หนุ่มมาดเท่ห์กับสาวจอมแก่น บทที่ 2





สนามหญ้าหลังเรือนกระจกใกล้กับรั้วที่เป็นเพียงต้นไม้ที่ปลูกกั้นเป็นแนวแทนรั้วไว้เท่านั้น

“กลับไปยายกระต่ายไม่ต้องตามมาเลย”

เด็กชายตะคอกใส่เด็กหญิงเมื่อยังเห็นเธอเดินตามมา

“ไม่กลับ พี่พีจะไปไหนให้หวานไปด้วยคนซิค่ะ”

เด็กหญิงยืนทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร แต่เด็กชายก็ยังไม่ยอมใจอ่อน

“ไม่ได้กลับไปซะ”

เด็กชายไล่อย่างไม่ปราณี แล้วเข้าไปผลักไหล่จนทำให้พริกหวานล้มลง แต่ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อไป

“ฮือๆพี่พีคะ หวานเจ็บจังเลย”

เด็กหญิงโอดครวญเมื่อเห็นเลือดซึมออกมาจากแผล เด็กชายกำลังจะเดินไปจึงชะงักเล็กน้อยแล้วหันกลับมาเมื่อได้ยินร้องไห้ จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาดู หัวเข่าถลอกเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

“เพี้ยงแค่นี้ไม่เจ็บนะคะ ขี้แยจังนะเรา”

เด็กชายเป่าแผลให้พร้อมกับเอามือยีหัวเด็กหญิง

“หายแล้วค่ะ”

ใบหน้าเหยด้วยความเจ็บน้ำเสียงปนสะอื้นเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เด็กชายทั้งที่น้ำตายังปริ่มๆขอบตา

“กลับไปบ้านได้แล้วหวานพี่จะกลับบ้าน”

เด็กชายบอกอ่อนโยน ยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความกังวลอีกไม่กี่วันเขาก็ต้องเดินทางแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกเธออย่างไร ในที่สุดเด็กชายก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่บอกกับเธอจนกว่าจะเดินทางไปถึง พร้อมกับหันหลังเดินไปโดยไม่ได้หันกลับมามองข้างหลังอีกเลย

“พี่พีขารอหวานด้วย”

เด็กหญิงวิ่งตามเด็กชายไปปากก็ตะโกนเรียกไม่หยุดภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือเด็กชายมุดรั้วไปอีกฝั่งโดยไม่หันกลับมามองเธอเลย
หญิงสาวนอนกระสับกระส่ายสองมือของไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่า จนกระทั่งตัวเองสะดุ้งตื่นขึ้นมายังรู้สึกได้ถึงชอบตาที่ร้อนผ่าวน้ำตายังเกาะที่ขนตายาวงอน

“นี่เราฝันบ้าอะไรเนี่ย”

หญิงสาวบ่นกับตัวเองความฝันมันกระจ่างชัดราวกับว่าเรื่องนี้มันถึงผ่านไปไม่นาน ทั้งที่มันก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว หญิงสาวเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

“เอ! วันนี้เป็นวันอะไรนะทำไมพริกหวานตื่นแต่เช้าได้”

ชายหนุ่มลอยหน้าถามเสียงยั่วเมื่อเห็นหญิงสาวเดินลงบันไดมา

“เชอะ! ถึงจะเช้าอย่างไรก็ยังช้ากว่าคุณอยู่ดี นมจ๋าพ่อยังไม่ลงมาอีกเหรอจ้ะ”

หญิงสาวต่อว่าชายหนุ่ม แล้วจึงหันไปถามนมอุ่น

“คุณกฤษออกไปแล้วล่ะค่ะ วันนี้มีข้าวต้มปลา คุณหนูจะทานเลยไหมค่ะ”

“ตักมาได้เลยจ้ะนม หวานหิวมากเลย”

หญิงสาวบอกเสียงออดอ้อน

“นมครับผมขออีกชาม ฝีมือนมอุ่นไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยนะครับ”

ชายหนุ่มแกล้งพูดขึ้นบ้าง ยักคิ้วล้อเลียนหญิงสาว และก็ได้ผล

“นี่! คุณจะทานอะไรมากมาย บ้านตัวเองก็มีทำไหมไม่ไปทานล่ะ บ้านฉันไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะ จะได้มาทานฟรีกันทุกวัน”

หญิงสาวอดแหวได้เสียที่ไหน

“ก็ที่นี่อาหารอร่อย แล้วก็ยังมีสาวสวยอย่างเธอนั่งทานเป็นเพื่อนอีกมันช่วยให้เจริญอาหารดีฉันชอบ”

พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว

“แต่มันทำให้ฉันทานไม่ลง แล้วสาวสวยของคุณก็มีตั้งเยอะแยะไปหาเอาข้างหน้าซิ”

เด็กหญิงพูดตัดเยื่อใยในทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ เมินหลบสายตาคมกริบที่มองมาด้วยการก้มลงทานข้าวต้ม

“โธ่ มันมีเยอะเกินไปฉันเลือกไม่ถูก แล้วก็ขี้เกียจไปนั่งฟังผู้หญิงทะเลาะกันเพราะฉันด้วย”

หญิงสาวค้อนด้วยความหมั่นไส้ ที่ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

“หล่อตายล่ะ”

เสียงบ่นจากปากหญิงสาวดังพอได้ยิน ชายหนุ่มแสร้งโค้งรับคำชมด้วยการฉีกยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้

“หมั่นไส้คนหลงตัวเองจริงๆ นมจ๋าหวานอิ่มแล้วจ้ะขอน้ำอีกสักแก้วเถอะข้าวติดคอ”

หญิงสาวพูดประชดเสียงดังแล้วก็ลุกจากโต๊ะอาหารไป แต่ยังไม่วายหันมาค้อนชายหนุ่มอีกครั้ง จึงทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความพอใจจริง ๆไม่ได้แสร้งทำอย่างตอนแรก นัยน์ตาดำสนิทฉายแววอ่อนโอนขณะมองตามหลังหญิงสาวไป แต่หญิงสาวไม่ได้มองจึงไม่ได้เห็นใบหน้าอ่อนละมุนนั้น




ม้านั่งบริเวณด้านหลังตึกเรียน ขณะนี้ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือสอบ

“หวาน แพรพวกเธอว่าเย็นนี้เราไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านดีไหม”

ภาวิณีถามเมื่อเห็นว่าทั้งสองยังไม่มีโปรแกรมจะไปไหน

“นี่หล่อนเอาไว้ให้สอบเสร็จก่อนดีไหมแล้วค่อยมาคุยกัน คุณพริกหวานขาคุณจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือคะ”

พรรณตอบคำถามของภาวิณี แล้วก็หันมาต่อว่าพริกหวานที่ไม่ยอมพูดอะไรบ้างเลย

“จะให้พูดอะไรล่ะคะคุณแพรพรรณ”

พริกหวานถามกลับด้วยน้ำเสียงประชด

“โอ้ย! จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะยะนั่งอมขี้ฟันอยู่ได้เดี๋ยวฟันก็พุหรอก”

แพรพรรณพูดเสียงกระแทกติดจะรำคาญพริกหวานหน่อยๆที่นั่งไม่พูดไม่จาเอาแต่อ่านหนังสือ

“แพรแก่ก็เห็นใจยายหวานเถอะวิชานี้รู้สึกว่าเค้าจะค่อนข้างอ่อน ต้องให้เวลาเค้านิดหนึ่ง”

ภาวิณีพูดประชดที่พริกหวานไปโตที่เมืองนอกเลยไม่ถนัดการอ่านหนังสือภาษาไทย ซึ่งทั้งสองเห็นเป็นจุดอ่อนคอยค่อนแคะอยู่เป็นประจำ

“อุ๊ย! ตายฉันลืมไปว่าเธออ่อนภาษาไทย ต้องขอโทษทีนะที่รบกวนเวลาอันมีค่า”

พูดจบก็พากันหัวเราะเยาะพริกหวานที่อะไร ๆ ก็เก่งไปหมด ยกเว้นวิชาภาษาไทยที่สอบทีไรพริกหวานจวนเจียนจะสอบตกทุกที

“พวกเธอสองคนไม่ต้องมาหัวเราฉันเลยนะ ระวังวิชาข้อเขียนภาษาอังกฤษไว้เถอะอย่ามาพึ่งฉันก็แล้วกัน”

พริกหวานอดโต้ตอบไม่ได้ที่ถูกทั้งสองคนยั่ว

“โอ๋ พริกหวานจ๋าอย่างอนไปเลยนะ ถือว่าช่วยลูกช้างตัวน้อยๆสองตัวเฮ้ย สองคนนี้ด้วยนะจ้ะ”

ภาวิณีกับแพรพรรณพูดจาแหย่พริกหวานอย่างสนุกสนาน จึงทำให้พริกหวานต้องหันมาเอาคืนทั้งสองด้วยการขู่ว่าจะไม่ติวภาษาอังกฤษให้ ทำให้ทั้งสองหยุดแหย่แล้วหันมาอ่านหนังสือกันต่อ แต่ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอจากทั้งสองเป็นระยะ ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมาทีไรก็เห็นพริกหวานทำหน้าเครียดอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมีคนเดินเข้ามาที่ทั้งสามกำลังนั่งอ่านหนังสือ

“สวัสดีครับสาว ๆ มานั่งอยู่ตรงนี้กันนี่เอง”

แบงค์รุ่นพี่ปีสามพูดขึ้นเมื่อพาตัวเองมานั่งลงข้าง ๆ พริกหวานอย่างไม่ต้องรอให้ใครเชิญ

“สวัสดีค่ะพี่แบงค์ไปไหมมาเหรอคะ”

เสียงแพรพรรณเอ่ยถามขึ้น

“ไม่ได้ไปไหนมาหรอกครับ แต่ตรงมาที่นี่เลย พริกหวานยังขยันเหมือนเดิมเลยนะครับ”

พริกหวานเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก

“อย่าไปยุ่งกับยายหวานเลยค่ะพี่แบงค์ ตอนนี้คุณเธอกำลังกำลังอยู่ในโลกส่วนตัว”
ภาวิณีบอกปนเสียงหัวเราะที่หาเรื่องแหย่พริกหวานได้อีก

“นี่พวกเธออย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ พี่แบงค์แฟนพี่ไปไหนเสียล่ะจึงปล่อยพี่มาเดิน
เพ่นพ่านที่นี่ได้ ระวังเถอะค่ะแฟนพี่จะโกรธยิ่งไม่ค่อยจะชอบหน้าพวกเราอยู่ด้วย”

พริกหวานพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่แบงค์กำลังรบกวนเวลาอ่านหนังสือ แล้วก็พี่แบงค์กลัวแฟนอย่างกับอะไรดีแต่ก็ยังชอบทำเจ้าชูกับสาวๆประจำเวลาแฟนเผลอ

“แฟนมีแฟนพี่ต้องมานี่แฟนไม่ก็แปลว่าแฟนไม่มี”

พี่แบงค์ฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี

“เอ๊ะพี่แบงค์นั่นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอคะ หวานเห็นเดินลับพุ่มไม้อยู่ตรงนั้น”

พริกหวานชี้มือบอก ทำหน้าจริงจัง

“งั้นพี่ไปก่อนดีกว่าไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือ”

พี่แบงค์รีบขอตัวไปทันที

“พริกหวานเธอนี่ร้ายกาจฉะมัด”

แพรพรรณต่อว่าด้วยน้ำเสียงขำ ๆ ที่พริกหวานทำให้รุ่นพี่เพ่นแน๊บออกไปได้

“ว่าแต่แพรเธออ่านไปถึงไหนแล้ว”

พริกหวานอดถามแพรพรรณไม่ได้ที่เห็นเอาแต่เล่นอย่างเดียว ไม่ได้สนใจที่จะอ่านหนังสือจริงจังนัก

“ไม่ต้องห่วงวิชานี้ฉันพร้อมร้อยเปอร์เซ็น”

ทั้งสามพูดแหย่กันไปมาจนกระทั้งถึงเวลาสอบ จึงขึ้นตึกเรียนไป







Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
Last Update : 12 มีนาคม 2551 22:05:43 น.
Counter : 450 Pageviews.

9 comments
  
มาตามคำเรียกร้อง
เชิญทุกท่านวิจารณ์กันได้เต็มที่
เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข

ขอบคุณน้าค้า
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:35:40 น.
  
โปรด...เขียนบทต่อไป...
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:50:16 น.
  

ขอบคุณค่ะคุณ tia ที่เข้ามาอ่านก่อนใครเลย
ถ้าจะให้ดีช่วยให้คำแนะนำ
จะติหรือชมก็ยินดีจะรับไว้
ปรับปรุงค่ะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:32:22 น.
  
ติไม่เป็นเลย..ชมเป็นอย่างเดียว...เพราะไม่กล้าติอ่านฟรีแระคงไม่ติ 555แล้วจะเที่ยวเผื่อน่ะค่ะ
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:59:22 น.
  

จะรออ่านเรื่องราวของพริกหวานต่อไปค่ะ ติไม่เป็นเหมือนกันค่ะ อ่านได้อย่างเดียว
โดย: แซนด์ซี วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:26:36 น.
  
อัพๆๆๆๆๆ

นั่งอัพ นอนอัพ ตะแคงอัพ อัพแอนด์อัพ อย่าดาวน์ค่ะ... เดี๋ยวขาดตอนน้า...
โดย: CynCyfer (สาวน้อยแมนัวร์ ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:11:03 น.
  
เย้..ตอน2 มาแว้ว อืมเรื่องชักจะไปกันใหญ่แร้วววว..
โดย: pataramin วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:11:36:44 น.
  
แวะมาลงชื่ออ่านครับ

ตาม ปาต้า มาครับ

อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:9:31:22 น.
  
^^" มาอัพเร็วๆหน่อยจิตะเองงงง

ปล.ซินอัพของซินเสร็จแล้วนะคะ
โดย: CynCyfer (สาวน้อยแมนัวร์ ) วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:21:48:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
กรกฏาคม 2550

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31
 
 
All Blog