Kross (เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง~
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Fate/Zero Vol.3 “แม่น้ำมรณะแห่งเมืองฟูยูกิ” (2-Updated)

Fate/Zero Vol.3 “แม่น้ำมรณะแห่งเมืองฟูยูกิ” (2)

“นั่นมัน...”
โทซากะ โทคิอุมิ ซึ่งใช้เวทย์มนต์เพิ่มระยะสายตาของตนอยู่ ได้มองเห็น F15 เครื่องหนึ่งตีวงออกจากแถวอสูรทะเล เปลี่ยนเส้นทางพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เงาดำสนิทร่างหนึ่งปรากฎขึ้นอย่างกระทันหันบนหลังของเครื่องบินลำนั้น ชุดเกราะสีดำที่กำลังจับยึดโครงอากาศยานไททาเนี่ยมมันวาว... มีแค่เซอร์แวนท์ตนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ถ้าตัดสินจากรูปลักษณ์ของมัน นั่นจะต้องเป็นเบอร์เซอร์เกอร์ตามที่คิเรย์เคยรายงานมาก่อนแน่นอน

ร่างสีดำในชุดเกราะนั้นยึดจับเปลือกนอกของเครื่องบินรบลำโตไว้ ออร่าสีดำของมันหยดลงราวสู่ตัวเครื่องบินกับเป็นหมึกซึมแผ่ขยายอำนาจควบคุมไปทั่วทั้งลำ

แน่นอน, มันคือความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของเบอร์เซอร์เกอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยยึดเหล่าอาวุธวิเศษของอาเชอร์ และยังเปลี่ยนท่อนเสาและเศษเหล็กให้กลายเป็นดาบมารและหอกอสูรมาก่อน – บางทีพลังนั้นอาจยอมให้เซอร์แวนท์ตนนั้นใช้ทุกอย่างที่มันจับได้และบังคับให้ทุกสิ่งที่สามารถนิยามในฐานะ “อาวุธ” ใดๆก็ตามกลายเป็นศาสตราอาคมของตนเองในทันที

พลาน่าสีดำสนิทที่กำลังย้อมกัดกร่อนปีกโลหะสีเงิน, แม้แต่สุดยอดแห่งเครื่องบินรบในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นศาสตราอสูรที่น่าสะพรึงกลัว
"■■■■■■■〓〓〓〓■■!"
เสียงคำรามกึกก้องด้วยภาษาที่ฟังไม่ออกนั้น ฉีกท้องฟ้ายามราตรีออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมด้วยเปลวไฟเป็นทางยาวจากเครื่องยนต์เจ็ตอันทรงพลัง



อากาศยานลำโตที่ยาวกว่ายี่สิบเมตร บัดนี้ตกอยู่ใต้การควบคุมของมันอย่างสมบูรณ์, วีรชนร่างสีดำสนิทจับพื้นผิวของเครื่องบินเจ็ตราวกับนักรบอัศวินมังกรตามตำนาน เสียงคำรามของพวกมันทั้งคู่ นักรบและมังกรพาหนะคู่กาย นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เปลี่ยนบรรยากาศค่ำคืนไปราวกับสายฟ้าฟาดผ่าน

โทคิอุมินั่นถูกเตือนล่วงหน้ามาก่อนแล้วจากคิเรย์ ว่าพวกตนนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะตกเป็นเป้าหมายหลักของเบอร์เซอเกอร์และมาสเตอร์ของมันอย่างยิ่ง
และเป็นไปอย่างที่คาดไม่ถึง แม้เจ้าตะกูลโทซากะ จอมเวทย์ผู้เปี่ยมประสบการณ์และทักษะ ที่จะคิดว่าอยู่ๆก็จะมีอินทรีเหล็กกล้าซึ่งถูกกัดกินด้วยพลาน่าสีดำ หันเขี้ยวแห่งเทคโนโลยีพุ่งเข้าท้าทายพวกเขาและวิมานลอยฟ้าของราชาวีรชน


“โอ้โห... เจ้าหมาบ้าตัวนั่นอีกแล้วเรอะ? น่าสนใจ น่าสนใจดี”
ต่างกับการประจัญหน้าครั้งแรกที่ถนนคลังสินค้า คราวนี้อาเชอร์แสยะยิ้มตอบรับการท้าทายของเบอร์เซอร์เกอร์ ขณะที่โทคิอุมิยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าอะไรกันแน่นะที่เปลี่ยนเจตนาของราชาวีรบุรุษที่เกือบจะถอนตัวจากการต่อสู้ไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละเขาไม่อยากจะยิ่งไปขัดใจเซอร์แวน์ของตนเท่าไหร่นักในตอนนี้เหมือนกัน


แต่ก็อย่างว่า, โทคิอุมิแม้จะเคยปฎิญาณไว้ว่าจะกำจัดศัตรูให้ได้ด้วยมือตัวเอง เขาก็ไม่คิดวิตกกังวลมากนักหากมีใครบางคนมาจัดการแทนเขาไปก่อน หากช่วยสร้างปัญหาให้กับศัตรูหรือลดทอนความยุ่งยากแก่ตัวเขาได้มันก็เป็นเรื่องที่ดีพอตัว


โทคิอุมิยืนอยู่บนขอบของวิมานลอยฟ้า, และจ้องมองไปยังพื้นที่ด้านนอกมองหาจุดสูงต่างๆตามอาคาร ที่อาจเป็นจุดที่มาสเตอร์ผู้อื่นอาจใช้ในการสอดแนมพวกเขาในสงครามครั้งนี้ – และก็อย่างที่คาดไว้, บนดาดฟ้าของอาคารอพาร์ตเมนต์อเนกประสงค์แห่งหนึ่ง เมื่อเขาทอดสายตาไปกันก็รู้ได้ทันที, คู่ต่อสู้ที่เขาปรารถนาได้ปรากฎตัวขึ้นแล้ว



ชายคนนั้นยืนอยู่ที่นั้น, คราวนี้เขาไม่คิดจะปกปิดตัวเองหรือซ่อนตัวแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ซีกซ้ายของเขานั้นแทบจะเหมือนศพไปแล้ว ทั้งบิดเบี้ยวและเน่าเฟะอย่างน่าเจ็บปวด ทว่าดวงตาข้างขวายังฉายแววเด็ดเดี่ยวราวกับมัจจุราช เผาผลาญไปด้วยเชื้อเพลิงแห่งความชิงชัง
สายตาสองคู่ได้สอดประสานกัน แม้ปราศจากคำพูด แต่จอมเวทย์ทั้งสองก็ได้ประกาศสงครามต่อกันไปเรียบร้อยในฉับพลัน
“โอ้ องค์ราชา, ขอให้ข้าได้เป็นคู่ต่อสู้ของมาสเตอร์ตนนั้นด้วยเถอะ”
“ดีมาก, เจ้าก็มีสิทธิสนุกของเจ้าเหมือนกัน”
วิมานลดระดับลงต่ำอย่างรวดเร็วก่อนบินต่ำอย่างรวดเร็วนำพาโทคิอุมิไปหาเป้าหมายของเขา และที่เหนือเป้าหมาย ประมาณ 8 เมตรจากพื้นดิน ความสูงเพียงแค่นี้ไม่ใช่สิ่งที่นักอาคมเช่นเขาต้องหวาดกลัวใดๆนัก แล้วจอมเวทย์แห่งโทซากะชักคทาอันเล็กออกมาจากเสื้อโอเวอร์โค้ท แล้วก็กระโดดพุ่งดิ่งลงไป พลางร้องว่า
“โชคชะตาแห่งสงครามจงอยู่เคียงข้างเรา...”


ลำพังบนวิมาน, อาเชอร์จ้องมองไปยังวิหคโลหะที่กำลังไล่ตามมา ดวงตาของเขากำลังลุกวาวด้วยประกายอันโหดเหี้ยม
“ไอพวกสุนัขโสโครกชั้นต่ำที่ควรค่าแค่กลิ้งเกลือกไปตามพื้น คราวนี้กลับกล้าบังอาจปืนป่ายขึ้นมาเห่าถึงสรวงสวรรค์ที่ควรค่าเฉพาะเหล่าราชาผู้ทรงเกียรติมาสรรเสริญกัน...เจ้า… แม่ตัวตลกชั้นต่ำเช่นเจ้า ข้าก็ว่ามันก็โง่เง่าเกินกว่าจะเยียวยาได้ซะแล้ว, ไอ้พวกไพร่สถุน!”


สิ้นเสียงด่า, ราชาวีรชนก็ปลดปล่อย Gate of Babylon – ง้างศรเล็งเป้าที่นกเหล็กตัวมหึมา แล้วก็เรียกโนเปิลฯถึง 6 ชิ้นออกมาปลดปล่อยอำนาจวิเศษพร้อมกัน พวกมันเจิดจรัสด้วยแสงสว่างจ้า หอกหลายชิ้นและดาบหลายเล่มเปล่งประกายก่อนพุ่งทะยานเข้าใส่เบอร์เซอร์เกอร์ราวกับดาวหางที่ส่งประกายแสงทิ้งไว้เป็นออร่าสีขาวเป็นทางยาว


ในอีกด้านเครื่องยนต์เจ็ตทั้งคู่ที่ได้รับพลังเวทย์จากเบอร์เซอร์เกอร์ ก็สำแดงอนุภาพที่บริษัทแพร็ต&วินนีย์ภาคภูมิใจยิ่งออกมาเป็นลำเปลวไฟมหึมาตามติดด้วยเสียงคำรามกึกก้อง F15 ทรัสเตอร์และเวคเตอร์ทิศทางของสันดาปท้ายอันทรงพลังเปิดอ้าออกเต็มที่นำมาซึ่งอัตราเร่งสูงลิบลิ่งและตามด้วยความเร็วมหาศาลในเฉียบพลัน แพนหางคู่ขนาดยักษ์บิดสลับทิศทางนำพาเครื่องบินขับไล่ลำโตวิ่งแหวกเข้าใส่ช่องว่างที่แสนแคบของอาวุธวิเศษนานาชนิดที่กำลังดาหน้าเข้าใส่มันอย่างไม่เกรงกลัว จนทำเอาอาวุธเหล่านั้นพุ่งผ่านพลาดไปชนิดระยะเส้นผม



ทว่าเหล่าโนเปิลฯ ที่อาเชอร์ภาคภูมิก็ไม่ได้ยินยอมที่จะพลาดเหยื่อของมันโดยง่าย แม้ว่ามันจะถูกหลบหลีกได้อย่างสมบูรณ์ก็ตาม 3 จาก 6 ชิ้นที่ถูกยิงใส่ – ขวาน, เคียว และดาบทรงอาหรับ ทั้งสามชิ้นหมุนสะบัดตัวกระทันหัน เปลี่ยนทิศทางและเร่งความเร็วของตนไล่กวดท้ายเครื่อง F15 ตามไปติดๆ ชนิดกัดไม่ปล่อย



หลังจากหลบการโจมตีระลอกแรกได้เครื่องบินรบลำโตนั้นก็ยังบินด้วยความเร็วและทิศทางคงที่ ราวกับไม่สำเนียกภัยคุกกคามที่ไล่จี้ตามหลัง จนกระทั่งเมื่อมันเกือบจะโดนเป้าหมายนั่นเอง F15สีทมิฬ จึงแสดงพลังโครงอากาศยานอันยอดเยี่ยมของมันโดยฉับพลัน ปีกหลักเปิดแฟลปสลับกันซ้ายขวาอย่างว่องไวราวกับมีชีวิตจิตใจของตน ลดความเร็วของตนพร้อมทั้งพลิกตัวหลบดาบยาวของอาเชอร์ที่ไล่จี้ติดจนมันพลาดเป้าลอดใต้ท้องยานบินสีดำเลยไปไกลจนเลยระยะของเนตรวิเศษที่ชี้เป้าหมายของมัน



พริบตาเดียวและต่อเนื่อง, ในวินาทีต่อมา F15 ทำวงบาร์เลร์แนวตั้งหนีขวานและเคียววิเศษที่พยายามไล่กวด อย่างต่อเนื่องรอบที่หนึ่ง...รอบที่สอง...จนกระทั่งรอบที่3 ด้วยวงเลี้ยวที่แคบลงเรื่อยๆ ขณะที่โครงอากาศยานกำลังสั่นสะท้านแต่ไม่หวั่นไหวจากแรงต้านอากาศและแรงG อันทรงพลัง อาวุธวิเศษที่เหลือก็สิ้นพลังแตกสลายเป็นละอองแสงกลางท้องฟ้า


แรง G อันมหาศาลอันเกิดจากเครื่องยนต์ขับดันอันทรงพลังและแรงโน้มถ่วงของพื้นโลกนั้น ด้วยการบินพลาดแผลงแบบสุดขั้วเช่นนี้ แรงG เข้มข้นอาจฆ่าได้แม้กระทั่งกัปตันโอกิที่ถูกฝังอยู่ในห้องนักบินเป็นรอบที่สองทีเดียว มนุษย์ทั่วไปการเผชิญกับแรงกดดันที่รอบด้านอวัยวะภายในนั้นอาจแหลกเป็นเสี่ยงๆ แต่สำหรับวีรชนอย่างเบอร์เซอร์เกอร์...แรงปะทะเท่านี้นั้นจัดว่าเป็นเรื่องขี้ผง




ในทันทีที่มันหลบพ้นการโจมตีทั้งหมด เครื่องF15 พลิกตัวทำวงเลี้ยวอิลเมลมาร์น (ทำลูปตีลังกาแนวตั้งระยะประชิด) สะบัดหัวของมันกลับเข้าหาวิมานสีทอง ไพลอนใต้ปีกของมันเปล่งประกายแสงว้าบจากมอร์เตอร์ดินขับของจรวด สองขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานสแปร์โรว์ทะยานออกจากวิหคเหล็กสีดำพุ่งเข้าหาอาเชอร์บนวิมานอย่างดุดัน เป็นการแก้แค้น



ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วอาวุธทั่วไปนั่นจะไร้ค่าเมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ของเหล่าเซอร์แวนท์ แต่สำหรับกรณีของเบอร์เซอร์เกอร์นั้นไม่ใช่... อาวุธที่เบอร์เซอร์เกอร์จับถือและกัดกินนั้นล้วนเต็มเปี่ยมอัดแน่นด้วยพลาน่าแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ดังนั้นทุกอณูของดินระเบิดแรงสูงขนาด 26 ปอนด์นั้น ย่อมสามารถก่อให้เกิดพลังทำลายเวทย์มนต์ต่อเป้าหมายของมันชนิดราบคาบ


“ช่างโอหังสิ้นดี...”
อีกครั้ง อาเชอร์ยิ้มแสยะ, วิมานของอาเชอร์หมุนตัวตีวงออกด้านข้าง พร้อมกับเร่งความเร็วหลบหลีกมิซไซล์ทั้งคู่อย่างสง่างามตรงกันข้ามกับการควบคุมอันดุดันของเบอร์เซอร์เกอร์ พาหนะวิเศษตามตำนานของวีรชนทะยานข้ามท้องฟ้าด้วยความเร็วดั่งใจนึก ซึ่งข้ามเหนือกฎเกณฑ์ของฟิสิคส์ไปแล้ว


"〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓〓!!"
และอีกครั้งกลับเสียงคำรามฟังไม่ออกของอัศวินดำได้กึกก้องไปทั่วฟ้า, และราวกับตอบสนองของเสียงคำรามนั่นโดมเราดาห์ที่ถูกติดตั้งอยู่ภายในจมูกเครื่องบินขับไล่ก็ส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิคส์ตอบรับ ปีกเล็กแก้เอียงด้านหน้าของสองขีปนาวุธสแปร์โรว์ก็เปิดแฟลปบิดขวาเลี้ยวเข้าหาวิมานสีทองอีกครั้งหลังจากถูกหลบหลีกไปได้ในครั้งแรก... แม้กระทั่งเทคโนลยีของระบบของเรดาห์นำวิถีของขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานบัดนี้ก็ถูกแปรสภาพเป็นอาวุธเวทย์มนต์เพื่อไล่ตามเป้าหมายของความเกลียดชังแห่งวีรชนผู้บ้าคลั่งเหล่ากับสุนัขไล่ล่าเหยื่อ



อย่างไรก็ตาม, อาเชอร์ยังคงเยือกเย็นอยู่เมื่อเห็นภัยคุกคามวิ่งตามล่าตนบนอย่างไม่หยุดยั้ง, ประตูแห่งบาลิโลนถูกเปิดอ้าขึ้นอีกครั้ง แล้ววีรชนสีทองก็ส่งโล่ห์ขนาดใหญ่สองชิ้นขึ้นไปลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้าขวางทางระหว่างวิมานกับจรวดสแปร์โรว์, ขีปนาวุธต้องคำสาบทั้งคู่ปะทะเข้ากับโล่ห์วิเศษอย่างรุนแรง เกิดระเบิดเป็นลูกไฟยักษ์และแรงกระแทกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งวิมานลอยฟ้า แต่กลับทำให้ราชาวีรชนยิ่งสแยะยิ้มราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ขึ้นมาอีกรอบ


“น่าสนใจ น่าสนใจดี... ข้าไม่ได้เล่นอะไรสนุกแบบนี้มานานแล้ว แม้ว่าหมาบ้าชั้นต่ำอย่างเจ้าก็ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้บ้างเหมือนกันนี่!”
อาเชอร์หัวเราะเสียงดังขณะที่เร่งความเร็วของวิมานไล่ตามเครื่อง F15 ที่โฉบผ่านไปอีกคำรบ ทั้งคู่ฉีกม่านของกำแพงเสียงไปเรียบร้อยแล้วพุ่งไปสู่ทะเลเมฆเหนือท้องฟ้ายามราตรี ทังคู่ไต่ระยะสูงขึ้น สูงขึ้นไปตราบเท่าที่ความคิดของวิมานและเครื่องยนต์เจ็ทมีปัญญาไล่ตามไปเพื่อด็อกไฟท์กัน

---------------
ท่ามกลางหมอกหนาทึบและอากาศที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็ง โทซากะ โทคิอุมิก็ดิ่งลงมาจากท้องฟ้า
ในฐานะจอมเวทย์ชั้นเลิศ, การควบคุมพื้นผิวและกระแสอากาศนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นจนเกินไปนัก หรือจะพูดให้ถูกก็คือระดับของความเชี่ยวชาญที่เขามีนั่นว่าเป็นเลิศในการใช้เวทย์มนต์พวกนี้ทีเดียว ซึ่งเขาก็ลงสู่พื้นด้วยท่าทางยืนตรงแน่วแน่ สัมผัสพื้นได้นุ่มนวลราวกับขนนกชนิดเสื้อผ้าและทรงผมไม่เสียรูปเลยแม้แต่น้อย – จอมเวทย์ทั่วไปหากมองเห็นคงได้แต่ยกย่องชื่นชมในทักษะและความสง่างามของโทคิอุมิ อย่างไม่ต้องสงสัย


แต่ทว่า ในด้านตรงข้าม, มาโต้ คาริยะ ผู้ซึ่งบัดนี้ได้กลายร่างเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่างที่แสนจะน่ารังเกียจ ความชื่นชมที่ควรจะมีนั้นกลับกลายเป็นความเกลียดชังอย่างยิ่ง – ซึ่งบัดนี้ไม่มีความชื่นชมหรือเคารพใดๆต่อศาสตร์เวทย์แม้แต่น้อยหลงเหลืออยู่ในใจของเขาเลย


ความนับถือถูกเปลี่ยนเป็นความชิงชัง, ความชื่นชมถูกเปลี่ยนแปลงเป็นความโกรธแค้น สำหรับคาริยะผู้สึกบัดนี้มีร่างกายที่น่ารังเกลียดเกินจะกล่าว เมื่อเทียบกับความสง่างามของโทคิอุมิแล้วนั้นช่วยไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นคำสาบแช่งในสายตาของบุรุษผู้น่าสงสาร

ไอ้เลวเอ้ย –แกนี่มันชอบทำตัวแบบนี้เสมอเลยไม่ว่าเมื่อไหร่
ทั้งท่วงท่า วาจา มารยาทผู้ดี – ชายคนนี้มักถูกเรียกว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ นับตั้งแต่วันที่เขาเห็นโทคิอุมิปรากฎตัวต่อหน้า อาโออิและคาริยะ ความสง่าสูงส่งเช่นนี้เองที่ทำให้คาริยะรู้สึกเสมอถึงความแตกต่างของ ‘ชนชั้น’
อย่างไรก็ดี, มันจะจบสิ้นในคืนนี้แหละ

ความสง่างาม, หรืออะไรก็ตามแต่ที่หมอนั่นมันสนใจมันไม่มีประโยชน์อะไรนักหรอกเมื่อยืนอยู่ในสนามรบที่ต้องห้ำหั่นซึ่งกันและกัน ในตอนนี้ ณ ที่นี้ สิ่งที่พวกตะกูลโทซากะมันยกช่องเชิดชูนักอย่าง เกียรติยศชื่อเสียง มันจะต้องถูกลากลงมาให้ติดพื้น… และถูกทำลาย

เบอร์เซอร์เกอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้เริ่มต่อสู้แล้วอย่างดุเดือดได้เริ่มต้นเผาพลาญพลังเวทย์ของคาริยะอย่างไร้ปราณี บีบคั้นพลังเวทย์ทุกหยาดหยดออกมาจากร่างกายอันบอบช้ำ ความเจ็บปวดทั่วร่างจากการใช้พลังอย่างบ้าคลั่งของวีรชนนั้นทำให้หนอนอาคมที่ถูกฝังอยู่ในร่างเริ่มกัดกินมือและเท้าจนเปื่อยยุ่ยราวกับถูกกรีดด้วยมีดโกน –แม้โครงกระดูกก็เริ่มผุพัง สายตาก็เริ่มฟ้าฟางราวกับสายหมอก ทว่า, ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ไม่มีความหมายอะไรนักต่อคาริยะผู้ซึ่งถูกบดบังด้วยความเกลียดชังจนเต็มเปี่ยมหัวใจ



“ดูเหมือน นายจะเปลี่ยนไปนะ, มาโต้ คาริยะ ---”
ด้วยน้ำเสียงคมกริบ, สายตาที่เหล่มองร่างกายของคาริยะด้วยท่าทางสมเพชอย่างยิ่ง, การที่โทซากะ โทคิอุมิ แสดงท่าทางเช่นนั้นเสมอก่อนจะต่อสู้นั้นยิ่งทำให้ คาริยะยิ่งรู้สึกเกลียดชังขึ้นไปอีก เมื่อฟังโทคิอุมิพูดต่อไป
“ละทิ้งหนทางแห่งศาสตร์เวทย์มนต์, แต่กระนั้นกลับยังมาไล่ตามไขว่ขว้าหาจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้... ท่าทางอันน่าสมเพชของนายแค่นี้ก็เพียงพอจะบอกได้แล้วว่าตะกูลมาโต้ได้ตกต่ำลงถึงขนาดไหน”


คาริยะตอบสนองด้วยการหัวเราะเบาๆในคอ… เสียงของเขาที่หลุดพ้นริมฝีปากออกมานั้นราวกับเสียงกรีดร้องของแมลงอันน่าเกลียดชังแม้แต่ตัวเขาเอง
“โทซากะ โทคิอุมิ... ฉันขอถามแกเรื่องเดียว... ทำไม, ทำไม แกถึงส่งตัวซากุระไปให้โซลเคน?”
“...อะไรนะ”
โทคิอุมิ ขมวดคิ้วสีน้ำตาลของเขา ราวกับได้ยินคำถามที่คาดไม่ถึง
“นั่นเป็นคำถามที่นายควรสนใจในเวลาเช่นนี้งั้นรึ?”
“ตอบมา, โทคิอุมิ!”
โทคิอุมิถอนใจ แล้วก็ตอบคำถามให้กับคาริยะที่กำลังหัวเสีย
“—นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วโดยไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลย ก็เพราะฉันต้องการให้ลูกสาวสุดที่รักของฉันได้มีอนาคตที่มีความสุขไง”
“อะไรนะ แกพูดอะไรออกมา?”
สับสนยิ่งกว่าตอนที่ถามเมื่อได้ยินคำตอบที่ผิดคาดไป, เล่นเอาสมองของคาริยะหยุดทำงานไปชั่วขณะ และในขณะที่คาริยะยืนตัวแข็งทื่อนั่นเอง โทคิอุมิก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่าง


“จอมเวทย์ทุกๆคนที่มีลูกคนที่สองมักจะต้องเจอปัญหากันอยู่แล้ว – ในเมื่อเหล่าสุดยอดเทคนิคทั้งหลายของแต่ละตะกูลจะถูกสืบทอดต่อให้ได้เพียงคนเดียว, ในเมื่อขนบธรรมเนียมเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่บุตรธิดาคนต่อมาจะต้องเผชิญกับการเป็นคนธรรมดาสามัญ”
คนธรรมดา---?
คำพูดนี้ยังคงดังก้องในหัวของคาริยะ ซากุระ, เด็กสาวผู้สูญเสียรอยยิ้มของเธอไป ขณะที่ภาพความทรงจำของรินกำลังเล่นอยู่กับอาโออิอย่างสนุกสนาน... คำพูดของโทคิอุมินั้นเข้ามาปนเปกับความทรงจำอันแสนสุขเพียงเล็กน้อย
ภาพความทรงจำอันแสนสุขที่แม่และลูกสาวทั้งสองอยู่ด้วยกันเมื่อนานมาแล้วปรากฎขึ้นในหัว – นี่ชายตรงหน้ากำลังบอกว่าการที่โยนภาพความทรงจำนั้นทิ้งไปก็เพื่อแลกกับการไม่เป็นคำว่า “ธรรมดาสามัญ” งั้นหรือ?



“นับเป็นเรื่องวิเศษที่ภรรยาของฉันนั้นนับว่ามีร่างกายและคุณสมบัติที่ช่างยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ทั้งรินและซากระต่างเกิดขึ้นมาด้วยความสามารถและอัจฉริยะอย่างหาตัวจับได้ยากยิ่งเท่าๆกันทั้งคู่ ดังนั้นไม่ประหลาดใจแต่อย่างใดว่าลูกสาวทั้งสองของฉันนั่นต่างก็คู่ควรที่จะได้รับการอุ้มชูฝึกฝนเพื่อสืบทอดสายเลือดของครอบครัวจอมเวทย์อย่างที่สุด – การที่จะต้องทอดทิ้งโอกาศและพรสวรรค์ของลูกคนใดคนหนึ่งเพื่อปกป้องอนาคตของอีกคนนั้น – ไม่มีพ่อคนไหนหรอกที่หวังจะให้โศกนาฎกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้น”

ตัวคาริยะไม่เข้าใจในตรรกะของเหตผลรอบๆตัวของโทคิอุมิแม้แต่น้อย – ถ้าพูดให้ถูกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาไม่ได้ต้องการเข้าใจ แม้จะเริ่มรู้สึกว่าบัดนี้เขาได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตและทรรศนะคติของกลุ่มมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าจอมเวทย์ขึ้นมามั่งก็ตามที ทว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยอมรับได้ง่ายๆ


“หนทางเดียวที่จะรักษาพรสวรรค์ของพี่น้องทั้งคู่ไว้ได้พร้อมๆกัน นั่นก็คือมอบคนหนึ่งให้ครอบครัวอื่นไปเลี้ยงดู และเจ้าตะกูลแห่งมาโต้ก็ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ในฐานะผู้ที่ล่วงรู้ตัวตนของจอกศักดิ์สิทธ์มาแต่แรก แถมทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวไปถึง ‘อาร์คาชา’ ได้สูงส่งกว่าคนอื่นนัก แม้ว่าตัวฉันจะไม่อาจทำสำเร็จ แต่ก็ยังมีริน หากแม้ว่ารินจะล้มเหลว ก็ยังมีซากุระ แน่นอนว่าจะมีใครสักคนที่สืบทอดเจตนารมณ์แห่งตะกูลโทซากะได้จนถึงที่สุดแน่นอน”
“เจ้าบ้าเอ้ยย...”



มันกล้าดียังไงที่กล้าพูดจาอวดดีแบบนั้นได้ยังไง? แล้วถ้าหากทั้งคู่ต่างเดินทางมุ่งไปหา ‘อาร์คาชา’พร้อมกันละก็---
“…แกอยากให้ทั้งคู่ต้องต่อสู้กันเองงั้นรึ? พี่สาวฆ่าฟันกับน้องของตัวเอง?”
ต่อหน้าข้อกล่าวหาของคาริยะ, โทคิอุมิยังคงหัวเราะและพยักหน้ารับด้วยท่าทางเย็นชา
“แม้ว่าจะต้องมีสถานการณ์เช่นนั้นเป็นผลลัพธ์, มันก็ยังคงนำพามาซึ่งความสุขของสายเลือดจากบ้านโทซากะในท้ายที่สุด ไม่ว่าใครจะทำสำเร็จ ท้ายที่สุดชัยชนะก็ยังอยู่ในอุ้งมือเรา แม้ว่าจะล้มเหลว เกียรติยศนั้นก็จะยังคงเหลืออยู่ในสายเลือดของบรรพบุรุษ ไม่มีความสำเร็จใดๆที่จะได้มาจากการเผชิญหน้าโดยปราศจากความทุกข์โศกอยู่แล้ว”
“แกมันบ้าไปแล้ว!”


ใบหน้าของคาริยะนั้นกราดเกรี้ยว เขากัดฟันแน่น ขณะที่โทคิอุมิยังคงสีหน้าเยือกเย็นเรียบเฉยแม้ว่าจะถูกด่าว่าซึ่งๆหน้าก็ตาม
“มันก็เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้อยู่แล้ว นายมันเป็นพวกที่ไม่ยอมทำความเข้าใจกับความสูงส่งของศาสตร์แห่งเวทย์มนต์อยู่วันยังค่ำ ทอดทิ้งความสามารถของตนและทรยศต่อสายเลือดจอมเวทย์ของตนเองอีกด้วย”
“Bullshit!”

ความเกลียดชังและโกรธเกรี้ยวพุ่งทะยานราวกับปรอทเดือดยิ่งกระตุ้นให้เหล่าพยาธิอาคมนั้นยิ่งกัดกินร่างกายตามอารมณ์อันสุดขีดของเจ้าของร่าง เจตนารมณ์แห่งความชั่วร้ายนำพาความเจ็บปวดอันประเมินไม่ได้ไปทั่วสรรพางค์กาย แต่สำหรับคาริยะในตอนนี้นั้น นั่นคือพรที่ประทานให้เป็นพลังในการต่อสู้

จงกัดกินข้า กัดกร่อนร่างข้า รีดเร้นพลาน่าทุกหยาดหยดออกมาเพื่อสาบแช่งศัตรูให้ดับดิ้น...

หนอนอาคมก่อตัวขึ้นจากเงาของคาริยะและแผ่กระจายไปรอบตัวราวกับระลอกคลื่น ก่อนจะรวมตัวกันเป็นแผ่นย่อมๆของหนอนแมลงที่ดูเหมือนกับดักแด้นาๆชนิดที่กำลังกัดกินก้อนเนื้อ ทั้งหมดนั่นคือเขี้ยวเล็บที่คาริยะถูกฝังมาจากมาโต้ โซเคน ก่อนเขาจะได้กลายเป็นมาสเตอร์ – อาวุธต่อสู้ที่ยืนอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกมนุษย์ปัจจุบัน


“ข้าไม่มีวันให้อภัยแก...ไอพวกจอมเวทย์ที่น่าขยะแขยง”
“ข้าจะฆ่าแก! ฆ่าโซลเคน! ฆ่ามันจนกว่าจะไม่มีพวกแกเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว!”


เหล่าหนอนอาคมบนพื้นที่ได้รับความโกรธจากคาริยะราวกับเชื้อเพลิง เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันดีดตัวออกจากดักแด้ด้วยกระดองสีเงินและปีกมันวาวบนแผ่นหลังของพวกมัน
ตัวแล้วตัวเล่า- ในชั่วอึดใจเดียวเหล่าหนอนยุบยับที่คลานบนพื้นก็กลายร่างเป็นแมลงยักษ์คล้ายด้วงฝูงโต พวกมันบินวนรอบคาริยะส่งเสียงหึ่งคำรามคู่ต่อสู้ พวก “แมลงปีกดาบ” จับตัวกันเป็นกลุ่มราวกับทหารจัดขบวนทัพพลางแยกเขี้ยวและปีกใสอันคมกริบดุดัน, ในฐานะผู้ใช้หนอน – แมลงเหล่านี้คือหนึ่งในอาวุธแห่งความตายในมือคาริยะทีเดียว

โทซากะ โทคิอุมิแสดงท่าทางออกได้ชัดว่ารู้สึกประทับใจในตัวคู่ต่อสู้ขึ้นมาทันที, เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงแมลงกินคนที่สามารถกลืนกินวัวทั้งตัวให้เหลือแต่กระดูกได้ในพริบตา

ทว่าทักษะจอมเวทย์ของเขานั้นสูงส่งกว่าคาริยะมากมายนัก ดังนั้น แม้ว่าเขาจะเห็นเห็นเวทย์มนต์ลับที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างเป็นอาวุธอันน่ากลัวมาต่อสู้ของคาริยะก็ไม่ได้ได้ทำให้โทคิอุมิรู้สึกตกใจกลัวแต่อย่างใด เขาคาดการณ์ได้แม้กระทั่งตอนท้ายของของการต่อสู้ระหว่างผู้ที่ไม่คู่ควร



“—นับแต่เวลาที่จอมเวทย์คนนั้นได้ลืมตาดูโลก เขาก็จะได้รับบางสิ่งที่เรียบว่า ‘พลัง’มาแล้ว และวันหนึ่งเขาก็จะได้รับ ‘พลังที่ยิ่งใหญ่กว่า’ จากสายเลือด ความรับผิดชอบนี้หลั่งไหลอยู่ในสายเลือดก่อนที่เขานั้นจะตระหนักถึงโชคชะตาของตนด้วยซ้ำ นี่แหละคือความหมายของการเกิดเป็นนักเวทย์ในโลกแห่งนี้”

โทคิอุมิยังคงพูดอย่างเยือกเย็นขณะที่ยกคทาของตนขึ้น กล่าวมิสติคโค้ดและปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมาเป็นเปลวไฟลุกโชนออกจากทับทิมที่ปลายคทา ... มันคือหนึ่งในรูปแบบคาถาป้องกันตัวเองของตะกูลโทซากะที่เปลี่ยนอากาศรอบตัวให้กลายเป็นเปลวไฟอันร้อนแรงราวกับเพลิงนรกที่เผาทุกอย่างที่สัมผัสให้กลายเป็นขี้เถ้าได้ในพริบตา มันดูเหมือนจะเป็นการเอาเปรียบหรือรังแกเด็กๆที่อ่อนแอกว่าเมื่อใช้พลังนี้ต่อสู้กับศัตรูผู้เป็นจอมเวทย์มือใหม่ แต่ทว่าโทคิอุมิก็ไม่คิดจะยั้งมือหรือประมาทแม้แต่น้อย


โทคิอุมิสำทับซ้ำอีกรอบว่า—
“ว่าไปการที่ ศาสตร์เวทย์ลับประจำตะกูลมาโต้จะได้ถ่ายทอดไปสู่ซากุระ ก็คงเพราะนายปฎิเสธที่จะสืบทอดวิชาของตะกูลตัวเองนั่นแหละ หากคิดในแง่นี้ฉันก็ต้องขอขอบคุณนายเรื่องนั้นเหมือนกัน... ทว่าฉันเองก็ไม่คิดจะยกโทษให้กับคนอย่างแกอยู่ดี ในฐานะที่ทอดทิ้งความรับผิดชอบของตนจนทำให้ตะกูลมาโต้และเหล่าผู้ใช้เวทย์มนต์ต้องตกต่ำไปเช่นนั้น คราวนี้ฉันจะคอเป็นผู้กำจัดนายด้วยมือตัวเองเป็นการส่งท้าย...”


เสียงปะทุของเปลวไฟที่กระพือโหม สอดรับเสียงกรีดร้องของฝูงแมลงที่ทะยานเข้าฆ่าฟันโดยจอมเวทย์ทั้งสอง... ศึกแห่งจอมเวทย์ที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันยามราตรีก็เริ่มอีกคำรบ



Create Date : 20 ธันวาคม 2552
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 0:40:45 น. 7 comments
Counter : 2724 Pageviews.

 
พายามเข้านะครับ ^_^
..

...
..ใช้อีโมม่ะได้แฮะ - -..


โดย: KonRaiNamJai IP: 58.64.62.148 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:16:56:54 น.  

 
สู้ๆนะคะ

ติดตามอ่านมาตลอดเลยค่ะ


โดย: ฝน IP: 118.172.75.98 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:20:03:56 น.  

 
ป๋ากิลหาย (เห็นแต่เท้า) เหอๆ


โดย: นายๆ IP: 125.26.190.98 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:21:25:28 น.  

 
เกลียดโทคิโอมิขึ้นอีกหลายเท่าเลย

ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆนะคร้าบ


โดย: manaswin123 IP: 124.120.136.22 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:18:20:20 น.  

 
เพลินดีแต้ ขอบคุณคร้าบ จะคอยติดตามนะครับ ^ ^


โดย: aegis IP: 124.121.2.17 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:22:33:21 น.  

 
สุดยอดดครับบ


โดย: Hamfreeman IP: 125.27.141.101 วันที่: 28 ธันวาคม 2554 เวลา:20:48:22 น.  

 
hey there and thank you for your information ?I certainly picked up anything new from right here. I did however expertise some technical points using this website, as I experienced to reload the site a lot of times previous to I could get it to load correctly. I had been wondering if your hosting is OK? Not that I am complaining, but slow loading instances times will often affect your placement in google and can damage your high-quality score if ads and marketing with Adwords. Well I am adding this RSS to my e-mail and can look out for much more of your respective exciting content. Ensure that you update this again very soon..
Ray Ban Wayfarer //www.paladineholdings.com/


โดย: Ray Ban Wayfarer IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2557 เวลา:14:01:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kross_ISC
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 79 คน [?]




Blog จับฉ่ายของ Kross ครับ เทคโนโลยี, การทหาร,Military Expert, การ์ตูน, Anime, Manga, Review, Preview, Game, Bishojo Game, Infinite Stratos (IS), Hidan no Aria, Light Novel (LN)

ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Twitter ที่ @PrameKross
New Comments
Friends' blogs
[Add Kross_ISC's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.