หากวันนี้คือกรวดทรายที่ไร้ค่า แต่วันข้างหน้าจะเจียระไนให้ได้มาซึ่งเพชรแก้ว
ให้แวววาวกระจ่างตา พร่างพราวกระจ่างใจ และแข็งแกร่งยากนักจะทำลาย

Love Stories เรื่องรักซีรี่ย์แรก ตอนที่ 5




ซีรี่ย์แรก ...รักบทใหม่กับหัวใจดวงเดิม




5.




หลังจากที่แยกกับเพื่อนรักแล้ว อนุชก็กลับเข้ามานั่งทำงานในห้องของพี่ชายใหญ่ต่อ แต่ใจของหญิงสาวก็ไม่อาจจะจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าที่ได้มอบหมายจากคนเป็นพี่ได้ คำพูดของเพื่อนยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง สายตาของพี่ชายก็คอยแต่จะลอบมองมาเหมือนจะมีคำถาม หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร สมาธิที่ว่าน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งกระเจิดกระเจิงไปใหญ่ รายงานที่ถูกสั่งให้พิมพ์ เจ้าตัวก็เลยพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ให้ต้องคอยแก้แทบนับบรรทัดไม่ได้ โชคดีที่ว่าเทคโนโลยีการพิมพ์มันเปลี่ยนจากเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาหรือไฟฟ้ามาเป็นคอมพิวเตอร์ อนุชก็เลยสามารถแก้ไขงานได้โดยไม่ต้องพิมพ์ใหม่หมด


“ถ้าอยากจะพักก่อนก็ได้นะเล็ก ไปหากาแฟทานที่ห้องนู้นก็ได้ รายงานนั่นเดี๋ยวพี่ให้คุณทิพจัดการต่อเอง เราจะนั่งเล่นรอเวลาไปก็ได้นะ พี่ไม่ว่าหรอก แค่มาดู มาศึกษางานก่อนจะทำจริงตอนจบมา ก็พอแล้ว” เห็นสีหน้าว้าวุ่นใจกับคิ้วที่ขมวดมุ่นของน้องสาว ท่านประธานหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรในขณะนี้


“แต่ว่า.. ค่ะ งั้นเล็กขอตัวก่อนนะคะ” อนุชทำท่าจะปฏิเสธ หากแต่ก็รู้ตัวดีว่าฝืนไปงานก็ไม่เสร็จ ตอนนี้ตัวเองควรจะไปสงบสติอารมณ์ให้กลับสู่ปกติให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่พี่ชายใหญ่จะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้น่าจะดีเสียกว่า คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงคว้ากระเป๋าถือและก็ก้าวไปยังประตูที่เชื่อมไปยังห้องพักของประธานบริษัทที่ตนเองเคยใช้เป็นที่คุยโทรศัพท์กับเพื่อน ..ตรงไปยังโซฟา นั่งคิดทบทวนถึงคำพูดของเพื่อนอีกครั้ง..



‘..ยังไงซะนิก็อยากให้เล็กกลับไปคิดทบทวนให้ดีก่อน เมื่อคราวนั้นถ้าเล็กไม่หุนหันพลันแล่นตัดสินใจไปอย่างนั้นเรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้ ..ถ้าเล็กยังรู้สึกดีๆ กับพี่เขาก็น่าจะเข้าไปบอกเขาตรงๆ’


‘แต่เล็กกลัวว่าพี่ณุจะโกรธจนไม่อยากยกโทษให้ ..ตอนนั้นเล็กผิดเองที่ไม่ยอมฟังอะไร โทษแต่ว่าเป็นความผิดของพี่ณุ ..ถ้าเขาจะโกรธจนไม่ยอมให้อภัยก็ไม่แปลก..’


‘..เล็กคนที่นิรู้จักไม่ได้เป็นคนตัดใจอะไรง่ายๆ นี่ ขอแค่เล็กเข้าไปขอโทษพี่ณุเขาตรงๆ ถ้าพี่เขายังมีความรู้สึกดีๆ กับเล็กอยู่ เขาคงไม่มีทางโกรธเล็กได้นานหรอก’



เอาวะ.. แค่พูดคำขอโทษก่อนมันไม่ได้ทำให้เธอถึงกับตายสักหน่อยนี่นะ อีกอย่าง..ตอนนั้นเธอก็ผิดเองจริงๆ ถ้าเขายังเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่ยอมให้อภัยก็จะได้เลิกสนใจไปเลย แล้วจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก..


ตัดสินใจได้.. หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมาอีกครั้ง เดินไปเปิดประตูเชื่อมระหว่างห้องบานเดิม บอกพี่ชายว่าขอกลับก่อนเสียดื้อๆ จากนั้นก็ผลุนผลันออกไปให้คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าระอากับความเป็นเด็กเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ของอีกฝ่าย หากแต่แทนที่เจ้าตัวจะเดินไปยังลานจอดรถเพื่อไปเอารถส่วนตัวที่ไปขับออกมาจากอู่แล้วเพื่อจะกลับบ้านก่อนตามที่บอกอเนกนั้น อนุชกลับตรงไปยังห้องอาหารของบริษัทซึ่งติดกับประตูทางออกไปยังลานจอดรถแทน ..ตัดสินใจนั่งดักรอรอภาณุที่คาดว่ายังไงซะตอนกลับเขาก็ต้องเดินผ่านมาทางนี้แน่ และจนกระทั่งเลยเวลาเลิกงานไปเกือบชั่วโมง เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มตามที่ตนเองอดทนใจเย็นรออยู่จริง ..หญิงสาวก็จำได้ทันทีแม้จะเห็นเพียงแค่อีกฝ่ายเดินมาแต่ไกล สีหน้าที่ชักเริ่มจะงอง้ำเนื่องจากต้องอดทนนั่งรอใครเป็นเวลานานๆ อย่างที่ไม่ค่อยจะได้ทำนักก็เริ่มจะดีขึ้น ผุดลุกออกมาจากที่นั่ง กำลังจะตรงเข้าไปหา แต่ทว่า..ริมฝีปากที่เริ่มจะหยักโค้งเกือบจะยิ้มออกมาแล้วนั้นก็กลับหุบฉับลงไปอีก เมื่อเห็นว่าใครบางคนเดินตามชายหนุ่มออกมาด้วย..


..ฮึ! เราอุตส่าห์ทนรอ คิดว่าเขาอาจจะยังคงมีใจให้อยู่บ้าง ไงล่ะ.. ดูท่าคงจะไม่ต้องแล้วล่ะมั้ง ก็ไม่เห็นจะขาดแคลนผู้หญิงข้างตัวเสียเมื่อไหร่..


ยิ่งเห็นชัดเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้จะถึงตำแหน่งที่ตนเองยืนอยู่ว่าภาณุหันไปคุยยิ้มแย้มกับผู้ช่วยเลขาของพี่ชายตัวเอง ใบหน้าที่งอง้ำอยู่ของอนุชจึงยิ่งบึ้งตึงมากยิ่งขึ้น และโดยทันทีที่สองคนนั้นเดินผ่าน หญิงสาวจึงพูดโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้


“ว่าไงกานดา.. เมื่อวานฉันยังเห็นเธอทำท่าจะประจบเอาใจฉันกับพี่ใหญ่อยู่เลย มาวันนี้เปลี่ยนไปติดสอยห้อยตามหัวหน้าฝ่ายผลิตซะแล้วหรือ หรือว่า..อยากจะเปลี่ยนงานมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายผลิตแทนผู้ช่วยเลขา ก็บอกได้นะ.. ฉันจะช่วยบอกพี่ใหญ่ให้” พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปอีกทางทันที โดยไม่รอดูสีหน้าของอีกฝ่ายว่าตกใจกับอารมณ์ของน้องสาวเจ้านายอย่างไร


“เดี๋ยว!.. เล็ก.. คุณเล็ก!.. คุณอนุช หยุดก่อนได้ไหม ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันก่อน”


ภาณุที่กำลังแปลกใจกับคำพูดและทีท่าของน้องสาวประธานบริษัท ตัดสินใจเรียกและรีบจ้ำตามหญิงสาวมาโดยปล่อยผู้ช่วยเลขาสาวที่บังเอิญเจอกันก่อนกลับบ้านไว้ที่เดิม และเมื่อมาทันถึงตัวจึงฉุดแขนอนุชทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหยุดตามที่บอก


“พี่.. ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด คุณหมายความว่ายังไง” คว้าแขนอนุชไว้ได้ ก็หมุนตัวให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง


“ปล่อย.. เอ๊ะ! ฉันบอกให้ปล่อย นายไม่มีสิทธิ์มายื้อตัวฉันอย่างนี้นะ อยากถูกไล่ออกจากงานหรือไง”


อนุชพยายามบิดแขนที่เขารั้งไว้ สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมปล่อยมือดีๆ หากแต่ก็ยังไม่ยอมให้เธอผละหนีออกไปได้โดยง่าย


“ผมไม่คิดว่าเด็กฝึกงานจะมีอำนาจพอจะไล่หัวหน้าฝ่ายหรือพนักงานคนใดออกจากงานได้หรอกนะครับคุณเล็ก เอ.. หรือว่าคุณจะใช้สิทธิ์ความเป็นน้องเจ้าของบริษัทล่ะ.. ผมเพิ่งรู้ว่าญาติผู้บริหารก็มีอำนาจพอๆ กับตัวผู้บริหารเหมือนกัน แต่ถ้าหากจะไล่ออกโดยไม่มีเหตุผล ผมเองก็มีสิทธิ์ร้องเรียนได้นะครับ หรือคุณเล็กจะให้คุณใหญ่ไล่ผมออกเพราะสาเหตุเนื่องมาจากที่ไปยืนคุยกับผู้ช่วยเลขาของเขา ..เล็กหึงพี่หรือไง” ประโยคคำพูดยาวเหยียดยกคำขู่มาร้อยแปด สุดท้ายภาณุก็แกล้งลองเชิงเอ่ยแย๊บให้อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจที่เขาจับความรู้สึกตนเองได้โดยง่าย


“ใครไปหึงคุณ! ..แล้วคุณจะยืนคุยกับใครมันก็เรื่องของคุณ และฉันก็ไม่ใช้น้องคุณ ฉันแน่ใจว่าตัวเองมีพี่ชายแค่สองคน” หญิงสาวเถียงข้างๆ คูๆ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นแทบจะทันทีที่ได้เห็นรอยเปื้อนยิ้มของคนตรงหน้า


“ผมก็ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายคุณสักหน่อยนี่นะ.. แต่จะว่าไปแล้ว อย่างน้อยอดีตเราก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน.. แถมยังเป็นอย่างอื่นมากกว่านั้นอีก” ชายหนุ่มเอ่ยต่อ ยิ่งแน่ใจมากขึ้นเมื่ออนุชพยายามลบสายตาคมของเขา ..เขาแน่ใจว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ยังไม่ลืมเรื่องราวแต่หนหลัง และถ้าจะให้ดี เขาก็อยากจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายอาจจะยังคงมีใจลงเหลือให้เขาบ้างไม่มากก็น้อย


“ก็แค่เกือบเท่านั้น และนั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้คุณเป็นแค่ลูกน้องของพี่ชายฉัน”


“ก็ใช่.. แต่ยังไงผมก็เป็นถึงหัวหน้าฝ่าย ส่วนคุณยังไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัทซะหน่อย ตอนนี้ก็เท่ากับคุณยังเป็นรุ่นน้องผมอยู่ดี.. ไม่แน่เราอาจจะได้ทำงานร่วมกันบ้างก็ได้นะน้องเล็ก ..เอาเป็นว่าพี่จะรอวันนั้นแล้วกัน” ..ภาณุพูดทิ้งท้ายพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไม่ต่างอะไรกับที่เคยมีให้มาในอดีต ก่อนที่จะเดินไปยังที่จอดรถของตัวเอง ปล่อยให้อนุชยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะยามรู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลับไปเห็นภาพ ‘พี่ณุ’ คนเดิมที่เธอจำได้เจนตา




ก๊อก.. ก๊อก..


“ค่ะ เชิญค่ะ.. อ้าวพี่กลาง..” ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัว อนุชเอ่ยอนุญาต ก่อนจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าพี่ชายกลางของตนเคาะห้องเข้ามาหา


“มีอะไรหรือเปล่าคะ..”


“ประโยคนี้พี่น่าจะถามเรามากกว่านะเล็ก.. เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรไม่สบายใจ ทำไมวันนี้เล็กถึงได้หนีกลับบ้านมาก่อน ทีแรกพี่ตั้งใจจะให้เราพาไปถล่มหลังจากที่เบี้ยวนัดเมื่อวานซืนแท้ๆ ก่อนเลิกงานพี่ก็ให้เพื่อนเราโทรไปที่ห้องพี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่ก็บอกว่าเล็กกลับบ้านมาแล้ว ..แล้วนี่พี่ก็ไม่เห็นเล็กอยู่ดูทีวีข้างล่างกับแม่กับพี่วิเหมือนทุกทีอีก ตกลงเล็กมีเรื่องอะไรหรือ..” อนันต์เอ่ยถามน้องสาว ค่อนข้างแปลกใจในพฤติกรรมของอีกฝ่ายพอสมควร


ตอนก่อนจะเลิกงานเล็กน้อย เขาสั่งให้นิศากรโทรเข้าไปที่ห้องประธานบริษัทเพื่อจะบอกให้อนุชแวะมาหาเขาที่ห้องด้วยตั้งใจว่าจะพาน้องสาวรวมทั้งเพื่อนของเธอไปเลี้ยงข้าวอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ แต่เมื่อทราบว่าหญิงสาวกลับบ้านไปก่อนแล้วก็ให้แปลกใจ เพราะขนาดว่าหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนที่ทำงานอยู่กับเขาเองก็ยังไม่รู้ก่อนด้วยซ้ำ ..ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้นึกอะไรมากเลยไม่ได้ถามสาเหตุจากพี่ชายใหญ่ ยกเลิกเปลี่ยนแผนตนเอง ให้นิศากรกลับกับพิพัฒน์ซึ่งรายนั้นอาสาไปส่งให้ที่หอพักของหญิงสาวให้ด้วยเพราะเป็นทางผ่านบ้านอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับที่เพื่อนหญิงคนหนึ่งของเขาก็โทรมาชวนไปดินเนอร์ เมื่อไม่ต้องพาน้องสาวไปไหน อนันต์ก็เลยตกลงไปและก็กลับมาถึงบ้านตอนเกือบสามทุ่มแล้วนี่แหละ ..ทุกทีเขาจะเห็นอนุชนั่งเล่นนั่งคุยอยู่กับมารดาและพี่สะใภ้ของเขา ไม่ก็นั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง พอวันนี้ไม่เห็นก็อดนึกไปถึงเรื่องชิงกลับบ้านก่อนของคนเป็นน้อง อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ เลยเอ่ยถามมารดา แล้วก็ไม่ได้ความกระจ่างอะไรนอกไปจากนางบอกเพียงว่า น้องเขาทานข้าวเสร็จก็ขอตัวขึ้นห้องเลย ถามพี่ชายใหญ่ของตนก็ไม่ได้คำตอบอะไรอีก กลับบอกให้เขาขึ้นมาถามอนุชเอง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเคาะห้องน้องสาว เพื่อมาดูซิว่าตกลงน้องเขาเป็นอะไรกันแน่


“ก็ไม่มีอะไรหรอก เล็กแค่ขี้เกียจดู ..พี่กลางสงสัยอะไรล่ะคะ ..เกือบลืม แล้วนี่เพื่อนเล็กกลับยังไงล่ะ”


พอเปิดประตูให้อนันต์เข้ามาในห้อง ตนเองก็เลยเดินไปนั่งแปะอยู่บนเตียง ปล่อยให้พี่ชายซึ่งปิดประตูตามหลังให้เดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแทน พอสักพักอนุชก็ตอบคำถามคนเป็นพี่ที่ไม่ค่อยจะตรงกับคำถามสักเท่าไหร่ ซ้ำยังถามกลับถึงคนเป็นเพื่อนขึ้นมาแทน


“นึกว่าจะลืมเพื่อนเราไปแล้วซะอีก ..ไม่ต้องห่วงไปหรอก พอดีคุณพิพัฒน์อาสาไปส่งให้แล้ว ..ที่พี่ถามก็ไม่มีอะไรหรอกนะ พี่ก็แค่แปลกใจ นึกว่าเราจะไม่สบายหรือเปล่า แม่บอกว่าเล็กดูเนือยๆ พิกล” ว่าพลางก็ลุกขึ้นเดินมาคลำหน้าผากน้อง “อืม..แต่ตัวก็ไม่ร้อนนะ.. ไม่เป็นอะไรแน่นะ” ..แม้จะทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้างทุกวี่วัน แต่อนันต์ก็ทั้งรักและเป็นห่วงน้องสาวคนเดียวของตัวเองอยู่เสมอ


“เล็กไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ.. ขอบคุณพี่กลางที่เป็นห่วงนะคะ” พูดจบ หญิงสาวก็คว้าข้อมือพี่ชายที่อยู่เหนือศีรษะตนเอง ฉุดให้อีกฝ่ายลงนั่งข้างๆ “พี่กลางของเล็กน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม ..เล็กรักพี่กลางจัง” ก่อนจะซุกศีรษะตัวเองกับอกผู้เป็นพี่ราวกับลูกแมวที่คลอเคลียปลายเท้าเจ้าของก็ไม่ปาน


“ขี้อ้อนจังนะเรา..” อนันต์อดจะโยกศีรษะน้องสาวไปมาไม่ได้


“ก็วันนี้พี่กลางยังโสดให้เล็กอ้อนได้อยู่ ถ้าวันไหนพี่กลางมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เล็กก็คงไม่มีโอกาสได้อ้อนอย่างนี้อีก แฟนพี่กลางคงไม่ยอมให้เล็กทำอย่างนี้ชัวร์” อนุชผงกศีรษะขึ้นมาพร้อมกับยิ้มทะเล้น รู้สึกสบายใจขึ้นกับการได้รับรู้ความรักความเป็นห่วงที่คนเป็นพี่มีให้ ความรู้สึกสับสนบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้จึงสงบลงไปได้บ้าง “พี่กลางไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วล่ะ เล็กเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” แล้วก็ฉุดพี่ชายขึ้น เดินไปส่งที่หน้าห้องเสียอย่างนั้น


“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร .. ใครทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือเปล่า” อนันต์ยังอดไม่ได้ หันมาถามน้องสาวก่อนที่เธอจะปิดประตูห้อง


“แน่ใจสิคะ โธ่.. อย่างเล็กใครจะกล้าทำอะไรได้ เล็กต่างหากที่จะเป็นฝ่ายไปทำคนอื่นเขา พี่กลางก็อีกคน.. ระวังตัวไว้เถอะ ถ้าหาพี่สะใภ้ได้ไม่ถูกใจเล็ก งานนี้อาจมีเละกันไปข้างแน่..” หญิงสาวแกล้งว่า กลับมาเป็นน้องสาวผู้ร่าเริงคนเดิม


“อ้าว.. แล้วไหงถึงมาลงที่พี่ไปได้ แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอก พี่ยังไม่ยอมสละโสดง่ายๆ หรอกน่า จะอยู่เป็นคู่กัดเราไปอีกนาน เอ้า.. ไปนอนก็ไปนอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า กูดไนท์จ้ะ..” อนันต์หัวเราะกับความช่างหาเรื่องของคนเป็นน้อง ในที่สุดก็ยอมกลับห้องตนเองแต่โดยดี


และเมื่อพี่ชายออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวก็อดคิดถึงไปผู้ชายอีกคนหนึ่งไม่ได้


..ไม่รู้ว่ารอยยิ้มสุดท้ายที่ภาณุส่งมาให้นั้นจะเป็นสัญญาณบอกได้ไหมว่าทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พี่ณุจะกลับไปเป็นพี่ณุผู้อ่อนโยนใจดีคนนั้นอีก หรือเพียงแค่แกล้งทำเพื่อเอาคืนที่เธอเคยทำไม่ดีกับเขากันแน่




“หือ.. วันนี้ไม่ทานข้าวด้วยกัน จะไปธุระกับพี่กลาง.. คุณพิพัฒน์เข้าโรงพยาบาลหรือ.. โอเคจ้ะ.. ไม่เป็นไร เดี๋ยวเล็กทานข้าวกับพี่ใหญ่ก็ได้ ฝากเยี่ยมคุณพิพัฒน์แทนเล็กกับพี่ใหญ่ด้วยแล้วกันนะจ๊ะ.. หวัดดีจ้ะ”


“มีอะไรหรือเล็ก คุณพิพัฒน์เข้าโรงพยาบาล เป็นอะไรหรือเปล่า..”


ทันทีที่เห็นน้องสาววางสายโทรศัพท์ อเนกจึงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้า ถามถึงเรื่องที่ได้ยิน


“ทางบ้านเขาโทรมาบอกว่าคุณพิพัฒน์ล้มเมื่อเช้าค่ะ เห็นว่าความดันขึ้น พี่กลางเขาเลยให้นิไปเยี่ยมคุณพิพัฒน์เป็นเพื่อน.. วันนี้เล็กเลยไม่มีเพื่อนทานข้าวเที่ยง .. เล็กไปกินข้าวด้วยนะพี่ใหญ่”


“หือ.. สงสัยจะไม่ได้จ้ะ เพราะพี่ติดนัดกับลูกค้า หรือว่าเล็กจะไปด้วยกัน..” เขาพูดยิ้มๆ


“หึ! ไม่เอาหรอก ลูกค้าพี่ใหญ่มีแต่พวกคนแก่ๆ ไม่ก็เฒ่าหัวงู เล็กไม่ชอบ.. เข็ดตั้งแต่ตอนที่ขอไปด้วยเมื่อคราวก่อนแล้ว”


อนุชส่ายศีรษะปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเมื่อนึกถึงครั้งที่ตนเองเข้ามาวิ่งเล่นในบริษัทเมื่อปีสองปีก่อนแล้วจับพลัดจับผลูไปทานข้าวกับลูกค้าเป็นเพื่อนอเนก มีแต่พวกคนแก่อายุเยอะๆ ไม่เท่าไหร่ ดันถูกสายตาโลมเลียของพวกชายวัยพ่อบางคนตอนพี่ชายเธอเผลอเข้าด้วยนี่สิ เกือบจะทนไม่ได้โวยวายออกไปแล้ว แต่เพราะติดที่ยังเกรงใจพี่ชายใหญ่อยู่ ถึงได้อดกลั้นมาได้ หากแต่ไม่จำเป็นอนุชก็ไม่อยากไปกินข้าวร่วมกับลูกค้าบริษัทเลยสักราย


“นั่นสิ.. คนแก่ๆ หรือจะสู้คนหนุ่มๆ บางคนได้ เราคงอยากให้รุ่นพี่เราเลี้ยงข้าวมากกว่าล่ะมั้ง” พี่ชายแกล้งยั่วเพื่อจับความรู้สึกของน้องสาว.. อเนกไม่คิดจะกีดกันเลยถ้าหัวหน้าฝ่ายผลิตจะชอบพอกับน้องสาวเขา เพราะเท่าที่สังเกตดูแล้วสองคนนี้ไม่เพียงแค่รู้จักกันมาก่อนอย่างเดียวแน่ๆ น้องเขากับภาณุน่าเคยชอบๆ กันมาก่อน .. อเนกเองก็ไม่ใช่พี่ชายประเภทที่คอยหวงน้องสาว และยิ่งพิจารณาแล้วพบว่าผู้ชายอย่างภาณุนิสัยดีพอที่เขาจะไว้วางใจได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ใจเย็น เผลอๆ อาจจะมาปราบพยศน้องสาวเขาได้ด้วยซ้ำไป


“พี่ใหญ่!!.. เล็กไม่.. ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเลี้ยงข้าวเล็กสักหน่อย..” หญิงสาวโวยวาย หน้าแดงปิดไม่มิด


“ไม่อยากได้เพื่อนทานข้าวหรือไง..” พี่ชายยังไม่หุบยิ้ม


“ไม่เห็นต้องการ.. เล็กไปกินกับพี่ทิพก็ได้” ว่าแล้วก็ลุกออกจากห้องสวนกับคนที่พี่ชายพูดถึงอยู่พอดี อนุชเลยรีบเดินจ้ำอ้าวไปทันที บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไรถ้าต้องเผชิญกับเขาตรงๆ ..


“มาช้าไปหน่อยนะณุ น้องพี่จ้ำไปถึงห้องอาหารแล้วมั้งป่านนี้” อเนกหันมาบอกกับคนที่เข้ามาใหม่ หัวเราะเบาๆ ในลำคอ


“เอ่อผม.. เขาคงรีบไปหาเพื่อนเขามั้งครับ ได้ยินว่าน้องนิก็มาฝึกงานที่นี่เหมือนกันนี่” ภาณุตอบ สีหน้าเขินๆ พอจะรู้ว่าคนตรงหน้าคงระแคะระคายอะไรมาบ้าง หากแต่ก็ไม่ยอมถามอะไรเขาตรงๆ ชายหนุ่มจึงแก้เก้อ ส่งเอกสารที่ถือมาให้อเนกแทน “นี่เป็นหนังสือขอเปลี่ยนเครื่องจักร.. งานเรากำลังเร่ง ผมก็เลยขออนุญาตสั่งเครื่องมาก่อน ส่วนเรื่องที่คุณใหญ่ให้ทำ ผมก็จะรีบดำเนินการต่อให้แน่ครับ” ภาณุตัดสินใจไม่ผ่านงานจากผู้จัดการฝ่ายตนเองอีก


“อืม.. ได้เดี๋ยวพี่จัดการให้ .. ถ้าไม่มีอะไรอีกณุก็ไปพักได้แล้วล่ะ นี่ก็เที่ยงพอดี” อเนกเองที่จงใจเรียกให้ภาณุมาพบก่อนเที่ยงสักเล็กน้อย เผื่อให้เขาไปพักกลางวันได้เลย


“อ้อ.. วันนี้เพื่อนยัยเล็กไม่ว่างทานข้าวกลางวันด้วยหรอกนะ เขาคงอยู่ที่ห้องอาหารคนเดียวแหละถ้าคุณทิพแกยังนั่งอยู่หน้าห้องน่ะ” ประธานหนุ่มช่วยใบ้เพิ่มให้อีกนิด ไกด์ให้เมื่อเห็นอีกฝ่ายขอตัวและกำลังเปิดประตูออกไป ภาณุชะงักไปสักพักก่อนจะก้มศีรษะลาแล้วจึงปิดประตูห้องในที่สุด


เด็กหนอเด็ก.. เลี่ยงกันไปก็เลี่ยงกันมา.. คนหนึ่งก็ตั้งแง่ คนหนึ่งก็แสนงอน แล้วงานนี้จะเข้าใจกันไหม ต้องให้เขาเปิดทางให้แบบนี้.. นี่ถ้าช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมคุยกันให้รู้เรื่อง เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไงแล้ว.. อเนกคิด พลางส่ายศีรษะอย่างระอา



..

จบซีรี่ย์แรกตอนที่ 5 โปรดติดตามตอนต่อไป


Create Date : 01 มกราคม 2550
Last Update : 1 มกราคม 2550 16:19:17 น. 0 comments
Counter : 359 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Katenipa
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






(รายละเอียดข้อมูลอัพเดตเจ้าของบล็อกติดตามได้ในหน้า "สมุดเยี่ยม" เลยนะคะ ^ ^)




ชักเริ่มจะเปลี่ยนแนวจากบ้าซีรี่ย์เกาหลี มาเป็นย้อนยุคกลับไปสู่หนังจีนกำลังภายใน และวกกลับมาคลั่งไคล้แดนปลาดิบ ณ บัดนาว ^ ^





ตัวฉัน(มั้ง) ^ ^"


มนุษย์(ธรรมด๊า ธรรมดา)เดินดินกินข้าวแกง(รวมถึงอาหารอื่นๆ )ไปตามประสา แค่บางวันอาจอยากกินก๋วยเตี๋ยวบ้างก็เท่านั้น เพศคงไม่ต้องบอกกันล่ะเนอะ คิดว่าเห็นจากรูปถ่าย + เวลาพูดคุย ก็น่าจะรู้(หรือเปล่า - -') ส่วนอายุ.. ความลับดีก่า กรั่กๆ .. แบบหยุดไว้ที่ 18 ส่วนที่เพิ่มมาฝากธนาคารทั้งนั้น เหอๆ .. สำหรับอาชีพ.. ตอนนี้ไม่วิจัยฝุ่นเพิ่มภาวะภูมิแพ้อากาศให้กะตัวเองและเพื่อนๆ แล้วนะ ..เพราะตอนนี้คือ pharmacist เต็มๆ ตัวแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนงานโดยลาออกจากเภสัชกรโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็กำลังจะได้งานใหม่ คิดว่าน่าจะสบายขึ้นเล็กน้อยเพราะเลือกทำพาร์ทไทม์ค่ะ แบบอยากหาเวลาว่างในการทำงานอดิเรกที่ชอบ แต่ไหงงานพาร์ทไทม์ที่ได้กลับกลายว่าทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน วันละ 8 ชม. ไม่ต่างจากงานประจำเลยง่ะ - -"

แล้วตกลงว่าจะได้ว่างไหมยังไม่แน่ใจเลยนี่ เฮ้อ..


อื่นๆ ก็ไม่รู้จะบอกอะไรอีกแล้วล่ะ ปล่อยๆ ให้มันเป็นไปตามวิถีของมันไปแล้วกันเน้อ.. ^ ^


..........

อัพเดตเพลงใหม่..









ยังไม่มีเพลงติดบล็อกใหม่ๆ ไปฟังเสียงผิวปากของอีวานใน Heaven's tree กันค่ะ (ไม่รู้จะชวนหลับหรือเปล่า ^ ^")






ปล. อัพเดตโปรไฟล์ส่วนตัว 26/10/2006 ค่ะ ^ ^


Guestbook




Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Katenipa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.