Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
..Next Story : เรื่องรักของสองเรา ตอนที่13..

คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์


***************************
Next Story : เรื่องรักของสองเรา
ตอนที่ 13

***************************











Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 19:38:07 น. 9 comments
Counter : 279 Pageviews.

 


น้ำใสๆ ของน้ำตก ไหลผ่านกายของคนที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน สำราญใจ.........


พาสนากำลังอาบน้ำอยู่ในน้ำตกอันเย็นฉ่ำ จากการที่ต้องเดินป่ามาทั้งวัน ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นอย่างมากกับการได้อาบน้ำแบบนี้.........กลีบดอกโมกป่า ร่วงหล่นลงมาจากต้น ลอยมาตามน้ำดูสวยงาม ทำให้บริเวณนั้นดูสวยงาม และส่งกลิ่นหอมไปทั่ว


พาสนาใช้มือของเธอช้อนกลีบดอกไม้ขึ้นมาชื่นชมอย่างอารมณ์ดี....กลีบดอกไม้กลีบบาง ในมือของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมา พาสนามองกลีบดอกไม้ในมือ แล้วยิ้มหวานละไม.......


พาสนามองไปรอบๆ ตัว บรรยากาศสบายๆ ร่มรื่น ช่างสร้างความสำราญใจให้เธอได้ไม่น้อย....เธอรู้สึกไม่อยากจะขึ้นจากน้ำเลย แต่หากเธอมัวแต่สนุกสนานกับการได้อาบน้ำอยู่แบบนี้ คงทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย


พาสนาจึงตัดสินใจขึ้นจากน้ำ เพื่อใส่เสื้อผ้า และจะได้เดินทางกันต่อ


แต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่ถอดกองไว้บนก้อนหินริมน้ำ สายตาของเธอก็ต้องมองไปเห็นบางสิ่งบางอยู่ที่อยู่บนกองเสื้อผ้าของเธอ


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด.........


เสียงร้องดังลั่นป่า ทำเอาคนที่นั่งรออยู่ไกลๆ ต้องตกใจรีบหันมอง


“ปลาเป็นอะไร” พิษณุร้องตะโกนถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง


“พี่........พี่ณุ.....” พาสนาตะโกนเรียกอีกคนน้ำเสียงตกใจ


“ปลา.........” พิษณุไม่รั้งรอ เค้ารีบวิ่งมายังจุดที่พาสนากำลังอาบน้ำอยู่


“เฮ้ยยย.......” ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความตกใจกับภาพเบื้องหน้า พาสนาหันมามองเห็นชายหนุ่มที่วิ่งทะเล้อทะล่าเข้ามาก็ต้องตกใจส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง


กรี๊ดดดดดดดดด” ..


เสียงพาสนาดังออกมาอีก เมื่อเห็นชายหนุ่มวิ่งตรงมาตรงเธอ


เมื่อชายหนุ่มวิ่งมาถึง .........เค้ารีบหันหลังแทบไม่ทัน


พาสนาที่ยังคงอยู่ในสภาพเปลือย ต้องรีบมุดตัวเองลงอยู่ในน้ำทันที


“อย่ามองนะ........” พาสนาตะหวาดเสียงเขียว เมื่อชายหนุ่มวิ่งมาแบบนี้


“พี่......พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ” พิษณุรีบบอกกับอีกฝ่าย


“อย่ามองนะ....ห้ามมอง” พาสนายังคงโวยออกมา เธอซ่อนตัวอยู่ภายใต้น้ำ เหลือแต่ช่วงหัวที่โผล่มาเหนือน้ำ


“พี่ได้ยินเสียงปลาร้อง พี่เลยวิ่งมาดู พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” พิษณุบอกกับอีกฝ่าย เค้ายังคงยืนหันหลังให้เธอ


“.........” พาสนาที่ลอยคออยู่ในน้ำ ได้แต่เงียบนิ่ง


“ว่าแต่ ปลาร้องทำไม มีอะไร” พิษณุร้องถามอีกฝ่าย ทั้งๆ หันหลังให้เธอ


“เสื้อปลา......เสื้อ” พาสนามองไปยังกองเสื้อผ้าของเธอ


“ทำไมมีอะไรหรอ” พิษณุถามอย่างสงสัย


“มีหนอนอ่ะ พี่ณุเอาออกไปที ปลาใส่เสื้อไม่ได้” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม แล้วมองไปยังกองเสื้อผ้าของเธออีกครั้ง


“อ้อ....ได้ๆ” พิษณุพยักหน้ารับ เค้าค่อยๆ เดินถอยหลังไปยังกองเสื้อผ้าของพาสนา


“ตรงไหน...” พิษณุเองก็ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของพาสนาอยู่ตรงไหน เค้าถอยหลังเดินจึงทำให้มองไม่เห็น


“ซ้ายอีกนิด ซ้ายๆ” พาสนาบอกทิศทางให้ชายหนุ่มรับรู้


“อืมมม...” พิษณุเดินตามทางที่พาสนาบอก แล้วเค้าก็เจอกับกองเสื้อผ้าของเธอ


ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าของพาสนาขึ้นมา แล้วสะบัดให้เธอหลายที เจ้าหนอนน้อยที่ร่วงมาพร้อมกับกลีบดอกไม้ ได้ล่วงลงกับพื้นตามแรงสะบัด


“เรียบร้อยแล้ว” พิษณุพูดยิ้มๆ เค้าเผลอตัวหันไปยิ้มให้พาสนาที่อยู่ในน้ำ


“อย่ามอง บอกว่าห้ามมองไง” พาสนาตะหวาดเสียงเขียวใส่อีกฝ่าย เมื่อเห็นเค้าหันมองมาทางเธอ


“เอออ ขอโทษๆ พี่ขอโทษ”พิษณุรีบหันหลังกลับ ก่อนจะวางเสื้อผ้าคืนให้เธอที่เดิม


“พี่ไล่หนอนให้แล้วนะ ปลาใส่เสื้อผ้าได้แล้วล่ะ” พิษณุบอกกับหญิงสาวที่อยู่ในน้ำ


“อืมมม...” พาสนาขานรับเบาๆ


“ไปซิ ยืนทำไมอ่ะ “ พาสนาบอกกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นเค้ายืนนิ่งอยู่กับที่


“เอออ ใช่ พี่ไปรอตรงโน้นนะ” พิษณุรีบบอกกับพาสนา แล้วเดินห่างออกมา


“คนบ้า...” พาสนามองตามหลังชายหนุ่มที่เดินออกไป ด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดงจัด


พิษณุเดินกลับมานั่งที่เดิม ชายหนุ่มอมยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงภาพสาวน้อยที่อยู่ในน้ำ แล้วใบหน้าของเค้าก็เริ่มเป็นสีแดง


พาสนารีบขึ้นจากน้ำ และจัดการใส่เสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อย แต่ก่อนที่จะใส่เธอสำรวจเสื้อของเธออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ.......หญิงสาวจัดการแต่งตัวจนเสร็จ แล้วจึงขึ้นมานั่งบนก้อนหิน


เธอยังไม่หายตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเธอยังคงเป็นสีแดงจัด........เสียงหัวใจยังเต้นดังไม่หยุด


“ปลา แต่งตัวเสร็จรึยัง” เสียงพิษณุร้องถามมาไกลๆ


พาสนาฟังเสียงของชายหนุ่ม แล้วใบหน้าของเธอต้องร้องผ่าวขึ้นมาอีก....


“สะ......เสร็จแล้ว” พาสนาตอบกลับ เธอพยายามเก็บอารมณ์ที่มีเอาไว้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่สำเร็จ


พิษณุลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับมายังพาสนา ชายหนุ่มเอง ก็รู้สึกใจเต้นพิกล เค้ามองเธอแล้วต้องทำเป็นมองไปทางอื่นสลับกันด้วยท่าทางเขินๆ


“อาบน้ำ สบายตัวมั้ย” ชายหนุ่มถามสีหน้าเขินๆ


“อืมมม...” พาสนาพยักหน้าให้เค้าเบาๆ เธอก้มมองแต่พื้นก้อนหินเบื้องล่าง ในเวลานี้เธอไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายจริงๆ


“งะ.....งั้น เราเดินทางกันต่อมั้ย” พิษณุถามพาสนา น้ำเสียงตะกุกตะกัก


“อืมมม...” พาสนาพยักหน้ารับอีก


“ป่ะ...” พิษณุบอกกับเธอ เค้าเองก็แทบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ความรู้สึกบางอย่าง ทำให้เค้ารู้สึกเขินที่จะจ้องหน้าเธอในเวลานี้


“เดี๋ยว...” พาสนาบอกกับอีกฝ่าย


“พี่......พี่ณุไม่อาบน้ำหรอ ปลารอได้นะ” พาสนาบอกกับอีกฝ่าย น้ำเสียงแผ่วเบา


“เออออออ........” ชายหนุ่มทำท่าหยุดคิด เค้าเองก็อยากจะอาบน้ำอยู่เหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าเธอต้องเสียเวลามานั่งรอเค้า


“พี่ณุอาบซิ เดี๋ยวปลาไปนั่งรอตรงโน้นนะ” พาสนาบอกกับอีกฝ่าย เธอลุกขึ้น แล้วเดินไปนั่งตรงโน้นหินต้นน้ำที่ไกลออกไป ใต้ต้นโมกป่า


“งั้นรอพี่แปบเดียวนะ” พิษณุบอกกับพาสนาเมื่อเห็นเธอเดินไปนั่งรอเค้า


“อืมมม... ตามสบาย”พาสนาหันมาส่งยิ้มให้เค้า ด้วยใบหน้าที่เป็นสีชมพู


ชายหนุ่มยืนมองพาสนาที่เดินไกลออกไป แต่เค้าก็ยังคงเห็นเธอ.......แล้วเค้าจึงถอดเสื้อออกเพื่อลงไปอาบน้ำในน้ำตกอันเย็นฉ่ำ


พาสนานั่งมองชายหนุ่มอยู่ไกลๆ แล้วเธอก็ต้องหันมองไปทางอื่นแทน....ดอกโมกป่าร่วงลงมายังพื้นเบื้องล่าง พาสนาหยิบมันขึ้นมา แล้วยิ้มน้อยๆ




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:19:44 น.  

 


ปัฐวี มีอาการกระสับกระส่าย ผุดลุก ผุดนั่งอยู่ที่ล็อบบี้รีสอร์ท เค้ากำลังรอฟังข่าวการออกค้นหาพาสนา และพิษณุตามบ้านของชาวประมงระแวกใกล้เคียง


อรินยา นั่งกัดเล็บมือของเธออย่างใช้ความคิด หญิงสาวเองก็มีอาการกระวนกระวายใจไม่แพ้ปัฐวีเช่นกัน ต่างกันตรงที่เธอไม่ได้ผุดลุกผุดนั่งเหมือนชายหนุ่ม แต่เธอกำลังนั่งภาวนาของให้ตามตัวพาสนาพบ


ปัญจรีที่นั่งอยู่ข้างๆ อรินยา นั่งมองชายหนุ่มที่มีอาการกระสับกระส่าย ด้วยแววตาหมอง


ผู้จัดการรีสอร์ท ที่ออกไปถามข่าวจากทีมหน่วยกู้ภัย เดินเข้ามายังรีสอร์ท ด้วยท่าทางที่เงียบนิ่ง


ปัฐวีเห็นผู้จัดการที่เดินเข้ามา ชายหนุ่มรีบเดินตรงเข้าไปถามข่าวทันที


“เป็นไงบ้างครับ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย” ปัฐวีร้องถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน


“.......” ผู้จัดการมีสีหน้าเครียดๆ เค้าส่ายหน้าไปมาเบาๆ


ปัฐวีขมวดคิ้วแน่น จ้องหน้าผู้จัดการด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“แต่เรายังพอมีหวังนะครับ.....เหลือข่าวจากทางเกาะโน้น” ผู้จัดการหันมาบอกกับปัฐวีอย่างมีความหวัง


“.......” ชายหนุ่มยืนนิ่ง เค้าเองก็หวังให้ได้รับข่าวดีจากทางเกาะ เช่นกัน
.
.
.
พาสนานั่งมองบรรยากาศรอบๆ ตัวด้วยความรู้สึกสดชื่น....ธรรมชาติสวย น้ำใส และดอกไม้หอม เป็นสิ่งที่ทำให้อาการเครียดของเธอลดลงได้มาก


แต่หญิงสาวก็ต้องรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าของเธออีกครั้ง เธอค่อยๆ ก้มจับข้อเท้าของเธอ ตอนนี้มันบวมหนักกว่าเก่าอย่างมาก


“อุ้ย....เจ็บ...” พาสนาใช้มือจับตรงรอยบวมที่ข้อเท้า แล้วต้องรู้สึกเจ็บขึ้นมา


“ปลา พี่อาบน้ำเสร็จแล้ว” พิษณุเดินเข้ามาหาพาสนาด้วยท่าทางสดชื่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ


“สะ...เสร็จแล้วหรอพี่ณุ” พาสนารีบเลื่อนขากางเกงปิดตรงที่เป็นส่วนเขียวช้ำอย่างรวดเร็ว


“ขาเป็นอะไร เจ็บหรอ” พิษณุเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ต้องให้เกิดสงสัย ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ พาสนา เค้าทำท่าจะเปิดดูข้อเท้าของเธอ


“ไม่....ปลาไม่เป็นไร” พาสนารีบบอกปัดชายหนุ่ม เธอหดขาตัวเองเอาไว้


พิษณุจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ดูมีพิรุจ เค้าไม่ยอมเชื่อเธออีก ชายหนุ่มเอื้อมมือจับเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้


“ไหนมาดูซิ” พิษณุจับเท้าของพาสนาเอาไว้ แล้วเลิกขากางเกงของเธอขึ้นเพื่อดูข้อเท้าให้เธอ


“ปลาบอกว่าไม่เป็นอะไรไง” พาสนารีบบอกกับชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะเค้าได้เห็นรอยเขียวช้ำที่ข้อเท้าเธอเต็มสองตา


“ปลา...” ชายหนุ่มเงยหน้าจ้องมองหญิงสาวด้วยดวงตาดุ


“คือ...” พาสนารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะดุเธอเรื่องนี้ เธอได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆ


“ทำไมไม่บอกพี่ ทำไมปล่อยให้มันอักเสบขนาดนี้” พิษณุทำเสียงดุใส่อีกฝ่าย


“ก็....ก็ปลา...” พาสนาพูดด้วยสีหน้าหงอยๆ


“ดูซิ บวมขนาดนี้...” พิษณุมองดูที่ข้อเท้าของเธออีกครั้ง ดวงตาดุเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดวงตาของความสงสาร


“เจ็บมากใช่มั้ย” เค้าเงยหน้าถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น


พาสนาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรดี กับความรู้สึกที่เค้ามอบให้ เธอพยักหน้ารับเบาๆ ด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ออกมา เพราะความเจ็บของบาดแผล และความซึ้งใจในความห่วงใยที่ชายหนุ่มมอบให้


“อ้าว...เป็นอะไรไป” พิษณุมองหน้าอีกฝ่าย ที่ตอนนี้เธอมีน้ำตาซึมออกมา


“.....” พาสนาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ น้ำตาใสๆ ของเธอไหลล่วงลงมา


พิษณุมองหญิงสาวตรงหน้า อาการเธอเหมือนเด็กน้อยที่กำลังร่ำไห้ออกมาเพราะความอ่อนแอในใจ


“เจ็บมากหรอ” พิษณุถามอีกฝ่ายอย่างห่วงใย


“อืมม...” พาสนาพยักหน้ารับ จริงๆ เธอเจ็บที่ขาเหลือเกิน แต่เพราะต้องอดทนเก็บอาการเอาไว้อยู่นานสองนาน พอโดนจับได้ จึงทำให้เธอเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหวอีก เธอจึงร้องไห้ออกมา


“โธ่....” พิษณุมองอีกฝ่ายอย่างสงสาร เค้าดึงเธอมากอดเอาไว้ พร้อมกับปลอบใจเธอ


“เจ็บจริงๆ นะ มันเจ็บมากเลยอ่ะ” พาสนาร้องบอกชายหนุ่มออกมา พร้อมน้ำตาที่ไหลริน


“.......” พิษณุยกมือลูบผมเธอเบาๆ เค้าคอยปลอบใจเธอ เค้ารู้ดีว่าเธอคงอดทนมานาน ยิ่งคิดเค้าก็ยิ่งสงสารเธอเหลือเกิน


พาสนาซบหน้ากับอกชายหนุ่ม เธอร้องไห้ออกมาอยู่พักใหญ่. เมื่อหญิงสาวเริ่มหยุดร้องไห้ลง พิษณุก็มองเธอด้วยดวงตาของความห่วงใย เค้ายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มให้เธออย่างแผ่วเบา


“ไม่ร้องนะคะคนดี.....เดี๋ยวเราพักกันตรงนี้ก่อนนะ รอให้หายเจ็บแล้วค่อยเดินทางต่อ” พิษณุบอกกับเธอน้ำเสียงอ่อนโยน


“หึ...ไม่ๆ เดินทางต่อเถอะ ปลาไปไหว” พาสนาพยายามฝืนตัวเธอ บอกกับอีกฝ่าย


“ไม่ต้องแล้ว....พี่อยากให้ปลาพัก อย่าฝืนเลยนะ” พิษณุบอกกับพาสนาพร้อมกับกอดเธอเอาไว้


“พี่ณุ......ปลาขอโทษนะ ที่ทำให้การเดินทางช้าอ่ะ” พาสนาบอกกับพิษณุ


“ไม่เป็นไร...นี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วย พักที่นี่ก็ดีนะ” พิษณุยิ้มให้พาสนา


“อืมม....” พาสนาพยักหน้าให้เค้าเบาๆ


“งั้นปลานั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปหาเศษกิ่งไม้มาก่อกองไฟให้” พิษณุกล่าวสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้น


พาสนานั่งมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


แล้วพิษณุก็เดินออกไปหากิ่งไม้แห้งมาเตรียมไว้สำหรับคืนนี้.....


พาสนามองชายหนุ่มที่เดินห่างออกไป แล้วก้มมองที่ขาของเธออีกครั้ง....สัมผัสอ่อนโยน และแผ่วเบาที่เค้ามอบให้ มันทำให้เธอรู้สึกดี และอบอุ่นในหัวใจอย่างมาก
.
.
.
ปัฐวียังคงนั่งรอข่าวอยู่ที่ล็อบบี้ของรีสอร์ท...


ผู้จัดการรีสอร์ท เดินออกมาหาเค้าด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ


“คุณครับ เราได้ข่าวจากทางเกาะฝั่งโน้นแล้ว” ผู้จัดการบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“อะไรนะครับ เจอปลากับคุณณุแล้วหรือครับ” ปัฐวีได้ฟังจากทางผู้จัดการก็รีบลุกขึ้นร้องถามด้วยท่าทางตื่นเต้น


อรินยา และปัญจรีเองก็มีอาการตื่นเต้นไม่แพ้กัน


“ครับ คือชาวประมงที่ช่วยออกตามหา ได้แจ้งมาว่า พวกเค้าเจอกองไฟทางด้านหลังเกาะ” ผู้จัดการตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“เราคาดว่า คงเป็นกองไฟที่พวกคุณณุ กับคุณพาสนาก่อเอาไว้” ผู้จัดการบอกกับชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“หะ.....ดีเลยซิครับ” ปัฐวียิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น


“งั้นเราออกไปตามณุ กับปลากันดีกว่าค่ะ” อรินยารีบบอกกับทุกคน


“ครับ ผมสั่งให้คนงานเตรียมเรือไปที่เกาะแล้ว” ผู้จัดการบอกกับทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มดีใจ


“ดีเลย ขอให้เป็นกองไฟของคุณณุ กับปลาทีเถอะ” ปัฐวีกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ


แล้วทุกคนต่างก็หันหน้ายิ้มให้กันด้วยความหวังที่มี


ณ ล็อบบี้นั้น มีชายหนุ่มลึกลับ ที่นั่งฟังเรื่องราวอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน...




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:19:59 น.  

 

พิษณุนำกิ่งไม้แห้งมาวางกองไว้สำหรับใช้ในค่ำคืนนี้....


พาสนานั่งมองชายหนุ่มทำโน้น ทำนี่แล้วนึกอยากจะช่วยบ้าง เธอลุกขึ้นหวังจะช่วยเค้าหากิ่งไม้ ใบไม้มาทำเป็นที่นอน แต่เมื่อพิษณุเห็นพาสนาทำท่าจะลุกขึ้น เค้าก็รีบร้องห้ามเธอทันที


“ปลาจะทำอะไร” ชายหนุ่มถามพาสนาเมื่อเห็นเธอลุกขึ้น


“อ้อ ปลาจะไปหาใบไม้มาทำที่นอนไง” พาสนาตอบยิ้มๆ


“ไม่ต้องเลยๆ นั่งเฉยๆ” พิษณุบอกกับพาสนาด้วยน้ำเสียงดุนิดๆ


“อ้าว ทำไมล่ะ” พาสนาขมวดคิ้วถาม


“อยู่เฉยๆ ตัวเองก็เจ็บอยู่” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ เค้าจับตัวพาสนาให้นั่งลงกับก้อนหิน


“แต่ปลาอยากช่วยนิ อยู่เฉยๆ ให้พี่ณุ ทำโน้นทำนี่ มา 2 วันแล้วนะ” พาสนาบอกกับชายหนุ่มถึงความตั้งใจที่เธอมี


พิษณุมองหน้าพาสนา เค้ายิ้มออกมาเมื่อเห็นความหวังดีของอีกฝ่าย ชายหนุ่มยกมือจับศีรษะพาสนาเบาๆ


“ไม่ต้องหรอกนะ ถ้าอยากช่วยพี่ อยู่เฉยๆ ทำตัวดีๆ ก็พอ” ชายหนุ่มบอกกับพาสนาสีหน้ายิ้มๆ


พาสนาฟังคำของอีกฝ่ายก็ต้องยิ้มบางๆ ออกมา...


“อืมม มานั่งตรงนี้มา” พิษณุพูดจบ ก็จูงพาสนาให้ไปนั่งริมก้อนหิน หันหน้าไปทางน้ำตก


“มีอะไรหรอ” พาสนาหันมาร้องถามชายหนุ่ม


“นั่งนิ่งๆ ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้ดู” พิษณุบอกกับพาสนา หลังจากพาเธอมานั่งตรงจุดที่เค้าต้องการให้เธอนั่ง


ชายหนุ่มหันมายิ้มให้พาสนา แล้วเดินลงไปตรงริมชายน้ำ เค้าถอดเสื้อออก เพื่อไม่ให้เปียกน้ำ....พาสนาตกใจอย่างมาก เธอยกมือขึ้นปิดตาของตัวเอง


“บ้าหรอพี่ณุ......” พาสนาร้องตะโกนออกมา


“หึหึหึ....” พิษณุยิ้มขำๆ เค้าเดินลงไปในน้ำที่ลึกขึ้น


พาสนาที่นั่งปิดตาอยู่ที่ก้อนหินนั้น จริงๆ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าพิษณุกำลังจะทำอะไร เธอค่อยๆ แอบดูเค้าจากช่องนิ้วของเธอ....


ภาพชายหนุ่มกำลังทำอะไรสักอย่างในน้ำ เธอมองเค้าด้วยสีหน้าที่เป็นสีแดงจัด หัวใจเธอกำลังเต้นแรง กล้ามเนื้อที่อกของเค้าเป็นมัดๆ ไหล่กว้าง ผิวขาว ตอนนี้มีเม็ดน้ำกระเด็นเกาะเป็นเม็ด


พาสนามองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เธออยากจะสลัดความรู้สึกนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ภาพของอีกฝ่ายช่างดูมีเสน่ห์ และชวนมองอย่างมาก


“เฮ........ได้แล้วๆ ปลาดูซิ” พิษณุยิ้มกว้างออกมา เค้าชูไม้ในมือที่มีปลาตัวขนาดย่อมๆ ติดมาด้วยให้พาสนาดู


“โห........เก่งจัง” พาสนาลดมือลง แล้วมองปลาที่ติดอยู่กับไม้แหลมในมือของพิษณุ ด้วยความตื่นเต้น


พิษณุยืนยิ้มกว้างให้เธอ ด้วยความดีใจ


พาสนายิ้มตอบ แต่แล้วเธอก็ต้องหน้าแดงจัดขึ้นอีก เมื่อสายตาของเธอไม่ได้หยุดแค่ตรงปลาที่ติดอยู่ที่ไม้แหลม แต่มันกลับมองไปที่ร่างกายของอีกฝ่าย อย่างไม่ตั้งใจ


“วันนี้เราได้ปลากินแล้วนะ” พิษณุเดินขึ้นมาจากน้ำ เค้าชูปลาที่จับได้ให้พาสนาดูใกล้ๆ


“อืมมม...” พาสนาก้มหน้าด้วยความรู้สึกอายๆ เธอรู้ดีว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงจัด


พิษณุจ้องมองหน้าของอีกฝ่าย แล้วให้อมยิ้ม.....ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ในคราบแมนๆ ห้าวๆ ของเธอนั้น จริงๆ แล้วเธอไม่คุ้นเคยกับผู้ชายเอาซะเลย มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกเอ็นดูเธอมากขึ้นไปอีกหลายต่อหลายเท่า
.
.
.
ปัฐวี และผู้จัดการรีสอร์ท เดินไปยังชายหาดเพื่อขึ้นเรือยนต์ซึ่งจะเดินทางไปยังเกาะลำหล้า


อรินยา และปัญจรีเดินตามลงไปที่ชายหาดด้วย


“ยาย่าอยากไปด้วยจังค่ะ” อรินยา กล่าวน้ำเสียงสลด


“ผมว่าคุณรออยู่ที่นี่ดีกว่านะ แล้วผมจะรีบตามปลา กับคุณณุกลับมา” ปัฐวีบอกกับหญิงสาว


“ยังไง ฝากคุณตุ้มตามหาปลาให้เจอด้วยนะคะ” อรินยา กล่าวน้ำเสียงอ้อนวอน


“ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงผมก็ต้องหาตัวปลาให้เจอ” ปัฐวีตอบน้ำเสียงหนักแน่น


“ผมว่าเรารีบไปเถอะครับ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน” ปัฐวีหันไปบอกกับผู้จัดการรีสอร์ท


“ครับ” ผู้จัดการพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นเรือ


ปัฐวีเดินตามผู้จัดการไปติดๆ ปัญจรีที่ยืนอยู่ข้างๆ อรินยา รีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เธอจับแขนของเค้าไว้ ปัฐวีหันมองกลับมายังหญิงสาวที่จับแขนของตน


ปัญจรีจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาห่วงใย


“ระวังตัวนะ” เธอกล่าวกับเค้าน้ำเสียงแผ่วเบา


“ขอบคุณครับ” ปัฐวีใช้มืออีกข้างของเค้า จับมือของหญิงสาวที่จับแขนของเค้าไว้ แล้วบีบเบาๆ


แล้วชายหนุ่มก็เดินขึ้นเรือยนต์ เพื่อออกเดินทางไปยังเกาะลำหล้า...


สองสาวยืนมองเรือยนต์ที่แล่นห่างออกไป ด้วยความหวังว่าจะได้พาสนา และพิษณุกลับมาด้วย......


หลังจากเรือยนต์แล่นห่างออกไป อรินยา และปัญจรี ก็เดินกลับขึ้นบ้านพัก......


เพียงไม่นาน มีเรือยนต์อีกลำ แล่นตามเรือยนต์ที่ปัฐวี และผู้จัดการรีสอร์ท ไปติดๆ
.
.
.
เรือยนต์ แล่นมาจอดที่ท่าเรือของเกาะ โดยมีชาวประมงอยู่ยืนรออยู่ 2 คน


ปัฐวี ผู้จัดการรีสอร์ท และทีมกู้ภัย ขึ้นมายังท่าเรือ แล้วเดินตรงไปหาชาวประมงทั้งสอง


“สวัสดีครับผู้จัดการ” ชาวประมงทั้งสองยกมือสวัสดีผู้จัดการรีสอร์ท อย่างอ่อนน้อม


“สวัสดีครับ ว่าไงครับ เจอกองไฟที่ไหน” ผู้จัดการร้องถามด้วยอาการร้อนใจ


“อ้อ ทางด้านหลังเกาะด้านโน้นครับ” ชาวประมงผิวเข้มบอกกับผู้จัดการรีสอร์ท พร้อมชี้มือไปทางด้านหลังเกาะ


“พวกคุณช่วยพาพวกผมไปหน่อยได้มั้ยครับ” ผู้จัดการรีสอร์ท กล่าวกับคนทั้งสอง


“ได้ซิครับ เชิญครับ” ชาวประมงผิวสีเข้ม เดินนำผู้จัดการรีสอร์ทไปทางชายหาด


แล้วทุกคนต่างก็เดินตามชาวประมงทั้งสองไปเรื่อยๆ......ทั้งหมดไปหยุดตรงที่สุดหาดทางด้านขวา ซึ่งมีผาหินสูงตั้งตระหง่านอยู่ ปัฐวีเงยหน้ามองผาหินด้วยความรู้สึกสงสัย


“ไหนล่ะครับ” ปัฐวีร้องถามอย่างสงสัย


“อยู่หลังเกาะครับ เราต้องเดินทะลุอุโมงค์ไป” ชายชาวประมงผิวเข้มหันมาตอบ ก่อนที่จะเดินนำคณะ เข้าไปทางด้านหลังก้อนหินก้อนใหญ่


ปัฐวีมองตามด้วยสีหน้าสงสัย แต่เค้าก็เดินตามไปแต่โดนดี


แล้วชายหนุ่มก็ต้องพบกับ ช่องแคบๆ หลังก้อนหินนั้น ทุกคนต่างก็เดินผ่านเข้าไปในช่องแคบๆ นั้น แสงสว่างเริ่มหดหาย แสงไฟจากกระบอกไฟฉายสว่างขึ้น........มันกำลังนำทางทุกคนเดินผ่านช่องหินน้อยใหญ่ ไปเรื่อยๆ แล้วปัฐวีก็ต้องแปลกใจเมื่อเค้าเดินผ่านออกมาเจอกับหาดกว้างอีกหาดหลังก้อนหินใหญ่นั้น


“นี่ล่ะครับ หาดหลังเกาะ” ชายชาวประมงบอกกับทุกคน หลังจากที่เดินผ่านช่องหินออกมาครบหมดแล้ว




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:20:16 น.  

 


ชายชาวประมงสองคน ต่างก็พาคณะทีมหน่วยกู้ภัย ผู้จัดการรีสอร์ท และปัฐวี เดินเข้าไปในป่าด้านใน


ป่าที่รกทึบ มีร่องรองของการเดินทาง ต้นไม้เล็กที่ล้มลงกับพื้น แสดงให้เห็นว่ามีคนได้เดินผ่านไปไม่นานมานี่เอง....


ปัฐวีมองไปรอบๆ เค้ารู้สึกถึงความยากลำบากของคนที่เดินทางผ่านเข้ามาได้ดี....แล้วเพียงไม่นาน ชายชาวประมงก็มาหยุดตรงซากกองฟื้น ที่เหมือนจะโดนไฟเผาไว้ไม่นานเท่าไหร่


“ตรงนี้ล่ะครับ” ชายชาวประมงผิวเข้มหันมาบอกกับผู้จัดการรีสอร์ท


ปัฐวี นั่งลงมองกองฟื้น แล้วเค้าก็มองไปรอบๆ ชายหนุ่มเห็นกองใบไม้ ที่ถูกวางเรียงซ้อนกันอยู่ไม่ไกลนัก


“นี่แสดงว่า คุณณุมาพักนอนค้างคืนที่นี่แน่ๆ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวขึ้น


“ท่าจะใช่นะครับ” ปัฐวีหันไปหยิบเศษกิ่งไม้ ที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเกาะติดอยู่


ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ เค้าก็พบว่าเป็นเศษของหัวมัน และไม้ที่มีเศษเนื้อหัวมันติดอยู่นั้น มีอยู่ถึง 2 อันด้วยกัน ปัฐวีมองเศษหัวมันด้วยรอยยิ้ม


“ปลายังปลอดภัยดี” เค้าพูดออกมาเบาๆ อย่างโล่งใจ


“ผมว่าเรารีบเข้าไปตามพวกเค้ากันเถอะครับ” ปัฐวีหันมาบอกกับผู้จัดการด้วยสีหน้าดีใจ


“ไม่ได้หรอกครับ ...” ชายชาวประมงอีกคนพูดขึ้น


“ทำไมล่ะ” ปัฐวีหันมองไปทางเค้า แล้วร้องถามอย่างสงสัย


“นี่ก็ใกล้มืดเต็มทน อุปกรณ์พวกเราก็ไม่มี ในป่ามีสัดว์ป่ามากมาย ผมว่าเรารอออกตามพรุ่งนี้ดีกว่า” ชายชาวประมงกล่าวขึ้น


“ยิ่งมีสัตว์ป่า ก็ต้องยิ่งรีบออกตามหาซิ” ปัฐวีพูดน้ำเสียงฮ้วน


“พวกเค้าคงหยุดพักแรมกันก่อน แสงไฟจะคุ้มครองพวกเค้าครับ” ชายชาวประมงคนเดิมพูดเพิ่มเติม


“ผมว่าเราเชื่อเค้าดีกว่านะคุณตุ้ม” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวกับปัฐวี


ชายหนุ่มมีท่าทางร้อนใจ แต่หากถ้าเค้าเข้าไปเองตามลำพังก็คงไม่สามารถตามหาพาสนากับพิษณุได้พบแน่ๆ ชายหนุ่มจึงจนใจต้องทำตามคำบอกของชาวประมงทั้งสอง


“งั้นพวกคุณกลับไปพักที่บ้านผมแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้เราจะออกตามหาพวกเค้าแต่เช้า” ชายชาวประมงผิวเข้มกล่าว


“ก็ดีครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวรับ


แล้วทุกคนก็หันเดินทางกลับไปยังทางเดิมที่เดินมา.......ปัฐวียังคงยืนมองเข้าไปในป่าลึก


“คุณตุ้มครับ เราไปกันเถอะครับ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า คุณณุกับคุณพาสนาก็ปลอดภัยดี” ผู้จัดการรีสอร์ท หันมาบอกกับปัฐวีด้วยสีหน้ายิ้มๆ


ปัฐวีหันมองกลับไปยังผู้จัดการรีสอร์ท เค้าเข้าใจถึงความหมายของผู้จัดการดี ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินกลับไปกับคณะ แล้วเค้าก็หันกลับมองไปในป่าอีกครั้ง


“ปลา รอฉันนะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปรับเธอ” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงนิ่ง ก่อนจะหันกลับ แล้วเดินตามคณะกลับไปยังหาดอีกฝากของเกาะ
.
.
.
แสงไฟจากกองไฟส่องสว่าง.........เสียงไม้ลั่นจากการโดนความร้อนดังออกมาเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมจากปลาเผาลอยเตะจมูกคนที่นั่งมองมันอยู่


“ใกล้สุกแล้ว” พิษณุหันมาบอกกับพาสนายิ้มๆ


“อืมมม” พาสนายิ้มออกมา ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองเจ้าปลาตัวย่อม ที่ถูกเสียบไม้อยู่


“หิวมั้ย” พิษณุถามพาสนา


“เอออ...” พาสนาหันมองชายหนุ่ม แล้วเธอก็ยิ้มอายๆ ออกมา เพราะตอนนี้ท้องของเธอกำลังร่ำร้องอยากจะลิ้มรสเนื้อปลาในมือของพิษณุจะแย่อยู่แล้ว


“หึหึ...” ชายหนุ่มมองหน้าพาสนาแล้วให้อดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้


“พี่ณุ ขำอะไร” พาสนาขมวดคิ้วถามอีกฝ่ายเมื่อเห็นเค้าหัวเราะ


“ป่าว” ชายหนุ่มตอบปฏิเสธ แล้วหันมองไปยังปลาเผาในมือ


“แปลกคน เห็นหัวเราะอยู่แท้ๆ ร้องป่าว” พาสนาทำหน้าตูมนิดๆ มองชายหนุ่ม


“อ๊ะ ได้แล้ว...” พิษณุหันมาบอกกับพาสนา พร้อมกับยกเจ้าปลาเผาในมือวางลงบนใบไม้ที่เตรียมไว้


พาสนายิ้มออกมาเมื่อเห็นเจ้าปลาน้อยถูกวางอยู่ตรงหน้า


“นี่......หอมเชียว” พิษณุบอกกับพาสนายิ้มๆ


ชายหนุ่มจัดการค่อยๆ ลอกหนังของปลาตัวย่อมออก โชว์เนื้อขาวๆ ของมันส่งกลิ่นหอมน่ากิน พาสนาจ้องปลาด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอแทบทนกลืนน้ำลายไม่ไหว


พิษณุมองอีกฝ่ายยิ้มๆ แล้วชายหนุ่มก็ใช้มือของเค้าค่อยๆ หยิบเนื้อปลาร้อนๆ ขึ้นมา เค้าเอามันมาเป่าให้เย็นลง


“อ๊ะ...” ชายหนุ่มยื่นเนื้อปลาในมือส่งให้พาสนา


หญิงสาวมองเนื้อปลาในมืออีกฝ่าย เธอยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อรับเนื้อปลานั้น


“ไม่ต้อง...” พิษณุใช้มืออีกข้าง จับมือพาสนาเอาไว้


“อ้าว...” พาสนาร้องออกมาด้วยความไม่เข้าใจ


“อ้าปากซิ” ชายหนุ่มบอกกับพาสนาสีหน้ายิ้มๆ


เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายบอกแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็เริ่มเป็นสีแดงทันที.....พาสนารู้สึกเขินอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายแสดงความต้องการที่จะป้อนเนื้อปลาให้กับเธอ


“อ้าปากซิคะ” ชายหนุ่มบอกกับเธออีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนหวานของเค้าทำเอาพาสนาใจเต้นไม่หยุด


พาสนาไม่พูดอะไร เธอมองเค้าด้วยใบหน้าที่เป็นสีชมพู แล้วเธอก็ค่อยๆ อ้าปากขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก พิษณุยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะค่อยๆ ป้อนเนื้อปลาใส่ปากของพาสนา หญิงสาวค่อยๆ เคี้ยวเนื้อปลาที่อยู่ในปาก พิษณุจ้องมองเธอด้วยแววตาบางอย่าง


“อร่อยมั้ย” เค้าถามเธอน้ำเสียงนุ่ม


“อืมม” พาสนาพยักหน้าให้เบาๆ


พิษณุจ้องมองเธอแล้วยิ้มหวานออกมา รอยยิ้มนี้ ทำเอาพาสนาแทบจะวางตัวไม่ถูก เธอได้แต่ก้มหน้าเคี้ยวเนื้อปลาในปาก ด้วยอาการเขินสุดๆ


“อ๊ะ กินเยอะๆ จะได้แข็งแรง..” พิษณุหยิบเนื้อปลาขึ้นมาอีก แล้วป้อนให้เธอ


“แล้วพี่ณุไม่กินหรอ” พาสนาถามชายหนุ่มเมื่อเห็นเค้าเอาแต่ป้อนให้เธอ


“ปลากินก่อนเถอะ คนป่วยต้องบำรุงหน่อย” พิษณุบอกกับเธอยิ้มๆ


“ไม่ได้ พี่ณุก็เหนื่อยนะ” พาสนาส่ายหน้าไปมาแบบไม่เห็นด้วย


“พี่ณุกินบ้างซิ ให้ปลาคนเดียว ปลากินไม่ลง” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม


“แต่พี่อยากป้อนปลาก่อนนิ” พิษณุบอกกับเธอ


“งั้น....” พาสนาทำท่าคิดชั่วครู่ แล้วเธอก็ใช้มือของเธอหยิบเนื้อปลาจากตัวปลาขึ้นมา


“ปลาป้อนพี่คืนนะ” พาสนาบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะยืนปลาในมือของเธอให้กับชายหนุ่ม พิษณุมองพาสนาด้วยท่าทางอึ้งๆ เค้าไม่คิดว่าพาสนาจะทำแบบนี้ แต่เค้าก็ดีใจที่เธอทำ


“อ้าปากเร็ว....อ้าาาา...” พาสนาบอกให้ชายหนุ่มอ้าปากให้เธอป้อน พิษณุยิ้มขำๆ ออกมา ก่อนจะยอมอ้าปากตามที่พาสนาบอก


แล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนเนื้อปลาในมือของเธอให้กับชายหนุ่ม


“อร่อยใช่ม้าาา” พาสนา พูดยิ้มๆ


“อืมมม” พิษณุพยักหน้ายิ้มตอบ เค้าจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาบางอย่าง แววตาที่เค้าเองก็ไม่เคยใช้มองผู้หญิงคนไหนเลย




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:20:31 น.  

 



คืนนี้ฟ้าเปิด ทำให้เห็นดวงดาวมากมายที่ลอยเกลื่อนอยู่เต็มฟ้า.........แสงดาวระยิบระยับน่ามองเอามากๆ


เมื่อจัดการกับอาหารมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว.....พาสนาก็มานั่งมองดาวบนก้อนหินใหญ่ เธอนั่งแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้ากว้าง แล้วยิ้มออกมาอย่างสบายใจ


พิษณุที่จัดการเติมกิ่งไม้ในกองไฟเสร็จ ก็เดินมานั่งข้างๆ พาสนา เค้าแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าตามเธอ


“คืนนี้ดาวสวยจังเนอะ” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ


พาสนาละสายตาจากท้องฟ้า หันมองคนข้างๆ เธอยิ้มออกมาบางๆ แล้วมองกลับไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง


“ตรงนั้นเรียกว่า ดาวอะไร พี่ณุรู้มั้ย” พาสนาชี้มือไปยังดวงดาวที่ท่อแสงสุกสดใส สว่างกว่าดาวดวงอื่นๆ


ชายหนุ่มมองตามมือของพาสนา เค้ามองดาวดวงนั้นอย่างพิจรณา


“น่าจะเป็นดาวเหนือนะ” ชายหนุ่มต่อแบบไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ เพราะเค้าเองก็ไม่ค่อยสันทัดเรื่องดวงดาวมากนัก


“หรออ...” พาสนาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดาวดวงนั้นคือดาวอะไร แต่เธอชอบมันตรงที่ส่องแสงเด่นชัดกว่าใครๆ


“มันส่องแสงสว่างดีเนอะ สวยจัง” พาสนาบอกออกมาพร้อมกับสีหน้ายิ้มๆ


ชายหนุ่มมองไปที่ดวงดาว แล้วหันมองกลับมาที่พาสนา เค้าจ้องใบหน้าของเธอที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้ชายหนุ่มต้องยิ้มตาม


“ใช่....สวย” เค้าตอบเธอน้ำเสียงหวานน่าฟัง จนทำเอาคนที่ได้ยินต้องละสายตาจากดวงดาว แล้วหันมองกลับไปที่เค้า


เมื่อพาสนาหันมองไปยังชายหนุ่ม เธอก็พบกับดวงตาเป็นประกายของเค้าที่กำลังจ้องมองเธออยู่ ดวงตาคู่นั้นมันหวานซึ้ง และมีความหมายบางอย่างแผงอยู่


พาสนารู้สึกร้อนวูบไปทั้งใบหน้า เธอรีบหันหน้าหลบสายตาจากเค้า แล้วมองกลับไปยังท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว....ภายในใจของเธอมันเต้นแรงพิกล มันสั่นอย่างไม่มีสาเหตุ


พิษณุนั่งมองหญิงสาว แล้วให้ยิ้มออกมา เค้ามองเธอในท่าทางเขินๆ แบบนี้ ก็ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ........ชายหนุ่มเอนกายลงนอนกับก้อนหิน เค้ามองไปบนท้องฟ้าเหมือนกับพาสนาอีกครั้ง


“ปลา...” ชายหนุ่มเรียกพาสนาน้ำเสียงนุ่ม


“หืมม...” พาสนาขานรับ เธอพยายามสงบใจของเธอให้มากที่สุด


“ถ้า....ถ้าเรากลับไปกรุงเทพฯ เราจะยังคงพูดกันดีๆ แบบนี้มั้ย” พิษณุกล่าวถามพาสนาขึ้นด้วยความรู้สึกจากภายในใจของเค้า


“.......” พาสนานิ่งเงียบไปกับคำถามนี้ เธอไม่อาจตอบอีกฝ่ายได้


จริงซิ ก่อนมาที่นี่เธอกับเค้าดูเหมือนน้ำ กับน้ำมัน ที่เข้ากันไมได้ เจอกันทีไรต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันเรื่อยไป แต่พอมาติดอยู่ที่เกาะนี่สองคน เธอกับเค้า กลับปรับตัวเข้าหากันได้ ซึ่งต่างจากตอนที่อยู่กรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง


พาสนาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พอกลับไปยังกรุงเทพฯ เธอและเค้าจะยังคงพูดคุยกันดีๆ เหมือนอย่างนี้อีกหรือเปล่า


“ปลา....” ชายหนุ่มเอื้อมมือของเค้าจับมือของพาสนาเอาไว้


“หืมมม..” พาสนาขานรับเบาๆ อีกครั้ง


“พี่อยากจะบอกกับปลานะ.........ว่าพี่” ชายหนุ่มบีบมือของเธอเบาๆ เค้าจ้องมองหน้าของเธอ


พาสนาหันมองกลับมาที่ชายหนุ่มข้างๆ เธอมองไปที่ดวงตาของเค้า ที่มันกำลังแสดงความรู้สึกภายในใจที่เค้ามี


“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องต่างๆ ที่พี่ได้ทำลงไป” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษหญิงสาวจากใจของเค้า สำหรับเรื่องยุ่งๆ ที่เค้าได้ทำไว้กับเธอ


พาสนามองหน้าอีกฝ่าย เธอรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เค้าพูดมันออกมาจากใจ.......เธอยิ้มให้เค้าบางๆ


“ปลาก็ขอโทษ ที่ทำเรื่องแย่ๆ ไว้กับพี่ณุ......ปลาหาเรื่องพี่ก่อนเสมอ” พาสนาบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด


พิษณุมองหน้าพาสนา เค้ายิ้มออกมาให้เธอ


แล้วชายหนุ่มก็ยกแขนอีกข้างจับแขนพาสนา แล้วดึงเธอให้ลงมาหาตัวเค้า.....พาสนาเองอยากจะฝืน แต่เธอกลับไม่ทำ เธอยอมล้มลงนอนซบอกของเค้าแต่โดยดี ชายหนุ่มกอดพาสนาเอาไว้อย่างอ่อนโยน.....พาสนาเองก็ซบหน้ากับอกกว้างอย่างไม่ขัดขืน


“พี่อยากจะจดจำวันเวลาแบบนี้ไว้จัง........วันเวลาที่ดีของเรา” พิษณุกล่าวน้ำเสียงนิ่ง


พาสนานอนฟังชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าอะไรก็ตามที่กำลังรอเธอ และเค้าอยู่ เธอก็จะไม่มีวันลืมวันเวลาดีๆ แบบนี้เด็ดขาด


ทั้งคู่ต่างก็นอนดูดวงดาวด้วยกันในค่ำคืนนี้ ค่ำคืนที่ท้องฟ้าสดใส ค่ำคืนที่หัวใจทั้งสองเป็นสุข
.
.
.
เพียงไม่นาน ยามเช้าของวันใหม่ก็เข้ามาถึง


เหล่าคณะทีมกู้ภัย ออกเดินทางแต่เช้ามืด ด้วยความร้อนใจของปัฐวี ชายหนุ่มรีบเรียกทุกคนในคณะ ให้ออกมาตามหาพาสนาและพิษณุตั้งแต่เช้ามืด


ทีมกู้ภัย เตรียมอุปกรณ์ลุยป่ามาอย่างพร้อมเพียง .........ทุกคนต่างมุ่งหน้าเข้าสู่ผืนป่าที่รกทึบเพื่อตามหาคนสองคน รั้งท้ายทีมกู้ภัย มีชายคนหนึ่ง ได้ค่อยๆ เดินตามมาอย่างเงียบๆ


ชาวประมงนำทาง และทีมกู้ภัย ต่างช่วยกันแกะรอยในป่ามาเรื่อยๆ.......จากป่ารกทึบ จนหลุดออกมายังพื้นที่โล่ง


“ข้างหน้ามีน้ำตก” ชายชาวประมงหันไปบอกกับทุกคน แล้วเค้าก็เดินไปทางน้ำตกที่ว่านั่นอย่างคุ้นเคย


ควันไฟที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้คนที่เดินทางเข้ามาใกล้ได้เห็น


“ข้างหน้า มีควันไฟนิ” ปัฐวีพูดออกมาด้วยความดีใจ


แล้วทุกคนต่างก็รีบมุ่งหน้าไปทางควันสีขาวนั้น.......เพียงไม่นาน ทีมกู้ภัย ผู้จัดการรีสอร์ท ชายชาวประมง และปัฐวีก็พบกันคนสองคนที่กำลังนอนอยู่บนก้อนหินใหญ่


“ปลา...” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยท่าทางดีใจ


เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ปัฐวีถึงเห็น ภาพคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันอยู่ ชายที่แอบตามมาห่างๆ รีบถ่ายรูปเก็บภาพนั้นไว้ทุกมุม ทุกอิริยาบถ.........เค้ายิ้มออกมาอย่างชอบใจ


“ปลา...” ปัฐวีเรียกพาสนาอีกครั้ง


ดวงตาที่ปิดสนิท ค่อยๆ ลืมขึ้น........ พิษณุมองไปรอบๆ ก็พบกับผู้คนมากมายยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวเค้านัก


“คุณณุ” ผู้จัดการรีสอร์ท เรียกชื่อชายหนุ่มออกมาอย่างดีใจ


“อ๊ะ.....พวกคุณ” พิษณุพยายามสลัดอาการงัวเงียออก แล้วมองทุกคนอีกครั้ง


“คุณตุ้ม...” ชายหนุ่มมองหน้าผู้ชายอีกคนที่ยืนมองเค้ากับพาสนา


พาสนาที่ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเช่นกัน...


“อะไรอ่ะพี่ณุ” พาสนาร้องถามพิษณุ ด้วยท่าทางงัวเงีย แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อลืมตามาเห็นปัฐวีที่กำลังจ้องมองเธออยู่


“ตุ้ม...” พาสนาขมวดคิ้วมองหน้าชายหนุ่ม


“ปลา...” ปัฐวีเรียกพาสนาอีกครั้งเมื่อเธอรู้สึกตัว


“เธอเป็นยังไงบ้าง......เจ็บตรงไหนมั้ย” ปัฐวีรีบเข้าไปใกล้ๆ พาสนา และมองสำรวจเธอ


“ก็นิดหน่อย” พาสนาตอบอีกฝ่ายสีหน้าเธอยังคงมีอาการงุนงงอยู่


“เจ็บตรงไหน” ปัฐวีร้องถามอย่างเป็นห่วง


“ก็ที่ขา” พาสนาบอกกับปัฐวี พร้อมจับขาข้างที่เจ็บของเธอ


ปัฐวีไม่รอช้า เค้ารีบเลิกขากางเกงพาสนาขึ้น แล้วก็พบรอยเขียวช้ำที่ข้อเท้าของเธอ


“มันอักเสบนิ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองพาสนาอีกครั้ง


“อืมมม” พาสนาพยักหน้าให้เบาๆ


“อย่างนี้ต้องรีบไปหาหมอนะ...” ปัฐวีพูดจบ ก็ใช้มือของเค้าดึงพาสนามาใกล้ๆ แล้วอุ้มเธอขึ้นทันที พาสนาเองก็ตกใจไม่น้อย เธอยังคงงงๆ อยู่


ปัฐวีอุ้มพาสนาขึ้น แล้วรีบเดินกลับไปตามทางที่เดินมา พิษณุที่นั่งอยู่ข้างๆ พาสนา ได้แต่มองพาสนาที่โดนปัฐวีอุ้มไป ด้วยความรู้สึก งง และอึ้ง


พาสนาหันมองกลับมายังพิษณุอีกครั้ง......เธอกำลังโดนปัฐวีอุ้มให้ห่างจากเค้ามาทุกที พิษณุมองพาสนาที่ค่อยๆ ห่างออกไป ด้วยความรู้สึกหวิวๆ ในใจ




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:20:48 น.  

 



“คุณณุปลอดภัยดีมั้ยครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวขึ้น พร้อมกับมองพิษณุด้วยความเป็นห่วง


“อ่ะ...ผมไม่เป็นอะไร” พิษณุหันตอบผู้จัดการ แล้วลุกขึ้นยืน


“ดีครับ ทางเราเป็นห่วงคุณณุแทบแย่” ผู้จัดการรีสอร์ทพูดขึ้นอีก ด้วยท่าทางเป็นห่วงเจ้านายของเค้า


“อืมม ขอบคุณ” พิษณุยิ้มบางๆ ให้ แล้วเค้าก็มองไปยังปัฐวีที่เดินไปไกลเต็มทน ชายหนุ่มก้าวเดินตามปัฐวีออกไป ทำให้ผู้จัดการรีสอร์ท ที่ยืนพูดอยู่ ต้องรีบเดินตาม


หน่วยกู้ภัยจัดการดับกองไฟ แล้วเดินตามพิษณุ และผู้จัดการรีสอร์ทกลับไปเช่นกัน


ปัฐวี อุ้มพาสนาเดินดุ่ยๆ ตัดป่าทึบ ที่ตอนนี้โดนทีมกู้ภัยถางทางจนเดินง่ายขึ้น....พาสนาที่อยู่ในอ้อมแขนของปัฐวีได้แต่นิ่งเงียบ เธอชะเง้อคอมองไปทางด้านหลังหลายต่อหลายที


“เดี๋ยวเค้าก็ตามมา” ปัฐวีพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบ


“.....” พาสนาสะอึกกับคำพูดของชายหนุ่ม เธอก้มหน้านิ่งทันที


“ขอโทษนะ” ปัฐวี พูดขึ้นมาอีก จนทำให้พาสนาต้องเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยความสงสัย


“ขอโทษเรื่องอะไร” พาสนาถามกลับ


“ขอโทษ ที่ฉันดูแลเธอไม่ดี” ปัฐวีพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด ที่เค้าเป็นต้นเหตุให้พาสนาต้องมาที่เกาะนี้ ต้องตกน้ำ และต้องมาใช้ชีวิตกลางป่าแบบนี้ถึงสองวันเต็มๆ


“ตุ้ม...” พาสนามองหน้าชายหนุ่ม เธอไม่เคยเห็นเค้าทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย


“.....” ปัฐวี ไม่พูดอะไรอีก เค้าเอาแต่ก้าวไปข้างหน้า เพื่อพาพาสนาไปให้ถึงเรือให้เร็วที่สุด ชายหนุ่มอยากพาพาสนาไปหาหมอเพื่อดูอาการของเธอโดยไว


พาสนากลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง


พิษณุที่เดินตามปัฐวีมาห่างๆ จ้องมองพาสนาที่กำลังโดยผู้ชายอีกคนอุ้มเดินห่างออกไป ภายในใจของชายหนุ่มมันรู้สึกปวดตุบๆ เค้าเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร เพียงเสี้ยววินาทีที่พาสนาโดนปัฐวีอุ้มจากมา มันก็ทำให้เค้ารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที
.
.
.
เมื่อเดินมาถึงชายหาด พาสนามองไปรอบๆ ตอนแรกเธอคิดว่า จะมีเรือยนต์มาจอดรออยู่ แต่ก็ไม่เห็นเรือสักลำ เธอเงยหน้ามองหน้าปัฐวีด้วยสีหน้าสงสัย


“เรือไปไหน” พาสนาร้องถามชายหนุ่ม


“เรืออะไร” ปัฐวีก้มหน้ามองพาสนา


“อ้าว แล้วเราจะกลับกันยังไง” พาสนาขมวดคิ้วยุ่ง


“อ้อ....มีทางกลับซิ” ปัฐวีตอบยิ้มๆ


“ทางไหนอ่ะ ก็ทั้งหาดเนี่ยะ มีแต่ผาหินสูงๆ แกจะพาฉันเหาะไปหรอตุ้ม” พาสนาร้องถามเสียงสูง แล้วมองไปยังผาหินสูงข้างๆ


“อืมมม...” ปัฐวียิ้มให้อีกฝ่าย แล้วพาเธอเดินไปทางผาหิน


“ไอ้บ้าตุ้ม แกอย่ามาทำเป็นเล่นนะ” พาสนาร้องโวยออกมาเมื่อปัฐวีพาเธอเดินไปทางโขดหินก้อนใหญ่


“ปลา...หยิบไฟฉายในกระเป๋าเสื้อฉันออกมาทีซิ” ปัฐวีบอกกับพาสนาให้เธอหยิบไฟฉายที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเค้าออกมา


พาสนามองชายหนุ่มอย่างงุนงง แต่เธอก็หยิบไฟฉายออกมาตามที่เค้าบอก


“เปิดส่องทางให้ด้วย” ปัฐวีบอกกับอีกครั้ง


“เปิดทำไม” พาสนาร้องถามสีหน้าสงสัย


“อืมม บอกให้เปิดก็เปิดน่า” ปัฐวีบอกให้พาสนาเปิดไฟฉาย


พาสนามองหน้าชายหนุ่มแล้วต้องขมวดคิ้ว แต่เธอก็ยอมเปิดไฟฉายตามที่เค้าบอก


“ส่องไปข้างหน้านะ” ปัฐวีบอกกับพาสนาจบ ก็ก้าวเดินไปตามทางที่เป็นช่องแคบๆ ข้างหน้า


พาสนาส่องไฟฉายตามที่ชายหนุ่มบอก เธอก็พบกับช่องแคบๆ ที่แอบอยู่หลังโขดหินใหญ่ หญิงสาวมองช่องทางที่ปัฐวีพาเธอเดินออกมาด้วยท่าทางตกใจ ประหลาดใจอย่างมาก แล้วปัฐวีก็พาพาสนาเดินหลุดจากช่องทางอุโมงค์หลังซอกหินจนมาโผล่ที่หาดทรายอีกฝาก


“โหยยยย หลงโง่เดินป่ามาตั้งสองวัน ที่แท้.......” พาสนาร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เธอมองหาดอีกฝากที่ปัฐวีพาเธอออกมาด้วยอาการตกใจ


หมู่บ้านประมงอยู่ไม่ไกลนัก เรือหาปลาน้อยใหญ่จอดเรียงรายริมหาด


“นั่นซิ ทำไม...” ปัฐวีพูดสีหน้ายิ้มๆ


“หยุดเลยนะตุ้ม แกจะด่าฉันว่าโง่ใช่มั้ย” พาสนามองชายหนุ่มดวงตาขุ่น


“ป่าวสักหน่อย ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก จนพี่ชาวประมงคนนั้นพาเดินหน่ะ” ปัฐวีบอกกับพาสนายิ้มๆ


“ขืนแกว่าฉันนะ ฉันจะสับแกให้เละคามือเลย” พาสนายังคงพูดต่อว่าชายหนุ่ม


“ใครจะกล้าว่าคุณพาสนาคร๊าบบบ กลัวจะแย่แล้ว” ปัฐวีก้มหน้าก้มตามาพูดเล่นกับพาสนา อย่างคุ้นเคย พาสนาเองก็ยิ้มขำๆ ให้กับชายหนุ่ม


พิษณุที่เดินตามหลังมา มองคนทั้งสองพูดจากหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม....ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบๆ ปวดลึกอยู่ข้างใน


ปัฐวีอุ้มพาสนา ขึ้นไปบนเรือยนต์.....ชายหนุ่มวางพาสนาลงกับเบาะด้านในสุด ด้วยกลัวว่าเธอจะล่วงหล่นลงไปในน้ำอีกเป็นครั้งที่สอง เค้านั่งลงข้างๆ เธอ


พิษณุที่เดินตามมา ขึ้นไปบนเรือ ชายหนุ่มนั่งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามกับพาสนา....เค้ามองเธอด้วยแววตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด


“ดูซิ อยู่ในป่า ซะหน้าตาดูไม่ได้เลย” ปัฐวีพูดขึ้น ขณะที่ใช้มือของเค้าเกลี่ยผมของพาสนา ที่ตกลงมาจนปิดใบหน้า


“ไม่เป็นไรหรอกน่า” พาสนาเองก็รีบยกมือของเธอปัดผมแก้เก้อ


“นี่ไปเปื้อนอะไรมาเนี่ยะ” ปัฐวีใช้นิ้วของเค้าเช็ดรอยเลอะที่แก้มให้พาสนาเบาๆ


ภาพเหล่านี้ อยู่ในสายตาของพิษณุโดยตลอด.....ชายหนุ่มจ้องมองคนทั้งสองด้วยสายตาที่บรรยายไม่ถูก มันมีทั้งความรู้สึกปวดลึกๆ ภายใน และความรู้สึกหมั่นไส้ระคนกัน


พาสนาเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอรู้สึกวางตัวไม่ถูก คนหนึ่งก็เพื่อนรักสมัยยังเด็ก อีกคนก็คือผู้ชายที่ช่วยชีวิต และดูแลเธอเป็นอย่างดีตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา


ผู้จัดการรีสอร์ท เดินขึ้นมาบนเรือ หลังจากที่ไปพูดคุยกับชาวประมงที่พานำทางไปอยู่พักหนึ่ง...แล้วเมื่อทุกคนขึ้นมาจนครบ เรือยนต์ก็เริ่มแล่นออกจากชายหาดของเกาะ เพื่อมุ่งตรงกลับชายฝั่งแผ่นดินใหญ่


เมื่อเรือแล่นมายังจุดน้ำเปลี่ยน......คลื่นใต้ทะเล ที่แปรปรวนทำให้เรือโคลง พาสนาที่เคยมีประสบการณ์ตกน้ำตรงจุดนี้มาก่อนถึงกับสะดุ้ง สีหน้าเธอเริ่มซีดลงจนเห็นได้ชัด


พิษณุที่นั่งมองเธออยู่ อยากจะเข้าไปปลอบ แต่เค้าก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อปัฐวีที่นั่งอยู่ข้างๆ ใช้แขนของเค้าโอบตัวพาสนาเอาไว้


“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ข้างๆ “ ปัฐวีบอกกับพาสนาขณะที่โอบตัวเธอเอาไว้


พิษณุนั่งนิ่งอยู่กับที่ เค้ามองพาสนาและปัฐวีด้วยแววตาเจ็บปวด


พาสนาที่โดนปัฐวีโอบเอาไว้ มองกลับมาที่พิษณุ เธอเองก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เธอมองเข้าไปที่แววตาของเค้า เธออยากจะอธิบายให้เค้าเข้าใจ แต่เพื่ออะไร........ในเมื่อเค้าและเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:21:06 น.  

 


เรือยนต์จอดสนิท เมื่อถึงชายหาดหน้ารีสอร์ท


ปัญจรี และอรินยา ที่มายืนรอคอยท่า หลังได้รับข่าวจากทางออฟฟิศของรีสอร์ท ต่างก็พากันยิ้มต้อนรับคนที่เดินทางกลับมาพร้อมๆ กับปัฐวี


อรินยา มองคนที่นั่งอยู่ด้านในสุดของเรือด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเธอมีน้ำใสๆ เออคลออยู่ด้วย


“ปลา....” อรินยาเรียกพาสนา เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย


ผู้จัดการรีสอร์ทลงจากเรือคนแรก.....ตามด้วยพิษณุ


อรินยามองหน้าพิษณุ และยิ้มให้ชายหนุ่ม


“ปลอดภัยแล้วนะคะณุ” หญิงสาวกล่าวทักชายหนุ่ม


“หมดเคราะห์สักทีนะคะ” ปัญจรีพูดพร้อมส่งยิ้มให้เค้า


“ขอบคุณครับ” พิษณุยิ้มตอบให้ทั้งสอง


อรินยามองไปที่เรืออีกครั้ง.......ปัฐวีลุกขึ้นจากที่นั่ง เค้าจับมือพาสนา แล้วช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้น.......เมื่อเดินมาทางท้ายเรือ ปัฐวีก็ใช้สองแขนของเค้าอุ้มตัวพาสนาขึ้นทันที


ชายหนุ่มอุ้มพาสนาลงมาจากเรือ และเดินตรงกลับขึ้นบก


ปัญจรียืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้า และแววตาเศร้าลง....เธอพยายามทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น


พิษณุมองคนทั้งสอง แล้วให้รู้สึกเจ็บลึกเข้าไปในหัวใจ........ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินหันหลังให้คนทั้งสอง กลับเข้าไปในรีสอร์ททันที พาสนามองชายหนุ่มจากด้านหลัง ดวงตาของเธอเศร้าลง


อรินยามองปัฐวีที่อุ้มพาสนาลงมาจากเรือ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาพาสนา


“ปลาเป็นอะไร........ปลาเป็นอะไรคะ” หญิงสาวร้องถามน้ำเสียงห่วงใย


“ไม่เป็นไรหรอก แค่ขาเจ็บนิดหน่อย” ปัฐวีตอบแทน เค้าอุ้มพาพาสนาเดินผ่านทุกคน เพื่อไปยังรถที่จอดอยู่


“ปลาคะ...” อรินยา วิ่งตามปัฐวีไปติดๆ


ปัญจรียืนนิ่งอยู่กับที่........สองตาของปัฐวีไม่หันมามองเธอเลยสักนิด ตั้งแต่ลงมาจากเรือ


ผู้จัดการรีสอร์ท จัดการสั่งคนเตรียมรถรอปัฐวีเอาไว้อยู่แล้ว.......ชายหนุ่มจึงอุ้มพาสนาไปที่รถ และรีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันที


ปัญจรีค่อยๆ เดินตามไปที่ลานจอดรถ.......อรินยา ยังคงยืนนิ่ง ด้วยท่าทางตกใจ


“ปุ่นๆๆ เราไปโรงพยาบาลกัน” อรินยาหันมาบอกกับเพื่อนของเธอ


“อืมมม” ปัญจรีพยักหน้าเบาๆ
.
.
.
พิษณุกลับเข้าห้องพักของเค้า ด้วยท่าทางเหนื่อยๆ ชายหนุ่มมองไปนอกหน้าต่างห้องพัก ด้วยท่าทางเหม่อลอย


ภาพที่พาสนาอยู่ในอ้อมแขนของปัฐวี ยังติดตาของเค้า........ชายหนุ่มนั่งลงกับโซฟาตัวนุ่ม พร้อมกับยกมือขึ้นกุมขมับแน่น


เค้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในใจของเค้า แต่เวลาแห่งความสุขนั้นได้หมดลงแล้ว เวลาของเค้าและเธอได้หมดลงไปอย่างรวดเร็ว แบบที่เค้าเองก็ไม่ได้ตั้งตัว เมื่อต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริง โลกที่เค้าและเธอต้องเผชิญ โลกที่เค้าและเธอมีความต่างกันคนละขั้ว..........โลกที่ไม่ใช่มีเพียงเค้าและเธอแค่สองคนอีกต่อไป
.
.
.
อรินยา และปัญจรี รีบมาที่โรงพยาบาล ที่ทางรีสอร์ทจัดส่งพาสนามารักษาด้วยอาการร้อนใจ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล สองสาวก็พบกับปัฐวีที่นั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์


“ปลาเป็นยังไงบ้างค่ะ “ อรินยาร้องถามปัฐวีด้วยสีหน้าเป็นกังวล


“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่ขาเจ็บนิดหน่อย” ปัฐวีตอบ


“นิดหน่อยหน่ะ นิดหน่อยแค่ไหน ก็เห็นนายเป็นห่วงมากจนลืมใครต่อใครไปหมด” ปัญจรีพูดน้ำเสียงกระแทกนิดๆ


ปัฐวีมองหญิงสาวตรงหน้า เค้าเมินหน้าไปทางอื่น


“ก็ขาอักเสบ บวมช้ำ” ปัฐวีตอบกลับน้ำเสียงฮ้วน


“แล้ว....แล้วหมอว่าไงคะ ต้องนอนโรงพยาบาลมั้ย” อรินยาถามอย่างห่วงใย


“คงไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวคงให้ยา แล้วกลับ” ปัฐวีบอกกับหญิงสาวเพื่อให้เธอคลายกังวล


“ดีจังคะ โชคดีที่ปลาไม่ได้เป็นอะไรมาก” อรินยาฟังชายหนุ่มพูดก็ยิ้มออกมาได้


แล้วบุรุษพยาบาล ก็เข็นรถเข็นที่มีพาสนานั่งอยู่ ออกมาจากห้องตรวจ ปัฐวี รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพาสนาทันที อรินยาเองก็รีบเดินไปหาพาสนาเช่นกัน


“เป็นไงบ้าง หมอว่าไง” ชายหนุ่มซักถามด้วยความเป็นห่วง


“นั่นซิค่ะ หมอว่าไงบ้างคะปลา” อรินยาเองก็มีท่าทางห่วงใยไม่ต่างกัน พาสนามองคนทั้งสอง แล้วต้องยิ้มออกมา


“ไม่เป็นไรมากหรอก ก็แค่อักเสบ หมอให้หยุดเดินสัก 2 วัน” พาสนาบอกกับคนทั้งสองด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“เดี๋ยวต้องตรวจอะไรอีกมั้ย” ปัฐวีถามขึ้น


“ไม่อ่ะ เสร็จแล้ว เดี๋ยวรับยาก็กลับบ้านได้” พาสนาตอบสีหน้ายิ้มๆ


“โชคดีจริงๆ ที่ปลาปลอดภัย รู้มั้ยยาย่าเป็นห่วงปลามากเลยนะคะ” อรินยามองพาสนาด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเธอกลับมีน้ำใสๆ เออคลออยู่


“ไม่เอาซิยาย่า อย่าร้องไห้ ปลาไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เห็นมั้ยแข็งแรงจะตาย” พาสนาบอกกับอรินยาสีหน้ายิ้มๆ เธอไม่อยากให้สาวสวยร้องไห้ออกมา


“ค่ะ...” อรินยามองพาสนาแล้วให้ยิ้มตาม


“งั้นเดี๋ยวฉันไปดูยาให้ก่อนนะ” ปัฐวีบอกกับพาสนา แล้วเดินไปที่ช่องรับยา เพื่อไปจัดการรับยา และจ่ายค่ารักษาพยาบาล


“ปลารู้มั้ย ยาย่ากินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เป็นห่วงปลาทุกวัน” อรินยายังคงพร่ำพูดกับพาสนา ถึงความรู้สึกที่เธอมีตอนที่พาสนาเกิดเรื่องขึ้น พาสนานั่งฟังอรินยาพูด เธอได้แต่ยิ้ม


ปัญจรีที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เธอมองชายหนุ่มที่ดูท่าทางจะสนใจ และเอาใจใส่เรื่องของพาสนาเอามากๆ


พาสนามองไปยังประตูทางเข้าของโรงพยาบาล เธอชะเง้อคอมองหาใครบางคน แต่เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเค้าเลย


“ปลามองหาใครคะ” อรินยามองตามพาสนาไปทางประตูทางเข้า แล้วต้องหันกลับมองมาทางพาสนาอีกครั้ง


“อ้อ ปะ ปล่าว.......แค่มองไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไร” พาสนารีบตอบปฏิเสธ


“ปะ ได้ยาเรียบร้อยแล้ว” ปัฐวีที่จัดการเรื่องค่ารักษา และรับยามาเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเดินตรงมาทางพาสนาทันที


“อืมมม.......” พาสนาพยักหน้าให้ชายหนุ่ม


แล้วปัฐวีก็จัดการเข็นรถพาพาสนาไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่....


เค้าจัดการอุ้มพาสนาขึ้นรถ เพื่อเดินทางกลับรีสอร์ท ส่วนสองสาวก็ขับรถตามกลับมาติดๆ





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:21:21 น.  

 


เมื่อรถตู้ของรีสอร์ทจอดสนิท ประตูรถถูกเลื่อนเปิดออก ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะลงมายืนอยู่ข้างล่าง เค้าหันกลับไปหาคนที่นั่งอยู่ภายในรถ ปัฐวีทำท่าจะอุ้มพาสนาออกมา แต่อีกฝ่ายกับไม่ยอม


“ฉันเดินเองก็ได้” พาสนาบอกกับปัฐวีเมื่อเห็นว่าเค้าจะอุ้มเธอ


“ได้ไง ขาแกเจ็บนะ” ปัฐวีบอกกับพาสนาน้ำเสียงเข้ม


“แต่ฉันเดินเองได้” พาสนายังคงยืนยันว่าจะเดินเอง


ปัฐวีมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหงุดเหงิด แต่เค้าก็ยอมให้เธอเดินลงมาจากรถเอง แต่ทันทีที่เท้าของพาสนาเหยียบลงกับพื้น เธอก็ทำท่าจะล้มลง ชายหนุ่มต้องรีบเข้าไปประคองเธอเอาไว้


“เห็นมั้ยว่ายังเจ็บอยู่” ปัฐวีขมวดคิ้วพูดต่อว่าพาสนา


“ไม่เป็นไรฉันเดินเองได้” พาสนายังคงเถียงด้วยสีหน้ารั้นๆ แต่คราวนี้ปัฐวีไม่ตามใจเธออีกแล้ว เค้าใช้สองแขนแกร่งของเค้าอุ้มพาสนาขึ้นมาทันที


“เฮ้ยย....” พาสนาร้องออกมาอย่างตกใจที่ปัฐวีดื้อจะอุ้มเธอ


“อยู่เฉยๆ แกไม่มีสิทธิ์มาดื้อกับฉันนะปลา” ปัฐวีพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าดุๆ จนพาสนาต้องเงียบเสียงลง และปล่อยให้เค้าอุ้มเธอเดินกลับบ้านพัก


ภาพพาสนาที่ถูกปัฐวีอุ้มเดินไปทางบ้านพัก ได้อยู่ในสายตาของชายที่ยืนอยู่หลังผ้าม่านหน้าต่างชั้นบนของออฟฟิศ รีสอร์ท......ดวงตาของชายหนุ่มที่จ้องมองลงมา มันแฝงความเจ็บลึกๆ ภายใน มันช่างดูเศร้าเหลือเกิน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อวันวาน


ก๊อกๆ ก๊อกๆ


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ผู้จัดการรีสอร์ทจะเดินเข้ามาภายในห้อง


“คุณณุเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวขึ้นด้วยท่าทางนอบน้อม


พิษณุที่ยืนหันหน้าไปทางนอกหน้าต่าง ชำเลืองมองไปทางผู้จัดการเล็กน้อย แล้วมองกลับไปยังภาพนอกหน้าต่างเช่นเดิม


“ผมอยากให้คุณดูแลแขกที่อยู่บ้านพักด้านริมขวาสุดของหาดให้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเค้าต้องการอะไร อยากได้อะไรช่วยจัดให้ด้วย” พิษณุกล่าวน้ำเสียงเรียบ


“ครับ...” คุณภูเบศ ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวรับคำสั่ง


“เดี๋ยวส่งคนไปดูอาการคุณพาสนาหน่อยนะ แล้วได้เรื่องยังไงช่วยมาบอกผมด้วย” พิษณุกล่าวน้ำเสียงนิ่ง


“ได้ครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทรับคำสั่งอีกครั้ง


“แค่นี้ล่ะ ขอบคุณ” พิษณุกล่าวกับผู้จัดการจบ ก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ผู้จัดการรีสอร์ทรับคำสั่งจากเจ้านายเรียบร้อย ก็เดินออกจากห้องของพิษณุทันที


ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเป็นกังวล ดวงตาของเค้าดูหมองเศร้าลง
.
.
.
ปัฐวีอุ้มพาสนากลับมายังบ้านพัก เค้าวางเธอลงกับเก้าอี้ส่วนระบียงหน้าบ้าน


“นั่งนี่ก่อนนะ เดี๋ยวไปจัดที่นอนให้” ปัฐวีกล่าวกับพาสนา แล้วเดินเข้าไปในส่วนของบ้านพัก


พาสนามองปัฐวีที่เดินหายเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหันมองไปทางชายหาดเบื้องหน้า


เสียงฝีเท้าของคนที่กำลังเดินขึ้นมายังบ้านพัก ทำเอาพาสนารีบหันมอง เธอเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วเธอเห็นว่าเป็นใครที่เดินขึ้นมา รอยยิ้มนั้นกลับจางลง


“สวัสดีครับ เป็นยังไงบ้างครับคุณพาสนา” คุณภูเบศ ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวทัก


“สวัสดีฮะ....ก็ดีฮะ” พาสนาตอบผู้จัดการรีสอร์ท ด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ


“ดีแล้วครับ หมดทุกข์หมดโศกกันซะทีนะครับ”


ปัฐวีเดินออกมาจากภายในบ้านพัก แล้วเดินมาหยุดยืนข้างๆ พาสนา


“สวัสดีครับผู้จัดการ” ชายหนุ่มกล่าวทักทายคนที่มาเยือน


“สวัสดีครับ พอดีผมจะมาบอกว่า หากพวกคุณต้องการอะไรเป็นพิเศษ หรือว่าขาดเหลืออะไร แจ้งกับทางออฟฟิศได้เลยนะครับ เราถือเป็นบริการพิเศษสำหรับคุณพาสนาโดยเฉพาะ” คุณภูเบศกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้ทั้งสอง


“ขอบคุณมากนะฮะ” พาสนาขอบคุณ ในน้ำใจที่ผู้จัดการมอบให้


“ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทางเราก็เสียใจไม่น้อย”


“ไม่ใช่หรอกฮะ เพราะปลาไม่ระวังเองต่างหาก เลยทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนไปหมด”


“ถึงยังไงทางเราก็ต้องรับผิดชอบครับ ไม่ว่าคุณพาสนาต้องการอะไรบอกได้เลยนะครับ เรายินดีบริการเต็มที่”คุณภูเบศกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ครับ แล้วถ้าเราต้องการอะไรจะแจ้งไปครับ” ปัฐวีตอบแทนพาสนา เมื่อเห็นทางผู้จัดการรีสอร์ทตั้งใจจะบริการอย่างเต็มที่


“งั้นผมขอตัวนะครับ” ผู้จัดการมองคนทั้งสอง


“ขอบคุณมากนะฮะ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมปลา” พาสนากล่าวขอบคุณอีกครั้ง


“เห็นคุณพาสนาสบายดี ผมก็หายห่วงครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“ฮะ ปลาสบายดีฮะ ไม่ต้องห่วง” พาสนาบอกกับอีกฝ่าย


“ผมไปนะครับ” ผู้จัดการกล่าวลาคนทั้งสอง แล้วจึงเดินกลับลงไปจากบ้านพัก


ระหว่างที่ผู้จัดการรีสอร์ทกำลังเดินกลับออฟฟิศ ก็เจอกับสองสาวที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากโรงพยาบาล.....สองสาวมองผู้จัดการรีสอร์ทที่เดินสวนไปด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนจะรีบขึ้นมาบนบ้านพักของพวกเธอ


“เมื่อกี้ผู้จัดการรีสอร์ทไม่ใช่หรอ” ปัญจรีร้องถามพาสนา และปัฐวีที่นั่งอยู่ระเบียงบ้านพัก


“อืมมม” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ


“เค้ามาทำไมคะปลา” อรินยา เดินมานั่งข้างๆ พาสนา


“อ้อ เค้ามาเยี่ยมปลาหน่ะ คงเห็นว่าบาดเจ็บเลยมาดูอาการ” พาสนาตอบ


“ผู้จัดการคนนี้นี่ ใช้ได้เลยนะ ตอนปลาหายไป เค้าก็ช่วยตามหาเต็มที่” ปัญจรีพูดอย่างชื่นชม


“ปลา ฉันว่าตรงนี้ลมแรงไปแล้วนะ เข้าไปพักในห้องดีกว่านะ” ปัฐวีลุกขึ้น แล้วบอกกับพาสนา


“อะไรกันตุ้ม ฉันยังอยากนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” พาสนาขมวดคิ้วมองปัฐวี


“ตอนนี้แกไม่สบายนะ ไม่ควรนั่งตากลม” ปัฐวีไม่สนใจว่าพาสนาจะพูดยังไง เค้าก้มลงอุ้มเธอขึ้นเพื่อพาเข้าไปยังในห้องพัก


“ไอ้ตุ้ม......นี่แก.....” พาสนาขมวดคิ้วมองหน้าชายหนุ่ม ที่ไม่ยอมตามใจเธอ


“รอแกหายดีก่อน จะด่า จะเตะฉันก็ไม่สาย” ชายหนุ่มกล่าวจบก็พาพาสนาเดินเข้าไปในห้องพัก ซึ่งทำให้สองสาวที่นั่งคุยกับพาสนาต้องรู้สึกแปลกใจ


“อะไรของเค้านะ...” อรินยามองตามหลังชายหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง


“คงหวงมั้ง” ปัญจรีพูดด้วยสีหน้ายุ่งๆ


“หวง....หวงอะไร” อรินยาหันมาถามปัญจรีอย่างไม่เข้าใจ


“........” ปัญจรีไม่ยอมตอบ เธอได้แต่ทำหน้าบูด แล้วมองไปทางอื่นแทน


อรินยาจ้องมองปัญจรี แล้วมองกลับไปทางห้องพักของพาสนา ด้วยความข้องใจกับคำพูดของเพื่อนสาว





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:21:37 น.  

 


พิษณุยืนอยู่ตรงหน้าต่างนานพอสมควร จนชายหนุ่มตัดสินใจ เดินออกจากห้อง เค้าเดินลงมายังด้านล่างของรีสอร์ท


ชายหนุ่มนั่งลงกับเก้าอี้ตัวสวยที่จัดไว้สำหรับนั่งมองชายหาดด้านหลังของรีสอร์ท จนกระทั่งผู้จัดการรีสอร์ทเดินกลับมาจากบ้านพักของพาสนา


“คุณณุ...” คุณภูเบศผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวทักพิษณุเมื่อเห็นเค้านั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวนั้น


“ว่าไง..” พิษณุกล่าวถามผู้จัดการ


“ผมไปบอกกับคนทางบ้านโน้นเรียบร้อยแล้วนะครับ และก็ได้ดูอาการของคุณพาสนาแล้วด้วย” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวพร้อมยิ้มออกมา


เมื่อได้ยินชื่อพาสนา ก็ทำให้พิษณุฟังการรายงานของผู้จัดการรีสอร์ทอย่างตั้งใจ


“คุณพาสนาสบายดีแล้วครับ ให้คุณหมอดูอาการแล้วก็ไม่มีอะไรน่าห่วง” คุณภูเบศกล่าวยิ้มๆ


“อืมม ขอบคุณนะ” พิษณุเอนตัวพิงกับเก้าอี้อีกครั้ง เค้าอยากจะยิ้มออกมา แต่ก็ต้องเก็บรอยยิ้มนั้นเอาไว้


“งั้นผมขอตัวนะครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวลา พร้อมกับเดินจากออกมา ทิ้งให้พิษณุนั่งมองทะเลเพียงลำพัง


ชายหนุ่มนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด แต่เพียงไม่นาน เค้าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินตรงไปทางบ้านพักหลังริมขวาของรีสอร์ท พิษณุเดินมาถึงบ้านพักของพาสนา เค้ามองขึ้นไปบนบ้านก็พบกับอรินยา และปัญจรีที่นั่งคุยกันอยู่


“อ้าว ณุ” อรินยาหันมาเห็นชายหนุ่ม จึงกล่าวทักพร้อมยิ้มให้เค้า


“สวัสดีครับ” พิษณุเดินขึ้นไปบนบ้านพัก เค้ากล่าวทักสองสาว


“เป็นยังไงบ้างคะ พักผ่อนพอแล้วหรือค่ะ” ปัญจรีถามชายหนุ่มยิ้มๆ


“ครับ ขอบคุณมากครับ” พิษณุตอบพร้อมยิ้มให้เธอ แล้วพิษณุก็มองไปรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่ก็ไม่เห็นเธอ


“ณุมองหาอะไรคะ” อรินยากล่าวถามชายหนุ่มเมื่อเห็นเค้าทำท่ามองหาอะไรสักอย่าง


“เออออ....” พิษณุหยุดชะงักกับคำทักของอรินยา เค้ามีท่าทีอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที


ปัญจรีมองท่าทีของชายหนุ่ม เธอพอจะเดาได้ว่าพิษณุกำลังมองหาอะไร


“เค้าเข้าไปพักในห้องแล้วคะ ตุ้มพาเข้าไป” ปัญจรีตอบชายหนุ่มเหมือนรู้ใจ


“หรอครับ” พิษณุฟังคำบอกจากหญิงสาวเค้ามีสีหน้าสลดลง
.
.
.
ปัฐวีพาพาสนาเข้ามายังห้องพักของเธอ ชายหนุ่มวางตัวพาสนาลงกับที่นอนสีขาวนุ่มสะอาด เมื่อวางตัวพาสนาลงกับที่นอนแล้ว เค้าก็นั่งลงข้างๆ ตัวเธอ ชายหนุ่มจ้องมองที่ใบหน้าของพาสนา ใบหน้าของเธอตอนนี้แสดงถึงความไม่พอใจที่ปัฐวีขัดใจเธอ ไม่ยอมให้เธอนั่งรับลมอยู่ด้านนอกตามที่เธออยากจะทำ


“โกรธฉันหรอ” ชายหนุ่มกล่าวถามน้ำเสียงเรียบ


“รู้แล้ว ยังจะถามอีก” พาสนาตอบกลับสีหน้าไม่พอใจ


“ตอนนี้ปลายังไม่สบายอยู่ รู้จักรักษาตัวเองบ้างซิ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงตำหนิ


“จะเป็นอะไรนักหนา แค่ขาเจ็บ” พาสนาโต้กลับสีหน้ายุ่ง


“วันนี้อาจจะแค่เจ็บขา แต่ถ้านั่งตากลมนานๆ ก็อาจเป็นหวัดได้นะ” ปัฐวีบอกกับอีกฝ่ายให้เข้าใจ


“ตุ้ม แกจะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่ลูกคุณหนูที่อ่อนแอนะ จะได้เป็นโน้น เป็นนี่ง่ายๆ อ่ะ” พาสนาขมวดคิ้วต่อว่าปัฐวี


“ใช่แกไม่ใช่ลูกคุณหนูที่ไหน แต่ดูซิ แค่ 2 วัน แกต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” ปัฐวีขมวดคิ้วจ้องหน้าพาสนา


“ตุ้ม...” พาสนามองดูสีหน้าของอีกฝ่าย เธอรู้สึกวูบๆ ในใจ กับสีหน้าและแววตาของเค้า


“ปลาแกรู้มั้ย.........ตลอดเวลาที่แกหายตัวไป ฉันรู้สึกยังไง ฉันเจ็บปวดแค่ไหน” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นน้ำเสียงจริงจัง เค้าจ้องมองใบหน้าของพาสนานิ่ง


“ฉันกลัว........ฉันกลัวว่าแกจะเป็นอะไรไป กลัวว่าจะไม่ได้เจอกับแกอีก กลัวว่าจะไม่ได้เห็นแกอีก ไม่ได้พูดคุยกับแกอีก แกรู้มั้ยปลา” ปัฐวีคว้ามือพาสนามากุมไว้แน่น เค้าพูดกับอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง แต่มันก็มีน้ำใสๆ คลออยู่รอบดวงตาของเค้า


“ถ้าแกเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองเลย” ปัฐวีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ


“ตุ้ม.......” พาสนามองชายหนุ่มตรงหน้า เธอรู้สึกถึงความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มในตัวของเค้า


“เพราะฉันเป็นสาเหตุให้แกต้องออกไปที่นั่น ไปกลางทะเลนั่น ไปเกาะนั่น...” ปัฐวีจ้องมองใบหน้าของพาสนา


“ฉันดีใจนะที่แกปลอดภัยปลา ฉันดีใจ.......” ปัฐวีดึงตัวพาสนาเข้าหาตัวเค้า แล้วสวมกอดเธอไว้แน่น


“ตุ้ม...” พาสนารับรู้ถึงความห่วงใยที่ชายหนุ่มมีต่อเธอ ความรู้สึกที่ดีที่เค้ามอบให้เธอ


“ฉันก็ปลอดภัยอยู่นี่แล้วไง.......ฉันไม่เป็นไรแล้ว” พาสนาบอกกับเค้าน้ำเสียงนุ่ม เธอยอมซบหน้าลงกับไหล่ของเค้า


“อืมมม ฉันจะไม่ยอมให้แกเป็นอะไรอีกแล้วปลา..” ปัฐวีกอดพาสนาแน่นขึ้นอีก เค้าซบใบหน้าของเค้าลงกับผมของเธอ พร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


พิษณุที่เดินเข้ามาพบกับภาพของคนสองคนในห้องพัก เค้ามองคนทั้งคู่ด้วยแววตาบางอย่าง......ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่หัวใจของเค้า


อรินยาและปัญจรีที่เดินตามพิษณุเข้ามาติดๆ ยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกไม่ต่างกับชายหนุ่มมากนัก .......ทั้งสามยืนมองปัฐวีนั่งกอดกับพาสนา อยู่ตรงหน้าประตูห้อง


พาสนาหันมองไปทางประตูห้องเธอก็พบกับคนทั้งสามที่กำลังยืนมองมาทางเธอ หญิงสาวตกใจอย่างมาก เธอรีบผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของปัฐวี จนชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ


“เป็นอะไรปลา...” ปัฐวีถามพาสนา ที่ดูมีสีหน้าตื่นตะหนก แล้วเค้าก็หันหลังไปเห็นแววตาของคนทั้งสามคน


“อ้าว คุณพิษณุ” ปัฐวีทักชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตู


พาสนมองไปที่พิษณุ แววตาของเค้าที่จ้องมองมาทางเธอ มันเป็นแววตาที่กำลังแสดงว่าเค้ากำลังเสียใจ และกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่


“ผมแค่อยากจะมาดูอาการคุณนิดหน่อย แต่ท่าทางจะหายดีแล้วล่ะมั้ง” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดนิดๆ


“ขอโทษทีที่เข้ามาผิดจังหวะ” ชายหนุ่มกล่าวจบก็หันหลังเดินออกจากบ้านพักทันที


“อ้าว...” ปัฐวีมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินกลับไปด้วยท่าทางงงๆ


“ปลาคะ...” อรินยาขมวดคิ้วมองพาสนา สีหน้าของเธอดูจะมีความรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นภาพเมื่อครู่


“ยาย่า...” พาสนามองไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวย ที่มีท่าทางโกรธเธอ


“.....” อรินยาไม่พูดจาอะไร เธอเดินถอยหลังให้พาสนา แล้ววิ่งไปยังห้องพักของเธอ


“ยาย่า...” ปัญจรีรีบวิ่งตามอรินยาไปที่ห้องพัก


“อะไรของพวกเค้านะ” ปัฐวีมองคนทั้งสามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


พาสนารู้ว่า ตอนนี้อรินยา และพิษณุกำลังเข้าใจเธอกับปัฐวีผิดไป......หญิงสาวได้แต่นั่งเงียบ ปัฐวีหันมองกลับมาทางพาสนาที่ดูสีหน้าเครียด


“เป็นอะไรไป หน้าตาไม่สบาย” ปัฐวีถามพาสนาอย่างห่วงใย


“ฉันอยากนอนพักแล้ว แกออกไปก่อนเถอะ” พาสนาบอกกับปัฐวีน้ำเสียงเรียบ


“อืมม งั้นนอนนะ” ปัฐวีพยักหน้ารับเบาๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียงนอน ชายหนุ่มเดินไปที่ประตูห้อง แล้วปิดมันให้พาสนา ก่อนจะเดินไปนั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน


เมื่อประตูห้องปิดลง พาสนาก็ล้มตัวลงนอนกับที่นอน เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วภาพของชายหนุ่มที่มายืนมองเธอเมื่อครู่ก็ผุดขึ้นมา มันทำให้เธอรู้สึกร้อนรน กระวนกระวายใจพิกล โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม


“เฮ้อออออ.......” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่บนที่นอน





***********จบตอนที่13*************





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:22:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.