ่มดั่งไฟสุมเต็มอกไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเคยเห็นแววอ่อนโยนอย่างมากมาย จะเลือดเย็นได้เพียงนี้ในเมื่อสิ่งที่เธอถามไถ่ไม่ได้รับคำตอบ และทุกอย่างที่คิดก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหลังจากนี้เป็นต้นไปเธอจะถือว่าทุกเรื่องราวเข้าใจถูกต้อง ฟาพร้อมทำทุกอย่างให้รันได้สำนึกและยอมรับความจริงว่าเขาเองเป็นต้นเหตุให้เฟต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

ฟาพาตัวเองเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงหาที่พักพิงร่างกายบอบบางนำหลังแนบชิดกำแพงค่อยๆ รูดลงนั่งกอดเข่าขอบตาร้อนผะผ่าวอดกลั้นโทสะเอาไว้ในใจ ทวนคิดแต่ประโยคของรันซ้ำๆ ‘เฟไม่เคยมีตัวตนสำหรับเขา’ วงหน้าหวานแฝงความหมองเศร้าฟุบลงกับหัวเข่าของตัวเองรู้สึกย่ำแย่อย่างถึงที่สุด ทำไมเฟต้องไปหลงรักผู้ชายอย่างเขาคือสิ่งที่ฟาได้แต่พร่ำบอกซ้ำซากในความคิด

“นายมันเลวร้ายฉันเกลียดนาย ฉันจะตามจองล้าง จองผลาญ จองเวรนายทั้งชาติ จำเอาไว้”

“เฮ้..ฟา.. ไม่เป็นไรใช่ไหม..”

ฟาหยุดเสียงในลำคอก่อนเงยหน้าขึ้นมองบุคคลคุ้นเคยแอลเดินเข้าใกล้และนั่งลงด้านข้างในท่าเดียวกันกับฟา คล้ายอยากปลอบประโลมให้เธอได้ยิ้มอีกครั้ง

“นายตามขึ้นมาทำไม”

“ผมเป็นห่วงเห็นคุณไม่ค่อยสบาย มานั่งตากแดดตากลมแบบนี้ เกิดเป็นลมหมดสติขึ้นมาจะทำไง”

“แอล..ฉันเกลียดเพื่อนนาย.. ฉันเกลียดผู้ชายคนนั้น..”

“รันทำอะไรคุณถึงเกลียดขนาดนั้น ระบายให้ผมฟังได้ไหมฟา” ฟาถอนใจก่อนระบายทุกอย่างให้เขาได้รับรู้

“เมื่อสองปีก่อน..เฟหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง เฟรักเขามากจนฉันคิดว่านั่นเป็นความหลงใหลมากกว่าความรักฉันไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน แต่แล้ววันหนึ่งเฟก็เปลี่ยนไปจากเด็กสาวที่เคยร่าเริงสดใส กลายเป็นซึมเศร้าไม่พูดไม่จาคล้ายมีปัญหาบางอย่างจนวันนั้นเฟบอกว่าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป เฟร้องไห้เสียใจและพูดซ้ำๆ ว่าอยากไปให้ไกลจากเขาแล้วเย็นวันนั้นเฟก็ขับรถออกจากบ้านจนประสบอุบัติเหตุ สุดท้ายเฟก็จากฉันไป ไม่มีวันได้กลับมาอีก”

น้ำเสียงสั่นพร่าพาคนด้านข้างจิตใจย่ำแย่ตามแอลดึงมือบอบบางมากุมไว้ ไออุ่นที่ได้สัมผัสวิ่งผ่านระหว่างร่างกายทำให้ฟารู้สึกได้ถึงการปลอบประโลมทุกครั้งแค่แอลอยู่ใกล้ชิด แม้ไม่เอ่ยคำพูดจาใดๆ ออกมา เธอกลับรู้สึกว่าถูกปกป้องอบอุ่น จนอธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นคืออะไร จากกำแพงที่สร้างเพื่อปิดกั้นไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เวลานี้มันพังทลายหมดสิ้น รู้ตัวอีกทีแอลก็เข้ามาอยู่ใกล้หัวใจจนลืมป้องกันตัวเอง

“เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะฟาคุณลืมมันไม่ได้เลยเหรอ หากคุณยังแค้นฝังใจแบบนี้ มันก็ส่งผลทำลายชีวิตคุณเอง แล้วก็ทำร้ายจิตใจให้ย่ำแย่ตามไปด้วย”

“ฉันต้องทำไง..ปล่อยวางโดยที่เพื่อนของนายไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับการทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่ง อย่างงั้นเหรอแอล”

“คุณลองคิดดูนะฟาถ้าคุณแก้แค้นรันได้ ถึงรันต้องเจ็บปวดรวดร้าวสมใจแล้วเฟจะฟื้นขึ้นมาหาคุณหรือเปล่า”

“...”ฟาได้แต่ก้มหน้านิ่ง ปรับความรู้สึกและจิตใจรับฟังแอลต่อไป

“หรือถ้าคุณแก้แค้นไม่สำเร็จน้องสาวคุณก็ไม่ได้มารับรู้ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ ยิ่งคุณไล่ตามรันมันก็ยิ่งหนีห่างหรือเฉยชาแบบที่คุณเห็น ก็เป็นคุณเองไม่ใช่เหรอที่เจ็บแค้น เพราะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ”

ทุกคำพูดของแอลถูกต้องทุกประการไม่มีตรงไหนผิดไปจากที่เขาว่าไว้ แต่ทำไมจิตใจของเธอไม่สงบเอาเสียเลย ความคลั่งแค้นยังเกาะกุมจิตใจดวงน้อยราวกับถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา

“ฉันปล่อยวางไม่ได้การจากไปของเฟทำให้ฉันแทบบ้า”

“ฟังผมนะฟา..เรื่องราวทั้งหมดที่คุณเข้าใจ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันถูกต้อง สิ่งที่คุณรู้เรื่องที่รันทำให้น้องสาวของคุณเสียใจ มันอาจไม่ใช่ความรัก หรือความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ได้”

“แต่นายนั่นก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่ว่าฉันเข้าใจผิด”

“เอางี้ดีกว่าไหม..เรามาลองค้นหาความจริงกันใหม่ ว่าระหว่างรันกับเฟมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกบ้างระหว่างนี้คุณก็ปล่อยวางเรื่องการแก้แค้นไปก่อน”

“นายจะให้ฉันญาติดีกับนายนั่นงั้นเหรอ”

“คุณไม่เคยได้ยินเหรอรู้เขารู้เราชนะไปกว่าครึ่ง แต่ผมขออย่างเดียว คุณจะรับปากได้ไหมฟา..”

“นายจะขออะไร..”

“ผมขอร้องคุณห้ามตกหลุมรักรัน ได้หรือเปล่า..”

ฟาชักมือกลับรวดเร็วเมื่อหลุดจากภาวะเคลิบเคลิ้มอยากหัวเราะให้ดังก้องโลก ไม่มีทางและไม่มีวันที่เธอจะหลงรักเขาซึ่งป่าวประกาศไว้ว่าเกลียดชัดเจนแม้เขาคนนั้นจะดูดี มีเสน่ห์มากแค่ไหนก็ตาม ฟาเหยียดยิ้มเหล่สายตามองชายหนุ่มด้านข้างวงหน้านวลเนียนดูอวดดีคล้ายจงใจท้าทายให้คอยดูกันต่อไป ถึงอย่างไรเธอก็ไม่หลงติดกับผู้ชายเฉยชาคนนั้นแน่นอน

“หากฉันเกิดหลงรักเพื่อนนายขึ้นมาเมื่อไหร่ส่งฉันเข้าโรงพยาบาลบ้าได้เลยนะแอล”

“ผมจะคอยดูคุณจะแน่ได้ซักกี่น้ำ”

เสียงแผ่วเบาราวกระซิบกระซาบปรายสายตามองฟาซึ่งลุกยืนเต็มตัวพยายามทำเป็นกระปรี้กระเปร่า รู้สึกสบายใจที่ได้ระบายสิ่งอัดอั้นตันใจออกมาให้ใครสักคนได้รับฟังทว่าเพียงไม่นานร่างบอบบางก็ล้มตึงกองกับพื้นโดยมีแอลรับไว้แทบไม่ทัน

“ฟา!ทำไมตัวคุณร้อนเป็นไฟแบบนี้”

แอลช้อนร่างอ้อนแอ้นแนบอกอุ้มพาฟาเดินลงจากดาดฟ้าอย่างเร่งรีบ เพื่อให้คนป่วยได้พบแพทย์รักษาอาการผิดปกติอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินกว่าที่ควรเป็น

ยอดเขาสูงเสียดฟ้ามองเห็นกลุ่มก้อนเมฆขาวโพลนเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า สายลมพลิ้วไหวกรีดผิวกาย สัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกคล้ายจะย้ำเตือนความจริงที่ว่ายิ่งสูงก็ยิ่งหนาว มันช่างหนาวเหน็บ เย็นซ่านทะลุถึงกระดูกดำ ไม่ว่าจะหันมองทิศทางใดกลับเจอแต่หมอกหนาตาย่างก้าวไปแห่งไหนมีแต่พื้นป่าเปียกชื้น จากยอดเขาเสียดฟ้ากลายเป็นอาณาเขตป่ารกทึบต้นไม้ใหญ่ที่เคยมีประปรายเมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ กลับมีมากขึ้นจนปกคลุมรอบบริเวณบรรยากาศอึมครึม สงบเงียบ เมื่อหันหลังกลับมองหาความสว่าง แม้กระทั่งท้องฟ้า หรือกลุ่มก้อนเมฆล่องลอยไม่มีให้เห็นผ่านสายตาอีกแล้ว

‘เธอต้องหยุดรักมันต้องไม่รักมัน เข้าใจหรือเปล่าฟา เธอต้องเลิกรักมัน’

เสียงทุ้มกังวานจากที่แสนไกล จะหันเหทางใดไม่มีแม้เงาใครสักคน เสียงของผู้ใดกันดังวนเวียนอยู่รอบๆ คิ้วเรียวขมวด เม็ดเหงื่อซิบบนหน้าผาก คล้ายสับสนและต่อต้านความคิดตนเอง

‘เธอต้องหยุดรักมันให้ได้’

ภาพเบื้องหน้าปรากฏเป็นชายร่างสูง นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งชัดเจนในพื้นที่ป่ารกทึบนั้นสองเท้าพาร่างกายรีบรุดเข้าหา เพื่อดูว่าเขาคนนั้นยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ มือสั่นเทาเอื้อมแตะร่างกายซึ่งนอนแน่นิ่งให้พลิกกลับมายังมีชีวิตรอดอยู่ใช่ไหม คือประโยคที่ตั้งถามไถ่ตนเอง และเป็นอีกครั้งเมื่อความหวาดกลัวพาหัวใจแทบหยุดนิ่งร่างสูงที่พลิกหงายมีแต่เลือดแดงฉานท่วมตัวหน้าอกด้านซ้ายทะลุกลวงราวกับถูกควักหัวใจ ทว่าสิ่งที่ทำให้ช็อคยิ่งกว่า เมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นคือบุคคลซึ่งคุ้นเคย

‘แอล!!’

หลอดไฟบนเพดานกะพริบติดๆ ดับๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกลับมาสว่างเป็นปกติอีกครั้งดวงตาเบิกกว้าง หายใจถี่รัว จิตใจเต้นเร็วแทบจะระเบิด มือยกขึ้นทาบอกพยายามสูดอากาศเข้าเต็มปอดผ่อนคลายความหวาดผวา ฟาถอนใจหนักหน่วง หลับตาตั้งสติให้กลับสู่สภาวะปกติ เธอได้แต่ปลอบตัวเองมันก็แค่ฝันร้ายซึ่งตามหลอกหลอนจิตใจบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน เมื่อรู้สึกว่าจิตใจเต้นคงที่ดวงตาปรือเปิดรับการมองเห็นอีกครั้ง รอบบริเวณเป็นกำแพงสีขาวสะอาด รู้สึกไม่คุ้นตาเอาเสียเลยฟาเหลียวมองไปรอบห้องสี่เหลี่ยม ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่ใด แต่ดูคล้ายโรงพยาบาลดีๆนี่เอง และความคิดทุกอย่างต้องหยุดกึกกลางอากาศ เมื่อสายตาเลื่อนต่ำเห็นใครบางคนฟุบหลับอยู่บนเตียงข้างกาย

ผมเส้นเล็กดำสนิทหมอบหลบใบหน้าไปอีกทาง ทำให้ฟาเห็นไม่ถนัดนักว่าเขาเป็นใครที่มาหลับไหลอยู่ข้างเธอมือพยายามเอื้อมให้ถึงไหล่ของเขา แต่จนปัญญา เนื่องจากสายน้ำเกลือเหนี่ยวรั้งทำให้ขยับมากกว่านี้ไม่ได้และความคิดผุดแว้บขึ้นในสมองอันรวดร้าว ฟารวบรวมสมาธิหมุนวนนิ้วชี้ อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อปลุกคนหลับไหลให้ตื่นขึ้นมาเวทมนตร์ไม่มีผลใดๆ ทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง เวลานี้พละกำลังที่มีไม่อาจเสกร่ายมนตรา ทว่าเกือบลืมไปเสียสนิททั้งที่พูดจาได้คล่องแคล่ว ไม่พิกลพิการเป็นใบ้เสียหน่อย ทำไมเธอจึงลืมที่จะส่งเสียงไปได้

“นี่..คุณ..”

แม้จะเปล่งจนสุดเสียงแต่ระดับความดังแทบจะไม่ได้ยิน ลำคอแห้งผากราวกับขาดน้ำมาแรมเดือนแต่ฟาคงไม่ละความพยายาม เธอรวบรวมพลังในร่างกายเปล่งเสียงอีกครั้ง

“นี่คุณ!”

น้ำเสียงแหบพร่าแผ่วเบาทำได้เพียงสะกิดความรู้สึกให้เขาคนนั้นพลิกใบหน้ากลับมาอีกทาง ทว่ายังคงหลับสนิทไม่รู้อดหลับอดนอนมาจากไหน ฟาค่อนแคะในใจ เมื่อพยายามสำรวจความคุ้นเคยเสี้ยวหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป เริ่มชินตาคล้ายเคยเห็นบ่อยครั้งนี่มัน ‘นายรัน’ ศัตรูคู่แค้น เหตุใดเขาถึงมาหลับไหลกลายเป็นคนเฝ้าไข้เธออย่างนี้และความคิดที่อยากปลุกให้เขารู้สึกตัวเป็นอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

ฟาไล่มองชายหนุ่มเบื้องหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดแผ่นหลังผิวขาวสะอาดไม่เห็นความหยาบกระด้าง ดูดียิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียด้วยซ้ำเสื้อยืดคอกลมสีขาวบางจนมองเห็นเค้าโครงร่างกาย กล้ามเนื้อพอมีเป็นมัดไม่ผอมแห้งจนเห็นซี่กระดูก สร้อยคอสายหนังสีดำตัดกับผิวขาว เสี้ยวหน้าที่หลับใหลแลดูราวกับเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษสงร้ายกาจแต่อย่างใด ช่างแตกต่างกับช่วงเวลาใช้คารมเชือดเฉือนจิตใจได้อย่างไม่ปรานี

“รัน..”

ทุกการกระทำที่เฝ้าสำรวจร่างกายมนุษย์มาดนิ่งมีอันต้องหยุดชะงักกลางอากาศเมื่อเสียงหวานเรียกชื่อซึ่งคุ้นหู ฟารีบหลับตานิ่งสนิท ไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเตียงนอนด้านข้างขยับเคลื่อนไหวเมื่อน้ำหนักของร่างกายถูกยกขึ้น

“ว่าไง..”

“ทำไมไม่ไปพักบ้างรันอยู่ในนี้มาสองวันแล้วนะ”

“ซันหายดีแล้วหรือไงถึงมาเดินอยู่แถวนี้”

“หายดีแล้วสิแล้วแอลล่ะ ยังไม่มาอีกเหรอ”

“เห็นว่าทำงานเดี๋ยวคงมาค่ำๆ”

“ซันซื้อข้าวกล่องมาให้ไปกินซะหน่อย เดี๋ยวก็ไม่สบายไปอีกคน”

จิตใจเต้นรัวราวกับกลองตีกระหน่ำจนแทบคุมไม่อยู่ทำไมสองคนนี้ถึงเข้ามาอยู่ในห้องของเธอ โดยมีเขามานอนเฝ้าจนเผลอหลับไป เป็นเพราะสมเพชเวทนาเห็นว่าเธอไม่มีใครดูแลหรือทำตามคำสั่งของแอลเพื่อนสนิท คำว่าสองวันหมายถึงอะไร นี่เธอหลับไหลไปสองวันเต็มเชียวหรือในสมองเกิดคำถามมากมาย ความสับสนครอบงำจิตใจจนปั่นป่วน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ฟาหรี่ตามองรอบกายเมื่อรู้สึกถึงความเงียบผิดปกติเปลือกตาเปิดกว้างอีกครั้งเมื่อพบว่าเหลือเพียงเธอคนเดียวในห้องนี้ ความสับสนสงสัย เคลือบแคลงใจ รุมเร้าหนักหน่วง โลกหมุนกลับด้านหรืออย่างไร บุคคลที่ไม่คิดจะญาติดีกลับมานั่งเฝ้ายามเธอป่วยไข้เช่นนี้มันคงเป็นเรื่องตลก หรือไม่เธอคงหลงอยู่ในความฝันซึ่งยังไม่ยอมตื่นง่ายๆ ฟาข่มตาหลับอีกครั้งปล่อยความรู้สึกว่างเปล่า จมดิ่งสู่นิทราเพื่อล้างความฝันเมื่อครู่ให้หมดสิ้น

ทว่าหลับตาได้เพียงไม่นาน ความรู้สึกคล้ายมีใครเปิดประตูเข้ามาฟารู้สึกตัวตื่นแต่ยังคงแสร้งหลับอยู่อย่างนั้น รอดูสถานการณ์ว่าใครมาเยี่ยมเยือนเธอเวลานี้หวังว่าคงไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นที่เจอเมื่อครู่ ฟาภาวนาให้เป็นเช่นนั้น

“ฟา..เมื่อไหร่คุณจะฟื้น นี่คุณนอนมาสองวันเต็มแล้วนะ”

เสียงละมุนของบุคคลคุ้นเคยแผ่วเบาพาจิตใจสั่นไหว นี่คงเป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค่ฝันไป แอลต่างหากที่คอยอยู่เคียงข้างเธอไม่ใช่ผู้ชายเลือดเย็นคนนั้น สิ่งต่างๆ ที่ได้เห็นก่อนหน้านี้จะถือเสียว่ามันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

“นี่แอล..ทำไมต้องทำเสียงเศร้าขนาดนั้น ฉันยังไม่ตายซะหน่อย”

ฟาระบายยิ้มทั้งที่ยังปิดตาและค่อยๆ หรี่มองแอลซึ่งจ้องเธอด้วยอาการตกตะลึงไม่น้อยสีหน้าเศร้าสร้อยแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มระรื่นดีใจโผเข้าใกล้พลางยกมือลูบไล้ศีรษะราวกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กน้อย

“นี่คุณฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“สักพักแล้วล่ะนายไปทำงานมาเหรอ”

“อืม..ไปทำงานแทนคุณ รู้ไหมสองวันที่ผ่านมา ลูกค้าเยอะมากๆ”

“ฉันหลับไปสองวันเลยเหรอแอล”

“ใช่..วันที่คุณล้ม ตัวคุณร้อนเป็นไฟ คุณอาการหนักมากรู้ไหม ได้หลับพักผ่อนยาวแบบนี้รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า”

“อืม..ไม่ปวดหัวแล้วล่ะ ว่าแต่ เจ้าถ้วยฟูอยู่ยังไง”

“ไม่ต้องห่วงหรอกรายนั้นเดินคล่องแล้วนะ ผมดูแลมันตอนอยู่ที่ร้าน ส่วนเก่งเอามันกลับไปดูแลที่บ้าน”

“อืม..ก็ดี แล้วช่วงที่ฉันไม่รู้สึกตัว นายสั่งให้ใครมาเฝ้าฉันบ้างหรือเปล่า”

“เปล่าทำไมเหรอฟา มีใครมาดูแลคุณ”

“ไม่มีหรอกฉันก็ถามไปงั้นล่ะ”

ที่แท้ก็แค่ฝันไปเท่านั้นฟาผ่อนลมหายใจโล่งอกภาพลวงตาช่างสมจริงราวกับผู้ชายเย็นชาคนนั้นหลุดออกจากความฝันมานอนหลับข้างๆ เธอระหว่างฟาและแอลคุยกันเพลิดเพลินนางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาตรวจเช็คอาการผู้ป่วยตามเวลาที่กำหนดไว้ แอลหลบทางให้หน่วยแพทย์ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่ยืนเกะกะขวางทาง

“วันนี้คนเฝ้ากลับไปพักผ่อนหรือคะ”

ฟาเลื่อนสายตาจากปรอทวัดไข้มองพยาบาลสาวอย่างงุนงงไม่เข้าใจในความหมายของประโยคสนทนานั้น จนต้องตั้งสติและถามไถ่กลับไป

“คนเฝ้าอะไรเหรอคะ”

“ก็คุณผู้ชายอีกคนที่มาเฝ้าคุณทั้งวันทั้งคืนไงคะ”

ฟาเปลี่ยนจุดสนใจหันหาแอลซึ่งนั่งอ่านหนังสือไม่รับรู้เรื่องราวของการสนทนาระหว่างเธอกับนางพยาบาลสาวแต่อย่างใดทำให้ฟาชี้ชวนให้พยาบาลสาวสนใจทางแอลเช่นกัน

“คนนี้หรือเปล่า”

“ไม่ใช่ค่ะอีกคนที่ผมดำ ตัวสูง ผิวขาว ค่ะ”

ตกลงภาพที่เธอเห็นเป็นความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ ฟาครุ่นคิดและทบทวนในเรื่องราวที่ได้ยินอย่างไตร่ตรองจากรูปร่างซึ่งนางพยาบาลบอกคงเป็นรัน ศัตรูคู่แค้นของเธอ แล้วเหตุผลอะไรเขาต้องมาหลับเฝ้าเธออยู่แบบนั้นฟาใช้ความคิดจนหน่วยแพทย์ตรวจร่างกายเสร็จสิ้นและเดินพ้นจากห้องพักผู้ป่วย แอลวางหนังสือในมือเก็บคืนที่เดิมเขาก้าวเดินหาฟาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มละมุนละไม

“พรุ่งนี้คงกลับบ้านได้แล้วสินะ”

“แอล..ฉันอยากรู้ นายรันมานอนเฝ้าไข้ฉันทำไม”

“คุณรู้ได้ไง”

“ฉันเห็นนายนั่นอยู่ในห้องนี้ก่อนที่นายจะเข้ามาแล้วอีกอย่างนางพยาบาลคนเมื่อกี้ก็ถามหานายนั่น”

“งั้นรันคงมาเยี่ยมคุณ”

จากสภาพที่เห็นเรียกว่าเฝ้าไข้คงเหมาะกว่าการเยี่ยมเยียนระหว่างพวกเขาคงมีอะไรบางอย่างที่ฟาไม่รู้แอบแฝงเอาไว้และคงทำไม่ได้หากจะนิ่งเฉยไม่รับรู้เรื่องราวซึ่งเหมือนมีลับลมคมนัยอย่างนี้ฟาเก็บงำความอยากรู้ไว้ภายในใจ รอหาโอกาสคลี่คลาย และมันคงกระจ่างสักวัน


To be continued.. 




Create Date : 14 พฤษภาคม 2556
Last Update : 14 พฤษภาคม 2556 20:51:14 น.
Counter : 499 Pageviews.

4 comments
  
มาหาฟา กับ รัน
แอลกับซัน
ถ้วยฟูด้วยค่า อิอิ

โดย: lovereason วันที่: 14 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:58:19 น.
  
อิอิ ขอบคุณค๊า
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.163.87 วันที่: 15 พฤษภาคม 2556 เวลา:8:40:11 น.
  
แอบจิตนาการเอาเองว่า ฟากับแอลรักกัน เฟหลงรักรันแต่รันรักฟามากแล้วได้พูดกับเฟไปตรงๆๆ ทำให้เฟรับไม่ได้เลยคิดฆ่าตัวตาย ส่วนฟารู้ว่าเฟตายก็เลยรู้สึกผิดเลยลบความทรงจำส่วนนั่นไป ^^
โดย: sakeena IP: 58.11.244.96 วันที่: 15 พฤษภาคม 2556 เวลา:9:13:26 น.
  
อ่า.. คิดได้หลายมุมเลยยยนะคะ อิอิ

อยากบอกๆ แต่รออ่านดีกว่าเนอะ เดี๋ยวไม่ลุ้น

ขอบคุณนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 124.121.26.184 วันที่: 15 พฤษภาคม 2556 เวลา:21:59:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments