ค้างทริปเมกาไว้เป็นปีเลย ยังไงก็จะมาอัพต่อให้จบจ้า ฮ่าๆๆๆๆ
Thu 6 nov 2008
ตื่นแต่เช้าเพราะว่านอนไม่หลับ ทั้งเราและเพื่อนก็อาบน้ำแต่งตัวกันไป วันนี้แพลนไว้ว่าจะไป ucla ไปไงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ เพื่อนเราลงไปถาม staff ของโฮสเทลว่าไปไง เค้าบอกว่าให้นั่ง metro bus สาย 2 ไป เดินไปขึ้นที่ sunset blvd หลังบ้านเนี่ยแหละ (หลังจากนี้จะเรียกโฮสเทลว่าบ้านนะคะ ฮ่าๆๆ
เพราะว่าเหมือนบ้านจิงๆ จำได้แม้กระทั่งเลขที่บ้านคะ) (1624 shrader blvd ไม่ต้องดูเลยคะ จำได้จิงๆ ฮา)
จิงๆเราไม่อยากนั่งบัสเลยเพราะว่ามันไม่ค่อยปลอดภัย แต่นี่ยังเช้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง คิดในใจ ฮ่าๆ เดินไปรอที่ป้าย ไม่มีคนเลย ฟ้าสว่างแล้วนะ 8 โมงแล้ว มีคุณป้ามาจ่ายตลาดรอเป็นเพื่อน แต่คุณป้าก็ขึ้นคันอื่นไปแล้ว ซักพักก็มีพี่มืดเดินมา เอิ่มมม.... เริ่มไม่น่าไว้ใจหละสิ พูดคนเดียวด้วย ดูมอมแมมด้วยอ่า เราก่าเพื่อนก็นิ่งๆ เดินๆไปๆมาๆ ทำทีเปนเดินไปเซเว่นบ้างไรบ้าง พอรถมารีบกระโจนขึ้นไปเลย จ่ายคนละ 1.50 $ คะ เราก็เลือกที่นั่งใกล้ๆคนขับใกล้ๆประตู มีไรจะได้โดดได้ทัน คนเยอะเหมือนกันคะ มีทั้งฝรั่งและคนดำและคนแม๊ก มีเด็กที่ดูเป็นนักศึกษาด้วยคะ ไม่รู้ว่าลงป้ายไหนนั่งไปเรื่อยๆละกัน เด็กพวกนี้ลงป้ายไหนก็ป้ายนั้นแหละ (ง่ายๆงี้เลย)
นั่งไปก็ระวังตัวไปด้วย ชมวิวไปด้วย ถนน sunset เป็นถนนเส้นยาวที่ขนานกับถนน Hollywood คะ เป็นย่านที่เป็นตึกสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหารพวก drive thru และก็ park เยอะ thaitown ก็อยู่เส้นนี้นะคะ ยาวไปจนถึง bevery hill เลยคะ นั่งไปประมาณ ½ ชม.ก็เห็นคนลงเริ่มเยอะ แล้วเพื่อนก็สะกิดบอกว่าถึงแล้วเลยกระโดดลงไป เป็นด้านข้าง ucla คะ มหาลัยใหญ่หนะ มีป้ายจอดในมหาลัยตั้งเยอะ ลงป้ายไหนก็ได้เหมือนกัน ลงไปปุ๊ปก็ไม่เลิ่กลั่กเลย ทำเนียนๆว่าลงพร้อมพวกนักศึกษา เดินไปเดินมา อ้าวหายไปไหนกันหมด เลยเหวอ สุดท้ายก็ต้องถามนักศึกษาที่เดินไปมา ว่าจะไปโรงอาหารไปทางไหน เค้าดูรีบมาก เค้าบอกว่า เค้ามาเข้าคลาสเลทแล้ว ให้เดินตามเค้ามาเลย เดี๋ยวเค้าพาไปหย่อน แล้วเค้าก็เดินเร็วมากๆคะ ฮ่าๆๆ เราเดินกันหอบเลย.......ระหว่างทางก็คุยกันเล็กน้อย เค้าถามว่าเรามาจากไหน.......... เราบอกว่ามาจากไทย... เค้าบอกว่าเพื่อนเค้าเพิ่งไปมาบอกว่าสวยมาก เค้าเลยอยากมาเที่ยวคะ...เราสองคนก็ยิ้มๆ...แล้วก็สืบได้ว่าเค้าเรียน มนุษยศาสตร์คะ มิน่าหละ เค้าพูดจาได้ดีมากๆเลยแล้วก็มีท่าทางที่ดูเป็นมิตรมากๆ รู้จักที่จะพูดให้เราเข้าใจแบบง่ายๆ nice มากๆคะ แล้วเค้าก็เดินพามาถึงโรงอาหาร เราก็บายกันไปตามระเบียบ
เป็นโรงอาหารเล็กๆคะ เหมือน food court อะไรพวกนี้ สะอาดสะอ้านดีคะ มีนศ.มาซื้อของกินเต็มเลย ระหว่างที่เลือกนั้นจะสังเกตได้ว่า uc คนเอเชียเยอะคะ ทั้งจีน และ เกาหลี ที่เยอะมากๆก็คงเกาหลีคะ เลือกอยู่นานมากว่าจะกินไร จนคนขาย งง อีนี่จะเดินวนไรนักหนา ก็มื้อแรกของที่นี่นี่นาก็อยากกินไรดีๆหน่อย สุดท้ายก็ได้แซนวิชเบเกิ้ลไก่มาคะ แล้วก็ไอ้ลูกกลมๆเป็นเหมือนแป้งชุปแป้งทอดนั่นอะไรไม่รู้อ่า เฉยๆไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ มือนี้ชิวดีอ่า...มานั่งกินข้าวเช้าใน มหาลัยระดับต้นๆของเมกา ฮ่าๆๆ ไม่ได้มาเรียน มากินข้าวก็ยังดี อิอิ กินเสร็จก็เดินเล่นไปรอบๆมหาลัย เดินไปซื้อเสื้อ ucla ที่ store เป็นที่ระลึกคะ เป็นก็เดินเล่นรอบๆมหาลัย สวยนะคะ ตามสตายมหาลัยในแคลิฟอเนีย อากาศก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มไม่หนาวแล้วหนะสิ เราก็ใส่สเวทเตอร์มาเลย เฮ้อออ...
เดินเล่นประมาณเกือบๆชั่วโมง เริ่มปวดฉี่ เอาหละหว่า ห้องน้ำอยู่ไหน...ส่วนมากห้องน้ำที่แยกออกมาจะไม่มี จะเป็นห้องน้ำของแต่ละคณะมากกว่าคะ เรากะเพื่อนก็ตัดสินใจเอาไงก็เอา “วิศวะนี่แหละมึงงง” ฮ่าๆๆๆ ทำเปนเดินเข้าไปเนียนๆแบบนักศึกษาที่จะเข้าไปเรียน แต่ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายหละ ฮ่าๆๆ ถ้าเค้าจับได้จะโดนไล่มั้ยเนี่ย ในที่สุดก็เจอคะ เป็นห้องน้ำชั้นล่างที่ไม่ค่อยมีคนใช้มั้ง เงียบเชียว เสรจแล้วก็เดินออกมาคะ เกือบๆจะเที่ยงแล้ว เพื่อนเราอยากไป downtown แต่เราเคยดูในหนังสือว่า la downtown ไม่มีอะไร มีแต่ตึกสำนักงาน แต่เพื่อนเราคิดว่ามีที่ชอปปิ้ง ก็เลยจะไป...เราก็ขี้เกียจขัดใจ ไปก็ไป..เจอรถเมลที่จอดอยู่ในมหาลัย ถามคุณลุงว่าจะไป downtown ยังไง ลุงบอกให้ไปขึ้นบัสเขียว ครึ่งชม.ถึงเลย แต่ว่าต้องเดินไปขึ้นตรงโน่นนะ แล้วลุงก็ชี้ๆ ....ตรงไหนอ่าลุง....ลุงคงเห็นว่า งง เลยบอกว่าไปกะลุงก็ได้แต่ว่าคันลุงหนะใช้เวลาประมาณ 2 ชม.นะ หา............................... แต่สุดท้ายก็ไปกะลุง คิดยังไงเนี๊ยยย...ลุงถามว่าจะไปทำไร บอกว่าจะไปชอปปิ้งตามห้างไรงี้ ลุงก็บอกว่า อ๋อ.....เดี๋ยวพาไปส่ง อยากซื้อของใช่มั้ย มีของให้ซื้อเต็มเลย......เราก่าเพื่อนก็ดีใจ โหยยยย ลุงใจดีอะ....กะโดดขึ้นรถไปเลย
นั่งไปเรื่อยๆก็ผ่านเส้น sunset เหมือนเดิม แต่พอหลุดก็เบี่ยงเข้าเส้นไหนไม่รู้ละ เวนกรรม ตามชะตากรรมละกันนะ นั่งไปเรื่อยๆก็จะเริ่มแบบว่า รู้สึกว่า “นี่ตรูอยู่ประเทศอะไรกันแน่เนี่ย....” คือมีแต่แม๊กซิกันที่ใช้รถบัสคะ ส่งภาษากันระงมมากๆ ส่วนมากคนที่ใช้ก็จะเป็นคนระดับล่างหนะคะ ก็ค่ารถถูกหนิคะ...แล้วก็เป็นคนแก่มากกว่าที่ใช้รสบัส นั่งไปเรื่อยๆคนเริ่มลง เห็นป้าย downtown ในใจก็คิดว่าจะได้ชอปแล้ววุ้ยยยยย...เฮ้ยยย...แต่ลุงก็ยังไม่บอกให้ลง ผ่านย่านขายเพชรไปแล้วนิหว่า...
พอลุงบอกให้ลง เราก็ลงกัน...แล้วก็ถึงกับเหวอ...ลงไปแล้วเหวอเลยอะคะ...แบบแอบด่าลุงในใจ “ลุงเอากรูมาปล่อยที่ไหนเนี๊ยยยยยยยย...” คือเป็นย่านขายของแบบสำเพ็ง ประตูน้ำบ้านเราอะคะ แล้วเป็นย่านคนแม๊กซิกัน คือหาฝรั่งเดินแถวนั้นไม่ได้เลย เรากับเพื่อนแบบรีบจ้ำอ้าวเลย เพราะว่าเป็นกลางวันก็จิง แต่ไม่มีคนเลยคะ เปลี่ยวๆด้วย มีแต่คนแปลกๆคะ รีบเดินแบบสุดๆให้หลุดโซนนี้ไป...เดินมาถึงแผนที่ก็ยืนดูแผนที่ถึงได้รู้ว่า ลุงคิดว่าเราจะมาซื้อของแบบนี้อะสิ เพราะว่ามันขายของแบบขายส่งของโหลอะคะ...เราเลยหาห้างที่ใกล้ที่สุดในแผนที่ซึ่งก็คือห้าง macy’s สาขา 7th street แล้วรีบเดินไปเลยคะ อย่างน้อยเข้าห้างไว้ก่อนก็ยังดี...
เดินมาถึง macy’s ขาลากเลยคะ เดินจากจุดที่ลุงเอาเรามาปล่อยก็ร่วมๆสองกิโลได้ พอถึงหน้าห้างงงงงงง ก็รีบเข้าไปเลยคะ นั่งพัก ซื้อของนิดหน่อย vs bbw แบบเก่าๆอะ เดินในห้างก็ดูแบบ พาต้า เอดิสัน ไรพวกนี้ ยังคิดในใจ ทำไมห้างมันเก่าได้ขนาดนี้ คือไม่ใช่ macy’s แบบทั่วๆไปอะคะ แล้วเพื่อนเราก็เจอบูท t-mobile ก็เลยซื้อเบอร์ใหม่เลย เพราะว่าต้องอยู่อีก 3 เดือน แต่เราไม่ซื้ออ่า คิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ อยู่แปปเดียวเอง อปป้าสุดหล่อที่ t-mobile (อปป้าเป็นฝรั่งนะคะ หล่อเลย แต่เราเรียกอปป้า เพราะว่านินทากะเพื่อนจะได้ไมรู้ ฮ่าๆๆ)
ก็จัดการเปิดเบอร์ให้เพื่อนเราเรียบร้อย บอกว่าไม่เกิน 2 ชม.จะใช้ได้...ก็โอเคๆ เดินออกจากห้างไป ก่อนออกมาเราถามด้วยว่าจะกลับ Hollywood ยังไง อปป้าสุดหล่อบอกว่า ให้ลง metro นั่ง red line ไปแปปเดียวถึงเลย โฮกกกกกกกกกกก...metro ไม่อยากได้ยินเลย เป็นรถใต้ดินที่เราได้ยินมาเยอะว่าน่ากลัวมากกกกกกกกกกกกกกก...เราเลยจะนั่ง taxi เพื่อนเราบอกว่าไม่เปนไร กลางวันๆนั่งไปเหอะมึง ไม่ลองไม่รู้ เราก็แบบ “เออ ก็ได้วะ...แต่กูไม่อยากลองเลย ให้ตายเหอะ.................” T____T
เดินข้ามไปอีกฝั่งของห้างก็เจอทางลงใต้ดินเลยคะ สถานี 7th street แค่หน้าทางลงก็น่ากลัวมากแล้ว แบบอึมครึมสุดๆ เหอะๆๆๆ เดินลงไปมีแต่คนดำจิงๆคะ มี homeless นอนเล่นเยอะมาก...เราก็แบบไปซื้อตั๋ว 1.25 $ แต่ตั๋ว
ปริ้นออกมาเป็น blue line ก็เลยเปลี่ยนตู้ไปซื้อตู้อื่น ออกมาก็เป็น blue line อีก เพื่อนเราเลยบอกว่าช่างมันไว้ถึงสถานีปลายทาง ถ้าออกไม่ได้ก็จ่ายเงินเพิ่มละกัน เราก็รีบๆเดินลงไปที่ชานชาลาคะ สังเกตได้ว่าคนที่ใช้ใต้ดินจะเดินเร็วแบบไม่สนใจใคร ระวังตัวสุดๆ มีแค่พวกที่คิดจะขอเงินหรือมิจฉาชีพนี่แหละคะ ที่จะยืนเล็งๆ เดินลอยๆ เท่านั้นคะ เราก็รีบเดินเลย แต่แบบเพื่อนเราใส่กระโปรงสั้นพลิ้วๆอะ ต่อให้มันใส่กางเกงไว้ข้างในก็เหอะ แต่งตัวได้ดูเป็นนักท่องเที่ยวมากๆ มีแต่คนมอง บรรยากาศแบบน่ากลัวมากๆๆๆๆ เราเลยบอกให้มันรีบๆเดินจะได้ไม่ล่อเป้ามากนัก ระหว่างรอรถที่ชานชาลาก็เล็งเป้าหมายคนที่ดูน่าเชื่อถือ จะได้ไปยืนข้างๆได้
แต่สุดท้ายก็ไม่วายคะ ยืนตรงบันได้เลื่อนพอดี มีพี่มืดน่ากลัวมากคะ เดินขึ้นบันไดเลื่อน แล้วพูดอยู่บนหัวเราก่าเพื่อนว่า “gim’me money” แบบเสียงโหดๆอะ เราก่าเพื่อนแบบไม่ได้หันไปมอง แต่ขนลุกซู่เลย คิดว่ายังไงก็โดนแน่ๆ เราแอบชำเลืองนิดๆตอนเค้าขึ้นไปถึงชั้นบนแล้ว เค้ามองตามด้วยอะคะ แล้วทำท่าแบบ เอาเงินมาให้กู...แล้วก็ทำท่าเอานิ้วปาดที่คออะคะ เราขนลุกเลยอะคะ แบบกลัวว่าเค้าจะย้อนลงมาอีก แบบตัวชาเกร็งไปหมดเลยอะคะ แบบน่ากลัวมากๆ แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ได้ย้อนลงมา คิดในใจ โอยยยยย...เมื่อไหร่รถจะมากูไม่ไหวแล้ววววว เพื่อนเรากะเราก็กลัวไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าจะเจอตั้งแต่วันแรก
คือตลอดเวลาที่อยู่ใต้ดินลุ้นตลอดเวลาว่าจะเจออะไรบ้าง พอรถมาก็รีบเข้าไปคะ คนใช้เยอะพอควร คนขาวก็มี แต่ส่วนมากจะเป็นพี่มืดและแม็กคะ เยอะมากๆ ตลอดเวลาเราเองจะนั่งระวังตัวตลอด ไม่หลุกหลิก ล่อกแล่ก แต่เพื่อนเรานี่สิ นั่งแบบชมนกชมไม้ ชิลไป แล้วเพื่อนเราตัวเล็กๆ ผิดไซส์จากคนเอเชียมากๆ เค้าก็มองกันอยู่แล้ว ยิ่งทำลุกลิกด้วย โอยยยย...อิชั้นประสาทจะกิน ต้องพยายามบอกมันว่าให้นั่งนิ่งๆ ระวังกระโปรงมึงด้วย!! ตลอดเวลา 20 นาทีก็ลุ้นตลอดเวลาคะ ไม่เคยขนลุกได้ตลอดเวลาเหมือนการนั่ง metro ครั้งนี้เลยคะ
...พอถึงสถานีรถจอดปุ๊ป ก็จ้ำปั๊ปเลยอะคะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยซ้ำ แล้วเดินไปเรื่อยๆจนแล้วจนรอดก็ไม่มีที่ให้เสียบตั๋วออกแหะ...จนขึ้นบันไดเลื่อนจะขึ้นไปข้างบนแล้วก็ยังไม่มี ก็เลยรู้ได้ว่า metro ใต้ดินที่นี่ ใช้จิตสำนึกอย่างเดียวเลยคะ ในการขึ้นรถ คือใครจะไม่ซื้อตั๋วก็ได้ เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่หรือเครื่องตรวจตั๋วแต่อย่างใดเลยคะ เหมือนใช้กันเอง มีรถให้นั่งแค่นั้นอะคะ ถึงได้กลายเปนรถที่คนดำและคนจนใช้กันเยอะ เพราะว่าไม่จ่ายเงินก็ได้ ไม่มียาม ไม่มีคนคุม เลยกลายเป็นที่นอน homeless เรียกได้ว่าใช้ความเชื่อใจของคนเมกันล้วนๆเลยอะคะ แต่ตอนที่เราซื้อตั๋วคน 50 % ซื้อกันนะคะ ส่วนอีก 50 % เดินลงไปเลย ลองคิดดูว่าถ้าเมืองไทยมีแบบนี้ก็คงไม่มีใครซื้อตั๋วหรอกหนะ สภาพอาจจะเละเทะกว่านี้ก็ได้ ใครจะไปรู้..
....คำพูดของคุณป้าบนเครื่องบินเลยกลับมาก้องในหัวเราอีกครั้ง “อยู่ LA ไม่มีรถลำบากมากเลยนะลูก” งื่ออออออออออออออออออออ....หนูซึ้งแล้วค่า...คุณป้า T__T....
พอขึ้นมาข้างบนเป็นสถานี Hollywood/vine สถานีที่ห่างจากบ้านไป 3 บล็อก แต่ก็เดินกันขาลากเหมือนกัน Hollywood เป็นถนนที่ไม่ได้ civilize อย่างที่ใครๆคิดหรอกนะคะ มีแต่คนดำเต็มไปหมด ร้านรวงก็เปนร้านเก่าๆขายของแบบอะไรก็ไม่รู้ แบบเสื้อผ้า cosplay ร้าน tattoo ไรพวกนี้ ร้านอาหารก็ดูไม่น่านั่ง อึมครึมมากๆเลยอะคะ ตลอดเวลาที่เดินกลับบ้านประมาณ 4 -5 โมง ก็เริ่มมืดๆแล้ว คนดำก็เยอะ ระหว่างเดินก็ระวังตัวสุดๆ ในที่สุดก็ถึงบ้านคะ โล่งใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.. แบบบอกไม่ถูก เพราะว่ามันกดดันมาตั้งแต่ที่ลง metro แล้วอ่า กลับมาถึงบ้านเหมือนสวรรค์เลย เพราะว่าปลอดภัยแน่ๆ...ล้างหน้า ล้างตา นั่งทำใจกะเหตุระทึกเมื่อกี้ซักแปป...
ก็ลงไปเดินเล่นในบ้านแบบนึง เดินไปครัว ไปห้องเนท (โฮสเทลนี้เป็นลักษณะตึกยาวๆนะคะ มีสองชั้นเท่านั้น มีห้องประมาณ 20 กว่าห้องไม่ใหญ่มาก เป็นแบบครอบครัว(แนวๆ) มีทั้ง female / mixed / private มีครัวไว้ให้มานั่งกินข้าว มี free pancake ทุกเช้า มีอุปกรณ์ให้ทำอาหารแบบพร้อมสรรพ ใครจะลงมาทำก็ได้ มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย เหมาะแก่วัยรุ่นมากๆค่า staff ก็เหมือนจะเปนแบบเพื่อนๆกัน ญาติๆกันมาช่วยๆกันทำ แบบมาด้วยใจอะคะ แล้วก็ข้อมูลปึ้กมากๆถามไรก็ตอบได้เป็นส่วนมาก แถมยังมาเฮฮากับแขกอีกต่างหาก เพราะว่าทุกคนยังวัยรุ่นอยู่หนะคะ ที่สำคัญคือ staff แต่ละคนแนวสุดๆ)
แล้วก็ออกไปเดินเล่นแถวบ้าน แถวบ้านเราก็คือย่าน mann Chinese theater นะคะ คือใจกลาง Hollywood เลย ฟังเหมือนหรูเนอะ แต่จิงๆแบบ ย่าน Hollywood หรอ เราว่ามันดังเพราะอุตสาหกรรมหนังมากกว่า แต่ในเรื่องที่จะถามว่าเปนย่านที่น่าอยู่มั้ย สำหรับเรา...ไม่เลยอะ...เราว่ามันโทรมๆไงไม่รู้ มีแต่ร้านแปลกๆ คนดำ แล้วก็บรรยากาศอึมครึม ถ้าหลุดช่วง Chinese theater ไปซัก 2-3 บล็อกก็ค่อนข้างเปลี่ยวแล้วหละ ถนนหาทางที่เมกาถ้าเดินๆไม่ถูกที่ถูกทาง หลงไปบล๊อกสองบล็อกนี่ก็แย่แล้วนะคะ มันจะหลุดไปอีกย่านนึงเหมือนคนละเรื่องเลย กลายเป็นย่านเสื่อมโทรมหรือย่านคนดำกันไป
เดินจากบ้านไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง Chinese theater ตรงนี้จะพลุกพล่านคนเยอะ นักท่องเที่ยวเยอะ ก็บรรยากาศค่อยดีหน่อย มี complex ให้ช๊อปเป็น Hollywood highland center (6801คะ โห.....จำได้ถึงขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ) นะคะ มีร้านเยอะแยะมากมาย ร้านค้า ร้านอาหาร เช่น gap/ae/sephora/lv/mac/coach อะไรพวกนี้ก็อยู่แถวนี้หมด จะมีดิวตี้ฟรี galleria ด้วยอยู่ชั้นบนของ kodak theater แล้วก็เหมือนเปนศูนย์กลางหนะคะ สวยดี เปนแบบคอมเพลกซ์ใหญ่ๆ อลังการดี ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆเข้า sephora น๊านนาน ฮ่าๆๆ
ในขณะที่เรากำลังดูของที่ร้าน ae แบบชิวๆ เพื่อนเราเริ่มลุกลี้ลุกลนกะโทรสับ เราก็แบบ ...เป็นไรของมึง...มันก็บอกว่าโทรสับยังใช้ไม่ได้เลย เราก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ สัญญาณมันอาจจะมาเลทก็ได้ โทรไปศูนย์ดิ...มันบอกว่าโทรไปแล้วศูนย์บอกว่าซิมโดนล๊อกให้กลับไปเปลี่ยนซิมที่ร้านที่ซื้อมา....o_O หวึ่งงงงงงง...เรานี่แบบ ฟิวส์ขาดไปชั่วขณะ เหมือนจิตดับไปเลย นิ่งไปเลยคะ คิดในใจ....นี่กูต้องกลับไปห้างเมซี่พาต้าโทรมๆนั่นอีกหรอเนี่ย...
ห้างที่ซื้อมาก็ไม่ได้ใกล้กับบ้านเลยอะ คือ downtown ไกลมากนะคะ แล้วถ้าให้เรานั่ง metro ไปอีก ไม่เอาพอกันที แต่เพื่อนเราดื้อมาก ไม่ไหวละ มันบอกว่ายังไงมันก็จะไปให้ได้ อยากทำให้มันเสรจๆไป “เราเลยบอกว่านี่มันฟ้ามืดแล้วแล้วให้ไปพรุ่งนี้แทน” มันบอกว่า “ ไม่ได้ถ้าไปพรุ่งนี้ แพลนก็เสียไปหมด”...ยืนเถียงกันอยู่หน้าทางลง metro นานมากๆ ยื้อกันไปยื้อกันมา เพื่อนเราจะลง metro ไปคะ แต่เราไม่อยากให้ลง...มันเลยบอกให้เรากลับบ้านไป ถ้าเรากลัว...มันไปคนเดียวได้ ...เราบอก..."โห..มึงกล้าเนอะ งั้นไป taxi เหอะ เดี๋ยวค่า taxi หารกันก็ได้กูไม่ว่าไร เพราะว่าไหนๆก็มากันสองคน จะทิ้งให้มึงไปคนเดียวได้ยังไง เปนไรระหว่างทางกูจะรู้ได้ยังไง แล้วกูจะไปบอกพ่อแม่มึงว่ายังไง ฟ้ามืดแล้วด้วย ไป taxi ก็คงจะปลอดภัยกว่า รถติดนิดหน่อยก็ไม่เปนไร”...แต่ยังไงเพื่อนเราก็ไม่ยอมคะ จะลง metro ลูกเดียว ดื้อมากค่ะ ด่าไปแล้วด้วย ว่าทำไมมึงดื้ออย่างงี้...สุดท้ายเราก็จำใจลง metro ไปกะมันคะ เฮ้อ...อยากฆ่าเพื่อนมาก ตอนนี้........ฮึ
คราวนี้ ทำทุกอย่างแบบรวดเร็วไม่เงอะๆงะๆแล้ว สปีดสุดๆ เพราะกลัวห้างจะปิดด้วย ลงบันไดเลื่อน ซื้อตั๋ว วิ่งไปชานชาลา ขึ้นรถ นั่งนิ่งๆ ลงรถ เดินขึ้นไปที่สถานี แบบจ้ำๆเลย ทุกอย่างไวไปหมด ระหว่างทางก็มีคนจะมาเจาะแจะๆ จะขอตังอะไรบ้าง แต่เราก็เดินฉับๆๆแบบไม่สนใจใคร หน้าก็โหดๆคะ หงิกๆเลยแหละ เพราะว่าเซ็งเป็นทุนเดิม รีบๆข้ามถนนไปที่ห้าง เชื่อมั้ยคะ เดินไปจะเข้าประตูห้างแล้ว อีกไม่กี่ก้าว เพื่อนเราที่เดินตามหลังพูดขึ้นมาว่า “มึงงงง....ใช้ได้แล้วหวะ” เราแบบ นิ่งเลย แบบ อืมมมมม ...ไม่รู้จะพูดไร พูดไม่ออก งง....ได้แต่คิดว่า กูกลับมาที่ downtown โทรมๆนี่ทำไมวะ....เอาจิงๆก็แอบเคืองเพื่อนนิดนึง คือมันใจร้อนด้วยแหละ แบบจะเอาให้ได้ ตอนนี้ เวลานี้ แต่เราก็พยายามหยวนๆที่สุด เอายังไงก็เอา เรากลัวจะทะเลาะกัน ถ้าไม่หยวนๆ
...เราเลยเดินหันหลังกลับข้ามถนนเลยคะ...เซงสุดๆ ได้แค่คิดในใจ นี่กูต้องนั่ง metro มาทำไมเนี่ย คือนั่ง metro ถ้าปลอดภัยแบบบ้านเราจะไม่ว่าเลยคะ แต่นี่แบบนั่งแล้วเสียสุขภาพจิตสุดๆ ต้องระวังตัวตลอดเวลาเลย แบบถ้าให้นั่งอีกคงไม่เอาแล้วอะคะ
ขากลับนี่แบบเริ่มรู้สึกชินกับบรรยากาศ แต่ก็ยังไม่วายโดนลุงดำขอตังค์จนได้ ทำทีมาขอแลกตังจะซื้อตั๋วรถ แต่แบบเอาเหรียญอะไรมายื่นให้เราก็ไม่รู้ เราแบบคิดในใจ ...เอาเหรียญอะไรมาให้กู ลงมนต์ดำไว้ป่าววะ.... เราเลยแบบบอกว่าเราก็ไม่มี เพราะว่าเราก็ไม่มีจิงๆอ่า มีพอแค่ที่จะซื้อตั๋วเราแค่นั้นเอง แต่สุดท้ายก็ให้ไปคะ....เฮ้ออออ กูโดนนะเนี่ยยยยยยย .....คือตลอดเวลาในสถานี metro จะมี homeless มาเจ๊าะแจ๊ะ จุ๊กจิ๊ก ตลอดเวลา แบบทำเป็นมาแลกเหรียญบ้าง เอาบัตรมาให้ บอกว่าขายแค่ 1$ บ้าง จะมาขอเปลี่ยนบัตรบ้าง แบบโอยยยย อะไรเนี่ยยย อย่าทำให้กูกลัวได้มั้ย...เฮ้ออออ...
พอกลับมาถึง Hollywood เพื่อนเราก็แบบทำหน้ามีความสุขบอกเราว่า “มึง...แม่กูรู้ต้องดีใจแน่ๆเลย ที่มีคนดูแลกู ขอบคุณมากเลยนะมึ๊งงงงง ” เราแบบ เอิ่มมม..........มองหน้าเพื่อนเราแบบเหนื่อยๆ “เออๆๆ วันหลังกูไม่ลง metro แล้วนะ ห่ามาก” คือเราไม่ได้แมนขนาดนั้น แต่เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเรามันลงไปคนเดียว เพราะจากที่นั่ง metro ตอนกลางวันเรารู้เลยว่ามันน่ากลัวจิงๆ ถ้ามันรอสัญญาณโทรสับอีกซัก 20 นาทีเราก็คงไม่ต้องนั่งรถใต้ดินๆลงไปฟรีๆแบบนี้หรอก ระทึกได้อีก...เฮ้ออออ...กลับบ้านดีกว่า ไม่ดงไม่เดินมันละ เหนื่อย...T__T
Day 2 : Roommate map
Bed A : frn สาวฝรั่งเศสเจ้าเก่าคะ ยังคงไม่เห็นหน้า และร้องไห้ตลอดเวลาเหมือนเดิม...
Bed B : jpn วันนี้ได้เมทเอเชีย คนแรกและคนเดียวตลอดทริปคะ สาวยุ่นที่ยังไม่เห็นหน้าเหมือนเดิม มาแค่สองคืนคะ ฮ่าๆๆๆ แอบดู recipe อีกแล้ว
Bed C D : bra เมทกาใต้ ที่วันนี้เห็นหน้าแล้วคะ คนที่นอนใต้เรา nice มากคะ ชวนคุยน่ารักมาก คนนี้ผิวดำนะคะ หน้าตาสวยเลยแหละ ตัวใหญ่เหมือนกันคะ อีกคนที่นอนใต้เพื่อนเราเป็นคนขาวคะ คนนี้ไม่ค่อยได้คุยค่ะ เค้าไม่ nice เท่าไหร่ สองคนนี้อายุเยอะแล้วนะคะ 30 แล้วคะ เค้าจะกลับห้องดึกทั้งคู่เลยคะ สงสัยไปอยู่ที่ pub ของ hostel คะ เพราะว่าเตรียมชุดแบบแต่งองค์ทรงเครื่องมาสุดๆเลย ฮ่าๆๆๆ
Bed E F : me&friend