Fate/Zero Ep19 [spoil] วิเคราะห์เนื้อหาและการตัดสินใจของคิริงิสุ (2)
5. สัญชาตญาณนักฆ่าคืออะไร?
-คำตอบง่ายๆ คือ "กล้าทำในสิ่งที่ต้องทำ" "เหตผลอยู่เหนืออารมณ์" คิริฯ มีคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้กล้าทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่กลัวหรือลังเลที่จะทำได้อย่างว่องไว หรือสรุปแบบง่ายกว่าคือเขาเป็นคนที่ "กล้าตัดสินใจในเส้นทางที่ยากลำบาก..." คุณสมบัตินี้คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งของ "ผู้นำ" ครับ (แต่จะเป็นผู้นำที่ดี...ยังต้องมีอีกหลายอย่างนะ)
Ex. ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ของผมอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะตาและ....."จะตายเดี๋ยวนี้" ซึ่งผมเลือกช่วยได้คนเดียว ผมควรจะช่วยใคร? (a) ช่วยคุณพ่อ (b) ช่วยคุณแม่ (c) ยืนเฉยๆ ผลลัพธ์ = ไม่ช่วยทั้งคู่ (d) โวยวายต่อโชคชะตา ผลลัพธ์ = ไม่ช่วยทั้งคู่ (e) พยายามหาตัวช่วย ผลลัพธ์ =ไม่ได้ช่วยทั้งคู่
มีตั้ง 5 choice, แต่เชื่อไหมว่าคนส่วนใหญ่กลับไม่กล้าตัดสินใจ และเลือกเข้า C-E กันหมด ซึ่งผลก็คือช่วยใครไม่ได้เลย, คิริฯ เป็นคนประเภทที่ตัดสินใจได้ว่าจะเลือก a หรือ b อย่างรวดเร็ว และเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อสถานะ "นักฆ่า" ที่การตัดสินที่เด็ดขาดนั้นจำเป็นมาก . . และแล้วเขาก็ยิง.....จรวดนั้นออกไป....
6. ทำไมจรวดถึงระเบิดรุนแรงจัง?
- เอาเข้าจริงตรงนี้อนิเมผมว่าทำพลาดไปนิดนึงครับ จริงๆจรวดสติงเจอร์นำวิถีด้วยความร้อน ดังนั้นมันควรจะพุ่งเข้าใส่เครื่องยนต์แล้วระเบิดลุกลามเป็นไฟมากกว่า
- ในอนิเมทำเหมือนกับจรวดพุ่งเข้าใส่ส่วนห้องโดยสาร ซึ่งไม่น่าจะมีเชื้อเพลิง และอนุภาพไม่รุนแรงด้วย (หัวรบของสติงเจอร์ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่)
- ความเป็นจริง ที่เกิดระเบิดรุนแรงน่าจะเป็นเพราะ จรวดพุ่งชนเครื่องยนต์- เกิดระเบิดลุกไหม้- ลามเข้าโคนปีกที่เป็นถังเชื้อเพลิง แล้วถึงจะระเบิดตูมทั้งลำได้
- ถ้าหากไม่ระเบิดตูมทั้งลำ อาจเป็นในลักษณะพุ่งเข้าชนเครื่อง, ปีก แล้วทำให้เสียการทรงตัวควงสว่านตกลงน้ำทะเลครับ
- แต่ถึงไม่ระเบิดเป็นลูกไฟ แค่เครื่องดิ่งพสุธาใส่พื้นน้ำก็รับรองได้ว่าไม่มีใครรอดชีวิตชัวร์ครับแรงปะทะจากความสูงหมื่นฟุตพร้อมกับน้ำหนักปะทะเครื่องบินเป็นพันตัน คนที่อยู่ในเครื่องนั้นจะอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรจากตกตึก 40 ชั้น (ยิ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกันด้วย) แล้วก็จมลงใต้ทะเลไร้ร่องรอยแน่นอน
จากนี้เข้าบท Q&A แบบสไตล์ผมเองนะ เก็บตกจากกระทู้เดิมแหละ (ไม่มีเจตนาว่ากล่าวใดๆนะครับ แค่เสนอแนะแลกเปลี่ยนกัน)
Q. กระจกเครื่องบินหนาสุดๆ กระจกกันกระสุนเกรดทหารนี่เด็กๆไปเลย?
A: เอาเข้าจริงๆแล้ว กระจกเครื่องบินมันไม่เชิงหนาครับ แต่มันหลายชั้น และมันกันกระแทกได้ดีมากๆ (มันต้องออกแบบไว้เพื่อฝูงนกบินชน) ซึ่งจะต่างจากกระจกกันกระสุนตรงที่กระจกกันกระสุนของทหารจะออกแบบมาเพื่อให้กระจายแรงทะลุทะลวงมากกว่า (น้อยชั้นกว่าแต่ใช้แก้วคนละแบบ)
Q: ให้นาตาเลียขับเครื่องบินช้าๆต่ำๆเลียดน้ำ ไม่ให้อันตรายจนเกินไปเวลาโดดลงพื้นน้ำ ให้นาตาเลียโดดออก แล้วค่อยให้ป๋าแกเอาสติงเกอร์สอยเครื่องเพื่อฆ่าผีดิบ
A: วิธีที่น่าสนใจดีครับ แต่ปัญหาคือฝีมือนาตาเลียดีขนาดที่จะขับเครื่องเรี่ยผิวน้ำรึเปล่า นักบินรบชม.บินสูงยังไม่กล้าเลยครับ เพราะเครื่องโดยสารมันไม่คล่องแคล่วเหมือนวาคิลลี่ของมาครอส, คุณเอียงปีกผิดนิดเดียวก็แก้องศากลับยากแล้ว....เหมือนขับเรือเดินสมุทร ยังไงก็คล่องตัวสู้เรือหางยาวไม่ได้
และที่ความสูงต่ำๆ ถ้าพลาดท่าขึ้นมาก็ไม่มีความสูงเหลือให้แก้ตัวเลยครับ....ส่วนตอนกระโดดลงมาลองนึกว่าคุณกำลังขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็ว 400km/hr แล้วกระโดดลงมาถนนบนพื้นข้างล่างที่ความสูงร้อยเมตร, ผมมองว่าเป็นวิธีการที่ศพสวยยากมากๆเลย ><"
Q: คิริสุงุไม่ได้ทำด้วยใจอำมหิต แต่กลั้นใจทำจริงๆ ถ้าเลือกช่วยนาตาลี แต่มีคนอีกมากเป็นผีอีก คราวนี้อะไรเลวกว่ากันล่ะครับ?
A: คิริฯ ก็ยังเลวกว่าอยู่ดีแหละครับ สำหรับผม, ยอมเผาโลกทิ้งทั้งใบ ฆ่าคนทั้งโลกทิ้งเลือกช่วยคนรักคนเดียว ย่อมถือว่าเป็นความโรแมนติกสูงสุด แถมกตัญญูเป็นเยี่ยมเลย (เอ้า! เฮ้ย! เมิงเนี่ย!! ตอบแบบนี้สงสัยจะโดนแยกเป็น 17 เสี่ยง)
Q: เครื่องบินโดยสารลงบนผิวน้ำได้นิ เครื่องของแควนตัสยังลงได้เลยที่เมกา? A: ลงได้ครับ ถ้ากัปตันฝีมือดีพอ (ในรูปที่ลงกลางน้ำ) นั่น กัปตันคนนั้นบินกับเครื่องมา 17 ปี แล้วเชี่ยวชาญทั้งกระแสลม/น้ำในพื้นที่น่านฟ้าแถวนั้นมาก แถมอากาศเป็นใจไม่มีลมเฉือนเลย ทำให้ร่อนลงได้ปลอดภัย (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น "เที่ยวบินโดยสารเดียว" ที่ลงบนน้ำแล้วผู้โดยสารทั้งหมดปลอดภัยเลย....จัดว่าเป็นกรณีหายากมาก)
Q: เครื่องบินก็มีเซ็นเซอร์ตรวจจับ + แฟล รึเปล่า? A: เครื่องพาณิชย์ไม่มีครับ? ยกเว้นเครื่องดัดแปลงพิเศษ เช่น เครื่องบินของบุคคลสำคัญ , ประธานาธิบดีประเทศต่างๆ (อ่านๆมา ชอบเครื่องของอิสราเอลมาก ครบยิ่งกว่า AF1อีก)
Q: ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคนถึงได้เกลียดชังป๋านัก ทั้งๆที่ป๋าทำเพื่อคนอื่นอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ แถมยังเสียสละเกือบทุกอย่างของตัวเอง แม้แต่ความสุขหรือกระทั่งแม่...
A: ส่วนตัวผมคือ คนส่วนมากมีนิสัยซึนเดเระครับ, พวกเราล้วนอยากอยู่ในโลกที่มีความสุข แต่ไม่อยากสนใจว่าบนความสุขนั้นสร้างมาจากคนที่มีทุกข์ท่วมหัวขนาดไหน
Q: ทำไมไม่ให้ลงจอดที่อื่นๆหละ ? ป่า ภูเขา รันเวย์? แล้วเตรียมตัวคนรับมือดีๆ
A: ลองจินตนาการ Resident Evil ภาค 2 ก็ได้ครับ, ที่ Umbella ปิดเมืองแร็คคูนทั้งเมืองเพื่อสกัดพื้นที่อันตรายไว้ นี่ก็เป็นเหตผลคล้ายกัน ถ้าหากไม่มีการปิดกั้นเลยอาจจะเหมือนในภาค movie ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก, ส่วนตัวผมนับถือคนที่กล้าตัดสินใจเรื่องพวกนี้มาก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด...แต่อย่างน้อยเขาก็กล้าที่จะเทคแอคชั่น . . กรณีนี้ก็แทบไม่ต่างกันครับ...แต่จะอันตรายกว่าด้วย 2 เหตผลหลัก 1) ไม่ได้มีแต่ผีดิบ, แต่มีผึ้งที่เพาะพันธ์ตัวเองได้....การรบต่อต้านบุคคล กับต่อต้านแมลงพาหนะพร้อมๆกันนั้นทำยากมาก 2) ที่ๆกำลังจะไปคือ "นิวยอร์ค" เมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก....เมืองที่ประชากรแออัดมากที่สุดในโลก....และสนามบินที่คับคั่งที่สุดในโลก
ดังนั้นถ้าเกิดความเสียหายขึ้น หรือ outbreak มันจะกลายเป็นระดับ 3 ในไม่กี่วัน (ภัยคุกคามระดับชาติ) ผลกระทับหลักๆ 3 มุมคือ
- การแพร่เชื้ออยู่บนแผ่นดินแม่สหรัฐ นั่นหมายความว่าจะไม่มีอะไรขัดขวางการแพร่กระจายของเหล่ากูล, แมลงได้เลย จากฝั่งตะวันออกไปถึงตะวันตก...ไล่ยาวขึ้นแคนนาดา, ไล่ล่างลงมาไปยังแมกซิโกและทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยภูมิภาคหลากหลาย และเหมาะต่อการเติบโตของพืชเขตร้อน - อเมริกาเป็นประเทศที่ระบบขนส่งมวลชนทั้งบก-เรือ-อากาศ ดีมาก ดังนั้นกระแตกตื่นของประชาชนจะยิ่งทำให้พินาศเร็วขึ้น
- การต่อสู้, โดยเฉพาะฝูงแมลงบนพื้นดินนั้นยากมาก เพราะขนาดที่เล็ก และไม่เปิดเผยตัว, ทีมที่เชี่ยชาญในการต่อต้านสงครามนอกแบบมีน้อย ผู้เคราะห์ร้ยยจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมหาศาล ถ้าตามกราฟ Exponential ให้ 300 คนเป็นตัวตั้งต้น และคนทีสนามบินเฉลี่ย 30k, รัศมีการเดินทางของผึ้งคือ 50 เมตร พื้นที่เสี่ยงภัยขนาดเท่ากรุงเทพทั้งเมืองนั้นจะเกิดขึ้นภายในไม่ถึงวัน (24 ชม แรกจะป้องกันไม่ได้เลย ถ้าไม่มีข้อมูลมาก่อนเรื่องผึ้ง...และถึงรู้ก็ยังยากมากที่จะรับมือทัน)
- ถ้าเกิดการ outbreak ระดับ 2 ขึ้นเมื่อไหร่, เพนตากอนและหน่วยงานกลาโหมจะพิจรณาเรื่องอาวุธยับยั้งฉับพลัน (นี่เป็นโปรโตคอลปกติ ที่ต้องเสนอปธน. ให้ตัดสินใจ) โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ ที่จะสามารถรีเซ็ตเกมเป็นพื้นที่ได้ (ถ้าขึ้นระดับ 3 นิวเคลียร์ก็แทบทำอะไรไม่ได้แล้ว...ได้แค่ชะลอพื้นที่)
- แมลงเวทมนต์, กูล, งานวิจัยเกี่ยวกับเหล่าชิโตะ พวกนี้เสี่ยงที่จะเกิดการเปิดเผยตัวของโลกเวทมนต์และการคงอยู่ของผู้ใช้เวทอย่างร้ายแรง "ที่สุด" ดังนั้น....ทั้งโบสถ์ หอนาฬิกา แอตลาส ทะเลแอสเตรย์ ไม่มีวันปล่อยไว้แน่...ทุกองค์กรจะต้องพุ่งเข้ามาอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นทีเดียว
- มองในแง่ร้ายที่สุด, อเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจ, หากกองทัพมลรัฐเข้าแทรกแทรง และหน่วยสืบราชการรับหาสาเหต พบว่าเกิดจากเหล่าผู้ใช้เวท นั่นจะทำให้เกิดสงครามย่อยๆได้ทันที และความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดคือ "สงครามระหว่างมนุษย์-ผู้ใช้เวทมนต์" ซึ่งมันจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้สงครามโลก และไม่ต้องลังเลเลยว่าอาวุธอำนาจสูงอย่าง นิวเคลียร์-เชื้อโลก-เคมีพิษ จะถูกตอบโต้ใส่แน่นอน
- ข้อดีที่สุดของทะเลคือ "จำกัดความเสียหายทั้ง กูล+แมลง ได้พร้อมกัน" ถ้าระเบิดกลางอากาศหมดก็โชคดี แต่ถึงเหลือเป็นเศษก็ยังไม่ห่วงเพราะตกทะเลต่อ และกูลพอลงทะเลก็จมโดนทั้งเกลือ+แรงอัดน้ำทะเลตายอยู่แล้ว ส่วนผึ้งมีรัศมีการบินต่อเนื่องได้ไม่กี่ร้อยเมตรครับ ในทะเลเวิ้งว้างไร้ที่ยึดเกาะมันจะหมดแรงตายในเวลาไม่นานแน่นอน
สรุประดับความเสียหาย ตามระดับความเสี่ยง 1- สองเครื่องบิน = ตาย 300 + 1 (นาตาเลีย) 2-ปล่อยให้ลงจอด = ตายตั้งแต่ 300 (ลงพื้นควบคุมสถานการณ์ได้) จนถึง 10,000,000 คน (ใช้ nuke ล้างเมืองนิวยอร์ค) 3-ปล่อยให้ลงจอด + กองทัพมลรัฐเข้าตรวจสอบ + จอมเวทเข้าขัดขวาง = สงครามโลกระหว่างมนุษย์ 2 เผ่าพันธ์
ANS: คิดเล่นๆกับตัวเองครับ เป็นคุณเลือกอันไหน??? อย่าลืมว่าการตัดสินใจนั้นมีพลวัตรทั้ง การเมือง, สังคม, เศรษฐกิจ, ความสัมพันธ์ ที่ต้องเอามาคำนึงด้วย เช่น คิริงิสุ จะกลับไปตอบนายจ้าง (สมาคมฯ) ว่ายังไง ถ้าตนเองรับภารกิจมาแล้ว...แต่ผลที่ได้คือปล่อยให้คนตายมหาศาล
Q: ถ้าไม่มีทางเลือก แล้ว คิริสึกุ ได้ให้ทางเลือกกับ นาตาลีก่อนที่จะยิงหรือเปล่า? เช่น บอกให้เอาเครื่องลงทะเลแล้วจะไปช่วย?
A: อันนี้ผมวิเคราะห์เองนะ อาจจะคิดลึกไปรึเปล่าก็ไม่รู้, แต่คิริฯ แกรู้จักนาตาเลียยิ่งกว่าใคร เธอเป็นคนที่ "ยอมสละส่วนมากได้เพื่อให้ชีวิตตนเองรอด" ....หากคิริงิสุบอกเรื่องที่ว่าเขาเตรียมจะสอยเครื่องของเธอ เป็นไปได้สูงมากที่เธอจะ "บินหนี" และขีดจำกัดในการยิงของจรวดสติงเจอร์นั้นจำกัดมากครับ พิสัยการยิงไม่ได้ไกลเลย...แม้แต่ในทางทหาร, จรวดระยะสั้นพวกนี้เขาเอาไว้ยิงทีเผลอ หรือเวลาจวนตัวจริงๆเท่านั้น....แค่นาตาเลียเชิดหัวขึ้นไม่ถึง 30 วินาทีก็จะพ้นระยะยิงทันที.... แล้วค่อยลงพื้นใหม่....ซึ่งกรณีแบบนั้นคิริฯ จะไม่มีโอกาศหยุดเธออีกเลย . . อนึ่ง, ทั้งคู่เป็นนักฆ่าครับ....การฆ่าที่ดีคือไม่เปิดโอกาศให้อีกฝ่ายหนี และไม่ให้รู้ตัวด้วย
=================================
สำหรับผู้สนใจลองดูเนื้อหาตามนิยายครับ
"ทันทีที่เธอไม่ได้ฆ่าผีดิบตามที่คาดไว้ คิริทสึงุก็ยอมรับความคิดว่าเธอจะไม่ได้กลับมาทั้งยังมีชีวิต เครื่องบินที่เต็มไปด้วยซากศพ ไม่มีนักบิน ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากร่วงลงทะเล การกำจัดโวลแซ็ค'ผู้ใช้ผึ้งมาร'จบลงด้วยการสังเวยชีวิตของนาตาเลีย คามินสกี้และผู้โดยสารทั้งลำ
คิริทสึงุได้บทสรุปอย่างนี้ด้วยความรู้สึกขื่นขม
ถึงอย่างนั้น คิริทสึงุก็ไม่ได้ละเลยพลังอันแข็งแกร่งที่อาจารย์ของเขา นาตาเลียจะแสดงให้เห็นในนาทีสุดท้าย กับเธอที่ถือคติไม่ว่ายังไง ต้องรอด คิริทสึงุไม่ได้มองข้ามโอกาสที่เธอจะรอดจากเครื่องบินตก ต่อให้มันจะมีแค่1ใน10000
เขาก็ได้ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว
นาตาเลียซึ่งเห็นชีวิตตัวเองมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ต้องนำผลลัพธ์นั้นมาได้อย่างไม่ต้องสงสัย เธอจะนำเครื่องลงจอดพร้อมทั้งผู้โดยสารผีดิบ300ตัว ฝูงศพหิวโหยจะอาละวาดในสนามบิน
ถ้านาตาเลียไม่มีความปรารถนาอื่นนอกจากรอดชีวิต เธอต้องทำแบบนั้นแน่ และเขาก็ได้เตรียมการเพื่อที่จะยับยั้งความเป็นไปได้1ใน10000นั้นแล้ว
ถ้าเขาคิดจะยับยั้งไม่ให้หายนะแผ่วงกว่าเก่า
เขาต้องไม่ปล่อยให้เครื่องแอร์บัส3000นั่นลงจอดได้ไม่ว่ากรณีใดๆ" =================================
หวังว่าคงได้ประโยชน์กันบ้างนาครับ ~
Create Date : 14 พฤษภาคม 2555 |
|
10 comments |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 0:16:07 น. |
Counter : 11499 Pageviews. |
|
|
|