เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ
ชวนอ่านนิยายที่หายไป

เอ้า ไม่อ้อมค้อมละ สารภาพไว้ก่อนที่ใครจะมาว่าเอาเลยก็แล้วกันว่า วันนี้จะเอาหนังสือที่ตัวเองแปลมาแนะนำ ว่ากันซื่อๆงี้เลยแหละ จริงๆอยากจะเอามาแนะนำตั้งแต่ยังแปลไม่เสร็จแล้ว เพราะรู้สึกว่าเขาเขียนได้น่าอ่านดีจัง โดยเฉพาะถ้ามองว่านี่คือนวนิยายเล่มแรกของผู้เขียน (อย่าเพิ่งกระโดดหนีถ้าจะบอกว่า ก่อนหน้าที่จะเขียนนวนิยายเล่มนี้ ไดแอน เซตเตอร์ฟีลด์ เคยเขียนแต่งานวิชาการ โปรดลองอ่านดูก่อน แล้วจะคิดใหม่ว่า แม่เจ้า! นี่หรือคือฝีมือของนักวิชาการ) แต่โดยมารยาท (ที่ยังพอมีเหลืออยู่ขอดๆ) เราก็ต้องรอให้กระบวนการต่างๆเสร็จสิ้นก่อน อย่างน้อยๆ ก็มีปกมาโฆษณาให้เห็นกันไงล่ะ



ชื่อเรื่อง: นิยายที่หายไป / The Thirteenth Tale
ผู้แต่ง: ไดแอน เซตเตอร์ฟีลด์/ศศมาภา
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
ราคา: 325 บาท
ประเภท: วรรณกรรมอังกฤษ/suspense

นวนิยายเรื่องนี้พูดถึงความทุกข์ทรมานของชีวิตที่ต้องอยู่กับความจริงที่ซ่อนเร้น การปิดบังและการถูกปิดบังความจริง การไม่ยอมรับความจริง และการเรียนรู้ที่จะยอมรับมันในที่สุด

เนื้อเรื่องดำเนินผ่านการบอกเล่าของมาร์กาเร็ต ลีอา ลูกสาวเจ้าของร้านหนังสือ (หรือที่จริงควรจะเรียกว่านักค้าหนังสือเก่ามากกว่า) ซึ่งใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในร้านขายหนังสือเก่าของพ่อ โดยมีเงื่อนปมใหญ่เบ้งตกตะกอนนอนก้นอยู่ลึกๆ เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมาร์กาเร็ตได้รับจดหมายจากนักเขียนนวนิยายชื่อดังแห่งยุค วีดา วินเทอร์ ผู้เลือกให้มาร์กาเร็ตเป็นผู้เขียนชีวประวัติและขอให้เธอเดินทางไปพบที่บ้านในยอร์กเชียร์

ถึงแม้จะเป็นนักอ่าน แต่มาร์กาเร็ตกลับหลงไหลวรรณกรรมในอดีตของนักเขียนผู้ล่วงลับ เธอไม่สนใจและไม่เคยอ่านผลงานของมิสวินเทอร์ซึ่งในสายตาเธอมองว่าเป็นนักเขียนนวนิยายร่วมสมัย แต่เมื่อเริ่มอ่าน เนื้อหาที่โหดร้าย เฉียบคม และบีบเค้นหัวใจ ก็ทำให้มาร์กาเร็ตตัดสินใจไปพบมิสวินเทอร์ เพื่อทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของนักเขียนผู้นี้

เรื่องราวแต่หนหลังที่มิสวินเทอร์เล่าทำให้มาร์กาเร็ตก้าวล่วงเข้าสู่ความลับอันมืดดำของบ้านแองเจิลฟีลด์ จอร์จและมาทิลด์ กับลูกๆ อิซาแบลล์และชาร์ลี มาถึงรุ่นหลาน สองพี่น้องฝาแฝด แอเดอลีนและเอมเมอลีน มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นหลังประตูบ้านหลังใหญ่ แต่กลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแม้ไฟจะเผาผลาญบ้านแองเจิลฟีลด์จนเหลือเพียงซาก จนดูคล้ายกับว่าความลับในบ้านหลังนั้นมอดไหม้ไปสิ้นแล้ว แต่ ความจริงนั้นยังคงแจ่มชัด...

มาร์กาเร็ตได้กลับไปหมู่บ้านแองเจิลฟีลด์และได้พบผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นและมีความเกี่ยวพันกับบ้านแองเจิลฟีลด์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ออเรเลียส ชายทำขนมเค้กผู้กลับมาที่ซากบ้านโบราณหลังนี้ด้วยความปรารถนาจะค้นหาครอบครัวที่ตนไม่เคยมี ทอมและเอมมา สองพี่น้องที่ทำให้เธอโหยหาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่เธอไม่เคยได้สัมผัส และมิสเตอร์โลแมกซ์ ทนายความประจำบ้านแองเจิลฟีลด์ ชายอีกคนหนึ่งที่ล่วงรู้ความลับของมิสวินเทอร์เช่นเดียวกับเธอ

การเดินทางเข้าสู่อดีตของมิสวินเทอร์และการช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาทุกข์ทรมานต่างๆไปได้ ทำให้เงื่อนปมที่ตกตะกอนของมาร์กาเร็ตฟุ้งกระจาย แต่ในที่สุดเธอก็สามารถคลี่คลายปมของตัวเอง (และตัวละครอื่นๆ) ได้ ความจริงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเกินไปที่จะยอมรับ และชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป

ถึงแม้ว่านวนิยายเรื่องนี้จะไม่ใช่นวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนตามแบบฉบับที่เราคุ้นกัน และถึงแม้ความลับของชีวิตในอดีตก็ชวนให้ค้นหาไม่น้อย แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่าคนเขียนมีจังหวะในการดำเนินเรื่องค่อนข้างเนิบช้า มีมุมมอง ลีลา และการใช้ภาษาที่ละเมียดละไมไหวพลิ้ว ซึ่งขณะที่นักอ่านส่วนหนึ่ง (และฉัน) อาจจะชอบ นักอ่านใจร้อนบางคนก็อาจรู้สึกไม่สบใจได้ จึงอยากจะ (เตือนและ) แนะนำให้ใจเย็นๆ ค่อยๆอ่าน ค่อยๆคิดตาม และดูซิว่าจะคลี่คลายความลับในอดีตได้ก่อนมาร์กาเร็ตหรือเปล่า... แต่รับรองว่าผู้เขียนเฉลยให้กระจ่างทุกเงื่อนปมก่อนปิดหน้าสุดท้ายแน่นอน

อีกอย่างที่ฉันรู้สึกว่าน่าสนใจก็คือบรรยากาศของเรื่องโดยรวมๆ จริงอยู่ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องย้อนยุค อดีตของมิสวินเทอร์นั้นชัดเจนว่าเกิดขึ้นนานมาแล้ว และกระทั่งเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบันในเรื่องก็ยังน่าจะเกิดขึ้นหลายสิบปีก่อนยุคสมัยของเรา แต่ขนาดไม่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่มีฉากโรแมนติกหวามหวาน ไม่มีพระเอกนางเอกตามแบบฉบับ เรื่องราวก็ยังเข้มข้นและสนุกได้ไม่แพ้กัน

ในฐานะผู้แปล ขอบอว่าเรื่องนี้เหนื่อยและยากมากมาย เพราะผู้เขียนไม่เพียงใช้โครงสร้างประโยคที่ยากต่อการถอดความเท่านั้น แต่ยังใช้ถ้อยคำสำนวนที่ชวนให้เราต้องหยุดคิดและสรรหาคำเหมาะๆให้ทัดเทียมกัน (นี่ถ้าอ่านแล้วไม่รักไม่ชอบ ก็คงไม่เสียเวลาหรอกนะ) ทำให้สมองและคลังคำอันน้อยนิดที่มีอยู่ต้องดิ้นรนอย่างหนักเหมือนเต่าขยันกันเลยทีเดียว แต่พอทำเสร็จออกมาเป็นรูปเล่มแล้ว ก็ภูมิใจหายเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย (จริงๆ มันผ่านมานานจนเริ่มลืมแล้วไงล่ะ)

สุดท้าย เราคงไม่มีโอกาสได้ทำงานที่ท้าทาย และคงจะไม่ได้นวนิยายพากย์ไทยที่มีรูปเล่มสวยงาม อ่านสนุก และถูกต้องตรงตามต้นฉบับมากเท่านี้ ถ้าไม่ได้บรรณาธิการที่เอาใจใส่ (และน่าจะรักหนังสือไม่แพ้มาร์กาเร็ต) ช่วยเปิดโอกาสในการทำงาน และยังช่วยตกแต่ง ขัดเกลา และแก้ไขให้ด้วยความอดทน รู้เลยว่าการผลิตหนังสือดีๆสักเล่มนั้นไม่ได้ง่ายๆและสักแต่ว่าทำ ลำพังนักแปลคนเดียวคงไม่สามารถจะให้กำเนิดหนังสือดีๆออกมาในบรรณพิภพ (ว้าว คำนี้คิดได้ไงเนี่ย) ได้ บรรณาธิการจึงมีความสำคัญใหญ่หลวงจริงๆ ต้องขอบคุณ บ.ก. ของเราไว้ ณ ที่นี้ด้วย (เอ้อ ทีมงานฝ่ายผลิตทั้งหมดเลยด้วยนะค้าบ เดี๋ยวจะน้อยใจกัน) และถ้าหากหนังสือเล่มนี้จะมีข้อผิดพลาดใดๆ ทั้งในการแปลหรือการพิมพ์ เราก็ขอยืดอกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว (น่าน...แมนมากๆเรยยย)

เอ้า ยังไงก็ช่วยๆกันซื้อให้ได้พิมพ์ครั้งที่สองก็แล้วกัน จะได้มีโอกาสแก้ไขให้ถูกต้องและดียิ่งขึ้นไง แฮ่ม!



Create Date : 03 ตุลาคม 2551
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 18:02:55 น. 4 comments
Counter : 516 Pageviews.

 
อ่านจบไปหมาดๆ ...ความลึกลับที่ค่อยๆ คลีคลาย ของแนวทางการเขียน
และที่สำคัญคือ..ชอบบทแปลที่สละสลวยด้วยค่ะ ...


โดย: นัทธ์ วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:21:38:26 น.  

 
กร๊าก...ขอปลื้มดังๆได้มั้ยเนี่ย ขอบคุณนะคะ ดีใจดีใจ


โดย: lunaloca วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:19:02:52 น.  

 
เพิ่งอ่านจบไปค่ะ ประทับใจทีเดียว และต้องขอชมจริงๆว่าแปลได้ดีมากๆค่ะ อ่านแล้วได้เห็นความสละสลวยของภาษาไทยเลยค่ะ (ชอบ"โศกศัลย์วันเกิดมากๆค่ะ" คิดได้ไงนี่)


โดย: azzurrini วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:36:51 น.  

 
มาจาก unhappy birthday ค่ะ ตอนคิดได้ก็ถามตัวเองแบบนี้เหมือนกัน เหอๆ ทั้งเล่มก็ภูมิใจประโยคเดียวนี่แหละค่ะ :)


โดย: lunaloca วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:24:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.