เมษายน 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
13
14
15
17
18
19
20
22
23
24
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 1.. ไม่อยากรู้จัก

Chapter 1

ไม่อยากรู้จัก

กลุ่มควันสีเทาดำโหมลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เปลวเพลิงลุกโชนบนซากรถยนต์ซึ่งพังยับเยินไม่เหลือสภาพเก่าที่เคยโดดเด่นและสวยงามผู้คนวิ่งกันอลหม่านช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถคว่ำ หนึ่งชีวิตนอนหายใจโรยรินข้างทาง เมื่อถูกหามออกจากที่เกิดเหตุรอรับความช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นใจคอไม่สู้ดีมองหาบุคคลสำคัญเมื่อทราบข่าวของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

‘เฟ..

น้ำเสียงตระหนกสั่นเครือจิตใจเต้นโครมครามโผเข้าหาร่างคนคุ้นเคยซึ่งนอนแน่นิ่งแต่ยังคงหายใจ อยากร้องไห้เมื่อเห็นสภาพย่ำแย่ของผู้ได้รับบาดเจ็บแต่ความรวดร้าวดันจุกในอกทำให้ไม่มีน้ำตาไหลออกมา ร่างกายบอบช้ำเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวเหนียวข้นเลือดสีแดงฉานไหลออกจากบาดแผลบนร่างกายไม่ยอมหยุด ทำลายกำลังใจของผู้โอบประคองคนบาดเจ็บเอาไว้จนขวัญหนีดีฝ่อได้แต่ตะโกนอยู่ภายในใจ ‘ทำไมต้องลงเอยเช่นนี้’

‘อย่าเป็นอะไรนะเฟเดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว ทำใจไว้’

รอยยิ้มระบายบนใบหน้าซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มือไร้เรี่ยวแรงค่อยๆยกขึ้นสัมผัสวงหน้าหวานที่แสดงออกถึงความเศร้าโศกชัดเจน แต่เพียงไม่นานทุกอย่างก็หยุดนิ่งมือบอบช้ำร่วงหล่นลงพื้นดิน เปลือกตาปิดสนิท พร้อมสิ้นลมหายใจร่างผู้บาดเจ็บถูกคนโอบกอดเขย่าเรียกให้รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่สายเกินไปเธอไม่มีสติรับรู้อะไรอีกแล้ว

‘อย่าทิ้งพี่ไป..

‘เฟ..

ร่างกายดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ใจเต้นตึกตักตกใจตื่นจากฝันร้ายเกือบสองปีแล้วที่อุบัติเหตุคร่าชีวิตบุคคลสำคัญไม่มีวันหวนคืนมือยกปาดเหงื่อซิบบนหน้าผาก กุมขมับถอนใจทิ้ง ยังไม่ชินเสียทีกับความฝันซึ่งเกิดบ่อยครั้งเกือบทุกค่ำคืนครอบครัวเพียงคนเดียวที่หลงเหลือต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอายุเพียงยี่สิบปีเศษจะว่าเป็นความโชคร้ายหรือความอาภัพอย่างไรไม่ทราบได้ ชีวิตเธอต้องจมอยู่กับการสูญเสียตั้งแต่เป็นเด็กวัยเพียงห้าขวบบิดามารดาต้องจากไปเพราะอุบัติเหตุเฉกเช่นน้องสาว ทำให้ต้องอยู่อาศัยตามลำพัง

นิ้วชี้วนเวียนพุ่งสมาธิตรงยังเทียนซึ่งตั้งบนโต๊ะเขียนหนังสือเปลวไฟติดพรึบขึ้นมาราวกับสั่งได้ ในความโชคร้ายกลับมีบางสิ่งบางอย่างติดตัวคล้ายมนต์วิเศษประกายไฟจากแสงเทียนส่องสว่างสงบนิ่ง เพิ่มความสลัวให้ห้องนอนพอมองเห็นสิ่งต่างๆ โดยรอบความอบอุ่นจากเปลวเทียนคงช่วยลดความว้าวุ่นในใจลงบ้างไม่มากก็น้อยระหว่างนั่งทบทวนความฝันเปลวเทียนเกิดสะบัดไหว ผ้าม่านพลิ้วลอยคล้ายมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านทำให้สายตาหันมองตามการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ

เงาตะคุ่มปรากฏชัดเจนตรงระเบียงด้านนอกไม่รอช้า เจ้าของบ้านรีบรุดแหวกผ้าม่าน เปิดกระจกบานเลื่อนส่องดูบางสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวสายตากวาดมองรอบบริเวณ แต่กลับไม่เจอสิ่งใดผิดปกติ ความมืดมิดปกคลุมพื้นที่ยกเว้นตามถนนหนทางเบื้องล่างยังพอมีไฟฟ้าส่องสลัวเส้นผมตรงพลิ้วไหวตามแรงลมโชยอ่อน สองเท้าก้าวเดินข้างหน้า ยกมือท้าวขอบระเบียง แหงนหน้ามองฟ้ามืดมิดซึ่งประดับประดาด้วยดวงจันทร์สีนวลรายล้อมแสงระยิบระยับจากดวงดาวยืนปล่อยใจล่องลอยอยู่พักใหญ่ หนทางยุติฝันร้ายคงมีทางเดียว ลบล้างความคับแค้นที่มีต่อบุคคลซึ่งทำลายชีวิตน้องสาวของเธอ

ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทางเดินมีใครคนหนึ่งยืนหลบมุมมองยังหญิงสาวบนระเบียงด้วยแววตาห่วงใย ไม่พร้อมแสดงตัวให้ใครเห็น เสื้อแจ็คเก็ตดำสนิทมีฮู๊ดคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าเฝ้ารอคอยจนเธอเดินหายเข้าบ้านอีกครั้ง เนิ่นนานแค่ไหนที่ไม่เคยได้เข้าใกล้ไปมากกว่านี้

แว่วเสียงนกน้อยโผบินหยอกล้ออากาศจากเสาไฟสู่ร่มเงาแมกไม้น่าเพลิดเพลิน แสงแดดรำไรเริ่มส่องสว่างคืบคลานอย่างเชื่องช้าบ่งบอกการมาเยือนของเช้าวันใหม่ สองขาเคลื่อนยกชันกอดเข่า ตลอดคืนที่ผ่านมาตั้งแต่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็ไม่อาจข่มตาหลับได้อีกในสมองฉายภาพความทรงจำระหว่างครอบครัวซ้ำๆ ความผูกพันของพี่น้องไม่เคยจางหายแม้จะจากกันแสนไกลแล้วก็ตามขนตาดำหนายาวเป็นแพรกะพริบเป็นระยะให้รู้ว่ายังมีความรู้สึกลมหายใจระบายอ่อนก่อนทอดถอนตัดอารมณ์อาลัยอาวรณ์ทิ้ง สองมือคลายออกจากเข่าสืบเท้าลงยืนบนพื้นห้อง เดินหยิบผ้าขนหนูพาดไหล่เข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจส่วนตัว

ภาคฤดูร้อนของช่วงเวลาปิดการเรียนการสอนในระดับมหาวิทยาลัยหลากหลายคนดิ้นรนหางานพิเศษทำแลกกับค่าแรงไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผิดกับเธอซึ่งทำงานเพียงแค่ฆ่าเวลาว่างเปล่าไปวันๆด้วยสมบัติเงินทองที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ระหว่างดำรงชีวิตอยู่กับน้องสาวก็เหลือเฟือพอใช้จ่ายได้สบายไปอีกนานและเวลานี้เหลือเพียงตัวคนเดียวหากไม่สุรุ่ยสุร่ายคงมีเก็บอีกหลายปีด้วยความเป็นคนมัธยัสธ์รู้คุณค่าของเงิน จึงไม่ยอมฟุ่มเฟือยเปลืองกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรถยนต์คันหรูหราราคาหลายแสนไม่มีผ่านความคิด ในเมื่อสถานที่ทำงานและสถานศึกษาอยู่ใกล้เคียงละแวกพักอาศัยจักรยานยนต์เท่านั้นคือยานพาหนะซึ่งสะดวกสบายแล้วสำหรับเธอ

หมวกกันน็อคทรงครึ่งใบถูกดึงออกจากศีรษะแขวนคืนตรงที่เก็บเรียบร้อยผมยาวสลวยถูกเกล้ารวบผูกเป็นหางม้า เชิ้ตขาวแขนยาวแบบชุดฟอร์มทำงานตามกฏของสถานที่ผิดก็แต่กางเกงยีนส์ทรงเดฟสีดำสนิทที่ยังรั้นใส่แม้จะถูกปรามบ่อยครั้งทว่ากฏมีไว้เพื่อแหกเป็นเรื่องธรรมดาของความเอาแต่ใจ จนคนห้ามอ่อนใจต้องปล่อยเลยตามเลย

“ว่าไงฟามาแต่เช้าเลยวันนี้”

เจ้าของร้านเบเกอรี่ทักทายลูกจ้างคนสนิทด้วยเห็นหน้าค่าตากันมาหลายปี ระหว่างช่วงปิดภาคเรียนหารายได้พิเศษของเธอ ร้านขายขนมเค้กและกาแฟเล็กๆมุมถนนย่านสังคมเมืองจะจับจองตัวฟาไว้ช่วยงานเป็นประจำ ด้วยความขยันขันแข็งไม่เคยขาดลาหรือหยุดอู้งานสักครั้งทำให้เจ้าของสถานที่ปลาบปลื้มกับนิสัยจริงจังของลูกจ้างคนนี้เป็นพิเศษ

“นอนไม่หลับ”

“ฝันร้ายอีกแล้วสิ”

ไม่มีการตอบคำถามมีเพียงสายตากลมโตมองกลับพร้อมยักคิ้วส่งให้กระเป๋าสะพายใบโตถูกดึงจากร่างกายเก็บลงตู้ใส่ของประจำตัว คนถามหลุดยิ้มก่อนหันกลับไปสนใจเช็ดแก้วกาแฟต่อไม่อยากเซ้าซี้จี้ปมเจ็บปวดในใจ ตู้แช่กระจกใสส่งไอเย็นลอยฟุ้งเมื่อเปิดออก

“เค้กอีกเจ้ายังไม่มาส่งเหรอพี่”

“เห็นว่าอีกครึ่งชั่วโมง”

ขนมหลากสีสันน่ารับประทานถูกจัดวางเรียงรายเป็นระเบียบสวยงามลูกจ้างหนุ่มเดินออกจากด้านหลังร้านหยิบจับเก้าอี้ที่คว่ำอยู่บนโต๊ะวางลงบนพื้นทีละตัวเตรียมความพร้อมก่อนจะเปิดร้านรับลูกค้าเมื่อจวนถึงเวลาเต็มที

“เจ้ฟาเมื่อคืนไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้”

หนุ่มหน้าตี๋ผิวขาวบ่งบอกเชื้อสายลูกจ้างประจำอีกคน หนำซ้ำยังเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับฟาซึ่งชักชวนกันมาทำงานหารายได้เสริมเริ่มส่งเสียงพูดคุยทั้งยังทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น แม้จะดูผอมบางแต่มีความแข็งแรงสมเป็นชายกล้ามเนื้อพอมีให้เห็นเป็นมัดอยู่บ้าง

“หยุดพูดไปเลยไอ้เด็กบ้าเมื่อคืนนัดไว้ก็ไม่ยอมมาตามนัด ต่อไปนี้จะไม่หวังพึ่งอะไรอีกแล้ว”

“ผมไปแล้วนะเจ้ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่าเจ้ทำอะไรไว้”

“ไอ้ฟามันทำอะไรไว้ล่ะเก่งพี่อยากรู้”

เจ้าของร้านพูดเสริมอยากรู้เรื่องราวขึ้นมาบ้างฟาสะบัดสายตาส่งค้อนให้รุ่นน้องวงใหญ่จนเขาต้องหยุดชะงักหน้าที่ชั่วคราว หันมาหัวเราะกลบเกลื่อนลังเลที่จะตอบคำถาม เนื่องจากกลัวอำนาจมืดซึ่งแฝงไว้ภายในดวงตาสวยแต่รอเชือดเฉือนคู่นั้น

“ไม่มีอะไรหรอกพี่แค่..”

“ไอ้เก่ง..ฉันบอกให้แกเงียบปาก”

อีกครั้งที่สายตาดุเดือดจ้องมองพลางสะบัดเสียงเขียวใส่ทำให้คนฟังทั้งสองถึงกับหลุดขำในท่าทางจริงจังกระฟัดกระเฟียดฟาถอนใจหันมองเจ้าของร้านก่อนเริ่มพูดจาตัดสินใจเป็นฝ่ายยอมเปิดเผยความจริงเองดีกว่าให้เด็กเมื่อวานซืนนินทาเข้าหูในระยะเผาขนเช่นนี้

“ฟาแค่ไปขอผู้ชายเป็นแฟนก็เท่านั้นเองพี่ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่ได้เป็นวีรกรรมอย่างไอ้เด็กบ้าบอกซะหน่อย”

“เห้ย!ไอ้ฟา.. ไปขอผู้ชายเป็นแฟนนี่นะไม่มาก คิดอะไรอยู่ถึงกล้าทำแบบนั้น”

“ฟาก็แค่..”ความลังเลดึงรั้งให้หยุดเสียงไว้ในลำคอชั่วคราว

“ก็แค่อะไรบอกมาเถอะถึงขนาดนี้แล้วยังจะปิดบัง ความลับไม่มีในโลกหรอกนะ ฟาไม่บอกพี่เดี๋ยวพี่ก็แอบถามไอ้เก่งอยู่ดีนั่นล่ะ”

“ฟาแค่อยากแก้แค้นให้น้องสาว”

“เฟนะเหรอ..แล้วใครทำอะไรเฟ ในเมื่อเฟประสบอุบัติเหตุเสียไปหลายปีแล้วนี่”

“ถ้าไม่เพราะผู้ชายเฮงซวยคนนั้นเฟก็คงไม่ขับรถคว่ำจนต้องตาย”

น้ำเสียงแข็งกร้าวพาวงสนทนาตึงเครียดกะทันหันทำให้เก่งถึงกับรู้สึกผิดที่เผลอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่ต่างฝ่ายเริ่มสานต่อหน้าที่ซึ่งทำค้างคาเอาไว้ ถึงแม้เจ้าของร้านจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวสักเท่าไหร่แต่ยอมเงียบดีกว่าก่อควันไฟให้อารมณ์ลุกโชน เพราะถือว่าทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเองบรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วจะทำอะไรคงมีความคิดและรู้จักไตร่ตรอง

เสียงกระดิ่งกระทบกระจกเมื่อประตูถูกเปิดส่งสัญญาณมีผู้มาเยือนเก่งทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าสองรายแรกของร้าน เมนูอาหารถูกหยิบและก้าวตามกระชั้นชิดกระดาษจดรายการและปากกาถูกหยิบจากกระเป๋าด้านหน้าของผ้าคลุมกันเปื้อนสีน้ำเงินลายสก๊อตเตรียมรับออเดอร์อาหารเช้าจากหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งเลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง ความคลับคล้ายคลับคลาทำให้เก่งเพ่งพินิจทั้งคู่ก่อนหันกลับมามองฟาซึ่งยืนหันหลังสวมผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อมเริ่มงาน

“รับอะไรดีครับ”

เมนูถูกยื่นส่งพร้อมยืนคอยรับบริการหญิงสาวคว้ารายการอาหารไล่ดูตามลำดับก่อนเลื่อนสายตามองชายหนุ่มเบื้องหน้าซึ่งนั่งนิ่งหันมองออกนอกกระจกไม่ใส่ใจบรรยากาศรอบกาย

“รันเอาอะไร”

“สั่งเถอะได้หมด”

หญิงสาวส่ายหน้าระบายยิ้มไม่เคยได้รับความร่วมมือจากเขาสักครั้งหากเป็นเรื่องเลือกสรรอาหารการกินเธอหันมองเมนูอีกครั้งก่อนสั่งของว่างและเครื่องดื่มกับพนักงานประจำร้านซึ่งรอรับรายการอยู่แววตาเอ็นดูหันมองยังชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้งเมื่อจัดการสั่งของว่างเรียบร้อย เกิดสงสัยเกี่ยวกับสถานที่นัดเจอเหตุใดต้องเป็นที่นี่ ทั้งที่อยู่ห่างไกลจากบ้านพักอาศัยหลายกิโลเมตร แต่คงเก็บคำถามเอาไว้ภายในใจไม่อยากซอกแซกรู้ในสิ่งที่คงไม่ได้รับคำตอบง่ายๆ

เก่งเดินยังเคาน์เตอร์ ส่งรายการอาหารว่างตามเมนูที่ลูกค้าสั่งฟาหันมองรุ่นน้องทำขยิบตาส่งสัญญาณให้มองยังหนุ่มสาวคู่นั้น เมื่อเห็นบุคคลทั้งสองเบื้องหน้าจิตใจของฟาเริ่มดิ้นพล่านในทันทีไม่คิดฝันว่าจะเจอคนที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่นี่ ตั้งแต่น้องสาวจากไป ฟาพยายามติดตามเรื่องราวของชายหนุ่มซึ่งเธอคิดว่าเป็นตัวการทำลายจิตใจน้องสาวให้ย่อยยับด้วยการคบหาคนใหม่และทิ้งน้องสาวของเธอให้เจ็บช้ำ จนคิดสั้นขับรถประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในที่สุดและจากการสืบเสาะจนพบเขาคนนั้นทำให้เธอคาดเดาเรื่องราวจากที่เห็นและได้รับข้อมูลมา น่าจะเป็นหญิงสาวคนนี้ที่พรากความรักของน้องสาวเธอไปบรรยากาศรอบบริเวณเริ่มไม่น่าอยู่ อยากเดินไปให้พ้นจากตรงนี้ กระดาษรายการอาหารว่างถูกกำบีบไว้แน่นพยายามสะกดอารมณ์คับแค้นไว้ภายในยอมปฏิบัติตามหน้าที่ต่อไป

กาแฟร้อนถูกชงตามสูตรควันอ่อนลอยฟุ้งส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ระหว่างจัดเตรียมของว่างตามเมนูชายหญิงในร้านถูกลอบมองอยู่ตลอดเวลา ฟากำลังนึกคิดหาหนทางกลั่นแกล้งคนทั้งสองเพื่อลดความขัดแย้งในใจให้เบาบางลงบ้างกับภาพที่เห็นทั้งคู่พูดคุยส่งยิ้มให้แก่กัน เกิดนึกหมั่นไส้ขึ้นมาเสียดื้อๆ

“เก่งรับออเดอร์เสร็จแล้ว”

หนุ่มหน้าตี๋ส่งยิ้มกว้างดวงตาหรี่เล็กแทบมองไม่เห็นลูกตา ก้าวเดินยกถาดอาหารว่างออกเสิร์ฟ ฟาหันซ้ายแลขวาปลอดโปร่งไร้ใครบริเวณนั้นสายตาจ้องมองตามถาดที่เก่งถือไว้ เริ่มหมุนวนนิ้วชี้ ทั้งถ้วยกาแฟ แก้วน้ำเปล่าและจานใส่ขนมเค้กเกิดสั่นคลอน เก่งรีบคว้าเมื่อเห็นสถานการณ์ส่อเค้าไม่สู้ดีทั้งที่มือไม้ก็ไม่ได้สั่นอะไรแต่ช้าไปเสียแล้ว ทุกอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ถาดทั้งถาดถูกปัดเทกระจาด แก้วน้ำสาดกระเซ็นทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นผสมปนเปขนมเค้กสีสวยเละเทะไม่เป็นท่าอยู่บนแผ่นหลังกว้าง เสื้อเชิ้ตสีดำของบุคคลซึ่งนำร่างกายมาขวางทางไว้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนแก้วร่วงหล่นพื้นแตกกระจาย พนักงานเสิร์ฟหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พร้อมลูกค้าสาวลุกยืนอย่างเร่งด่วนช่วยดูแผ่นหลังที่ถูกสิ่งต่างๆราดรด

“รันเป็นอะไรไหม!”

สิ่งที่หวังผิดคาดฟาพยายามจะแกล้งให้น้ำหกใส่หญิงสาวเสียหน่อยแต่ดันถูกชายคู่อริขัดขวาง และอีกอย่างที่ไม่เข้าใจเหตุใดมนตราที่เธอพยายามเสกร่ายกลับรุนแรงกว่าที่คิดไว้ มือค่อยๆกำกุมรู้สึกหวั่นไหวจิตใจ ชั่วพริบตาที่ใบหน้าคมคายหันมองทางเธอสายตาเย็นชาฟาดความน่ากลัวใส่ทำให้ฟาเสียวสันหลังวาบก่อนพลิกกายกลับหลบสายตาสีนิลคู่นั้น ราวกับเขารู้ว่าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดความรู้สึกผิดก่อตัวลึกๆ ฟาเดินหลบเข้าด้านหลังร้านพร้อมเจ้าของร้านก้าวสวนออกมาพอดี

“ไปไหนฟา”

“ห้องน้ำ”

น้ำเสียงและท่าทางร้อนรนพาประหลาดใจแต่คงต้องทิ้งไว้ตรงนั้นเมื่อเรื่องสำคัญกว่ารอคอยอยู่เบื้องหน้า เสียงแก้วแตกทำให้เจ้าของร้านรู้ในทันทีว่าลูกจ้างตัวดีก่อเรื่องวุ่นวายอย่างแน่นอน

“ผมขอโทษด้วยครับที่ไม่ระวัง”

“เป็นอะไรมากไหมรันโดนน้ำร้อนลวกหรือเปล่า ซันว่าไปหาหมอดีกว่านะ”

“ไม่เป็นไร..”

“ขอโทษแทนน้องที่ร้านด้วยนะคะกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

เจ้าของสถานที่ออกหน้ารับผิดขอโทษลูกค้าแทนลูกจ้างซึ่งถูกคาดโทษเอาไว้เก่งนำผ้าชุบน้ำเปียกหมาดยื่นส่งเพื่อเช็ดทำความสะอาดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนแต่ถูกปฏิเสธรันถอดเชิ้ตตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวใส่ไว้ ก่อนจะย้ายที่นั่งใหม่ยังโต๊ะถัดไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นรายการของว่างถูกจัดทำใหม่อีกครั้งเพื่อชดเชยที่เสียหาย พื้นที่รอบบริเวณถูกเช็ดทำความสะอาดให้กลับมาเรียบร้อยตามเดิม

“ไม่เป็นอะไรแน่นะรัน”

เสียงหวานถามไถ่เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติไม่มีการพูดจา มีเพียงพยักหน้าเบาๆ ซันหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนอีกคนซึ่งนัดหมายกันไว้กุญแจรถถูกคว้าจากบนโต๊ะ พร้อมเสื้อเชิ้ตตัวที่เปื้อนก้าวออกจากร้านปล่อยให้รันนั่งเพียงลำพังรอเวลาเพื่อนสนิทเดินทางมาถึง

“สุดยอดของความซวย เป็นไปได้ไงวะถือของให้หล่นเนี้ย”

เก่งบ่นพึมพำระหว่างหลบเข้าหลังร้านรู้สึกหงุดหงิดตัวเองกับการเสิร์ฟของว่างที่ไม่ได้หนักอะไร แต่กลับถือถาดไว้ไม่อยู่จนเกิดเรื่องทำให้ถูกตัดค่าจ้างรายวันฟาเหล่สายตามองเพื่อนรุ่นน้องก่อนหันกลับ ทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางระบายลมหายใจตัดความรู้สึกกังวลทิ้งไป

“ซุ่มซ่ามเองจะโทษใครไอ้เด็กบ้า”

น้ำเสียงเข้มแข็งกลบเกลื่อนความผิดในใจมัวแต่ห่วงความรู้สึกของตัวเองจนเผลอทำให้เพื่อนรุ่นน้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

“จริงๆนะเจ้ มันเหมือนมีแรงอะไรสักอย่างผลักถาดให้ตกใส่ผู้หญิงคนนั้น ลองนึกสภาพดิถ้าผู้ชายคนนั้นไม่เอาหลังมารับ กาแฟร้อนๆ ต้องหกใส่หน้าเธอเสียโฉมแน่ๆ”

“ก็สมควรเป็นงั้น”เสียงแผ่วในลำคอ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกพลาดเป้าหมาย

“เจ้ว่าไรนะ..”

“เปล่าๆเข้าไปทำงานต่อเหอะ เดี๋ยวถูกไล่ออกทั้งคู่จะซวยหนักกว่าเดิม”

ฟาก้าวเดินเตรียมปฏิบัติงานอีกครั้งแต่ถูกคว้าแขนและดึงกลับมายืนที่เดิมด้วยแรงกระชากซึ่งทำให้เธอแทบล้มทั้งยืนเมื่อทรงตัวได้ฟาสะบัดแขนจากการเกาะกุมคิ้วเรียวขมวดชนกันบ่งบอกให้รู้ถึงอารมณ์ขุ่นเคือง

“อย่าเพิ่งออกไปดิเจ้”

“อะไรของแกไอ้เก่งฉันเกือบจะล้มแล้วเห็นไหม ไปสูบแรงช้างมาหรือไง”

“ผมจะบอกว่าเจ้ไม่กลัวไอ้หมอนั่นจำได้เหรอ ที่ไปขอมันเป็นแฟนเมื่อคืนนี้อะ”

ลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับวีรกรรมหาญกล้าที่ก่อไว้ฟาทบทวนชั่วครู่ กับช่วงเวลาไม่กี่นาทีคงไม่ทำให้ผู้ชายที่แสดงท่าทางรังเกียจเธอจับใจจดจำกันได้และระหว่างเดินเข้าไปเจรจาก็เป็นเวลาค่ำคืน ความมืดคงช่วยอำพรางใบหน้าของเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย

“กลัวทำไมถึงตานั่นจะจำได้ก็ไม่เห็นต้องกลัวตรงไหน”

สองเท้าก้าวเดินเผชิญหน้าอย่างอวดดีแต่ในใจกลับนึกหวั่นเล็กน้อยว่าเขาอาจจะจำเธอได้บ้างท่าทางหลุกหลิกรีบพุ่งเข้ายืนหน้าเคาน์เตอร์ของร้านสำรวจสิ่งต่างๆ รอบกายทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติเว้นแต่เสียงหัวเราะซึ่งดังไล่หลังมา

“ไหนบอกไม่กลัวไงล่ะเจ้ฮ่าๆๆๆ”

เก่งหัวเราะขำขันจนตัวงอหากแต่สายตาเหลือบเห็นเจ้าของร้านจ้องมองอย่างคาดโทษทำให้คนกำลังมีความสุขเมื่อครู่หุบปากเงียบกริบหลบสายตาเลี่ยงเดินออกไปยังส่วนอื่นของร้านทันทีก่อนที่ชะตาจะขาด

“เป็นอะไรไอ้ฟาทำไมต้องทำเหมือนหลบใครอย่างนั้น”

“เปล่านี่พี่ไม่ได้หลบ จริงๆ นะ”

น้ำเสียงสูงกลบเกลื่อนแก้ตัวพยายามทำให้เป็นปกติฟาก้าวยืนหน้าเคาน์เตอร์จับสิ่งของบริเวณนั้นแสร้งทำว่ามีงานยุ่งเหลือเกินทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของลูกค้าคนใหม่ซึ่งเดินเข้ามาพร้อมหญิงสาวที่หายออกจากร้านไปเมื่อครู่นำเสื้อยืดซึ่งมีในรถติดมือกลับมาให้รันเปลี่ยนใส่แทนเชิ้ตตัวเก่าที่เปรอะเปื้อน ซันยกมือเรียกลูกจ้างในร้านเพื่อสั่งของว่างเพิ่มเติม

“ไอ้รัน.. เจอเธอหรือยัง”

สายตาสามคู่หันมองยังจุดสนใจเดียวกันแต่เพียงชั่วพริบตารันหันกลับไปสนใจกาแฟตรงหน้าตามเดิม ปล่อยให้แอลกับซันมองลูกจ้างสาวต่อไป

“ผู้หญิงคนเมื่อคืนใช่ไหมแอลรู้ว่าเธอทำงานที่นี่เหรอถึงนัดมาร้านนี้”

แอลหันมองทางเพื่อนสนิทก่อนหันกลับมามองคู่สนทนาพร้อมพยักหน้าส่งยิ้มหวานให้ซันและหันกลับไปมองยังสาวมาดมั่นซึ่งยืนหน้ามุ้ยตรงส่วนที่เธอทำงานในเมื่อการพบเจอเกิดขึ้นอีกครั้งตามที่เขาเคยตั้งข้อเสนอเอาไว้การทำความรู้จักอย่างเป็นทางการควรเริ่มต้นขึ้นอย่างที่ตั้งใจ แอลลุกยืนเต็มตัวก้าวเดินยังหญิงสาวซึ่งหมายตาเอาไว้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรคงต้องลองดูสักตั้ง

“เฮ้..คุณคนเมื่อวาน วันนี้เราเจอกันอีกแล้วนะ”

คนทักทายนำข้อศอกสองข้างท้าวเคาน์เตอร์ส่งยิ้มให้หญิงสาวซึ่งหันมองเขาด้วยอาการตกตะลึงไม่น้อยคาดไม่ถึงว่าจะเจอผู้ชายเซ้าซี้อีกครั้ง วันนี้คงเป็นวันโลกแคบสำหรับเธอ เจอะเจอคนที่ไม่อยากเห็นหน้าถึงสามคนแต่เช้า

“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้”

ฟาก้มมองกระป๋องนมข้นที่เปิดและจัดการเทมันใส่ขวดพลาสติกทำไม่ใส่ใจบุคคลตรงหน้าคล้ายไม่อยากเสียเวลาเสวนากับเขาสักเท่าไหร่

“ผมว่าเพราะพรหมลิขิตมากกว่าเอาเถอะ ไม่ว่าจะเพราะอะไรเราก็เจอกันอีกครั้งแล้วผมกับคุณก็น่าจะทำความรู้จักกันตามที่ตกลงกันไว้”

“ใครไปตกลงอะไรกับนายไม่ทราบเดินมาทางไหนกลับไปทางนั้นจะดีกว่านะ”

“ผมเดินไม่ไกลหรอกน่าเพื่อนผมก็นั่งเฝ้าโต๊ะไว้ เดี๋ยวค่อยกลับก็ได้”

ฟาชะงักการกระทำชั่วขณะครุ่นคิดตามสิ่งที่ได้ยินผ่านหูเมื่อครู่เขามากับเพื่อนและในร้านนี้เพิ่งมีลูกค้าเข้ามานั่งเพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าชายหนุ่มที่ตามมาเซ้าซี้เธอต้องเป็นเพื่อนกับสองคนนั้นซึ่งเธอจงเกลียดจงชังเสียเหลือเกินสมองคิดต่ออย่างรวดเร็ว หากได้ทำความรู้จักกับนายคนนี้ ก็เท่ากับได้เข้าใกล้และรู้ข้อมูลของสองคนนั้นเพิ่มเติม

“นายนี่มันเซ้าซี้ชะมัด”

“ถ้าคุณไม่อยากรู้จักกับผมก็ได้แต่ผมจะทำความรู้จักกับคุณเอง”

แอลขยับร่างกายมองหาเจ้าของร้านส่งยิ้มและก้มศีรษะให้อย่างมีมารยาทจนเจ้าของสถานที่รีบเดินเข้าหาเนื่องจากแพ้ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มซึ่งแอบมองตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้าน

“ว่าไงคะ”

“ผมขอสมัครทำงานที่นี่ได้ไหมครับแค่เดือนเดียวก็ได้ ผมทำงานให้ฟรีไม่คิดค่าจ้าง”

ทุกสายตาในร้านนั้นหันมองชายหนุ่มที่พูดจาหนักแน่นและมุ่งมั่นเป็นตาเดียวนึกไม่ถึงจะมีคนขอสมัครงานโดยไม่รับค่าตอบแทนเพื่อแลกกับการได้รู้จักผู้หญิงหนึ่งคน

“นี่นายจะบ้าไปแล้วหรือไง”

ฟาสะบัดเสียงแปลกใจระคนเกรี้ยวกราดใส่ชายหนุ่มซึ่งหันมาส่งยิ้มให้เธอชั่ววินาทีที่เห็นความอ่อนโยนในแววตาคมเข้มคู่นั้นเธอไม่เข้าใจตัวเองทำไมจิตใจต้องวูบไหวราวกับคุ้นเคยในดวงตาอ่อนโยนและรอยยิ้มละไมของเขาฟาเปลี่ยนท่าทางเป็นวางตัวนิ่งเฉยลดอาการขัดใจเมื่อครู่ลงปล่อยให้เจ้าของร้านเป็นคนตัดสินใจกับการรับสมัครลูกจ้างคนใหม่

“คุณแน่ใจนะคะว่าจะทำงานโดยไม่เอาค่าแรงที่จริงร้านเราก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก จะรับพนักงานเพิ่มก็กลัวจะเต็มร้านแต่ถ้าคุณต้องการจะทำจริงๆ ฉันก็เต็มใจรับคุณอย่างยินดีค่ะ”

“ขอบคุณนะครับพี่ผู้จัดการคนสวย”

“เอ่อ..”ใบหน้าแดงระเรื่อพาเจ้าของร้านเขินอายบิดกายจนเป็นเกลียวหลายตลบ

“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับทุกคน”

แอลก้มศีรษะคำนับรอบด้านพาทุกคนที่มองเห็นนิ่งอึ้งตามกันมีเพียงรันคนเดียวที่นั่งนิ่งเฉยไม่อยากรับรู้กับทุกสิ่งรอบกายทำให้ซันปรายสายตามองเขาพลางระบายยิ้มออกมาก่อนจะหันกลับไปมองยังลูกจ้างคนใหม่อีกครั้งกับความแปลกใจและขัดใจในเวลาเดียวกันทำให้ฟาเริ่มคิดได้ว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เคยสงบสุขของเธอคงวุ่นวายเมื่อต้องเข้าไปพัวพันกับบุคคลซึ่งเธอฝังแค้นและชายหนุ่มที่ตามเซ้าซี้อยากรู้จักกับเธอ


To be continued




Create Date : 16 เมษายน 2556
Last Update : 16 เมษายน 2556 21:25:05 น.
Counter : 563 Pageviews.

6 comments
  
มาแวะเวียนบล็อคพี่มาโซอีกแล้ว ^^
สัมผัสมนตรานี่เพราะฟาสินะ
รออ่านต่อค่ะ อยากรู้ว่าเธอจะมาแนวไหน อิอิ

โดย: lovereason วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:21:52:56 น.
  
เพราะฟาคนเดียวหรือเปล่า แต่อาจมีคนอื่นมาให้สัมผัสด้วยนะนุ่น อิอิ ว่าไปก็อยากเขียนให้อ่านไวๆ แต่กว่าจะบรรยายได้แต่ละท่อนนี่เหนื่อยเนอะ พอนึกถึงตอนที่วางไว้ แล้วปาดเหงื่อ
โดย: มาโซคิส วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:21:59:01 น.
  
พี่มาโซ บรรยายละเอียดดีจังเลยค่ะ
แต่ละตอนยาวดีด้วย ^^
เมื่อกี้ลืมไลค์ อิอิ



โดย: lovereason วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:22:27:35 น.
  
นี่แระ ถึงบอกว่า เหมาะแต่งนิยายมากกว่าเรื่องสั้น
สรุปไม่เป็น T T
โดย: มาโซคิส วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:22:35:25 น.
  
โอ้ยยยยยยกระหายตอนต่อไป
โดย: sakeena IP: 115.87.75.92 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:9:32:13 น.
  
อ๊่ายยยย อย่าเพิ่งกระหายนะคะ กำลังปั่นอยู่ ฮ่าๆ

อะๆ ดื่มน้ำแก้กระหายแทนก่อนนะคะ


โดย: มาโซคิส วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:15:59:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments