หนุ่มมาดเท่ห์กับสาวจอมแก่น บทที่ 3




วันนี้เป็นวันสอบวันสุดทายพริกหวานจึงรีบลงมาจากห้อง ไม่ได้อ้อยอิ่งเหมือนทุกวัน

“ปิดเทอมนี้หวานไปดูงานที่บริษัทนายพีนะ”

คุณกฤษเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งทานอาหารกันได้ซักพัก หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินเกือบจะสำลักข้าวต้ม

“ไม่ไปนะคะที่โรงแรมของเรามีงานอีกตั้งเยอะที่หวานยังไม่รู้เลย”

หญิงสาวทำหน้างอไม่พอใจที่ถูกบังคับให้ไปทำงานกับพีรภัส หางตาตะวัดค้อนให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม

“ยายหวานนี่เรื่องมากจริง พอให้ไปทำที่โรงแรมก็ทำอิดออดไม่อยากจะทำ พอให้ไปทำงานกับพี่เขาก็ทำเป็นเล่นซะตัวอีก”

เมื่อถูกพ่อดุ หญิงสาวจึงหแหวใส่หญิงสาที่ทำเป็นไม่สนใจจะเข้ารวมการสนทนาด้วยทั้งที่มีชื่ออยู่ในวงสนทนาด้วยแท้ๆ

“คุณพูดอะไรบางซิ ทานอยู่ได้”

หญิงสาวบอกเผื่อจะได้คำยินคำปฏิเสธจากชายหนุ่ม

“ก็แล้วแต่คุณกฤษจะเห็นสมควร ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีเสียอีกจะได้…..”

ชายหนุ่มพูดค้างไว้แค่นั้น ทำให้หญิงสาวแทบเต้น

“จะได้..อะไรพูดมาให้จบนะ คุณพีรภัส”

หญิงสาวพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้นไปหาเรื่องพีรภัส แต่คุณกฤษพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน หวานเตรียมตัวไว้ได้เลยนะ พอสอบเสร็จก็ไปเริ่มงานได้เลย”

คุณกฤษพูดตัดบทก่อนที่หญิงสาวจะปฏิเสธ

“พ่อค่ะหวานไม่…”

หญิงสาวปฏิเสธไม่ทันเสียแล้ว คุณกฤษพูดจบก็เดินออกจากห้องอาหารไป หญิงสาวเลยหันไปเล่นงานชายหนุ่มแทน

“คุณปฏิเสธพ่อไปซิ ใครอยากไปทำงานกับคุณไม่ทราบไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลย”

หญิงสาวทำท่ารังเกียจ

“ใครบอกเธอว่าไม่มีความจำเป็น”

ชายหนุ่มทำซุ้มเสียงมีเลศนัยแล้วเดินอ้อมโต๊ะมาหาหญิงสาวที่นั่งทานอยู่ฝังตรงข้าม เอามือจับพนักก้าวอี้ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างกันหญิงสาวไม่ให้ลุกขึ้น โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ข้างแก้มเนียน

“คุณจะทำอะไรน่ะ”

หญิงสาวนั่งตัวแข็งไม่กล้าขยับตัว ถึงแม้ว่าจะเติบโตที่เมืองนอกแต่ก็ถูกอบรมให้รักนวลสงวนตัวในขณะที่ชายหนุ่มยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ที่เห็นพริกหวานทำตัวไม่ถูก ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มระเรื่อเป็นสีแดง

“ใครบอกว่าไม่จำเป็น ก็อีกไม่นานเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

เสียงกระซิบเบาระรื้นหู ลมหายใจของขายหนุ่มเป่ารดแก้มเนียนจนทำให้หญิงสาวไม่กล้าขยับตัว พอพูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้หญิงสาวนั่งตัวแข็งงงกับคำพูด กว่าจะรู้ตัวชายหนุ่มก็เดินไปถึงประตูห้องเสียแล้ว และยังมีหน้าหันมาโบกมือพร้อมกับยิ้มหวานให้หญิงสาวด้วยท่าทางยั่วเหย้าอีกต่างหากที่สามารถแกล้งเธอให้โกรธได้สำเร็จ

“เดี๋ยวก่อนมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ”

หญิงสาวตะโกนตามหลังด้วยความขัดใจ ชายหนุ่มหันมามองข้างหลังอีกครั้งจึงเห็นหญิงสาวใบหน้าแดงด้วยความโกรธก่อนที่ตัวเองจะขับรถไปทำงาน




หญิงสาวใบหน้างอง้ำกระแทกตัวลงนั่งข้างแพรพรรณด้วยความหงุดหงิด

“เป็นอะไรพริกหวานหน้าบึ้งเชียว”

ภาวินีถามขึ้นเมื่อเห็นว่าตั้งแต่หญิงสาวมาถึงไม่พูดไม่จาทำหน้าบึงอย่างเดียวอย่างกับโกรธใครมาซักปีเห็นจะได้

“เปล่าไม่มีอะไร”

พริกหวานตอบเสียงห้วน ยังโกรธพีรภัสไม่หาย

“เนี่ยนะไม่มีอะไรแกดูซิแพร ถ้าใครมาเห็นยายหวานของเราตอนนี้มีหวังกระเจิง”
ภาวิณีอดแซวไม่ได้ที่เห็นพริกหวานยังทำหน้าบึงอยู่

“นั่นซิ ใครทำให้โกรธเหรอจ๊ะบอกเราได้นะเดียวคุณแพรคนนี้จะส่งคนไปจัดการให้”

แพรพรรณทำท่าจริงจัง แต่น้ำเสียงล้อเลียน ทำให้พริกหวานอดหัวเราะไม่ได้

“โธ่! นึกว่าจะไปช่วยจริง ๆ ที่แท้จะส่งคนไปช่วย ไม่มีอะไรมากหรอกแค่เปิดเทอมต้องทำงานน่ะ”

พริกหวานปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติได้แล้ว จึงตอบคำถามเบาๆ

“โธ่! เอ๋ยนึกว่าเรื่องอะไรเรื่องแค่นี้เอง แต่ก็น่าเห็นใจนะปิดเทอมทั้งทีไม่ได้ไปเที่ยว”

แพรพรรณแสดงท่าทางเห็นใจพริกหวานเต็มที่ แต่ท่าทางของหญิงสาวคงไม่ใช่เรื่องแค่นี้เด็ดขาดจากการสังเกต ของภาวิณี เพราะท่าทางหงุดหงิดแบบนี้คงไม่ใช้เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน แต่เมื่อพริกหวานไม่อยากจะพูดจึงไม่ได้เซ้าซี้ถาม

“นี่สอบเสร็จไปฉลองที่ไหนดีล่ะ”

ภาวิณีชักชวนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่ตรึงเครียดให้ผ่อนคลาย

“ไม่รอให้ผลสอบออกมาก่อนเหรอ”

แพรพรรณแย้งอย่างไม่เห็นด้วยซึ่งนานๆจะมีซักครั้งที่เธอจะปฏิเสธการกิน

“ไม่ต้องรอเพราะยังไงฉันก็แน่ใจว่าสอบผ่านทุกวิชาอยู่แล้ว แล้วเธอว่าไงหวาน”

ภาวิณีพูดออกมาอย่างมั่นใจ แล้วจึงหันมาถามพริกหวาน

“แต่ฉันว่าเราไปสอบวิชาสุดท้ายก่อนดีไหม”

พริกหวานพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“จริงด้วย”

แพรพรรณรับคำแล้วลุกขึ้นเดินตามหลังพริกหวานไป

“นี่ไม่มีใครสนใจฉันเลยเหรอ”

ภาวิณีโอดครวญที่ไม่มีใครสนใจ แล้วจึงลุกตามทั้งสองอย่างเกียจคร้านไปทันกันที่บันไดก่อนขึ้นตึก

อ๊อดๆๆ

เสียงจอแจดังลั่นเมื่อหมดเวลาในการทำข้อสอบ ต่างค่อยๆทยอยออกจากห้อง

“ภาเป็นไงบ้างทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

แพรพรรณทักขึ้นเมื่อเห็นว่าภาวิณีสีหน้าไม่ดีเลยตอนเดินออกมาจากห้องสอบ

“ฉันไม่ชอบวิชานี้เลยจริงๆ”

“งั้นก็แปลว่าแกทำไม่ได้ เสียใจด้วยนะเพื่อน แต่ไม่เป็นหรอกมันไม่ใช่วิชาที่แกถนัดนี่นา”

แพรพรรณแสดงความเสียใจ แล้วเดินเข้าไปตบหลังภาวิณีเบา ๆ เป็นการปลอบใจ

“ใครบอกว่าฉันทำไม่ได้ วิชานี้กินหมูเห็นๆ นี่ต้องยกความดีให้พริกหวานนะเนี่ย”

ภาวิณียิ้มหน้าบานที่ตัวเองทำได้

“ยายภาบ้า ฉันรึหลงเป็นห่วงเห็นเดินหน้าจ๋อยออกมา ไปกันเถอะหวานปล่อยให้ยายภายืนหลงตัวเองอยู่ตรงนี้แหละ”

แพรพรรณโกรธที่ภาวิณีเอาความเป็นห่วงของตัวเองมาล้อเล่น

“โธ่คุณแพรเจ้าขาข้าน้อยผิดไปแล้วยกโทษให้ขอน้อยด้วยเถอะเจ้าคะ งั้นเอาอย่างนี้มือนี้ฉันเป็นเจ้ามือเองก็แล้วกัน”

“เย้.. อุ๊บ..”

แพรพรรณรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้

“นี่เธอไม่ได้โกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหม เจ้าเล่ห์จริงนะ”

แพรพรรณหัวเราะออกมาที่เห็นภาวิณีหน้าบึง

“ก็เธออยากชวนไปฉลองสอบเสร็จไม่ใช่เหรอ ฉันแค่หาคนเป็นเจ้ามือเท่านั้นเองแล้วเธอว่าไงหวาน”

แพรพรรณหันมาถามพริกหวานเพื่อหาพวก

“ว่าไงก็ว่าตามกัน”

พริกหวานพูดพร้อมกับพยักหน้าเออออไปด้วย

“ฉันรักเธอที่สุดเลยพริกหวาน”

แพรพรรณดีใจที่จะได้ล้มทัพภาวิณีซึ่งนาน ๆ ครั้งจะเป็นเจ้ามือซักที รีบเดินนำหน้าไปขึ้นรถ เมื่อถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งจึงสั่งอาหารโดยไม่ต้องรอให้ใครบออก

“แพรเธอสั่งมาทำไมเยอะแยะจะทานหมดไหมเนี่ย”

พริกหวานได้แต่นั่งมองอาหารที่ถูกว่างลงบนโต๊ะด้วยสายตาปริบๆ

“นั่นซิ”

ภาวิณีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อเห็นว่าแพรพรรณสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ

“ไม่ต้องห่วงทั้งสองคน ถ้าไม่หมดเขาบริการห่อกลับบ้านได้”

ภาวิณีกับพริกหวานมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า กว่าจะทานอาหารกันเสร็จก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมง แล้วไปเดินซื้อของกันต่อ

“นี่หวานเธอไม่คิดจะซื้ออะไรหน่อยเหรอ”

แพรพรรณอดถามไม่ได้เมื่อเห็นว่าเดินกันมาหลายชั่วโมงแล้วพริกหวานยังไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเลย

“ไม่ล่ะฉันยังมีเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่อีกหลายตัว เดี๋ยวนมอุ่นว่าฉันฟุ่มเฟือยอีก ครั้งที่แล้วที่ซื้อไปยังไม่ได้ใส่เลย”

แพรพรรณพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะเคยเจอมาแล้วตอนที่ไปหาพริกหวานที่บ้านแล้วแต่ตัวไม่เรียบร้อยโดยเทศน์ไปตั้งหลายกัณฑ์ กว่าทั้งสามสาวจะแยกย้ายกันกลับก็ปาเข้าไปจนเกือบเที่ยงคืนโดยภาวิณีขับรถไปส่งแพรพรรณก่อนแล้วส่งพริกหวานเป็นคนสุดท้าย








Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 12 มีนาคม 2551 23:34:57 น.
Counter : 430 Pageviews.

18 comments
  
มาแว้ววว
มาอ่านกันแล้วก็อย่าลืม
ให้คำแนะนำกันด้วยนะค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค้า

โดย: ไลเดเลีย วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:22:54:09 น.
  
มาลงชื่อว่าอ่านแล้วค่ะ ยายพริกหวานนี่เจ้าอารมณ์จริง ๆ ค่ะ
โดย: แซนด์ซี วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:18:21 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณแซนด์ซี
ที่แวะมาอ่านเป็นคนแรก
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:28:16 น.
  

สวัสดีค่ะ..
แวะมาทักทายค่ะ..
อ่านแล้วน่ารักจังเลยคะ..คราวหน้าจะแวะมาอ่านอีกคะ..เขียนเก่งจัง..
โดย: พิจักษณา วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:0:42:51 น.
  
โห...เป็นห่วงรถ..ซะงั้น..555รถก็เป็นพอควร...จี..คนไม่เป็นไรเลยช่างมาน..
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:9:15:40 น.
  
อ่านแล้ว
อยากเป็นพริกหวานจะได้ไปทำงานกะคุณพีรภัทร

ภาษาสละสลวยจัง
โดย: botanichuman วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:11:46:24 น.
  
คุณขอบค่ะคุณพิจักษณาที่แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ

คุณtaiเป็นอะไรมั่งหรือเปล่าค่ะ(สายไปหรือเนี้ย)
อย่าลืมไปให้หมอตรวจร่างกายด้วยนะค่ะเผื่อจะช้ำในหุหุ

ขอบคุณค่ะคุณbotanichumanที่แวะมาเยี่ยมกันเสมอๆ
อยากไปทำงานกับคุณพีเหรอค่ะจะได้เอาชื่อใส่เขาไปด้วย
แต่คงเป็นได้แค่ตัวประกอบนะเพราะคุณพีมีพริกหวานเป็นหวานใจซะแล้ว
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:14:51:49 น.
  
..แวะมาอ่านนิยายค่ะ น่ารักจัง..
โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:17:25:42 น.
  
รอวันเห็นพริกหวานทำงานวันแรก หุหุหุ
โดย: CynCyfer (สาวน้อยแมนัวร์ ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:19:13:56 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณนกที่แวะมาอ่าน
และขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณซินที่แวะมาอ่าน
กำลังรอให้คุณซินอัพเรื่องของตัวเองอยู่น้าค้า


โดย: ไลเดเลีย วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:20:00:26 น.
  
ยังไม่ว่างมาอ่านนิยายนะครับ มาเยี่ยมแบบธรรมดาก่อน
ขอบคุณที่ไปทักทาย ขอให้ประสบผลสำเร็จในสิ่งที่หวังนะครับ
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:21:15:08 น.
  
ขอบคุณค่ะลุงบูลย์
ขอให้พรนั้นสำเร็จผล
ในเร็ววันด้วยเถอะ
สาธุ

และขอให้พรนั้นสำเร็จผลแด่คนที่แวะมา
อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:22:30:54 น.
  

...แวะมาเยี่ยมครับ...
โดย: big-lor วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:11:49:07 น.
  
ทักทายนักเขียน..ยามค่ำค่ะ
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:22:13:44 น.
  
มองเห็นความตั้งใจที่ใฝ่ฝัน....
มองเห็นความสำคัญที่มั่นหมาย....
มองเห็นความแหลมคมที่คมคาย...
มองเห็นความสำเร็จตะกายอยู่ไม่ไกล...
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:19:43:17 น.
  

ขอบคุณค่ะคุณbig-lorที่เอารูปน่ารักๆมาฝาก
(สับสนว่าเป็นแมวหรือกระต่าย)

ขอบคุณค่ะคุณtaiที่แวะมาทักทายกัน

ขอบคุณค่ะลุงบูลย์สำหรับกำลังใจจะพยายามต่อไปค่ะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:20:51:41 น.
  
หวัดดียามค่ำมืด
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:21:56:54 น.
  

รูปในกล่องคอมเม้นท์สวยดีค่ะ ยายพริกหวานหรือเปล่าคะ
โดย: แซนด์ซี วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:16:08:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
สิงหาคม 2550

 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog