Group Blog All Blog
|
เที่ยวคันไซด้วยคันไซทรูพาสและ icoca ตอนที่ 2 จากโอซาก้าไปให้อาหารกวางที่นารา สวัสดีค่ะ หลังจากที่ตอนที่ 1 เราไปเที่ยวเกียวโตกันมาแล้ว สำหรับตอนที่ 2 นี้เราจะไปเที่ยวนารากันค่ะ ทริปนี้ไปกัน 10 คน จองตั๋วโปรของ AirasiaX ราคารวมน้ำหนักกระเป๋าประมาณ 8,000 บาท เดินทางวันที่ 7 - 13 มกราคม 2560 สำหรับตอนนี้จะเป็นการเดินทางในวันที่ 11 - 13 มกราคม 2560 ซึ่งจะเป็นช่วงที่เราเที่ยวในโอซาก้าและนารา โปรแกรมการเดินทางตามนี้ 11/1 ไปนารา Nara Park วัดโคฟุคุจิ ช็อปปิ้งที่สถานี Ikoma 12/1 Osaka Museum of Housing and Living ย่านการค้าเท็นจินบาชิซูจิ (Tenjibashi) shopping day 13/1 กลับกรุงเทพ โปรแกรมพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลย 11 ม.ค. 2560 วันนี้เป็นวันที่สามที่เราใช้บัตรคันไซทรูพาส ช่วงเช้าเราไปเที่ยวกันที่ปราสาทโอซาก้า วิธีการเดินทางนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานี Mirinomiya exit. 3 B ขึ้นบันไดออกจากตัวสถานีจะมองเห็นปราสาทเลยค่ะ แล้วเดินตัดสวนเข้าไปจะมีรถไฟบริการไปส่งที่ตัวปราสาทจอดรออยู่ จำไม่ได้เหมือนกันว่าค่ารถคนละเท่าไหร่  รถไฟจะวิ่งวนรอบตัวปราสาทให้ชมวิว เราไปช่วงหน้าหนาวซึ่งเค้าจะมีพาสติกคลุมกันหนาว ทำให้ถ่ายรูปออกมาก็ไม่สวย เลยไม่มีรูปวิวสองข้างทาง รถไฟจะจอดให้ลงบริเวณสะพานตรงนี้ให้พวกเราเดินต่อไปที่ตัวปราสาท  บริเวณลานหน้าปราสาทจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ นานา หากจะเข้าไปชมด้านในปราสาทมีค่าบริการคนละ 600 เยน มีบัตรคันไซทรูพาส ลดอีก 100 เยน แต่พวกเราจะไปนารากันเลยไม่ได้เข้าไปชมในตัวปราสาท  แค่เดินชมด้านหน้าปราสาทก็สวยมากแล้วค่ะ ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือช่วงซากุระบานคงจะฟินมาก  จากนั้นพวกเราก็เดินทางไปนารากัน วิธีการเดินทางจากสถานี Mirinomiya นั่งกลับไปที่ Tanimachiyonchome Station นั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียว chuo line ไปลงสุดสายที่ ikoma แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ kintetsu nara line ต่อไปอีก 4 สถานี ลงที่ nara station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีพอถึงสถานี Kintetsu-nara ให้เดินออกประตู 2 เดินขึ้นมาแล้วจะเห็นลานน้ำพุเล็กๆ ด้านขวาก็จะเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีอุโมง Shopping Street เดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปวัดโคฟุกุจิ (Kofukuji Temple) ระหว่างทางจะเจอกับน้องกวางเต็มไปหมด  วัดโคฟุคุจิ(Kofukuji) เคยเป็นวัดของครอบครัวฟูจิวาระ ตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในช่วงยุุคนาราและเฮอัน ถูกสร้างขึ้นประมาณปี 710 ในช่วงเดียวกับที่นาราเป็นเมืองหลวง เคยมีอาคารมากกว่า 150 อาคารภายในวัด แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่อาคาร ซึ่งมีอาคารหลัก 2 อาคาร, เจดีย์ห้าชั้นและเจดีย์สามชั้น สำหรับเจดีย์ 5 ชั้นนั้นสูงเป็นอันดับสองของเจดีย์ในญี่ปุ่น รองจากเจดีย์ที่วัดโทจิในเกียวโตเพียง 7 เมตรเท่านั้น
บริเวณส่วนใหญ่ของวัดโคฟุคุจินั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี มีเฉพาะ Kofukujis National Treasure Museum และ Eastern Golden Hall เท่านั้นที่ต้องเสียเงินเข้าชม ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงรูปปั้นอาชูร่าสามหน้า-หกมือ ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปปั้นพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงอย่างมากในญี่ปุ่น ปัจจุบันอาคารหลักหรือ Central Golden Hall มีการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าจะซ่อมเสร็จประมาณเดือนตุลาคม 2018  ขากลับพวกเราเดินกลับมาอีกทางซึ่งเป็นบันไดหลังวัด เดินลงบันไดแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงมาเรื่อยๆ จะมาโผล่ที่ Shopping Street แวะช็อปปิ้งและหาอะไรกินมื้อกลางวันกัน เราเลือกกิน McDonal's ซึ่งเป็นการกินอาหารที่อึดอัดมาก ร้านแมคที่นี่เงียบมากเหมือนแอบกินข้าวในห้องสมุด  ได้เวลากลับไปโอซาก้า นั่งรถไฟ kintetsu nara line สุดสายที่สถานี Ikoma ที่สถานีนี้จะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ด้วย พวกเราเห็นว่ายังไม่ดึกมากเลยแวะช็อปปิ้งกันที่ห้างก่อนเผื่อหาอะไรกินด้วย มีพี่คนหนึ่งในทริปเค้าอยากได้รองเท้าก็เลยไปเดินเลือกร้องเท้ากันที่ร้าน ABC mart พอจะจ่ายเงิน ปรากฎว่ากระเป๋าตังค์หาย ซึ่งในกระเป๋าตังค์มีพาสปอร์ตอยู่ในนั้นด้วย สถานการณ์เริ่มตึงเครียดนึกไม่ออกว่าเอาไปลืมไว้ที่ไหน พี่เค้าก็นั่งทบทวนเหตุการณ์ไป พวกเราก็เดินหากันทั่วห้าง จนนึกออกว่าน่าจะลืมไว้ที่ห้องน้ำพอไปตามหาในห้องน้ำก็ไม่เจอ ก็เลยไปถามกับพนักงานขายของที่ขายอยู่หน้าห้องน้ำ เค้าก็โทรไปสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างว่ามีลูกค้าลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในห้องน้ำมีใครเอามาฝากไว้บ้างไหม โชคดีมากว่ามีคนเก็บได้แล้วเอาไปให้ไว้ที่ห้องรักษาความปลอดภัยของห้าง พนักงานขายคนนี้ก็เลยพาพวกเราไปรับกระเป็าตังค์ที่ห้องรักษาความปลอดภัย จากเหตุการณ์นี้ซึ้งน้ำใจของคนญี่ปุ่นมากๆ ถ้าพาสปอร์ตหายแล้วหาไม่เจอคงต้องวุ่นวายเที่ยวต่อกันไม่สนุกแน่ๆ กว่าจะกลับไปถึงโรงแรมที่โอซาก้าก็ค่ำมากแล้ว อาบน้ำนอนหมดไปอีกหนึ่งวัน 12 มกราคม 2560 ช่วงเช้าเราไปเที่ยวกันที่พิพิธภัณฑ์ Osaka Museum of Housing and Living ลงรถไฟที่สถานี Tenjimbashi-suji Rokuchome (T18) ทางออก 3 ก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนออกไปข้างนอกจะเจอกับทางขึ้นลิฟต์ให้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 8 - 10 ก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ เปิดทำการ 10:00 17:00 น. (เข้าชมก่อน 16:00 น.) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน มีบัตรคันไซทรูพาสลดได้อีก 100 เยนแต่ทริปนี้บัตรหมดอายุ 3 วันแล้วเลยไม่ได้ส่วนลดแต่อย่างใด  พวกเราไปถึงพิพิธภัณฑ์ประมาณ 9.30 น. ก็จะมีคนเข้าแถวรอซื้อบัตรอยู่แล้ว พอเวลา 10.00 น ก็เปิดให้ซื้อตั๋ว แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 9 โซน Old Osaka Four Seasons with the Townspeople of Naniwa ซึ่งจะมีการจำลองบ้านเรือนสมัยโบราณของชาวโอซาก้าไว้ ที่นี่เค้าจะมีชุดกิโมโนให้เช่าด้วยค่ะ ค่าเช่ากิโมโน 200 เยน ซึ่งวิธีการเช้ากิโมโนก็คือจ่ายเงิน รับบัตรคิวนัดเวลาให้มารับชุดของพวกเราได้เวลาอีก 45 นาทีถึงจะมาเปลี่ยนชุดกันได้ระหว่างรอเวลาก็เดินชมพิพิธภัณฑ์กันไปก่อน  ได้เวลานัดแล้วก็เอาบัตรคิวให้เจ้าหน้าที่เค้าก็จะมีชุดมาให้เลือกว่าจะเอาชุดไหน ซึ่งชุดสวยๆ ก็จะเป็นของพวกสาวๆ ตัวเล็กๆ แต่สำหรับพวกเราไซค์ใหญ่ใส่แล้วก็จะเหมือนกับเอาผ้าปูที่นอนมาพันตัวแบบในรูป  เที่ยวพิพิธภัณฑ์จนทั่วแล้ว เดินออกมาข้างนอกด้านข้างนอก ซอยข้างๆตึกพิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งช็อปปิ้งย่านการค้าเท็นจินบาชิซูจิ Tenjibashi ของที่ขายมีตั้งแต่อาหารสด อาหารแห้ง เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า เรียกได้ว่าช็อปปิ้งกันได้จุใจ และราคาก็ไม่แพงด้วยค่ะ  หมดโปรแกรมเที่ยวแล้วพวกเราก็ไปช็อปปิ้งกันต่อที่ นัมบะ จนถึงเวลา 18.00 น ก็กลับไปอาบน้ำเก็บกระเป๋าที่โรงแรม เวลาประมาณ 2 ุุทุ่มก็เดินทางไปที่สนามบินซึ่งการเดินทางไปสนามบินนี้เราได้นัดหมายพี่คนไทยที่อาศัยอยู่ที่โอซาก้าให้ขับรถตู้ไปส่งพวกเราที่สนามบิน ค่าบริการทั้งหมด 6,000 เยน เฉลี่ยแล้วก็คนละประมาณ 180 บาท ราคานี้ยังไงก็ต้องไปดีกว่าให้ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟแน่นอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินคันไซ 13 มกราคม 2560 กลับไทย ไฟล์ท xj611 เครื่องออกเวลา 00.10 น. ถึงดอนเมือง 04.00 น. ปิดทริปโอซาก้า เกียวโต นารา กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวกันนะคะ
|
kumyotha
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Friends Blog
Link |
||||||||||||
