Group Blog All Blog
|
เที่ยวคันไซด้วยคันไซทรูพาสและ icoca ตอนที่ 1 จากโอซาก้าเที่ยววัดดังที่เกียวโต สวัสดีค่ะ สำหรับบล็อคนี้เราจะไปเที่ยวภูมิภาคคันไซกันด้วยคันไซทรูพาส 3 วัน และ บัตร icoca ค่ะ ทริปนี้ไปกัน 10 คน จองตั๋วโปรของ AirasiaX ราคารวมน้ำหนักกระเป๋าประมาณ 8,000 บาท เดินทางวันที่ 7 - 13 มกราคม 2560 สำหรับตอนนี้จะเป็นการเดินทางในวันที่ 7 - 10 มกราคม 2560 ซึ่งจะเป็นช่วงที่เราเที่ยวในโอซาก้าและเกียวโต โปรแกรมการเดินทางตามนี้ 7/1 เดินทาง นอนที่ cityhotel air port in prince 8/1 ช็อปปิ้งห้างริคุ เอ้าเล็ท / เช็คอินโรงแรม toyoko inn osaka taniyon kosaten/ ช็อปปิ้งนัมบะ 9/1 ไปเกียวโต เช็คอิน รร.Urbain Kyoto Kiyomizugojo /ป่าไผ่อาราชิยาม่า TenryujiTemple (วัดเท็นริวจิ) ศาลเจ้าโนโนมิยะ สะพานโทเง็ตสึเคียว (TogetsukyoBridge) / วัดทอง / เดินเล่นย่าน Gion 10/1 วัดน้ำใส / วัดเงิน /ศาลเจ้า Fushiminari / กลับโอซาก้า โปรแกรมพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลย 7 ม.ค. 60 พวกเราเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ไฟล์ท xj610 ขึ้นเครื่อง 14.15 น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.25 ชั่วโมง ถึงสนามบินคันไซเวลา 21.40 น. (เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) ด้วยความที่มาถึงดึกและสมาชิกในทริปเยอะ พวกเราเลยเลือกที่จะพักโรงแรมใก้ลสนามบินค่ะ พวกเรานั่งรถไฟ Nankai ไปที่โรงแรม วันแรกเรายังไม่ใช้บัตรคันไซทรูพาสนะคะ ซื้อบัตร icoca ที่สนามบินค่าบัตร 2,000 เยน แบ่งออกเป็น ค่ามัดจำบัตร 500 เยน(ได้รับคืนเมื่อนำบัตรไปคืน) และยอดเงินสำหรับใช้งาน 1,500 เยน รายละเอียดเพิ่มเติมของบัตร icoca ตามลิงค์ไปเลยค่ะ https://www.talonjapan.com/icoca/ หมายเหตุ : รูปสถานีรถไฟ บัตร โรงแรม แผนที่รถไฟ และ ริคุเอาท์เลต เป็นภาพจากอินเตอร์เนต ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยค่ะ    โรงแรม city hotel air port in prince อยู่ไม่ไกลจากสนามบินค่ะ นั่งรถไฟ Nankai ไปประมาณ 20 นาที ลงที่สถานี izumisano ลงฝั่งซ้ายมือเดินตรงไปประมาณ 130 เมตรข้ามทางม้าล้ายแล้วเลี้ยวซ้ายซอยแรกค่าห้องเตียงคู่ คืนละประมาณ 4,000 บาท วันแรกหมดไปกับการเดินทาง  ก่อนที่จะเดินทางกัน ไปทำความรู้จักกับบัตรคันไซทรูพาสกันก่อน บัตรนี้สามารถใช้ได้กับรถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน (ที่ไม่ใช่ของ JR) รถบัส ของเมืองต่างๆ ในภูมิภาคคันไซได้ตามภาพเลยค่ะ เราซื้อบัตรจาก His ราคาประมาณใบละ 4,000 เยน รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์ไปเลยค่ะ  8 มกราคม 2560 ตื่นนอนกันแต่เช้า รับประทานอาหารเช้ากันตามอัธยาศัยเพราะโรมแรมไม่มีอาหารเช้าให้ ส่วนตัวเราตุนขนมปังกับโจ๊กมาด้วยกินข้าวกันอิ่มแล้วฝนก็ตกปรอยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตามแผนเดินเราตั้งใจจะไปเที่ยวปราสาทโอซาก้ากัน แต่ด้วยสภาพอากาศเลยเปลี่ยนแผนไปช็อปปิ้งกันที่ห้าง Riku outlet ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมค่ะ นั่งรถไฟไป 1 สถานีลงที่สถานี Riku outlet ห้างนี้มีของให้ช็อปเยอะมากและราคาไม่แพงด้วยค่ะ  หลังจากนี้ฝนก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด และได้เวลาเช็คเอ้าท์ของโรงแรมแล้ว พวกเราเลยเดินทางไปโอซาก้ากันเลย วันนี้เราเปิดใช้บัตรคันไซทรูพาสกันแล้วค่ะ จากสถานี izumisano นั่งรถไฟ Nankai Rapid ไปลงที่ไปลงที่สถานี Tengachaya Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม ซึ่งถ้าจะนั่งรถไฟใต้ดินต่อไปโรงแรมก็ได้แต่ด้วยสภาพกระเป๋าต่างๆ นานาแล้ว พวกเราเลือกนั่งแท็กซี่ต่อไปที่โรงแรมค่าแท็กซี่ประมาณ 600 บาท แต่ถ้าใครจะนั่งรถไฟใต้ดินก็สามารถไปลงที่สถานี Sakaisuji Hommachi Station แล้วเปลี่ยนสายต่อไปอีก 1 สถานีลงที่ Tanimachiyonchome Station exit 8 แล้วข้ามถนน ก็ถึงโรงแรมแล้วค่ะ  โรงแรมที่พวกเราพักที่โอซาก้าคือโรงแรม toyoko inn osaka taniyon kosaten ห้องพักเตียงคู่ราคารวมอาหารเช้าประมาณคืนละ 3,100 บาท โรงแรมทำเลอาจจะห่างไกลแสงสีนิดหน่อยแต่ราคาไม่แพงและอยํู่ติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Tanimachiyonchome Station exit 8 แบบที่ว่าออกจากสถานีรถไฟฟ้าแล้วเดินเข้าโรงแรมได้เลย ด้านข้างโรงแรมมีมินิมาร์ท และเดินไปอีกหน่อยมี 7-11 ให้พอฝากท้องได้ค่ะ  ไปถึงโอซาก้าก็ค่ำมากแล้ว และฝนก็ยังตกปรอยๆ อากาศก็หนาวมาก พวกเราเลยไปช็อปปิ้งและหาอะไรกินแถวย่านโดทงโบริ วิธีเดินทางไปป้ายกูลิโกะสถานี Namba (M20) ออก EXIT 14 เดินไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหรือที่ไปลงสถานี Nihombashi หลังจากนั้นให้ออกทางออกหมายเลข 2 แล้วเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพอถึงสะพาน ข้ามแม่น้ำ ที่มีป้ายกุลิโกะ ให้มองซ้าย-ขวาจะเห็น ตึก ดอกกี้ มี 6 ชั้น หมดวันแรกในโอซาก้า ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย  ปล.รูปนี้เครดิตเจ้าของบล็อค 9 มกราคม 2560 วันนี้พวกเราจะเดินทางไปเกียวโตกัน แล้วก็จะไปนอนที่เกียวโต 1 คืน เลยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมและจะกลับมาเช็คอินในวันถัดไปโรงแรม Toyoko Inn ให้ฝากฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งเค้าเอากระเป๋าวางไว้หน้าเคาว์เตอร์เช็คอินมีตาข่ายคลุมและใช้กุญแจล็อคไว้ค่ะ วันนี้เราใช้บัตร icoca ไม่ใช้พาส เพราะเดินทางด้วยรถไฟ JR และ Taxi ซะมากกว่า โดยจากโรงแรมที่โอซาก้า พวกเราจะไปเช็คอินเอาสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมที่เกียวโตก่อน จากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Tanimachiyonchome Station ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Temmabashi Station ไปลงเกียวโตที่สถานี Gion - Shigo ที่จริงโรงแรมอยู่ติดกับสถานี Kiyomizu-Gojo Station แต่เราขึ้นรถไฟแบบด่วนซึ่งไม่จอดสถานีนี้ เลยต้องนั่งรถไฟย้อนกลับมาอีก 1 สถานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.  ที่เกียวโตพวกเราพักกันที่โรงแรม Urbain Kyoto Kiyomizugojo โรงแรมนี้ทำเลดีมาก อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า Kiyomizu-Gojo Station ชนิดที่ว่าเดินไม่ถึง 10 ก้าวถึงโรงแรมเลย ข้างโรงแรมมีมินิมาร์ท ร้านขายเครื่องสำอางค์ ร้านอาหาร ราคาห้องพักเตียงคู่ รวมอาหารเช้าคืนละประมาณ 3,000 บาท สำหรับทริปนี้ชอบโรงแรมนี้ที่สุดห้องกว้างสะอาด อาหารเช้าอร่อย  ปล. ตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพนี้เป็นรูปประกอบจากอินเตอร์เนต ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ หลังจากที่เช็คอินเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางไปเที่ยวกันที่ ฮาราชิยาม่า จากโรงแรมนั่งแท็กซี่ไปที่สถานีเกียวโตแล้วนั่ง jr sagano line ไปลงสถานี Saga-Arashiyama Station ทางออก south gate เดินต่อไปเรื่อยๆ ถึงแยกตามรูปก็จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวในฮาราชิยาม่า แล้วค่ะ  จากรูปด้านบนเดินไปทางซ้ายมือจะเจอกันโซนขายสินค้า ร้านอาหาร เดินไปเรื่อยๆ จะเจอกันสะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ถ้าข้ามถนนไปจะเจอกับป่าไผ่ และ วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple) ศาลเจ้าโนโนมิยะ  ณ เวลานั้นฝนตกหนักมาก เราเดินไปถึงสะพานนะ แต่ไม่มีรูปถ่ายกับสะพานเลย ส่วนวัดเท็นริวจิ เราไม่ได้เข้าไปดู ถ้าใครจะเข้าไปมีค่าเข้าชมคนละ 500 เยน  ป่าไผ่อาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโรแมนติกสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเราเป็นทริปที่เจอฝนหนักมากเที่ยวป่าไผ่ท่ามกลางสายฝนก็สนุกไปอีกแบบนะคะ จากฮาราชิยาม่า เราไปต่อกันที่วัดทอง วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple) พวกเรานั่งรถไฟจากสถานี SAGA ARASHIYAMA ไปลงที่สถานี EMMACHI แล้วต่อแท็กซี่ไปวัดทอง ค่าเข้าชมคนละ 400 เยน  ช่วงที่อยู่ที่วัดทองรู้สึกดีใจมากที่ฝนหยุดตกแล้ว วัดทองสวยมาก จะถ่ายรูปมุมไหนก็สวย หลังจากที่ชื่นชมวัดกันแล้ว พวกเราก็นั่งแท็กซี่กลับไปที่สถานี EMMACHI แล้วนั่งไฟไปลงที่สถานี KYOTO จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม อ่านถึงตรงนี้เพื่อนๆ อาจจะ งง ว่าทำไมนั่งรถหลายต่อ ต้องบอกว่าด้วยการเดินทางในเกียวโตวัดดังๆ ส่วนใหญ่รถไฟฟ้าใต้ดินจะไปไม่ถึงและถ้าต้องนั่งรถบัสพวกเราไปกันกลุ่มใหญ่คงไม่สะดวกกว่าจะรอรถมา ไหนรถบัสจะแน่นไปกับไม่ครบทุกคนอีก แต่ถ้าจะนั่งแท็กซี่อย่างเดียวก็ราคาแพงมาก ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือนั่งแท็กซี่ไปต่อรถไฟ เพิ่มเงินอีกนิดประหยัดเวลาและเก็บแรงไว้เดินเที่ยวดีกว่า ช่วงค่ำ พวกเราไปเดินเล่นกันที่ย่าน Gion จากโรงแรมเดินไปไม่ไกล วันที่เราไปเหมือนมีงานเทศกาลอะไรซักอย่างร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมด พอเดินมาเจองาน ถึงได้เริ่มคึกคัก ชาวบ้านมารวมตัวเที่ยวงานกันนี่เอง  10 มกราคม 2560 วันนี้จะเป็นวันที่สองที่เราใช้คันไซทรูพาส สถานที่ท่องเที่ยวแรกของเราในวันนี้คือวัดน้ำใส Kiyomizu-michi จากโรงแรมสามารถเดินไปได้ไม่ใก้ลไม่ไกล แต่เราเลือกไปโดยแท็กซี่ค่ะ พอไปถึงวัดรู้สึกดีที่ไม่เดินมา เพราะวัดนี้อยู่บนเขาค่ะแท็กซี่จะจอดให้เราลงตรงทางเดินขึ้นวัด ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกพอเหนื่อยกว่าจะถึงวัด ค่าเข้าชมวัดน้ำใสคนละ 300 เยน ที่วัดนี้จะมีอาคารหลาย ๆ หลัง และที่ข้างใต้อาคารหลักจะมีน้ำตก 3 สายชื่อ "น้ำตกโอตะวะ" ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ คนที่มาวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จในการศึกษา  ภายในบริเวณวัดจะมีศาลเจ้าชื่อ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอะคุนินุชิโนะ มิโกะโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้ามี"ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรัก  เดินกลับออกมาจากวัด ร้านค้าเริ่มเปิดกันแล้วมีของให้ช็อปปิ้งกันตลอดทาง  โปรแกรมต่อไปพวกเราจะไปวัดเงิน Ginkakuji-michi กันค่ะ จากที่ศึกษามาระยะทางจากวัดทองไปวัดเงินค่อนข้างไกล เลยกะว่าจะนั่งรถบัสไป แต่พวกเราหลงทางหาป้ายรถบัสไม่เจอเดินหากันอยู่นานมาก กว่าจะรู้ว่าป้ายรถเมล์อยู่ฝั่งตรงข้ามปากทางเข้าวัดน้ำใส วิธีการเดินทางนั่งบัสสาย 100 นั่งไป 9 ป้ายไปลงที่ป้ายรถบัส Ginkakuji-mae ค่าเข้าชมคนละ 500 เยน พอไปถึงวัดเงินด้วยความที่เดินหลงทางมาไกล และเราแต่งตัวกันหนาวได้ไม่ดีพอคือเราไม่ใส่เลคกิ้ง เลยเกิดอาการผิวหนังแห้งกางเกงไปเสียดสีกับผิวที่ต้นขายิ่งเดินยิ่งแสบขา เราเลยขอตัวมานั่งพักแล้วให้สมาชิกไปเดินสำรวจวัด  วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือวัดเงิน เป็นวัดในนิกายเซนถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิคากะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) โดยท่านใช้เวลาในปั้นปลายชีวิตหลังเกษียณอายุอาศัยอยู่ที่นี่ และต้นแบบของวัดแห่งนี้ได้อิทธิพลมาจากวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือวัดทอง ซึ่งเป็นที่พักของปู่ของเขาในช่วงเกษียณอายุเช่นเดียวกัน หลังจากที่ท่านโชกุนอาชิคากะเสียชีวิตของบ้านของท่านก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดกินคะคุจิหรือวัดเงินในปัจจุบัน ภายในบริเวณวัด จะมีการจัดสวนให้ดูกับเพลินๆ  หลังจากเข็ดกับการนั่งรถบัสแล้ว เราก็เลยตัดสินใจนั่งรถเท็กซี่ไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใก้ลที่สุดคือสถานี Demachiyanagi แล้วต่อไปที่สถานี FUSHIMIINARI เพื่อไปศาลเจ้า Fushiminari ออกจากสถานีเลี้ยวซ้ายเดินผ่านทางรถไฟผ่านร้านข้านหน้าปลาไหลไปนิดนึงก้อถึงทางเข้าศาลเจ้าแล้วค่ะ  ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก ตามความเชื่อโบราณของคนญี่ปุ่น ที่ว่าบริเวณแห่งนี้มีภูเขาซึ่งมีเทพองค์หนึ่งนามว่า อินาริ สถิตอยู่ เทพ อินาริเป็นเทพเจ้าแห่งธัญพืช ตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์สำหรับการเก็บเกี่ยวข้าวรวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ เทพองค์นี้มักมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย เราจึงสามารถเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายทั้วบริเวณนี้ นอกเหนือจากรูปปั้นจิ้งจอกแล้วยังมี อุโมงค์เสาโทริอิหลายหมื่นต้นเรียงตัวทอดยาวทั่วภูเขาอีกด้วย  แต่ที่เราชอบมากที่สุดคือที่ศาลเจ้ามีของกินขายตลอดสองข้างทาง  หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ไปลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo Station กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วนั่งรถไฟกลับโอซาก้าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง จบทริปตอนที่ 1 โอซาก้าเกียวโต ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกท่าน และข้อมูลวัดจากอินเตอร์เนต ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวกันนะคะ
มาเที่ยวด้วยค่ะ kumyotha Travel Blog ดู Blog โดย: newyorknurse
  วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:3:03:24 น. |
kumyotha
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Friends Blog
Link |
||||||||||||||
น่าเช่าชุดกิโมโนใส่นะคะ