Love Stories เรื่องรักซีรี่ย์แรก ตอนที่ 8
ซีรี่ย์แรก ...รักบทใหม่กับหัวใจดวงเดิม
8.
คุณเล็กออกมายังครับ..
เสียงชายหนุ่มคนเดิมที่โทรศัพท์เข้ามาครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้ว ทิพาก็ไม่แน่ใจ ..แต่เมื่อสิ่งที่ปลายสายพูดไม่ใช่ต้องการขอพูดกับคนที่สั่งว่าจะไม่รับสายใคร เช่นเดียวกับที่โทรเข้ามาครั้งก่อนๆ เลขาสาวก็ไม่คิดจะปฏิเสธไม่รับรู้อะไรอีกเช่นก่อนหน้านี้
เพิ่งจะออกไปค่ะคุณณุ แต่คงยังไม่ออกจากบริษัทมั้งคะ.. ถ้าจะตามไป พี่คิดว่าตอนนี้ก็น่าจะทันที่ลานจอดรถนั่นแหละค่ะ ประโยคสุดท้าย เลขาหน้าห้องประธานบริษัทอดจะไกด์ชายหนุ่มไม่ได้ แค่สั่งไม่รับสาย ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ไปเจอนี่ เธอไม่ได้ทำผิดคำสั่งนะ..
ครับ.. ขอบคุณมากครับพี่ทิพ
จากนั้นปลายสายก็เงียบไป เป็นอันว่าอีกฝ่ายจบบทสนทนากับเธอแล้ว ทิพาวางหูโทรศัพท์ ก่อนโคลงศีรษะหนักใจ
เป็นอะไรพี่ทิพ
จอมขวัญเงยหน้าขึ้นถามเพื่อนร่วมงานซึ่งอาวุโสกว่าตน อดแปลกใจกับโทรศัพท์ที่เข้ามาถี่เหลือเกินในวันนี้ของเลขาหน้าห้องประธานบริษัทไม่ได้
ก็คุณเล็กน่ะสิ ไม่รู้ทะเลาะอะไรกับคุณณุหรือเปล่า ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนเย็นก็หนีกลับก่อนไม่เห็นอยู่รอคุณณุมารับเหมือนทุกที พอเช้าวันนี้ก็มาบอกพี่ว่าถ้าใครโทรเข้ามาหาแกให้บอกว่าแกไม่อยู่ ไม่ว่างรับสาย แล้วตั้งแต่เช้า พี่ก็ไม่เห็นมีใครโทรหาคุณเล็กนอกจากคุณณุคนเดียว และพี่ก็สงสัยว่าคุณเล็กแกคงปิดมือถือแกด้วยล่ะมั้ง.. ทิพาเว้นช่วงพักหายใจก่อนจะระบายความหนักใจออกมากับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ..ทีนี้คุณณุแกคงกะรอว่าเลิกงานจะไปดักพบเองเสียเลย และนี่คงโทรมาถามพี่เพื่อความแน่ใจว่าคุณเล็กกลับไปแล้วหรือยัง
สงสัยคงงอนที่จู่ๆ เมื่อสามสี่วันก่อนคุณณุก็บินไปสิงคโปร์โดยไม่บอกล่วงหน้าก็ได้มั้งพี่ทิพ พอกลับมาก็เลยแกล้งทำเป็นโกรธ คงรอให้ไปง้ออยู่มากกว่า จอมขวัญตั้งข้อสังเกต พนักงานสาวรู้มาจากกานดาว่าหัวหน้าฝ่ายผลิตหนุ่มถูกประธานบริษัทมอบหมายให้เดินทางไปติดต่อลูกค้าที่สิงคโปร์อย่างเร่งด่วนแทนผู้จัดการฝ่ายที่เพิ่งจะออกไป
แต่พี่คิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องนั้นหรอก เพราะพอคุณณุจะเดินทาง แกก็น่าจะบอกคุณเล็กแล้ว หรือไม่ก็คุณใหญ่เองนั่นแหละที่บอกคุณเล็กให้ พี่ว่าคุณเล็กเป็นคนมีเหตุผลพอ คงไม่มานั่งโกรธเรื่องที่คุณภาณุไม่มีเวลาให้เพราะต้องทำงานเลย น่าจะทะเลาะกันเรื่องอื่นมากกว่า แต่ช่างมันเถอะ.. ยังไงมันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน ไม่เกี่ยวกับเรา ให้เขาจัดการกันเอาเองดีกว่า
พูดจบ เลขาสาวก็นั่งทำงานตัวเองที่ยังค้างอยู่อีกนิดหน่อยต่อไป ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเจ้านายอีก จอมขวัญเสียอีกที่ตอนนี้กลับเริ่มรู้สึกหนักใจแทนเมื่อเผอิญหันไปเห็นว่าผู้ช่วยเลขาที่นั่งเงียบมาตลอดเวลาที่ได้ยินบทสนทนาแอบเผยอยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก แต่พอเห็นว่าเพื่อนสาวมองอยู่จึงรีบหุบยิ้มแล้วทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำงาน ซึ่งก็สร้างความสงสัยให้เธออยู่ครามครัน
เล็ก!!.. น้องเล็ก!.. หยุดก่อนได้ไหม!
ทันทีที่เห็นภาณุเดินมาทางเธอ อนุชจึงเร่งฝีเท้าตรงไปยังที่จอดรถของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูรถเข้าไป เขาก็มาทันคว้าขวับที่แขนเป็นผลให้หญิงสาวเสียหลักผวาเข้าหาอกหนาของอีกฝ่าย
พี่ขอโทษ.. แต่พี่เรียกแล้วเล็กไม่ยอมหยุดนี่.. ทำไมล่ะครับ ทำไมถึงต้องเดินหนีพี่ด้วย
ชายหนุ่มรีบประคองให้อีกฝ่ายทรงตัวได้ กล่าวขอโทษแต่ก็ไม่วายต่อว่าเมื่อไม่เข้าใจถึงการกระทำของน้องสาวประธานบริษัทที่ใครๆ ก็พอจะทราบว่ากลายเป็นคนพิเศษของเขาไปแล้ว
พี่ไปทำอะไรให้น้องเล็กโกรธหรือครับ ..หรือว่างอนที่พี่ไปสิงคโปร์ไม่ยอมบอก แต่คุณใหญ่ก็บอกแล้วนี่ว่าจะบอกเล็กเอง หรือว่าลืม.. ก็ไม่น่า.. เพราะคุณใหญ่เป็นคนบอกพี่ว่าเล็กรู้แล้ว โธ่.. พี่ไปเรื่องงานนะครับ ไม่ได้ไปเที่ยว นี่ก็เตรียมของฝากมา กะจะให้เพื่อไถ่โทษตั้งแต่เมื่อวาน แต่เล็กก็หนีกลับบ้านก่อน..
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่มีทีท่าจะสะบัดแขนที่เขาล็อคไว้ออก อีกทั้งทำท่าว่ายอมฟังแต่โดยดี ภาณุจึงกล่าวต่อในสิ่งที่เขาเข้าใจว่าการกระทำของน้องสาวประธานบริษัทเป็นเพราะงอนที่เขารีบไปโดยไม่บอกก่อน ทั้งยังไม่ได้ติดต่อมาหาในระหว่างที่อยู่ที่นั่นซึ่งเป็นเพราะชายหนุ่มอยากที่จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จและรีบกลับมามากกว่า
..กำลังจะพูดเอ่ยชวนไปทานข้าวเย็นและกลับด้วยกันตามปกติ อนุชก็แทรกพูดขึ้นมา
พูดจบแล้วใช่ไหมคะ งั้นก็ปล่อยเล็กได้แล้วค่ะ เล็กจะรีบกลับบ้าน อีกอย่าง.. เดี๋ยวตัวจริงพี่ณุมาเห็นเข้าจะไม่พอใจเล็กเอาได้ เรื่องที่แล้วๆ มา เล็กพอเข้าใจว่ารุ่นพี่มาเจอรุ่นน้องทั้งทีก็แค่อยากจะเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนังน้องนิดๆ หน่อยๆ แต่รุ่นน้องคนนี้เห็นแก่ตัวนะคะ ขอไม่เลี้ยงกลับ กลัวแฟนพี่ณุจะเข้าใจผิด จบประโยคก็สลัดแขนจากข้อมือของชายหนุ่มทันที ในขณะที่อีกฝ่ายยังยืนงงอยู่
พี่ไม่เข้าใจ!.. ทำไมถึงพูดแบบนี้ ก็เล็กไงแฟนพี่ จากที่คิดจะปล่อยมือจึงเปลี่ยนเป็นยึดแน่นขึ้นกว่าเดิม
โกหก!!.. เล็กรู้เจตนาของพี่ณุแล้ว มาทำเป็นเสแสร้งว่ายังแคร์ยังรักกันอยู่ เล็กรู้แล้วว่าพี่ณุแค่ต้องการจะเอาคืนสิ่งที่เล็กทำไว้ แก้แค้นเรื่องที่เล็กเป็นฝ่ายทิ้งพี่ณุก่อน.. ทีนี้ก็สมใจได้แล้วล่ะ เล็กเสียใจจริงๆ ที่หลงคิดว่าคนที่เล็กร..รู้สึกดีด้วยเป็นคนดี เป็นคนรู้จักให้อภัยในสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจของคนอื่น.. มาตอนนี้เล็กรู้แล้วว่าเล็กคิดผิด พี่ณุก็แค่คนเห็นแก่ตัว เจ้าคิดเจ้าแค้น ชอบเอาชนะ ทั้งๆ ที่มีแฟนอยู่แล้วก็ยังทำมาขอคบกับเล็ก อยากจะเป็นฝ่ายทิ้งเล็กก่อนบ้างใช่ไหม.. แต่ตอนนี้เล็กรู้ความจริงแล้ว เล็กไม่ยอมเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้อีกแน่ เพราะงั้น..ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก ฉันก็อยู่ส่วนฉัน คุณก็อยู่ส่วนคุณ ฉันถือว่าสิ่งที่แล้วมาเป็นการชดใช้ในความผิดครั้งก่อนก็แล้วกัน เมื่ออารมณ์ขึ้นแล้ว อนุชก็ระเบิดทุกอย่างใส่เขา ทั้งตอนหลังก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกขานเพื่อที่จะสร้างความรู้สึกห่างเหินเป็นคนอื่น พูดจบก็สะบัดมือโดยแรงเป็นผลให้แขนที่ถูกยึดไว้หลุดออกในที่สุด หญิงสาวเปิดประตูรถเข้าไป แล้วก็ปิดล็อค จากนั้นก็สตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที ไม่สนเสียงเรียกของอีกฝ่ายแต่อย่างใด
เล็ก!!..น้องเล็ก!..
มือที่พยายามยึดประตูรถอีกฝ่ายของภาณุไม่สามารถต้านแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ได้จึงหลุดออกโดยปริยาย
มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม!?.. เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเล็กถึงเข้าใจว่าพี่มีแฟนอยู่แล้ว แต่แกล้งทำเป็นขอคบด้วยนะ ทำไมถึงเข้าใจผิดอย่างนั้น.. ประโยคหลังๆ เขาลดเสียงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปยังห้องทำงานเพื่อจะไปเอาข้าวของที่ยังไม่ได้หยิบมาด้วยความรีบร้อนจะมาพบกับแฟนสาวของตน เมื่อได้ครบทุกอย่างแล้วจึงกลับมายังที่รถยนต์ส่วนตัว ตัดสินใจขับไปบ้านธนพรชัยเจริญ เพื่อจะขอความกระจ่างจากอนุชในเรื่องที่ได้ยิน ไม่อยากจะทำเพียงแค่โทรไป เพราะเขาคิดว่ายังไง อนุชก็คงจะไม่ยอมรับสายของเขาอยู่ดี หรือถ้าจะให้รอคุยกันวันอื่น เขาก็ไม่อยากรอให้เวลาผ่านไปอีกเหมือนเช่นที่แล้วมา
........
ถ้าเริ่มนับตั้งแต่วันที่ภาณุกลับจากสิงคโปร์และมีเรื่องไม่เข้าใจกันกับอนุชแล้ว วันนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี
..หลังจากเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ มีปากเสียงกัน ภาณุก็ตามมาถึงบ้าน แต่ก็บังเอิญที่วันนั้นพี่ชายกลางของเธอ กลับบ้านเร็วผิดปกติ ดังนั้นแทนที่ชายหนุ่มจะได้คุยกับอนุชให้รู้เรื่อง ก็ต้องผิดหวังเมื่อถูกไล่กลายๆ จากอนันต์
มาทำไม.. มีธุระเรื่องงานกับพี่ใหญ่งั้นหรือ พี่ใหญ่ยังมาไม่ถึงเลย ไว้พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง มันเลยเวลางานแล้วด้วย คนอื่นเขาจะอยู่กับครอบครัวเขาบ้าง คงไม่คิดว่าไล่กันนะ แต่พี่ว่านายก็น่าจะกลับบ้านตัวเองได้แล้วนะ ภาณุ
แต่ผมจะขอพบคุณเล็ก..
ยัยเล็กยังไม่กลับ
ก็รถ.. เขาเห็นว่ารถยนต์ที่หญิงสาวใช้ขับ จอดอยู่ในโรงรถแท้ๆ
วันนี้ยัยเล็กไม่ได้เอาไป
แค่นี้.. ภาณุก็รู้แล้วว่าอนันต์จงใจจะกีดกันเขาไม่ให้เจอกับอนุช วันนั้นชายหนุ่มเลยจำใจต้องถอยทัพกลับไปก่อน แต่ก็ไม่วายหันกลับมาทันเห็นว่าหญิงสาวแอบมองเขาจากหน้าต่างห้องขณะที่เขากำลังจะขับรถออกไป ซึ่งเมื่อรู้ตัวเธอก็รีบปิดม่าน ผลุนกลับเข้าไปทันที
ทำไมพี่ชายของหญิงสาวจึงแสดงทีท่าหวงน้องสาวตอนนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็น่าจะรู้ว่าพวกเธอเริ่มจะไปไหนต่อไหนด้วยกันหลายวันแล้วนะหรือ ..ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้อนันต์จะไม่ใส่ใจ เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสได้เจอกับภาณุจังๆ สักครั้งนอกจากตอนประชุมงาน ก็เลยไม่ได้แสดงเจตน์จำนงของตัวเองออกไป อนันต์ยังไม่อยากให้น้องสาวของเขาคบเพื่อนชายในตอนนี้..
ไม่ใช่ว่าพี่ชายของอนุชไม่ชอบภาณุ จริงๆ ก็ออกจะชื่นชมชายหนุ่มเสียด้วยซ้ำ.. เขายอมรับภาณุทั้งเรื่องการงานและนิสัยใจคอ แต่อาจจะเพราะวิสัยของชายเจ้าชู้ ที่มักจะไม่อยากให้น้องสาวหรือลูกสาวมีแฟน ด้วยกลัวว่าจะเจอกับผู้ชายเช่นตน จึงทำให้อนันต์อดที่จะหวงน้องสาวมากเป็นพิเศษไม่ได้ ..
แถมตอนนี้ก็เหมือนว่าเขาจะนกรู้ ทราบถึงรอยหมางเมินของคนทั้งคู่ เมื่อสบโอกาสเลยวางท่ากีดกันโดยไม่มีใครห้าม หญิงสาวเองในขณะนี้ก็ไม่พร้อมจะฟังคำอธิบายหรือแก้ตัวของภาณุ เลยปล่อยเลยตามเลยให้พี่ชายหลงได้ใจที่น้องสาวยอมเชื่อฟัง เพราะถ้าเป็นยามปกติ สิ่งที่อนุชต้องการ ไม่ว่าอนันต์จะแย้งยังไงหญิงสาวก็ไม่เคยฟังเขาอยู่แล้ว
และยิ่งประจวบเหมาะกับธุระที่สิงคโปร์ของภาณุยังไม่เรียบร้อยดี ชายหนุ่มจึงต้องบินกลับไปอีก แถมคราวนี้ยังนานกว่าครั้งแรก เพราะเกือบอาทิตย์แล้ว อนุชก็ยังไม่เห็นว่าเขากลับเข้าบริษัทเลย นั่นยิ่งทำให้เรื่องราวความบาดหมางไม่เข้าใจของทั้งคู่ยืดเยื้อมาเป็นอาทิตย์
แต่มันอาจจะถึงเวลาสิ้นสุดจริงๆ แล้วก็ได้นะ.. ในเมื่อเขาไม่ได้คิดจะติดต่อมาสักครั้ง ทั้งๆ ที่การสื่อสารสมัยนี้สะดวกรวดเร็วจนถึงขนาดเรียกได้ว่าย่อโลกทั้งใบมาอยู่ได้ในมือ แล้วกะแค่สิงคโปร์.. ถ้าตั้งใจจะติดต่อกันจริง ไม่ถึงนาที กริ๊งเดียวก็ได้คุยกับคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว.. ลองถ้าภาณุโทรมาขอโทษหรือแก้ตัวอะไรบ้าง หญิงสาวอาจใจอ่อนยอมเขาก็เป็นได้ แต่นี่ไม่มีแม้สักครั้ง จะฝากข้อความสักนิด.. อนุชก็ไม่เห็น มันคงแสดงให้รู้แล้วสินะว่า เขาไม่ได้ต้องการจะขอคืนดีกับเธอจริงอย่างที่พูดไว้เลย..
ไม่นึกว่าความรักครั้งใหม่ที่ให้กับคนคนเดิม จะจบเร็วกว่าครั้งแรกเช่นนี้เลย..
เราพร้อมจะคุยกันหรือยังครับ.. น้องเล็ก
มือที่กำลังจะเอื้อมไปปิดประตูรถของอนุชจึงชะงัก เมื่อมีมือคล้ามแดดข้างหนึ่งจับบานประตูไว้ก่อนที่จะทันได้ปิดงับ อีกทั้งน้ำเสียงที่คุ้นหู จึงทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองและได้พบกับคนในห้วงคำนึงที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาเกือบอาทิตย์
เรายังมีอะไรต้องคุยกันอีกหรือคะ ..กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วนี่หายไปแค่อาทิตย์เดียวทำไมถึงดูผอมลงไปตั้งเยอะ งานยุ่งหรือไงกัน..
แม้จะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แต่อนุชก็ยังคงโกรธเคืองเรื่องเก่า บวกกับงอนเรื่องที่เขาไม่คิดจะติดต่อกลับมาสักครั้งเข้าไปอีก ดังนั้นแทนที่จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างที่ใจนึก คำพูดที่ออกจากปากจึงดูหมางเมินราวกับคนไม่มีเยื่อใยดีๆ ต่อกัน
ก็เรื่องที่เล็กเข้าใจผิดพี่ ก่อนที่พี่จะไปสิงคโปร์รอบสองนี้ไง ถ้าไม่ติดเรื่องงาน พี่อยากจะคุยกับเล็กให้รู้เรื่องตั้งแต่ก่อนไปแล้ว..
ก็บอกไปแล้วไงคะ ว่าเล็กไม่ติดใจแล้ว เล็กอภัยให้ในสิ่งที่พี่ณุทำ ก็ถือว่าหายกันแล้ว.. ฉะนั้นต่อไปเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าเล็กจะเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นข้ออ้างให้คุณออกจากงานหรอก เพราะยังไงพี่ใหญ่คงไม่ให้พนักงานดีๆ มากความสามารถอย่างคุณออกอยู่แล้ว หญิงสาวประชดกลับ พยายามดึงประตูปิดอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ยังยื้อไว้อยู่
มันไม่ใช่เรื่องจะอยู่หรือไปของพี่ แต่มันเป็นเรื่องที่เล็กเข้าใจพี่ผิดอยู่ต่างหาก เพราะถ้าหมายถึงเรื่องกานดา พี่มีคำอธิบาย ดาเขาเล่าทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว กำลังจะเล่าเรื่องที่ผู้ช่วยเลขาฯ สาวได้มาพูดกับเขาหลังจากที่ทะเลาะกับหญิงสาวให้ฟัง แต่อนุชก็ขัดขึ้นมาก่อน
ไงคะ ในที่สุด..พี่ณุก็สารภาพออกมาเอง ฉะนั้นเราก็คงไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้วแน่นอน ปล่อยได้แล้วค่ะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แทนที่จะไม่เอาเรื่องกับสิ่งที่คุณทำ ฉันอาจจะเอาคืนหนักกว่าที่คุณทำก็ได้ อนุชออกแรงดึงประตูรถอีกครั้ง
สุดท้ายภาณุก็ได้แต่ปล่อยให้อนุชขับรถออกไปแต่โดยดี จะด้วยตอนนี้เขายังคิดไม่ตกว่าควรจะพูดอธิบายกับหญิงสาวอย่างไร หรือด้วยเพราะความล้าของร่างกายจากการเร่งทำงานทำให้แทบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อให้งานที่สิงคโปร์นั้นเสร็จๆ แล้วจะได้รีบกลับมาเคลียร์เรื่องราวต่างๆ ให้เรียบร้อย แต่กลับต้องมาพบว่าหญิงสาวไม่ยอมรับฟังเขาสักนิด ชายหนุ่มจึงท้อเกินกว่าที่จะรั้งอนุชมากไปกว่านี้..
ทั้งๆ ที่ก็มีความจริงจะมาบอกแท้ๆ .. สิ่งที่ชายหนุ่มรู้จากตัวกานดาเองในวันที่เขากำลังจะตามเธอไปที่บ้านนั่นแหละ..
.............
"คุณณุ.. คุณภาณุคะ.."
วันที่ทะเลาะกับอนุชแล้วหญิงสาวขับรถหนีภาณุกลับไปบ้านนั้น พอคิดว่าต้องขับรถตามไปคุยกับคนรักให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันทีเขาจะได้ทำอย่างที่ตั้งใจ เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
"อ้าว..ขวัญ ดา..มีอะไรหรือครับ คือผมรีบนิดหน่อย ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนขอไปคุยกันตอนหลังได้หรือเปล่า"
ทันทีที่หันกลับมา ภาณุจึงพบว่าเป็นหญิงสาวสองคน ซึ่งคนที่เรียกเขาคือจอมขวัญที่จับมือจูง..หรือจริงๆ น่าบอกว่าเหมือนจะลากกานดามาด้วยมากกว่า เพราะสังเกตจากหน้าตาที่บึ้งตึงกว่าปกติของอีกฝ่ายราวกับว่าไม่เต็มใจจะตามมาเท่าใดนัก
"ถ้าเรื่องด่วนของคุณณุเป็นเรื่องคุณเล็ก ขวัญก็อยากให้คุณณุอยู่คุยกับขวัญก่อน เพราะมันเกี่ยวกับคุณเล็กโดยตรงเลยล่ะ..ใช่ไหมยัยดา" บอกชายหนุ่มก่อนจะหันไปกำชับให้เพื่อนรับคำอีกคน ทั้งๆ ที่ดูอีกฝ่ายไม่ค่อยจะอยากตอบรับนัก
"อือ.." กานดาพยักหน้าอย่างขอไปที "ถ้าคุณณุอยากรู้ว่าทำไมคุณเล็กถึงมีทีท่าโกรธเคืองคุณณุอย่างที่เห็น ก็ต้องฟังสิ่งที่ดาจะบอกต่อไปนี้ล่ะ" หล่อนไม่อยากบอกเรื่องนี้เร็วนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าคาดโทษของเพื่อนสาว กานดาจึงพูดมาในที่สุด
"มันมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ.. งั้น..ผมว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนก็แล้วกัน" ภาณุเห็นท่าทางแปลกๆ ของทั้งคู่จึงตัดสินใจหยุดพักเรื่องที่จะทำ ก้าวไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวทั้งสองขึ้นนั่ง ก่อนจะกลับมายังฝั่งคนขับ พาบุคคลที่จะให้ความกระจ่างเรื่องหญิงคนรักแก่เขาไปหาที่คุยให้เป็นเรื่องเป็นราว โดยเลือกเอาร้านอาหารใกล้ที่ทำงานเป็นสถานที่รับฟังเรื่องราวที่สองสาวจะบอกเล่าแก่เขา
Create Date : 26 มกราคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2550 0:14:10 น. |
Counter : 354 Pageviews. |
|
|
|
มาทักทายก่อนไปทำงานจ้ามีความสุขมาก ๆน่ะค่ะ