เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ

หนักกว่าการ์ตูนทั่วไป แต่ไม่หนักเกินไปที่จะ "รับ" และ "รัก"

จะเรียกว่าเขียนเชียร์หนังสือของตัวเองก็คงจะไม่ผิด แต่ได้ใช้วิจารณญาณแล้วว่า ในฐานะคนอ่านหนังสือ นี่คือหนังสือสองเล่มที่เราจะแนะนำให้ใครๆอ่านได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และในฐานะคนทำหนังสือที่ได้เห็นเกือบทุกขั้นตอนของการผลิต ก็พูดได้อีกเช่นกันว่า หนังสือสองเล่มนี้เกิดจากความตั้งอกตั้งใจและความใส่ใจ และ (หลังจากตรวจปรู๊ฟไปเจ็ดรอบจนตาแทบกลับ) ฉันเองก็ขอนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ต่างจากทุกคนในสำนักพิมพ์
------

PPCover 
แพร์ซโพลิส การ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ที่ควรได้รับคำแนะนำในการอ่าน



ชื่อเรื่อง:        แพร์ซโพลิส 1 และ 2 / Persepolis 1 and 2
ผู้แต่ง/ผู้แปล: Marjane Satrapi/ ณัฐพัดชา
ประเภท:        นิยายภาพ (การ์ตูนช่อง)
สำนักพิมพ์:   กำมะหยี่
ราคา:           220/250 (อ้อ ถ้าสั่งซื้อในเว็บลด 15 เปอร์เซ็นต์นะ)


คำนำ
แพร์ซโพลิส หรือเปอร์เซโพลิส เป็นการ์ตูน หรือนิยายภาพ (ฟังดูจริงจังกว่าเน้อะ) ที่บอกเล่าชีวิตจริงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เติบโตในประเทศอิหร่านในช่วงปฏิวัติอิสลาม ถ้าแค่ฟังแค่นี้ หรือแอบไปเปิดที่ร้านหนังสือแล้วเห็นการ์ตูนขาวๆดำๆที่ดูน่ากลัว ก็อย่าเพิ่งร้องยี้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา ผู้หญิงโพกฮิญาบ หรือความรุนแรง แล้วก็ถอดใจไปเสียล่ะ


ความคิดแบบนั้นคืออคติ คนฉลาดเฉียบแหลมอย่างเราจะยอมให้อคติอันเป็นอวิชชาบดบังและปิดกั้นโอกาสในการรับรู้เรื่องราวที่งดงามและเรียนรู้อะไรดีๆสักอย่างสองอย่าง นอกเหนือไปจากความสนุกเชียวหรือ (สารภาพว่าก่อนจะได้ลงมืออ่านอย่างจริงจังก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้บานเหนือน้ำแล้ว)


ในชีวิตและสังคมที่เราอยู่ เราอาจไม่รู้จักประเทศอิหร่านและคนอิหร่าน หรือถึงจะรู้จัก ก็ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงภูมิหลังและเรื่องราวของพวกเขา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เราไม่จำเป็นต้องรู้ แค่ใช้ใจและความรู้สึกของการเป็นมนุษย์ก็สามารถอ่านนิยายภาพเรื่องนี้ได้สนุกและสะเทือนใจแล้ว ส่วนเมื่ออ่านจบ จะเกิดความกระหายอยากรู้หรือไม่อย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะข้อจำกัดของนิยายภาพคือไม่อาจอธิบายและสาธยายรายละเอียดใดๆได้มากมายนัก และความไม่คุ้นเคยก็อาจทำให้เกิดคำถามที่ (บางคน) อาจต้องการคำตอบ ฉะนั้น ขอแนะนำให้ไปหาอ่านในเว็บบล็อกของสำนักพิมพ์ก็แล้วกัน (แหะๆ ก็อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนแปลนี่หว่า)


ฉะนั้นแม้ว่าจะมีรูปแบบเป็นการ์ตูน แต่เนื้อหาก็ไม่ใช่ขนมหวาน หนักหนาสาหัสเอาการอยู่ ถามว่าควรซื้อให้เด็กอ่านไหม ก็แล้วแต่พ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะอย่าว่าแต่เด็ก ผู้ใหญ่เองก็อาจจะต้องได้รับคำแนะนำในการอ่าน (แต่ถ้าเด็กคนไหนซื้ออ่านเอง เราก็ขอปรบมือให้ว่าตาถึงดีมาก หวังว่าผู้ปกครองที่บ้านจะใจถึงกับการเลือกของลูกหลานด้วยก็แล้วกัน)


ชื่อหนังสือ
แพร์โพลิส หรือเปอร์เซโพลิส เป็นชื่อเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ อันเป็นอดีตอันรุ่งโรจน์ของอิหร่าน ถึงแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นในแบกแดดและเวียนนาเป็นหลัก โดยมีเมืองนั้นเมืองนี้ให้มาร์จี้แวะไปเที่ยวเล่นประปราย แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้แวะเวียนเฉียดใกล้เมืองหลวง หรือพูดให้ถูกคือซากเมืองหลวงเก่าแห่งนี้แต่อย่างใด แล้วทำไมถึงตั้งชื่อหนังสือว่าแพร์ซโพลิสละหว่า


ฉันคิด (เอาเอง) ว่าชื่อเรื่องคือสิ่งสำคัญที่สื่อชัดเจนถึงตัวตนของชาวอิหร่าน ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเชิดชูและ "หวนหา" ความเป็นเปอร์เซียไม่เสื่อมคลาย พอพูดถึงแพร์ซโพลิส ก็คล้ายกับว่าชาวโลกจะอ้างอิงเชื่อมโยงไปถึงอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ยุคสมัยอันเรืองรอง และความเป็นเสรี ที่มีหลักฐานมากมายยืนยันว่า คนต่างเชื้อชาติศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบและสันติ ผู้ปกครองให้สิทธิและเสรีภาพและประชาชนอย่างเต็มที่ และคนอ่านที่คิดได้เช่นนั้นก็จะอึ้งเมื่อเปิดอ่านและบอกตัวเองว่า แผ่นดินอันเสรีในอดีตนั้นคือแผ่นดินเดียวกัน...ที่การกดขี่เข่นฆ่าเหล่านี้กิดขึ้น


เล่มแรก
หนังสือเล่มแรกเล่าเรื่องราวของหนูน้อยมาร์จี้ ตั้งแต่เธออายุเก้าขวบถึงสิบสี่ปี เรื่องราวจากมุมมองของเด็กหญิงแก่นเซี้ยวตัวเล็กๆที่หาเรื่องสนุกสนานไปกับเหตุการณ์ต่างๆได้ตลอดเวลา ความคิดและการเติบโตทางความคิดที่ไม่ถูกจำกัดในสังคมที่ปิดกั้น เพราะเธอมีพ่อแม่และยายที่แสนจะน่ารักคอยชี้แนะ ชี้นำ และชี้ทางที่เปิดกว้างให้ โดยเฉพาะหนังสือ ฉะนั้น ในขณะที่เด็กแสบอย่างมาร์จี้คิดการใหญ่ขนาดจะหาตะปูไปตอกเพื่อนบ้าน ทะเลาะและขับไล่ไสส่งพระเจ้า หรือแอบหนีพ่อกับแม่ไปร่วมชุมนุมประท้วง (แหม เข้ากับเหตุการณ์ร่วมสมัยเปี๊ยบ) เธอก็ยังมีบางมุมที่คร่ำเคร่งกับการอ่านและหาความรู้เพื่อที่จะเข้าใจความเป็นไปรอบตัว (ในฐานะคนชอบอ่านหนังสือ ฉันก็เชื่อเหลือเกินว่าการอ่านคือพื้นฐานสำคัญในการสะสมความรู้อันจะกลายเป็นความเข้าใจและเป็นตัวตนของเราในอนาคต)


ถ้าใครเอ็นดูมาร์จี้ภาคผู้เยาว์ แต่ไม่อยากรู้จักมาร์จี้ภาคผู้ใหญ่ จะหยุดอ่านแค่เล่มนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่เชื่อเถอะว่าพออ่านถึงหน้าสุดท้าย มันก็ยากที่อดใจไม่ติดตามชีวิตส่วนที่เหลือของเธอต่อ


เล่มหลัง
หนังสือเล่มสองคือทางออกของมาร์จี้ นักเรียนที่กล้าตั้งคำถามกับครูและสถาบันการศึกษาที่ยอมลดตัวไปเป็นเครื่องมือของผู้ปกครอง จนกระทั่งถูกไล่ออกจากโรงเรียน (ถ้าคิดจะเอาเยี่ยงก็ขอให้เอาเยี่ยงที่การตั้งคำถาม ไม่ใช่การถูกไล่ออก นะจ๊ะเด็กๆ) เมื่อพ่อกับแม่มีเงินพอที่จะส่งลูกสาวออกนอกประเทศได้ มาร์จี้ก็มีทางออก แม้จะมีโอกาสไปใช้ชีวิตวัยรุ่นในออสเตรีย แต่แทนที่จะมีความสุข (กับการชุบตัว) มาร์จี้กลับมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่และรักษาตัวตนของตัวเอง เธอทดลองสารพัดวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ทำให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ทั้งการทำตัวเป็นพั้งค์ การทำตัวเป็นผัก (โปรดอ่านบท “ผัก” ในเล่มสองเพื่อความกระจ่าง) การค้า "ผัก" ในโรงเรียน และอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่มีวิธีไหนทำให้เธอรู้สึกกลมกลืนกับสังคมใหม่และรักษารากเหง้าของสังคมที่เธอจากมาได้ มาร์จี้จึงเป็นนางเอกการ์ตูนที่ผิดวิสัยการ์ตูนอื่นๆ เพราะเธอล้มเหลวและต้องซมซานกลับบ้านอย่างหมดสภาพ


แต่...ชีวิตจริงทำให้การกลับบ้านก็ยังไม่ใช่คำตอบ ตอนที่เธอจากบ้านไป เธอหมายจะไปให้พ้นสังคมที่ปิดกั้นเพื่อแสวงหาเสรีภาพ เมื่อไปถึงสังคมที่เปี่ยมเสรี เธอกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไร้ตัวตน และเมื่อเธอกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เธอกลับกลายเป็นคนแปลกแยกที่ตั้งคำถามกับวิถีและขนบในสังคมเดิม การดิ้นรนของเธอก็เลยยิ่งหนักหนาสาหัสเข้าไปอีก


แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ การเดินทางช่วยให้เธอได้เรียนรู้บทเรียนอีกหลายแง่มุมของชีวิต และเมื่อเธอต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง มาร์จี้ก็มีประสบการณ์และบทเรียนแห่งการเติบโตนำทางให้เธอก้าวไปสู่ชีวิตใหม่อย่างมั่นคง (ขึ้น)


...สอนให้รู้ว่า
ถ้ามองในมุมเล็กๆง่ายๆของมาร์จี้ เราก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเธอว่า จริงอยู่ที่ปัญหามีไว้ให้แก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เราจะล้ม แต่เราจะล้มอย่างไรและจะลุกขึ้นใหม่ได้ไหมต่างหาก ความสำเร็จอาจไม่ใช่คำตอบของหนังสือเล่มนี้ แต่คือวิธีการหรือกระบวนการที่เราจะรับมือกับปัญหาและความล้มเหลว เชื่อเถอะว่า การตั้งรับ ยอมรับ และยืนหยัดขึ้นใหม่สำคัญกว่าการแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้หลายร้อยหลายพันเท่า


ถ้ามองในมุมที่กว้างขึ้น แน่นอนว่าสถานการณ์ในอิหร่านไม่เหมือนสถานการณ์ในเมืองไทย แต่ไม่ว่าที่ไหนในโลก การกดขี่และปิดกั้นของผู้ปกครองไม่เคยส่งผลดี มนุษย์ทุกคนที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบนั้นย่อมต้องดิ้นรนและแสวงหาอิสรเสรีภาพ และความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่ชีวิตที่สูญเปล่า แต่ยังสิ่งที่มองไม่เห็นอีกมากมายนัก มนุษย์มีวิธีจัดการชีวิตของตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ เราจะอยู่ (เฉยๆ) จะสู้ (แบบอารยะขัดขืน) หรือจะหนี (ไปอังกฤษ) ก็เลือกให้เหมาะกับบริบทชีวิตของเรา แต่ขอให้มั่นใจว่าเป็นการเลือกของเราจริงๆ ไม่ใช่การปล่อยไหลให้สถานการณ์พาไป เพราะนั่นไม่ใช่การเลือกและไม่ได้น่าภาคภูมิใจอะไรเลย


หนังและหนังสือ
ต้นฉบับหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเป็นภาษาฝรั่งเศส และมีการทำเป็นภาพยนตร์แอนนิเมชั่นที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงพอสมควร แม้ว่าเรื่องราวในภาพยนตร์จะสั้นกว่า (อันเป็นธรรมดาของการนำหนังสือไปทำเป็นภาพยนตร์) แต่ก็มีเพลงเพราะๆที่มีกลิ่นไอของเปอร์เซียและการให้เสียงที่สร้างความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครอย่างน่าประทับใจ ถือว่าชดเชยกันได้ โดยสรุปแล้ว แม้จะมีหนังสือก็ควรได้ดูหนัง และถ้าหากได้ดูหนังแล้ว ก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้อ่านหนังสือ


คำตาม
ความลับก็คือ พออ่านหนังสือสองเล่มนี้จบ ฉันไม่ได้ตกหลุมรักมาร์จี้เท่ากับตกหลุมรักยายของมาร์จี้ และแอบดีใจที่ไม่ได้เป็นคนอิหร่าน ถึงแม้อิหร่านจะมีอดีตเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่อย่างเปอร์เซีย มีเหล้าองุ่นกิน มีกวีเลื่องชื่อที่ฉันชื่นชมอย่างโอมาร์ คัยยัม แต่ที่สุดแล้ว การเติบโตในสังคมที่พอจะมีเสรีภาพอยู่บ้าง มีเหล้า (ไม่ต้องถึงกับองุ่น) ให้เมาเป็นระยะ และมีสุนทรียะในชีวิตมากพอได้อ่าน (และได้มีส่วนในการแปล) หนังสือดีๆของคนอิหร่าน ก็ถือเป็นสวรรค์สำหรับคนไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองมีตัวตนหรือรากเหง้าอะไรกับเขาแบบฉันแล้ว


ก็แหม นับปีนับเดือนแล้ว อายุอานามก็ไล่ตามพี่มาร์จี้ไปไม่กี่มากน้อย ถ้าขืนอยู่ประเทศเดียวกัน ถ้าไม่ตกบันไดตายในหลุมหลบภัยตั้งแต่เด็ก ก็คงไม่อยู่รอดปลอดภัย โตขึ้นมารู้คิดขนาดเขียนหนังสือได้เป็นเรื่องได้ราวอย่างเธอแน่







Free TextEditor




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551
2 comments
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 22:45:46 น.
Counter : 467 Pageviews.

 

ขาวดำ..แต่ทำไมแพงจังเลยครับ อยากได้แต่คิดหนัก..

 

โดย: อวดดี (auwddee ) 11 ตุลาคม 2551 21:45:37 น.  

 

บางคนก็ว่าแพง บางคนก็ว่าไม่แพง ถ้าถามคนทำ ก็ต้องบอกว่าลิขสิทธิ์มาแพงน่ะค่ะ ลองอ่านดูก่อน ถ้าชอบ ที่ว่าแพงก็อาจจะคุ้มก็ได้น้า....

 

โดย: lunaloca 15 ตุลาคม 2551 23:00:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.