พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
12
13
15
16
17
19
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 8.. แค่อยากพิสูจน์


Chapter 8

แค่อยากพิสูจน์

กลิ่นหอมอ่อนของกาแฟลอยคละคลุ้งภายในร้านเบเกอรี่เสียงกระดิ่งดังเป็นระยะเมื่อประตูหน้าร้านถูกเปิดปิดเนื่องจากลูกค้าเดินเข้าออกพนักงานในร้านต่างทำงานอย่างขะมักเขม้น โดยมีเจ้าของสถานที่เป็นผู้ดูแลเคาน์เตอร์ชำระเงินฟาปรุงเครื่องดื่มจัดทำเมนูอาหารว่าง เก่งและแอลช่วยกันรับลูกค้าจดรายการ นำอาหารเสิร์ฟรวมถึงเช็ดโต๊ะทำความสะอาดพื้นที่ ในช่วงเช้าและกลางวันเป็นเวลาซึ่งลูกค้าเข้าใช้บริการจนเต็มทุกโต๊ะทำให้พนักงานในร้านต้องผลัดเปลี่ยนกันพักเหนื่อย

ลูกค้าค่อยๆซาลงจนเหลือเพียงไม่กี่โต๊ะในช่วงเวลาตกบ่ายค่อนไปทางเย็น ทำให้พนักงานทั้งหลายได้พักหายใจหายคอยืดเส้นยืดสายคลายความเมื่อยล้า หลังจากยืนมาเกือบทั้งวัน

“เป็นไงคนป่วยไหวหรือเปล่า”

แอลเดินเข้าหลังร้านนำไหล่พิงขอบประตู มองดูฟาให้อาหารเจ้าถ้วยฟูอย่างมีความสุข รอยยิ้มระบายตรงมุมปากอวดความสดใสทำให้แอลรู้ในทันทีว่าฟาคงหายจากอาการป่วยไข้เป็นปลิดทิ้ง

“อืม..ไหวสิ ฉันหายดีแล้วน่า”

“หายแล้วแน่นะ”

“นายนี่เซ้าซี้มากนะแอลบอกว่าหาย ก็หายสิ”

“งั้น..เย็นนี้ว่างหรือเปล่า”

ฟาละความสนใจจากถ้วยฟูซึ่งกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับเนื้อแตงโมเย็นฉ่ำดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วหนาเลิกสูงรอคอยคำตอบ ในเมื่ออาการเจ็บไข้หายดีแล้ว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่หากคิดจะพาเธอไปผ่อนคลายสมองฟามองแอลด้วยความสงสัย ในคำถามนั้นคล้ายมีจุดประสงค์บางอย่าง

“มีอะไรกับฉันหรือไง”

“ผมจะพาคุณไปเที่ยว”

“อย่าบอกนะว่านายกำลังขอฉันออกเดท”

“เฮ้..ผมแค่จะชวนคุณไปหาอะไรใส่กระเพาะเท่านั้น แต่ถ้าคุณคิดว่ามันคือการออกเดท ผมก็ไม่ขัด”

“ฉันขอตัดสินใจก่อนแล้วกันเดี๋ยวหลังเลิกงานจะบอกอีกที”

“ยังจะต้องคิดมากอีกเหรอฟาโอกาสดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะ รีบคว้าไว้น่าจะดีกว่า”

“นายนี่หลงตัวเองชะมัด คิดว่าหล่อนักหรือไง”

ฟาส่ายศีรษะระบายยิ้มเอือมระอา ไม่คิดว่าชายหนุ่มที่มองเห็นผ่านสายตาจะกล้าเซ้าแหย่เช่นนี้ แอลอมยิ้มทะเล้นไม่ได้รู้สึกขัดเขินในคำพูดของตนเองสักนิด เขานำมือขึ้นกอดอก มองดูฟาให้อาหารลูกสุนัขต่อระหว่างยังเหลือเวลาพักเบรคอีกเล็กน้อยไม่ว่าฟาจะตกลงตามคำชวนหรือไม่ คงต้องให้เวลาเธอตัดสินใจเพื่อฟังคำตอบเกี่ยวกับนัดรับประทานอาหารเย็น

รถจักรยานยนต์คันโปรดชะลอความเร็วเมื่อเดินทางถึงหน้าบ้านและบิดคันเร่งเพิ่มความเร็วอีกครั้งเมื่อประตูรั้วบานใหญ่เปิดกว้าง ฟาขับรถเข้ายังเขตที่พักอาศัยพร้อมประตูรั้วปิดตัวลงด้วยเวทย์มนตร์ที่ใช้บ่อยครั้งสะดวกรวดเร็วกว่าจอดรถและเดินเข้าไขกุญแจเฉกเช่นคนอื่นเขาทำกันเป็นไหนๆ ฟาเลยกลายเป็นคนเสียนิสัยรักความสะดวกสบายกับการร่ายเวทย์เสียแล้ว

วันนี้ร้านเบเกอรี่ปิดเร็วกว่าปกติเนื่องจากรายการอาหารและเครื่องดื่มขายดีเป็นเทน้ำเทท่าหมดเกลี้ยงเกือบทุกเมนูตั้งแต่ช่วงแดดล่มลมตก แม้สมาชิกภายในร้านจะเหนื่อยล้า หากแต่กำลังใจเต็มเปี่ยมจึงทำให้ความอ่อนเพลียหายสนิท ฟาจึงตอบรับคำชวนของแอลอย่างยินดี และขอตัวแปลงกาย ยังอีกสิ่งที่สำคัญคือนำเจ้าถ้วยฟูกลับมาพักผ่อนภายในที่พักส่วนตัว

“ถ้วยฟู..เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก แกต้องเฝ้าบ้านให้ดีล่ะ แล้วจะซื้อขนมมาฝาก เข้าใจไหม”

เสียงเห่าเล็กแหลมส่งดังคล้ายมันเข้าใจในสิ่งที่ฟาฝากฝังและพูดคุยช่างน่ารักน่าเอ็นดูเพียงนี้ ไม่เสียแรงเสนอตัวรับเลี้ยง หากวันนั้นไม่เจอมันบาดเจ็บเพราะเวทย์มนตร์ป่านนี้คงเงียบเหงาไม่มีเพื่อนร่วมโลกเคียงข้าง ฟาพูดคุยกับถ้วยฟูครู่หนึ่งก่อนหันความสนใจไปยังภารกิจส่วนตัวอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปเจอกับบุคคลซึ่งนัดหมายเอาไว้

หนึ่งชั่วโมงกับการแปลงโฉมเชิ้ตยีนส์ผ้าเนื้อบาง สีฟ้าซีด ปลดกระดุมโชว์เสื้อกล้ามขาวด้านใน เข้ากับกางเกงทรงเดฟขายาวห้าส่วนสีน้ำเงินเข้ม ดูทะมัดทะแมง ผมปล่อยยาวสยายไม่รวบเกล้า เดินตรงยังรถคันโปรดก้าวขึ้นนั่งและสตาร์ทติดเครื่องเพื่อเดินทางยังที่นัดหมายด้วยความดื้อรั้นเอาแต่ใจ ฟาเลือกเดินทางไปเองโดยไม่หวังพึ่งพาใครทั้งที่จริงแอลอาสามารับส่งถึงบ้านเสียด้วยซ้ำ

เครื่องมือสื่อสารสั่นสะเทือนตรงกระเป๋าเสื้อคลุมตัวหนาฟาชะลอรถจอดสนิทริมถนนภายในหมู่บ้าน เบอร์โทรที่ไม่เคยบันทึกชื่อผู้โทรแต่ฟาจำได้ในทันทีว่าใครต่อสายเข้ามา

“ว่าไงแอล”

‘คุณอยู่ไหนแล้ว’

“ฉันเพิ่งออกจากบ้าน อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงถึง”

ฟาเริ่มร้อนรน เมื่อรู้ว่าใครบางคนรอคอยกับการปรากฏตัวของเธอแม้มีมนตราแต่คงทำไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง จะให้หายตัวไปจากตรงนี้ก็ใช่ที่เพราะฟาเองยังไม่เข้าใจ ในคืนวันฝนตกนั้น เธอล่องหนกลับมายืนอยู่หน้าบ้านตัวเองได้อย่างไร

‘ผมจะไปรับก็ไม่ให้ไปเป็นไงล่ะเลยช้าแบบนี้’

“ไม่ต้องคอยก็ได้นะฉันจะได้วกรถกลับบ้าน”

‘เฮ้! ผมล้อเล่น จะให้ช้ายังไงก็จะรอ มาเดี๋ยวนี้’

ฟาหลุดขำก่อนร่ำลาและวางสาย รู้สึกเป็นต่ออย่างมากมายรถเคลื่อนตัวอีกครั้งเพื่อเดินทางให้ถึงที่หมายอย่างรวดเร็วทว่าออกวิ่งได้ไม่เท่าไหร่เสียงเครื่องยนต์เกิดรวนแปลกๆ รถกระตุกสองสามครั้งก่อนจะดับวูบฟาพยายามกดสตาร์ทเครื่องด้วยปุ่มกดมือแต่ไม่เป็นผลใดๆ จักรยานยนต์คันโปรดนิ่งสนิท

“แกนี่ไม่ไหวเลยนะมาเกเรอะไรตอนฉันกำลังรีบ”

ฟาก้าวลงจากรถยกมือกุมขมับเกิดเซ็งในอารมณ์เล็กหน่อย สายตากวาดมองโดยรอบในความมืดสลัวสมองพลางคิดหาหนทางแก้ปัญหา ทางเดียวเวลานี้คงต้องสละยานพาหนะและหารถแท็กซี่เพื่อเดินทางต่อป้อมของหน่วยรักษาความปลอดภัยหน้าทางเข้าหมู่บ้านคือจุดหมายซึ่งกำลังตรงเข้าหา ระหว่างนำพารถคันเกเรเข็นเดินเสียงแตรดังจากด้านหลังดึงให้มองตามรถยนต์คันคุ้นตาจอดเทียบด้านข้างพร้อมกระจกติดฟิล์มดำสนิทเลื่อนลงจนมองเห็นภายใน

“รถเป็นอะไร”

เหตุใดโลกใบนี้ถึงได้กลมและแคบลงถนัดตาบุคคลซึ่งจงเกลียดจงชังวนเวียนอยู่รอบตัวคล้ายเวรกรรมตามรังควาญไม่หยุดหย่อนฟาถอนใจก่อนเปิดปากพูดจา

“ไม่รู้”

ฟาตอบออกไปตามที่คิดอย่างนั้นจริงๆเธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ รถคู่ใจเกิดเสียเอาดื้อๆ ไม่ได้จงใจกวนประสาทเขาแต่อย่างใดในใจคิดเพียงไม่อยากเสวนาด้วยเท่านั้นเองฟาละสายตาจากใบหน้าคมคายตั้งท่าเข็นรถเดินต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา ป่านนี้แอลคงรอคอยแย่แล้วคนตัวสูงเปิดประตูลงจากรถ แสดงความมีน้ำใจเข้าช่วยเหลือ นัยน์ตาสีนิลชายมองหญิงสาวชั่วครู่ก่อนหันความสนใจยังรถที่ตายสนิท

“มันมีอาการยังไง”

“อยู่ๆก็ดับ”

“แล้วจะเข็นไปไหน”

“ป้อมยาม”

ประโยคถามตอบของทั้งคู่เอ่ยโดยไม่มองหน้ากันใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆรันเข้าประคองรถสำรวจความผิดปกติของเครื่องยนต์อยู่ครู่หนึ่ง

“จะไปไหน”

“นายเกี่ยวอะไรด้วยจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน”

“จะไปส่ง..ยืนรอตรงนี้แล้วกัน”

ไม่พูดพล่ามทำเพลงรถถูกเข็นเดินยังป้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยทำให้เจ้าของยืนงงไม่เข้าใจว่าเขาจะมาวุ่นวายอะไรกับเธอหนักหนา นี่หรือเปล่าที่ว่ากันยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอ ฟาถามใจตัวเองระหว่างมองคนช่วยเหลือทุกฝีก้าวจนเขากลับมายืนตรงหน้าเธออีกครั้ง

“นายมาทำอะไรแถวนี้ไม่ทราบ”

“ธุระ..ตกลงเอาไง จะขึ้นรถหรือเดินไปเอง”

“ฉันมีขาเดินไปเองได้ขอบใจที่ช่วยเข็นรถไปจอด”

“คงไม่กล้านั่งรถฉันงั้นสินะ”

รอยยิ้มกระตุกมุมปากเหยียดเสียงหยามกันต่อหน้าต่อตา ฟารู้สึกเลือดขึ้นหน้าคล้ายถูกท้าทายคนอย่างเธอไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กับแค่เดินขึ้นนั่งในรถของนักแข่งซิ่งนรกคงไม่ทำให้เธอช็อคตายฟาก้าวขึ้นนั่งในรถหน้าตาเฉย ไม่รอให้เอ่ยปากเชิญอีกครั้ง ‘นึกว่าจะแน่’ รันหัวเราะหึในลำคอก่อนก้าวขึ้นรถประจำตำแหน่ง

“ใครว่าฉันไม่กล้า เรื่องแค่นี้ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน”

“ก็ดี”

ประโยคท้าทายทำใจดีสู้เสือ แม้ในใจจะเต้นตุบตับเมื่อล้อรถหมุนเคลื่อนตัวตกอยู่ในภาวะหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้งเมื่อนึกถึงคืนนั้นที่เขามาส่งเธอ การเดินทางใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็ถึงที่หมายแอลเลือกร้านอาหารไม่ไกลจากที่พักของฟาเท่าไหร่เพื่อการเดินทางไปกลับสะดวกและรวดเร็วระหว่างนั่งในรถไม่มีการสนทนาใดๆ มากไปกว่าสถานที่ปลายทางซึ่งรันถามไถ่เพื่อส่งฟา

รถยนต์เข้าจอดยังลานกว้างภายในบริเวณร้านอาหารกึ่งผับพนักงานในพื้นที่โบกรถดูแลลูกค้าซึ่งแวะเยือนเข้าใช้บริการยังร้านอาหารแห่งนี้ ฟากล่าวขอบคุณพลางเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมใครบางคนเดินหาเธอ

“ไหนว่าเอามอเตอร์ไซค์มาทำไมมากับรัน”

“รถเสียเพื่อนนายผ่านไปแถวนั้นพอดี”

ฟาก้าวนำชายหนุ่มสองคนที่ยืนมองหน้ากันคล้ายมีบางอย่างในใจเพียงแต่ไม่พูดมันออกมาเท่านั้น แอลละสายตาจากรัน ก้าวเดินจนทันขนาบข้างฟาเข้าร้านอาหารโดยมีผู้ชายเฉยชาเดินตามในระยะห่างๆ

“มากันแล้วเหรอ”

หญิงสาวผมบ๊อบส่งยิ้มทักทายทำให้ฟาประหลาดใจอย่างหนักไม่คิดว่าจะเจอซันที่นี่ และยิ่งช็อคขั้นโคม่าเมื่อเห็นรันเดินตามเข้ามาในร้านหรือแอลเป็นผู้จัดการเรื่องทั้งหมด เขาคงนัดทุกคนให้มาร่วมรับประทานอาหารค่ำโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าฟาตวัดสายตาเขียวปั้ดใส่แอลที่ยิ้มเจือนส่งให้เธอคล้ายอยากขอโทษกับการปิดบังเรื่องนัดหมายบุคคลอื่นเพิ่มเติมหากบอกฟาก่อนหน้านี้ แอลรู้ดีเธอคงไม่ยอมมาตามคำเชิญ

โต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมทุกคนเข้านั่งประจำที่พร้อมพนักงานในร้านคอยรับบริการดูแลเป็นอย่างดีเมนูถูกส่งให้ลูกค้าแต่ละคนเลือกรายการก่อนจะสั่งอาหารจนครบวงสนทนาเริ่มพูดจาระหว่างรอคอยเครื่องดื่มและอาหารมาเสิร์ฟมีเพียงรันที่นั่งนิ่งคล้ายไม่รับรู้ทุกอย่างรอบตัวตามแบบฉบับของเขา

“คงไม่รังเกียจที่พี่กับรันมาร่วมรับประทานอาหารพอดีเห็นแอลบอกว่านัดฟาเอาไว้เลยขอตามมาด้วย”

“ยินดีค่ะ”

ฟาพูดคุยด้วยความรู้สึกผิดลึกๆในใจเมื่อนึกถึงวันที่ซันถูกหามส่งโรงพยาบาลคราวก่อน ฟาไม่มั่นใจถึงเหตุผลที่ซันต้องเข้าโรงพยาบาลจะมาจากคำพูดของเธอหรือไม่แต่มันคงมีส่วนกระทบกระเทือนจิตใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย การเจรจาในวงสนทนาเป็นไปอย่างต่อเนื่องระหว่างรับประทานอาหารแม้ฟากับซันจะเพิ่งรู้จักและได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการวันแรก แต่ความสนิทคุ้นเคยกลับทำให้ฟารู้สึกคล้ายว่ารู้จักกับซันมานานทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยตั้งตนเป็นปรปักถึงขั้นเกลียดเข้าไส้ด้วยซ้ำไป

“รัน..ใช่รันจริงๆ ด้วย”

น้ำเสียงหวานใสขัดจังหวะกลางวงสนทนาสีหน้าดูตื่นเต้นระคนดีใจออกนอกหน้า ดึงดูดสายตาทุกคู่ในโต๊ะอาหารให้มองยังเธอแม้หญิงสาวหน้าตาดูดีไปทางสวยงามจะกล่าวทักทายคล้ายดีใจอย่างมากมาย กลับไม่ทำให้รันแสดงความรู้สึกใดๆออกมา นอกจากมองเธอที่ยืนด้านข้างนิ่งเฉยมีเพียงแอลและซันส่งยิ้มให้คล้ายรู้จักกันเป็นอย่างดี

“ว่าไงฝนกลับมาจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่”

แอลเริ่มต้นทักทายโดยออกอาการระแวงเล็กๆมองซันและรันเป็นระยะ ทำให้ฟางุนงงกับท่าทางแปลกๆ ของแต่ละคนในวงสนทนา สายตาจ้องมองยังสาวผมซอยสั้นลักษณะคล้ายลูกคุณหนูมีฐานะเธอคนนี้คงเป็นเพื่อนเก่าแก่ของทั้งสามคนอย่างแน่นอน เมื่อเห็นกริยาการทักทาย

“กลับมาเมื่ออาทิตย์ก่อนไม่คิดว่าจะมาเจอพวกเธอที่นี่ ว่าแต่ฝนตกข่าวอะไรไปหรือเปล่าเนี้ย”

ดวงตาแพรวพราวมองรอบวงสนทนาส่งยิ้มมีเลสนัยสร้างความหงุดหงิดใจให้ฟาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่ถูกใจเอาเสียเลยกับผู้หญิงสวยคนนี้ฟาไม่ใส่ใจว่าใครจะทักทายหรือพูดจากัน เธอก้มมองจานตรงหน้าและตักอาหารเข้าปากอย่างไม่แคร์สายตาใครต่อใครตรงนั้น

“ข่าวอะไรจ๊ะฝนมันดังไปถึงอเมริกาเลยหรือ” ซันขำขันพยายามสร้างบทสนทนาให้คึกครื้น

“แหม๋ซัน..ก็เรื่องรันไง ไหนว่าเลิกคบกันแล้วกับ..”

“มานี่”

จากที่นั่งนิ่งเฉยมานานรันเปลี่ยนบทบาทพูดจาพร้อมลุกยืนเต็มความสูง ดึงแขนหญิงสาวกึ่งลากให้ออกห่างจากวงสนทนาอย่างรีบร้อนแอลระบายลมหายใจโล่งอก พาซันยิ้มน้อยๆ ส่งให้เขา มีแต่ฟายังนั่งนิ่ง ช้อนตักอาหารคาอยู่ในปากชะงักมองชายหญิงเดินห่างออกไปเกิดความคลางแคลงในใจ

“เธอคนนั้นเป็นใครเหรอ”

ฟาตั้งคำถามเมื่อควบคุมความอยากรู้ไว้ไม่ไหวและในใจเกิดฉุกคิดขึ้นมากะทันหัน หญิงสาวกับชายหนุ่มหากได้สนิทชิดเชื้อกันอย่างนี้คงมีฐานะได้เพียงสองอย่าง คือเพื่อนกับคนรัก ยังไม่ทันได้รับคำตอบในสิ่งที่ถาม ฟาลุกขึ้นยืนและเดินตามสองคนนั้นออกไปนอกร้านเพียงสิ่งเดียวที่ฉุดดึงให้ฟาทำอย่างนั้น หรือหญิงสาวลูกคุณหนูคนนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟ

“แอลปล่อยเธอไปแบบนั้นจะดีเหรอ”

“ผมไม่รู้ต้องทำไงไม่ว่าใครคงห้ามฟาไม่อยู่”

“ซันไม่อยากให้ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันไปมากกว่านี้เลยแอลรู้ใช่ไหมว่ารันจงใจไปรับฟาที่บ้าน”

“คงเป็นงั้น..พอรันรู้ว่าฟามาเอง มันก็ขับรถออกไปเลย”

“แล้วทำไมไม่ห้ามล่ะแอล”

“ผมเองก็อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างนะซันผมอยากรู้หากสองคนนั้นอยู่ใกล้กัน อะไรจะเกิดขึ้นอีก”

ทั้งแอลและฟามองตามทั้งสามคนก้าวออกนอกร้าน ต่างคนต่างครุ่นคิด หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ คงยากเกินคาดเดา

“รันพาฝนออกมาข้างนอกทำไม”

“ขอร้องอย่าถามเรื่องฟาตอนนี้”

“อ้าว..ทำไมฝนถามไม่ได้ล่ะ แล้วคิดจะปิดบังฝนไปถึงเมื่อไหร่ ใจร้ายมากนะรัน เห็นฝนไม่สำคัญแล้วใช่ไหม”

“เปล่า..แค่..”

“ขอโทษทีที่มาขัดจังหวะฉันเริ่มปวดท้องอยากกลับบ้าน พาฉันกลับหน่อยสิ”

ฟาเข้ายืนข้างรันทำเป็นสนิทสนมราวกับคนรู้ใจหากเป็นละครดังหลังข่าวเธอคงตีบทแตกได้หน้าตาเฉย หญิงสาวเบื้องหน้าคือจุดสนใจของฟาเวลานี้อารมณ์กวนใจเริ่มรุมเร้า จะทำอย่างไรให้ลูกคุณหนูคนนี้เข้าใจว่าเขาคือผู้ชายของเธอ

“สรุปเธอสองคนคบกันอยู่จริงๆใช่ไหม”

ฟามองทั้งคู่สลับไปมาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอตรงหน้าตั้งคำถาม แต่คงเดาไม่ผิด ระหว่างชายหญิงสองคนนี้คงมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นหรือสิ่งที่ฟาคาดเดาถูกต้อง ทั้งสองอาจมีฐานะเป็นคนรักมากกว่าเพื่อนสนิทกันฟาเริ่มปฏิบัติการขัดขวางตามแผนการของเธอทันที

“ใช่..เราสองคนคบกันอยู่”

“จริงเหรอรัน”

นัยน์ตาสีนิลจ้องมองคนตั้งคำถามพลางยกมือคว้าไหล่ฟาที่ยืนด้านข้างเข้ามาแนบชิดอกและนำวงแขนโอบล็อคร่างบางเอาไว้ คล้ายกอดหลวมๆ ฟานิ่งอึ้ง สมองสั่งการให้ขัดขืน แต่ร่างกายแข็งทื่อตัวชา จิตใจระรัวไม่เป็นจังหวะแทบหยุดหายใจลงตรงนั้น

“อืม”

คนถูกโอบนิ่งอึ้งหนักกว่าเดิมไม่คิดว่าเขาจะร่วมเล่นละครแสดงได้สมจริงเพียงนี้ ตกลงเธอคนนี้เป็นใครกันแน่ทั้งที่ตั้งใจตามออกมาเพื่อขวางทาง หรือขจัดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขาแต่ครั้งนี้กลับผิดคาด รันยอมรับกับสาวสวยตรงหน้าอย่างเต็มปากว่าคบกันโลกคงใกล้แตกเต็มที ฟาได้แต่ครุ่นคิดในใจ เมื่อตั้งสติได้ ร่างบางเริ่มขืนแรงขยับห่างจากวงแขนอบอุ่นข้างนั้น

“ไว้เจอกันนะฝน”

รันคว้าข้อแขนของฟาให้เดินตามรวดเร็วโดยไม่เจรจาสิ่งใดกับเธอคนนั้นอีกเวลานี้ความข้องใจสับสนวิ่งวนในความคิดรุนแรง เธอคนนั้นเป็นใครแล้วเหตุใดนายรันต้องทำแบบนี้ ฟาสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดการเกาะกุม

“นี่นายทำบ้าอะไร!”

“เธอไม่ใช่เหรอที่ตามออกมาเพราะอยากขัดจังหวะฉันกับผู้หญิงคนนั้น”

“...”ใช่เธอต้องการขัดจังหวะ ขัดขวางไม่ให้คนทั้งสองได้ใกล้ชิดกันแต่ทำไมกลับผิดแผนถูกตลบหลังเช่นนี้ เธอต่างหากที่ต้องทำให้เขาเสียหน้าแต่เวลานี้กลับเป็นเธอเสียเองที่รู้สึกแย่ เมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นตกตะลึงไม่น้อยกับการที่เขาโอบกอดเธอแสร้งทำเหมือนเป็นคนที่รักกันเสียเต็มประดา

“อยากกลับบ้านไม่ใช่หรือไง”

“ฉันเดินเองได้ไม่ต้องยุ่ง”

ฟาหนีห่างจากบุคคลซึ่งปั่นป่วนหัวใจเธออย่างถึงที่สุดขณะนี้ความรู้สึกเกลียดแค้นชิงชังสามารถทำให้จิตใจเต้นแรงขนาดนี้เชียวหรือฟาไม่เข้าใจตนเองอย่างมากมาย ท่าทางกระฟัดกระเฟียดแสดงเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนในใจอ้อมแขนอบอุ่นซึ่งโอบร่างกายเมื่อครู่นี้ สมควรเป็นสิ่งที่เธอรังเกียจมิใช่หรือเหตุใดจึงคิดถึงมันจนใจสั่นไหว ฟาย่ำเท้ารวดเร็ว ยิ่งห่างไกลเขาได้เท่าไหร่ยิ่งดีแต่กลับหนีไม่พ้นเมื่อข้อมือถูกคว้าดึงไว้เป็นหนที่สอง

“ไหนว่าอยากกลับบ้านไงแล้วเธอจะเดินไปไหนไม่ทราบ”

“ฉันกลับเองนายไปให้พ้นสายตาฉันซะทีเถอะ ก่อนที่ฉันจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้”

ฟาพยายามหลบเลี่ยงการปะทะสายตาโดยไม่หันเผชิญหน้ากับเขา มือบางออกแรงชักกลับแต่ไร้ผล ข้อมือยังถูกรั้งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

“อยากเล่นละครมากนักก็ควรเล่นให้จบ”

“ฉันรังเกียจนายฉันไม่อยากอยู่ใกล้กับนาย”

สิ้นประโยคพูดจาร่างบางเซถลาตามแรงดึงจนกระแทกเข้ากับแผ่นอกกว้างความอบอุ่นแผ่ซ่านเมื่ออ้อมแขนโอบรอบตัว อีกครั้งที่ฟายืนนิ่งอึ้งอีกครั้งที่ความชาวิ่งผ่านร่างกาย และอีกครั้งที่หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะวงแขนกระชับแน่นขึ้นจนฟารู้สึกเจ็บปวด ลมหายใจอุ่นรดต้นคอพาหวั่นไหวรุนแรงเวลานี้ฟาลืมทุกอย่างหมดสิ้นคล้ายจิตใจหลุดลอย ทั้งที่สมองสั่งการให้ขัดขืน แต่ร่างกายดื้อรั้นไม่ปฏิบัติตามปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวโอบกอดตามอำเภอใจ

ไม่อาจรับรู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน อ้อมแขนค่อยๆ คลายออกจนร่างสูงผละจาก และเดินหายไปอย่างรวดเร็วฟายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์วิ่งผ่านไป นายนั่นเป็นใครเหตุใดถึงทำจิตใจเธอหวั่นไหวเช่นนี้

“ฟา”

เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อเลื่อนสายตามองความสับสนยังคงวนเวียนไม่หาย สงสัยใคร่รู้ในทุกสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นกระทำและฝากความรู้สึกไว้ในใจให้คิดหนัก

“เพื่อนนายเป็นใครกันแน่ทั้งที่เหมือนคนเกลียดกันแทบตาย กล้าดียังไงถึงกอดฉันแบบนั้น”

“...”ประโยคคำถามพาแอลนิ่งเงียบ จนปัญญาที่จะอธิบายสิ่งใด

“เมื่อวันก่อนก็ไปเฝ้าไข้ฉันวันนี้ก็ไปวนเวียนอยู่แถวบ้านฉัน แล้วยังกล้าดีแตะต้องตัวฉันได้หน้าตาเฉยบอกฉันได้ไหมแอลว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่”

“กลับบ้านไหมผมจะไปส่ง”

“พี่ซันล่ะ”

“รออยู่ในรถ”

ฟาเดินตามแอลไปยังรถยนต์ซึ่งรออยู่ในลานจอด กลับไปตั้งหลักที่บ้านคงจะดีกว่ายืนมึนงงตรงนี้เผื่อได้ย้อนทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น


to be continued..




Create Date : 18 พฤษภาคม 2556
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 12:42:32 น.
Counter : 540 Pageviews.

6 comments
  
ฟากะรันเคยรักกัน... ฟาความจำเสื่อม.. แล้วจะกลับมารักกันอีกปะ
โดย: ดอกฝิ่น IP: 124.122.27.90 วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:18:12:52 น.
  
ต้องดูค่ะว่า รันจะทำให้ฟาหายงี่เง่าลืมเรื่องในอดีตได้หรือไม่ อิอิ

ขอบคุณนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 115.87.50.122 วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:19:16:05 น.
  
ว่าแล้วว่าต้องมีไรกันมาก่อน อิอิ
โอ้ววววจงเปิดเผยความจริงมาณ.บัดนี้
โดย: sakeena IP: 171.96.31.32 วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:22:07:19 น.
  
555 อิอิ โอมมม จงรอออก่อนนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 115.87.50.122 วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:22:37:53 น.
  
มาหารันกับฟาค่ะพี่มาโซ ^^

รอๆๆๆๆตอนใหม่น๊า
โดย: lovereason วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:0:22:34 น.
  
จ้าาาาา กำลังปั่นเลย
โดย: มาโซคิส IP: 124.122.54.63 วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:7:54:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments