พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
12
13
15
16
17
19
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 9.. แค่หวั่นไหว

Chapter 9

แค่หวั่นไหว

สนามแข่งรถในวันปิดทำการดูเงียบสงบไม่มีเหล่ากองเชียร์เดินพลุกพล่าน ไม่มีบรรยากาศครึกครื้นเช่นวันเปิดสนามแข่ง คืนนี้หากมองตามเสียงก้องกังวานมีรถเพียงคันเดียววิ่งวนในสนามแข่งรอบแล้วรอบเล่าเต็มกำลังเครื่องยนต์ ความรวดเร็วและรุนแรงราวสายฟ้าแสดงถึงอารมณ์คุกรุ่นของคนขับ เพียงต้องการหาทางระบายออกด้วยการเหยียบคันเร่งมิดเท้าความรู้สึกหลากหลายอัดแน่นเต็มอกแต่ยังควบคุมเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเฉยชา

ความคิดถึงซึ่งมากมายเหลือเกินเริ่มคุมไม่อยู่ต้องยุติความรู้สึกเหล่านั้นด้วยการปลดปล่อยความเร็ว สมองอันฟุ้งซ่านจะได้กลับมามีสติอยู่กับการบังคับรถที่วนอยู่ในสนามแข่งมาแล้วร่วมชั่วโมงตั้งแต่ผละจากหญิงสาวซึ่งได้ล่วงเกินโอบกอดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาเขาไม่ได้แข่งขันความเร็วกับใคร หัวใจต่างหากต้องการสงบลง สาเหตุคงไม่พ้นเธอ ทั้งที่สมควรอยู่ห่างไกลกลับพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตัวเอง

เสียงเอี๊ยดดั่งสนั่นหวั่นไหวรถยนต์ที่เคยพุ่งทะยานราวจรวดไถลไปไกลเมื่อเหยียบเบรคกะทันหันจนล้อตายควันสีขาวลอยฟุ้งตามหลังรถที่หยุดสนิท รอยยางสีดำบนถนนลากยาวเป็นทางตามแรงเบรคเมื่อครู่เครื่องยนต์ยังคงทำงานทั้งที่จอดอยู่อย่างนั้น เจ้าของรถนั่งนิ่ง มือกำกุมพวงมาลัยแน่นใบหน้าคมคายฟุบลงบนแขนคล้ายกำลังคิดหนัก ไม่เคยเสียอาการเช่นนี้มาก่อนจากบุคคลซึ่งเคยรักมากมาย จนเวลานี้ก็ยังรักมั่น ไม่มีสักวันจะหยุดรัก และไม่คิดเลิกรักแต่กลับต้องทำเฉยชาไม่ใส่ใจ วางตัวราวกับคนไม่เคยรู้จักกัน ช่างทรมานเหลือเกิน

“ฉันคิดถึงเธอ..”

เสียงพึมพำในลำคอระบายบางสิ่งในใจคล้ายย้ำเตือนความรู้สึกของตน ความอ่อนแอไม่เคยเข้าใครออกใครความรู้สึกเยือกเย็นหลอมละลายเมื่อเข้าใกล้คนเคยผูกพัน กับคำว่าเกลียดที่ได้ยินมันเจ็บปวดสิ้นดีต่อให้อยู่ใกล้เพียงใดในความรู้สึกกลับห่างไกลราวอยู่คนละโลก ไม่เลยเขาไม่อยากให้เธอจงเกลียดจงชังแม้แต่น้อย อยู่ใกล้ชิดคอยดูแลเธอต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องการทว่ามันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว



ประตูรั้วบานใหญ่ถูกไขกุญแจปลดล็อคทั้งเจ้าของและแขกผู้มาเยือนพากันเดินเข้าด้านใน ตั้งแต่ตัดสินใจออกจากร้านอาหารแอลรับอาสาขับรถพาหญิงสาวทั้งสองส่งยังที่พักอาศัย โดยซันถึงที่หมายก่อนคนแรก ตลอดการเดินทางไม่มีใครพูดจาหรือเปิดประเด็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเพียงความเงียบสงบเท่านั้นปกคลุมพื้นที่ภายในรถจนถึงปลายทาง

“ฟา..คุณโกรธผมเหรอ”

แอลเปิดปากพูดจาหลังจากเงียบสงบอยู่นานความนิ่งเฉยของฟาทำให้เขาเสียวสันหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้เธอจะขี้โมโหหงุดหงิดง่าย มันยังดีกว่าแสดงให้เห็นว่าไร้ความรู้สึกเช่นนี้ดูไม่เหมือนฟาคนเดิมที่เขาเคยรู้จักสักนิด

“ทำไมฉันต้องโกรธนาย”

“ก็ผมนัดรันกับซันไปที่ร้านอาหารโดยไม่บอกคุณก่อน”

“ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอกนะ”

ประตูภายในบ้านถูกไขเปิดโดยไม่มีมนตราใดเกี่ยวข้องคงไม่ใช่เรื่องดีหากบุคคลที่ยืนอยู่ด้านข้างจะล่วงรู้ถึงพลังพิเศษในตัวแม้จะเป็นคนสนิทคุ้นเคยแต่ฟาไม่วางใจเปิดเผยความลับให้เขาล่วงรู้ถ้วยฟูพาตัวเองวิ่งปรี่เข้าหาทั้งสองชายหญิง หางกระดิกแสดงอารมณ์ดีใจ คงมีแต่ลูกสุนัขตัวนี้ที่ทำให้ฟาพอยิ้มออกมาได้บ้าง

“ว่าไงเจ้าหมาน้อยวันนี้ซนหรือเปล่า คงหายเหงาแล้วนะฉันกลับมาแล้ววันนี้มีปัญหาเลยไม่ได้แวะซื้อขนมให้ตามสัญญา กินนมไปก่อนแล้วกันนะแก”

ลูกสุนัขตัวกลมขนปุยถูกยกขึ้นอุ้มและหอมข้างแก้มอย่างเอ็นดูฟานำเจ้าถ้วยฟูเดินยังห้องครัวเพื่อหาอาหารให้สัตว์เลี้ยงตามที่ว่าไว้ ส่วนสัญญาในวันนี้ถือเป็นโมฆะเนื่องจากสมองไม่สั่งการ ลืมทุกสิ่งหมดสิ้นระหว่างเดินทางกลับบ้าน เจ้าหมาน้อยจึงอดขนมไปตามระเบียบแอลยืนพิงกำแพงมองฟานิ่งๆ รอเธอจัดการให้อาหารสุนัขเสร็จสิ้นจึงหาทางพูดจา ยังไม่อยากขัดอารมณ์ดีของเธอเวลานี้

“หิวอะไรไหมในตู้เย็นมีของกิน หยิบได้เลยตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”

ฟาถามไถ่ผู้มาเยือนตามมารยาทเจ้าของบ้านแม้รู้ดีเขาคงไม่รับข้อเสนอ เนื่องจากอิ่มท้องกับอาหารมื้อค่ำเรียบร้อยแล้วแอลส่งยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ และมองฟาอยู่อย่างนั้นโดยไม่กล่าวสิ่งใดตอบกลับ เมื่อถ้วยฟูเลียนมจนหมดถ้วยทั้งสามชีวิตจึงพากันเดินออกมานั่งยังบริเวณห้องรับแขกแอลเล่นกับลูกสุนัขอยู่พักใหญ่ รอจนฟาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย และเดินกลับมานั่งใกล้เขาอีกครั้ง

“นี่คงเป็นเสื้อของนายวางลืมไว้วันฝนตก”

แจ็คเก็ตหนาสีดำถูกยื่นส่งตรงหน้าระหว่างฟาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาหนังนิ่มแอลมองเสื้อตัวนั้นนิ่งๆ ก่อนเอื้อมหยิบมาวางไว้ด้านข้าง

“คงลืมไว้จริงๆ”

“คืนที่ฝนตกหนักหลังนายกลับไปแล้วเก่งแวะมาหาฉันอีกรอบ แล้วเจอมันวางอยู่ข้างประตูรั้วนอกบ้านฉันลองคิดดูแล้วคงไม่มีใครนอกจากนายคนเดียวที่แวะมานี่”

“คุณคิดว่ามีคนอื่นมาวนเวียนแถวบ้านคุณงั้นเหรอ”

“ก็ไม่เชิงฉันอาจคิดไปเอง”

“ยังไง..ที่ว่าคิดไปเอง”

“บางคืนฉันรู้สึกเหมือนมีใครคอยมองอยู่เวลาออกไปยืนนอกระเบียงตอนดึกดื่น อาจเป็นพวกถ้ำมองก็ได้เลยไม่อยากสนใจเท่าไหร่”

“ไอ้โรคจิตคนนั้น..มันมาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อยเหรอฟา”

“อาจเป็นไปได้แต่..”

ฟาหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นครุ่นคิดถึงประโยคสนทนา อาจเป็นมนุษย์โรคจิตคนนั้น แต่อีกความคิดยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากภาพหลอนที่เธอสร้างขึ้นครั้งนั้น คงทำให้มนุษย์โรคจิตเข็ดหลาบไปอีกนานเผลอๆ อาจไม่กล้ามาวุ่นวายกับเธออีกเลย ในความรู้สึกบ่งบอกว่าใครสักคนที่คอยมาวนเวียนอยู่รอบๆไม่ใช่มนุษย์โรคจิตคนนั้นอย่างแน่นอน

“แต่อะไร..”

“แต่ฉันสั่งสอนไอ้มนุษย์โรคจิตคนนั้นไปแล้วคงไม่กล้ามาหรอกมั้ง ช่างเถอะอย่าสนใจเลย ว่าแต่เสื้อตัวนี้เป็นของนายหรือเปล่า”

“ก็..อืม.. คงเผลอลืมมันไว้”

“งั้นก็ช่วยเอากลับไปด้วยฉันซักให้เรียบร้อยแล้ว เอาไว้ที่นี่เกะกะดีนะไม่โยนทิ้งถังขยะตั้งแต่คืนนั้นเพราะหาเจ้าของไม่เจอ”

แอลมองหญิงสาวตรงหน้าอยากขำขันตามบทสนทนา แต่เวลานี้กลับขำไม่ออก ทำได้เพียงยิ้มส่งให้เท่านั้นและคงถึงเวลาพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ค้างคาเสียที

“เรื่องที่ร้านอาหารมีอะไรอยากเคลียร์กันไหมฟาผมรู้ว่าคุณมีเรื่องคาใจ”

ใจกระตุกวูบอีกครั้งเมื่อนึกถึงความรู้สึกอบอุ่นซึ่งวิ่งผ่านร่างกายสัมผัสของอ้อมแขนที่โอบกอดยังวนเวียนไม่จางหาย ทั้งที่อยากลืมเลือนกลับถูกกระตุ้นเตือนให้คิดถึงอีกจนได้ฟามองแอลอย่างสู้สายตา ตัดสินใจพูดคุยให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

“เพื่อนนายต้องการอะไรจากฉันนายเป็นเพื่อนกันคงรู้ในสิ่งที่เขากำลังทำ ใช่ไหม”

“...”แอลเงียบนิ่ง ยังไม่ตอบคำถามของเธอ

“หรือเพื่อนนายอยากเอาคืนเรื่องที่ฉันเกลียดเขาและพยายามแก้แค้นให้เฟ..”เป็นอีกครั้งที่ฟาหยุดเสียงพูดจาในลำคอ หากรันต้องการแก้แค้นหรือเอาคืนจริงเหตุใดวันนั้นจึงเห็นเขาเฝ้าไข้เธอในโรงพยาบาล นี่คือสิ่งที่ฟาไม่เข้าใจและยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้“แต่ถ้านายนั่นเกลียดฉัน ทำไมเขาต้องไปเฝ้าฉันที่โรงพยาบาลถึงสองวันเต็มฉันไม่เข้าใจ นายช่วยอธิบายได้ไหมแอล ว่าเพราะอะไร ฉันอยากรู้จริงๆเพื่อนนายต้องการอะไร”

“ถ้าผมบอกไป..คุณจะเชื่อผมเหรอฟา”

“ก็ลองว่ามาสิจะได้รู้ว่าสมควรเชื่อในสิ่งที่นายพูดหรือเปล่า”

“คุณจะเชื่อหรือเปล่าถ้าผมบอกว่าความทรงจำของคุณถูกลบหมดสิ้น ไม่ว่าจะเรื่องคนรักและครอบครัวในอดีต คุณไม่มีความจำเหล่านั้นหลงเหลืออยู่เลย”

ฟาจ้องมองคู่สนทนาก่อนแย้มยิ้มส่ายศีรษะนี่หรือเรื่องที่สมควรเชื่อ น่าขำสิ้นดี คงจะจริงตามที่คิดไว้ผู้ชายคนนี้พูดจาไม่น่าเชื่อถือสักนิด

“นายจะบ้าเหรอแอลความจำถูกลบ ใครจะมาลบความจำฉันได้ หรือนายคิดว่าฉันวิ่งเอาหัวตัวเองชนกำแพงความจำเสื่อมจะบ้าไปใหญ่แล้ว”

“คุณไม่เชื่อ..ทุกเรื่องมันคงเหมือนเรื่องโกหกสินะ แต่ผมว่าเรื่องโกหกมันก็ดีอยู่อย่างนะฟามันทำให้คุณยิ้มได้ ผมอยากเห็นคุณยิ้มมากกว่าทำหน้าบึ้ง”

“นี่นายล้อฉันเล่นงั้นเหรอ”

แอลระบายยิ้มเบาบางเขาไม่เคยนำเรื่องเหล่านี้มาพูดเล่น เพียงแต่ความจริงบางเรื่องอาจเปิดเผยไม่ได้ และฟาเองก็ลืมเลือนมันหมดสิ้นไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาพูดความจริง

“ผมพูดเรื่องจริงแต่มันคงเป็นเรื่องโกหกสำหรับคุณ”

“นี่แอล..พูดกันตรงๆ เลยนะ ฉันไม่ใช่เด็กๆ ที่นายจะมาโกหกด้วยเรื่องแบบนี้ความทรงจำจะถูกลบได้ไง ในเมื่อฉันยังจำได้ทั้งเรื่องของครอบครัว เพื่อนที่มหาลัยสถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ความแค้นที่มีต่อเพื่อนของนาย”

“แล้ว..ถ้าบางเรื่องถูกสร้างขึ้นมาล่ะฟา”

“นายบ้าไปแล้วแอล”

“งั้นเรื่องที่คุณมีพลังพิเศษผมคงเข้าใจผิดไปใช่ไหม..”

ความรู้สึกวูบจนเย็นสันหลังชาไปทั้งร่างกาย เขารู้ความลับนี้ได้อย่างไรหรือเธอร่ายมนตร์ในที่โจ่งแจ้งเกินไปจนเขาสังเกตเห็น หรือแอลสัมผัสได้จากที่เธอเสกมนตร์ใส่เขาและใครต่อใครหลายครั้งหลายหนฟาจ้องลึกเข้าในแววตาคมเข้มคล้ายอยากล้วงความคิดของเขาได้ในเวลานี้

“นายพูดเรื่องอะไร”สีหน้าเลิกลั่กพยายามกลบเกลื่อนความจริง

“จริงหรือเปล่าที่คุณมีพลัง”

“มะ..ไม่จริง ฉันไม่มีพลังอะไรทั้งนั้น”

“งั้นที่คุณปลดล็อคกุญแจแกล้งพวกแฟนคลับของรัน จัดการไอ้โรคจิตจนวิ่งป่าราบ หรือหายตัวจากสนามแข่งวันนั้นคุณจะอธิบายว่าไง”

ไม่มีคำอธิบายใดหลุดออกจากปากฟาหาเสียงพูดจาไม่เจอ นี่เขารู้เรื่องทุกอย่างได้อย่างไร บุคคลรอบตัวที่เข้ามาวนเวียนใกล้ๆเป็นใครกันแน่ ฟาพยายามนึกคิดตั้งแต่วันแรกที่แอลเดินเข้าหาจนสนิทสนมกันหรือทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น

“นายกลับไปได้แล้วแอลฉันไม่มีอะไรต้องบอกนาย ทุกเรื่องที่นายพูดมันไม่ใช่ฉัน ไม่มีอะไรเป็นความจริง”

“งั้นเหรอ..แม้แต่ความผูกพันระหว่างเราก็คงไม่มีด้วยสินะ”

แอลยืนเต็มความสูงพลางระบายยิ้มโศกเศร้าออกมาพาคนมองเห็นใจหายวูบ ความรู้สึกกระตุกไหวจนเจ็บร้าวแปลกๆช่วงนี้จิตใจอ่อนแอหรืออย่างไร จึงหวั่นไหวง่ายดายเพียงเพราะการกระทำและคำพูดของใครหลายคนฟามองแอลเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่คำกล่าวลาใดๆ ส่วนฟาเองยังคิดหนักเกี่ยวกับความลับที่ถูกเปิดเผยจนหมดเปลือกทำได้เพียงอย่างเดียวเวลานี้ คือนั่งนิ่งๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยและทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง



เสียงเพลงคลอเบาเข้ากับบรรยากาศสลัวรอบตัวคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ไม่อาจฉุดดึงความคิดให้ออกจากเรื่องราวในอดีตได้เลยสักนาทีนานแค่ไหนแล้วที่เขารอคอยแค่เธอ

‘ดาวบนท้องฟ้ามันสวยดีนะเหมือนกำแพงกว้างใหญ่ทาสีดำสนิทแล้วประดับดวงไฟเล็กๆ ไว้เต็มไปหมด ก้อนเมฆสีขาวที่ลอยอยู่บนฟ้าทำไมต้องเห็นแค่ตอนสว่างด้วยนะลองจินตนาการสิ ถ้ามีทั้งดาว พระจันทร์ และก้อนเมฆ บนท้องฟ้าเวลากลางคืนมันจะสวยแค่ไหน’

เสียงใสของหญิงสาวยังคงดังก้องในความทรงจำไม่เคยลบเลือนแก้วในมือถูกยกขึ้นดื่ม แอลกอฮอล์สีชาถูกกลืนลงคอจนหมดสิ้น ภาพในความคิดแม้อยากลืมมันมากเท่าไหร่กลับยิ่งไหลเวียนออกมาให้นึกถึงซ้ำๆ บางครั้งอาจเป็นเรื่องดีในยามเหงาแต่บางครั้งกลับเจ็บปวดหากได้คิดถึง เพราะมันเป็นได้แค่คิดถึงอย่างเดียวเท่านั้น

“รัน!”

“...”นัยน์ตาทรงเสน่ห์สีนิลหันตามชื่อเรียกซึ่งดังแข่งกับเสียงเพลงชายหนุ่มผมยาวปะต้นคอเดินตรงเข้าหา ตามที่ได้นัดหมายกันไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วแอลเบียดกายจากผู้คนโดยรอบจนมาหยุดตรงโต๊ะทรงกลมข้างเพื่อนสนิทซึ่งนั่งอยู่ก่อนหน้าและเทเครื่องดื่มผสมสิ่งมึนเมาส่งให้ระหว่างแอลหย่อนกายนั่งประจำที่

“รอนานหรือเปล่า”แอลผ่อนลมหายใจระหว่างตั้งคำถาม

“...”แก้วในมือถูกเลื่อนส่งพร้อมส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“เอาของนายคืนไปมีคนฝากมา เห็นว่าวางลืมไว้”

แจ็คเก็ตสีดำถูกส่งคืนยังเจ้าของตัวจริงรันมองมันนิ่งๆ แม้ในแววตาวูบหนึ่งจะตกตะลึงเล็กน้อยก่อนปรับตัวนิ่งเฉยในเวลาอันรวดเร็วแทบจับพิรุธไม่เจอด้วยซ้ำไปมือเอื้อมหยิบเสื้อพาดไว้ที่ไหล่ก่อนรินเหล้าและยกดื่มคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไปเจอมันที่ไหน”

“หน้าบ้านฟา..รัน.. นายไปเฝ้าดูเธออยู่ตลอดเลยงั้นเหรอ รู้หรือเปล่ามันไม่ดีสำหรับพวกนายและที่สำคัญมันอันตรายต่อฟา”

“...”รันเงียบแต่ยังคงฟังและคิดตามนิ่งๆ

“ตอนนี้พลังของฟาไม่เคยหายไปแล้วมันกำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้านายยังอยู่ใกล้เธอต่อไป”

สิ่งที่แอลบอกกล่าวรันรับรู้ทุกเรื่องราวไม่ว่าจะเป็นพลังของฟา หรือที่เขาสมควรอยู่ให้ห่างเธอ ทว่าจะทำอย่างไร ในเมื่อหัวใจเรียกร้องให้เข้าใกล้คล้ายแม่เหล็กดึงดูดซึ่งกันและกัน

“พูดจบหรือยัง”

“เออ..จบแล้ว พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ชักเบื่อแล้วเหมือนกัน”

แอลบ่นอุบมือคว้าขวดเหล้ารินใส่แก้วเกือบเต็มก่อนยกดื่มรวดเดียวหมด อยากคลายความอัดอั้นตันใจต้องการแก้ไขปัญหาให้จบสิ้น แต่ดูเหมือนไม่มีใครคิดจะเสวนากับเขาอย่างจริงจังสักคนความจริงที่บอกกล่าวให้ฟารับฟัง เธอกลับไม่เชื่อเขาสักคำ หนำซ้ำความหวังดีที่เตือนรันกลับเป็นเพียงลมพัดผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาทำเหมือนไม่รับรู้สิ่งใดแอลแอบน้อยเนื้อต่ำใจในความหวังดีที่เหมือนเปล่าประโยชน์

“รู้แล้วน่า..ต่อไปคงไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว รับรอง”

“นายจะทำไงตัดขาดฟาหรือไง”

“อืม..ก็ต้องเป็นงั้นไม่ใช่เหรอ”

ในน้ำเสียงราบเรียบแต่ความรู้สึกกลับแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดคงไม่มีหนทางอื่นดีกว่านี้อีกแล้ว สำหรับเขาและเธอ การอยู่ห่างไกล เลิกคิดถึง เลิกโหยหาและตัดขาด คงเป็นหนทางเดียวที่ทำได้หลังจากนี้



เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักศึกษากับการเปิดภาคเรียนวันแรกส่งดังราวกับนกกระจอกแตกรังทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะเฮฮาสนุกสนานกับการได้เจอเพื่อนฝูง เพียงคนเดียวที่ทำตัวแตกต่างจากผู้อื่นวงหน้าหวานฟุบอยู่กับโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะเรียน ไม่สดชื่นเอาเสียเลย เมื่อคืนเธอไม่ได้หลับไหลเลยสักนาทีแม้เปลือกตาจะปิดลงแต่จิตใจไม่ยอมปิดตาม พยายามข่มตาเท่าไหร่กลับไม่เป็นผล

“เจ้..เปิดเทอมวันแรกก็แอบหลับแล้วหรือไง”

“ใครว่าฉันหลับเพราะไม่หลับต่างหากถึงเป็นแบบนี้”

เสียงอู้อี้แผ่วเบาพูดจาโดยไม่ยกใบหน้าขึ้นจากโต๊ะ ทำให้คู่สนทนาหลุดขำ แม้จะเรียนกันต่างคณะแต่เก่งยังแวะเวียนหาฟาบ่อยครั้งเมื่อมีเวลาว่างและวันนี้ก็เช่นกัน เปิดภาคการศึกษาวันแรกยังไม่เริ่มต้นเรียนสิ่งใดนอกเสียจากพบปะเพื่อนฝูงตามอัธยาศัยส่วนหน้าที่การงานทั้งฟาและเก่งขออนุญาตพักไว้ก่อน ทางร้านเบเกอรี่จำเป็นต้องหาลูกจ้างทำแทนระหว่างนี้

“ทำอะไรมาเจ้ถึงไม่หลับไม่นอน”

“มีเรื่องให้คิดหนัก”

ฟายกศีรษะหนักอึ้งขึ้นมองเพื่อนรุ่นน้องด้วยท่าทางงัวเงียสุดขีดเปลือกตาบวม ขอบตาดำคล้ำ นัยน์ตาแดงระเรื่อ บ่งบอกว่าอดนอนชัดเจน มือยกเสยผมลวกๆก่อนจับเกล้าเป็นมวยเรียบร้อย

“อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้ชาย”

“เออสิ..”

“เห้ย! เจ้..ผมพูดเล่น เรื่องผู้ชายจริงดิ ใครที่ไหนมาหลงติดกับเจ้เนี้ย พามาให้เจอหน่อยอยากรู้มากว่าใครตาบอดได้ขนาดนี้”

“น้อยๆหน่อยนะไอ้เด็กบ้า” ฟาทำหน้าเซ็งสุดฤทธิ์ ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลยกับท่าทางทะเล้นของเก่ง“เคยถูกผู้ชายกอดไหมแก”

“จะบ้าเหรอ!!ผมไม่ใช่เกย์นะจะได้กอดกับผู้ชาย”

“งั้นถามใหม่..เคยถูกใครกอดไหม”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหล่มองคนตั้งคำถามคล้ายรู้ทันความหมายในประโยคนั้นทำให้ฟาเริ่มขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่ในใจเริ่มตื่นเต้นกลัวถูกจับพิรุธได้

“นั่นแน่..ไปถูกหนุ่มที่ไหนกอดมาเหรอเจ้”

“ไม่มี!ฉันถาม.. แกก็บอกๆ มาเหอะ ไม่ต้องย้อนกลับได้ไหม”

“จะเอากอดแบบไหนกอดครั้งแรก หรือกอดทุกวัน”

“...”ฟาพ่นลมหายใจหนักหน่วง ตวัดสายตามองเพื่อนรุ่นน้องอย่างขัดใจเล็กๆทำให้เก่งขำขันอารมณ์ดีอีกครั้ง หากไม่เลิกเซ้าแหย่เธอตอนนี้ชะตาอาจขาดได้ง่ายๆ

“อะอะ ไม่แหย่แล้ว คุยแบบเปิดอก เจ้อยากรู้เกี่ยวกับกอดแบบไหน”

“ความรู้สึกเวลาถูกกอดมันเป็นไง”

“อืม..ถ้ากอดครั้งแรกก็รู้สึกดีมากๆ ใจสั่นสะเทือนแทบหลุดออกจากอกเลยนะเจ้”

“แล้วถ้าแกถูกคนที่ไม่ชอบกอดล่ะจะเป็นไง”

“ผมคงยันโครมเข้าให้แล้วก็ขนลุก รังเกียจ หรือไม่ก็เดินหนีไปให้ไกลล่ะมั้ง”

ฟาคิดตามคำพูดของเพื่อนรุ่นน้องพยายามทวนความรู้สึกตนเองแม้เธอจะเกลียดเขาแต่อาการที่แสดงออกมาหรือความรู้สึกไม่เป็นอย่างเก่งกล่าวไว้สักอย่าง

“แล้วถ้า..ถูกคนที่เกลียดกอดแต่กลับรู้สึกใจเต้นแรง อบอุ่น คิดถึงอ้อมกอดนั้นล่ะมันคืออะไร..”

“นี่เจ้สับสนหรือเปล่าถ้ารู้สึกอย่างนั้นมันต้องเป็นรักสิหรือไม่ก็ชอบ มันจะเป็นเกลียดได้ไง”

ไม่จริงความรู้สึกรักจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกับบุคคลที่คลั่งแค้นและเกลียดเข้ากระดูกดำมันต้องมีอะไรผิดพลาด ฟาระบายลมหายใจปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง เตือนตนเองซ้ำๆ ไม่มีทางไปเป็นได้อย่างเก่งว่าไว้แน่นอน

เสียงซุบซิบเซ็งแซ่ทำให้ฟาละความสนใจจากเพื่อนรุ่นน้องและหันมองรอบกายนักศึกษาสาวเกือบทุกคนบริเวณนั้นหันมองตามจุดสนใจเดียวกัน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มยังทิศทางที่สนใจสร้างความประหลาดใจไม่น้อยจนฟาหันตามอีกคน

“นั่นมันแอลนี่เจ้เขามาทำอะไรที่นี่”

ส่วนใหญ่หากคาดการณ์สิ่งใดไว้ไม่เคยผิดสักครั้งหรืออาจเป็นส่วนน้อยที่จะพลาดสักที ช่วงเช้าระหว่างอาบน้ำแต่งตัว แอลต่อสายหาฟาเมื่อเห็นว่าเธอลางานเขาถามไถ่จนรู้ว่ามหาวิทยาลัยเปิดเรียนแล้วตามปกติ และฟาเองก็รู้สึกตงิดในใจว่าเขาต้องตามเธอมาอย่างแน่นอนและเป็นจริงอย่างคิดไว้ไม่ผิด แอลส่งยิ้มพลางโบกมือด้วยท่าประจำกับการทักทาย ไม่ใส่ใจสายตาทุกคู่ที่มองเขาอย่างคลั่งไคล้ราวกับพระเอกหนังหลุดออกจากจอ

“ไงฟา..ไม่มีเรียนเหรอ นายล่ะเก่ง” เก่งพยักหน้าส่งพร้อมแย้มยิ้มทักทายกลับ มีเพียงฟาที่จ้องมองแอลอย่างสงสัยกับการปรากฏตัวของเขา

“นายมาที่นี่ทำไม”

“มาหาคุณไง”

“แล้วรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

“เมื่อเช้าคุณบอกผมเองว่าคุณเรียนคณะไหนพอมาถึงผมก็ใช้ปากถามทาง”

เสียรู้จนได้ฟาระบายลมหายใจ คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง โดยปกติฟาไม่ใส่ใจสายตาใครต่อใครแต่วันนี้แปลกไปเนื่องจากเธอเริ่มประหม่าต่อดวงตาหวานเยิ้มทุกคู่ที่มองมาเสียงซุบซิบจับใจความไม่ได้ยังคงดังไม่ขาดปาก ผู้ชายคนนี้มีผลต่อระบบประสาทตาของหญิงสาวอย่างมากมาย

“มีธุรอะไรกับฉัน”

“แค่คิดถึง..”

เพียงสามคำทำให้ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง ใบหน้าร้อนผ่าวต้องหลบตาอย่างรวดเร็ว ผู้ชายอีกคนที่สร้างความปั่นป่วนต่อจิตใจไม่น้อยเก่งยักคิ้วลิ่วตาคล้ายมีลับลมคมนัยก่อนขยับเข้าใกล้กระซิบข้างใบหู

“คนนี้หรือเปล่าที่ทำให้หวั่นไหวผมว่าเปลี่ยนใจจากนายรันมาเป็นแอลดีกว่านะ อโหสิให้ความแค้นซะทีนะเจ้”

เก่งหัวเราะชอบใจระหว่างลุกยืนผิวปากร้องเพลงเดินจากไปปล่อยให้ฟานั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับแอลซึ่งมองคนทั้งคู่อย่างงุนงง

“เป็นอะไรเหรอฟา”

“เออ..เปล่า.. ไม่ได้เป็นไร”

“แล้วทำไมต้องช็อคแบบนั้น”

“เปล่านี่..ว่าแต่นายมีอะไรกันแน่”

“แค่อยากมาหา”

ฟาเปลี่ยนท่าทีกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆในใจ เธอพยายามทบทวนคำพูดของเก่งอีกครั้ง ระหว่างบุคคลที่เคยประกาศว่าเกลียดแค่เพียงโอบกอดกลับสร้างความรู้สึกหวั่นไหวและผู้ชายตรงหน้าหากได้อยู่ชิดใกล้คล้ายเกิดความอบอุ่นในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุใครกันแน่ที่มีผลต่อจิตใจ ฟาปัดความฟุ้งซ่านทิ้งและย้อนคิดอีกครั้งหากเธอหวั่นไหวต่อรันจริง คงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เธอต้องหาทางออกเพื่อขจัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งให้สิ้นซาก

“แอล.. นายคบกับใครหรือเปล่าตอนนี้”

“เปล่า..มีอะไรหรือเปล่า ถามเหมือนอยากคบกับผมงั้นล่ะ”

“ถ้าเป็นงั้นล่ะ”สายตาสองคู่สบมองกัน ฟารอฟังคำตอบ ส่วนแอลยื่นหลังมือแตะหน้าผากราวกับวัดอาการคนป่วยมีไข้เขาไม่คิดว่าฟาจะหมายความอย่างที่พูดจริงจัง

“คุณไม่สบายหรือเปล่าตัวก็ไม่ร้อนนี่” มือถูกปัดออกรวดเร็วคล้ายต้องการบอกเขาว่าสิ่งที่เธอพูดจาเป็นเรื่องจริงจังไม่ล้อเล่น

“ฉันพูดเรื่องจริงในเมื่อนายไม่มีใคร แล้วฉันก็อยากเลิกยุ่งกับเพื่อนนายเต็มที จะว่าฉันบ้าหรืออะไรก็แล้วแต่นายแต่ฉันไม่ได้พูดเล่น”

ไม่ว่าใครจะต่อว่าหรือกล่าวหาเป็นผู้หญิงไร้ยางอายหน้าด้านหน้าทนก็สุดแล้วแต่เขา เวลานี้ความสับสนเกาะกุมจิตใจอย่างสาหัสฟาไม่เข้าใจตัวเอง เหตุใดจึงสะบัดความคิดถึงอ้อมกอดของรันไม่หลุดและเธอจะไม่ยอมให้ความคิดเหล่านั้นมีผลต่อจิตใจทำให้ความแค้นเคืองลดลงจนกลับกลายเป็นความรู้สึกอื่นไปได้หากความสนใจหันเหไปทางใครสักคนที่ไม่ใช่รันคงดีกว่าเป็นไหนๆและแอลก็ใกล้ตัวเธอมากที่สุด

“นี่คุณพูดเรื่องจริงงั้นเหรอฟา”

“ใช่..ฉันพูดจริง”

“...”แอลนิ่งอึ้ง สีหน้าส่อแววตกตะลึงไม่น้อย

“ฉันอยากคบกับนาย”

“ฟา..ผมขอโทษ.. เราคบกันไม่ได้”

ร่างกายชาวูบรู้สึกเสียหน้าอย่างถึงที่สุด เจ็บจุกกับประโยคปฏิเสธ ดวงตาคมเข้มส่อแววรวดร้าว รอยยิ้มจางหายจากใบหน้าคมสันเหลือเพียงความนิ่งเฉยก่อนผละจากไปฟามึนงงราวกับถูกค้อนทุบศีรษะจนทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะถูกผู้ชายปฏิเสธง่ายได้ทั้งที่จริงแอลต่างหากเป็นฝ่ายเดินเข้าหา เหตุใดจึงผิดแผนไปเสียทุกอย่างจนเริ่มขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างหนักก่อเป็นคำถามซึ่งต้องการหาเหตุผลคลี่คลายโดยเร็ว



To be continued..




Create Date : 22 พฤษภาคม 2556
Last Update : 22 พฤษภาคม 2556 20:06:03 น.
Counter : 475 Pageviews.

3 comments
  
มาหารันกับฟาค่า ^^

พี่มาโซ
โดย: lovereason วันที่: 22 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:56:44 น.
  
ฟาถูกลบความทรงจำ อิอิ
ยังงัยละนายแอล อธิบายออกไปเร็ว ทำไมคบไม่ได้ ให้ไว
โดย: sakeena IP: 171.96.18.194 วันที่: 23 พฤษภาคม 2556 เวลา:9:03:54 น.
  
@ขอบคุณค่ะนุ่น

@ คุณ sakeena ตอนหน้ามาอธิบายแล้วค่ะ ว่าทำไมคบไม่ได้
โดย: มาโซคิส IP: 124.122.36.222 วันที่: 24 พฤษภาคม 2556 เวลา:21:34:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments