Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
..Next Story : เรื่องรักของสองเรา ตอนที่11..

คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์


***************************
Next Story : เรื่องรักของสองเรา
ตอนที่ 11

***************************













Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 19:33:20 น. 8 comments
Counter : 319 Pageviews.

 


“แย่จริง...อากาศแย่ขนาดนี้ หน่วยกู้ภัยของเราออกไปไม่ได้เลยครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทหันมาบอกกับปัฐวีหลังจากคุยวิทยุสื่อสารกับทางทีมหน่วยกู้ภัยที่ออกตามหาพิษณุ และพาสนา


“แล้วคนทางเกาะนั่นล่ะครับ” ปัฐวีร้องถามอย่างร้อนใจ


“ทางเกาะก็ออกตามหาเหมือนกัน แต่พายุแรงมาก พวกเค้าก็ทำได้แค่หาตามชายหาดครับ” ผู้จัดการบอกกับปัฐวีสีหน้ากังวล


“โธ่เว้ย..............” ปัฐวีมีอาการฉุนเฉียวอย่างไม่พอใจออกมา


“ตอนนี้ทางเราได้ติดต่อไปยังทางตำรวจน้ำ ทางนั้นกำลังส่งคนออกตามหาอีกแรงครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทบอกกับปัฐวีเพื่อให้เค้าสงบใจมากขึ้น


“เฮ้ออออออ..........ผมอยากจะออกไปตามหาเพื่อนผมด้วยได้มั้ยครับ” ปัฐวีขออาสาออกไปตามหาพาสนาอีกแรง


“อย่าเลยครับ ผมเกรงว่าจะไปยุ่งยากกับทางหน่วยกู้ภัยมากกว่า เรารออยู่ทางนี้ดีกว่านะครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทบอกกับปัฐวี


“โอ้ยยย ขอให้ปลา กับคุณณุ อย่าเป็นอะไรไปเลย...” ปัฐวีได้แต่ภาวนาขอให้พาสนา และพิษณุปลอดภัย


“ผมว่า คุณกลับไปรอฟังข่าวที่บ้านพักดีกว่านะครับ แล้วยังไงผมจะติดต่อไปเป็นระยะ” ผู้จัดการบอกกับปัฐวี เมื่อเห็นว่าเค้าอยู่ในชุดที่เปียกปอน


“......” ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะทำตามที่ผู้จัดการรีสอร์ทบอก


ปัฐวีเดินกลับบ้านพัก ด้วยอาการเศร้าใจ เค้าไม่อยากคิดไปในทางร้ายๆ แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะพาสนาก็ว่ายน้ำไม่เป็น คลื่นในน้ำก็เชี่ยวน่ากลัว แถมตอนนี้พายุมาเข้าอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง


ชายหนุ่มหยุดยืนมองไปทางท้องทะเลเบื้องหน้า น้ำฝนเย็นฉ่ำสาดหล่นลงมาอย่างหนัก....


“ปลา แกต้องปลอดภัยนะ แกต้องกลับมา” ปัฐวีพูดออกมาด้วยความหวังที่เหลือน้อยเต็มทน
.
.
.
“หนาว...ว...ว...ว” เสียงพาสนาดังออกมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอตัวสั่นสะท้านไปหมด ริมฝีปากสวยของเธอมันสั่นเพราะความหนาวเย็น


“ปลา..” พิษณุมองดูท่าทางพาสนาจะไม่ไหวเอา เค้ามองไปรอบๆ แล้วชายหนุ่มก็เห็นแง่หินที่ยื่นออกมาข้างๆ ชายป่าด้านใน ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง


“ตรงโน้นมีแง่หิน เราเข้าไปนั่งหลบได้.......เธอเดินไหวมั้ย” พิษณุหันมาถามพาสนา


“อืมมม” พาสนาพยักหน้าให้เค้า


“ปะ...” พิษณุลุกขึ้น เค้าจับมือพาสนาเอาไว้ เพื่อคอยประคองเธอ


พาสนาพยายามรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นยืน แต่แล้วเธอก็แทบจะล้มลง เรียวแรงของเธอมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ในเวลานี้เธอแทบประคองตัวเองไว้ไม่อยู่ พิษณุที่จับมือเธอไว้ รีบเข้าโอบรับตัวพาสนาเอาไว้


“ท่าจะไม่ไหวแน่” พิษณุ มองดูแล้วว่าพาสนาคงเดินไปเองไม่ไหว ชายหนุ่มตัดสินใจ อุ้มเธอขึ้นทันที....


“จะทำอะไร...” พาสนาร้องถามด้วยน้ำเสียงที่แหบและเบา


“ไม่ต้องพูดแล้ว อยู่เฉยๆ “ พิษณุทำเสียงดุอีกฝ่าย แล้วเค้าก็อุ้มเธอไปยังแง่หินด้านในที่อยู่ลึกเข้าไปอีกนิด


พาสนาได้แต่นิ่งเงียบในอ้อมกอดนั้น เธอคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอยู่เงียบๆ ตามที่เค้าบอก


เมื่อเดินมาถึงแง่หินนั้น พิษณุก็จัดการวางตัวพาสนาไว้ด้านใน โดยที่เค้านั่งอยู่ด้านนอก....


“คราวนี้ก็ไม่เปียกแล้ว...” พิษณุบอกกับพาสนาเมื่อเค้าวางเธอลงกับพื้นทราย


“.......” พาสนาไม่พูดอะไรโต้ตอบ เธอได้แต่นั่งนิ่งๆ


น้ำฝนหล่นลงมาที่ก้อนหินก้อนนั้น สายน้ำไหลย้อยลงมาเปียกไหล่ข้างหนึ่งของชายหนุ่ม”.. น้ำฝนเย็นๆ ทำให้ชายหนุ่มอย่างพิษณุก็รู้สึกหนาวเช่นกัน เค้านั่งห่อไหล่เข้าหากัน


พาสนานั่งเอนตัวพิงกับก้อนหิน....เธอหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่แล้วที่มือของเธอด้านที่อยู่ชิดกับก้อนหิน มันก็รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างดิ้นดุกดิกอยู่


“ว้ายย...” พาสนาร้องออกมาอย่างตกใจ เธอรีบเอนตัวเข้าหาพิษณุอย่างลืมตัว


“เป็นอะไร” พิษณุหันมองพาสนาที่ดูท่าทางหวาดกลัวอะไรสักอย่าง


“ตะ....ตัวอะไรก็ไม่รู้” พาสนาร้องบอกกับเค้า พร้อมชี้มือไปยังใต้โขกหินนั้น


“ไหน...” พิษณุชะโงกหน้ามองไปที่ใต้โขกหินเพื่อมองหาต้นเหตุของความกลัวที่เกิดขึ้นกับพาสนา...แล้วชายหนุ่มก็เห็นหนูป่า ตัวย่อมๆ ที่กำลังซุกกายอยู่ใต้โขกหินนั้นเช่นกัน...


“ไม่มีอะไรหรอก แค่หนูหน่ะ” พิษณุบอกกับพาสนา เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเธอ


“ไม่เอาอ่ะ ไล่มันไปที” พาสนาบอกกับเค้าน้ำเสียงสั่น


“ไล่มันยังไงล่ะ มันก็มาหลบฝนเหมือนกันนะ” พิษณุบอกกับพาสนาด้วยสีหน้าเรียบ


“งั้นนายไปนั่งข้างในเลย” พาสนาบอกกับเค้า เพราะเธอคงทนนั่งติดกับตัวหนูตัวนี้ไม่ได้


“เฮ้อออออออ...” พิษณุถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเค้าก็เลื่อนตัวเองไปนั่งด้านในของแง่หิน พาสนาก็ออกมานั่งแทนที่เค้า


หยดน้ำยังคงไหลลงมา.......พิษณุรู้ดีว่าตรงนั้นมีหยดน้ำไหลลงมาจากแง่หิน


“มานี่มา” ชายหนุ่มคว้าตัวพาสนามากอดไว้เพื่อให้เธอไม่ต้องเปียกน้ำที่ไหลย้อยลงมา


“ปละ....ปล่อยย” พาสนาทำท่าจะดิ้นหนี แต่เธอก็รู้ว่าถ้าเธอหนีไปนั่งอย่างเดิน น้ำนั่นก็จะเปียกเธอจนหนาวสั่นอีกครั้ง


“อย่าดื้อซิ...” ชายหนุ่มบอกกับเธอน้ำเสียงแผ่วเบา


“........” พาสนาทำท่าจะดิ้นอีกครั้ง แต่พิษณุก็กอดเธอเอาไว้แน่น.......


“นิ่งๆ ซิ ฉันเหนื่อย ขอนอนหน่อยนะ” พิษณุบอกกับพาสนาก่อนจะหลับตาลง เค้ากอดเธอเอาไว้แนบแน่น


พาสนาได้แต่นอนซบกับอกของเค้า ในเวลานี้เธอคงพยศอะไรไม่ได้อีกแล้ว.....คงทำได้แต่นั่งพิงซบเค้าเฉยๆ แบบนี้


“รู้มั้ยว่า ฉันตกใจมากนะตอนเธอตกน้ำหน่ะ” ชายหนุ่มพูดออกมาเบาๆ ขณะที่ยังหลับตานอน


พาสนาได้แต่ฟังเค้าบอกกับเธอ........ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ อะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เธอรู้แต่ว่าในเวลานี้ ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าอยู่กับเค้าแล้วปลอดภัย


เมื่อเธอเห็นว่าพิษณุหลับไปแล้ว เธอก็ได้แต่หลับตาลงเช่นกัน.......


สายฝนยังคงโปรยลงมาไม่หยุด คลื่นทะเลก็โหมกระหน่ำเหมือนคนที่กำลังเสียสติ มันกำลังบ้าคลั่ง.........ทีมหน่วยกู้ภัย และตำรวจน้ำ ต่างก็ต้องหยุดการค้นหาทางน้ำโดยชิ้นเชิง


ทางฝั่งชาวเกาะ ก็ออกตามหาคนทั้งสองตามชายหาด........แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่พบวี่แววของคนทั้งคู่


ชาวประมงสองคน เดินฝ่าสายฝน และลมพายุ มายังจุดโขกหิน หาดหลังเกาะ พวกเค้าออกตามหาพิษณุ และพาสนาตามคำขอความช่วยเหลือจากทางฝั่งแผ่นดินใหญ่ แต่จนแล้วจนลอด พวกเค้าก็หาคนทั้งสองไม่พบ


“สงสัยป่านนี้ลอยไปไหนถึงไหนแล้วมั้ง” ชายชาวประมงผิวเข้มหันไปบอกกับเพื่อนที่ออกมาตามหาด้วยกัน


“นั่นซิ เมื่อตอนบ่าย น้ำมันเปลี่ยนด้วย เชี่ยวขนาดนั้น เจอพายุเข้าไปอีก ไม่รอดแน่เลยว่ะ” ชายชาวประมงอีกคนที่มีหนวดเครารุงรังบอกกับเพื่อนของเค้า


“เฮ้อออ ทำใจวุ้ย เดี๋ยวพายุหยุด ค่อยออกตามหาอีกทีดีกว่า” ชายชาวประมงผิวเข้มบอกกับเพื่อนแบบปลงๆ


“เห็นว่าผู้ชายเป็นเจ้าของโครงการที่จะมาทำรีสอร์ทที่นี่ด้วยนะ” ชายชาวประมงอีกคนพูดขึ้น


“หรอ....ไม่น่าเลย” ชายชาวประมงผิวเข้มบอกกับเพื่อน ก่อนจะพากันเดินกลับไปทางด้านหน้าเกาะ


ณ ตรงนั้น ที่ชายป่าด้านใน ร่างของคนสองคน ยังคงนอนหลับใหลอยู่ใต้แง่หิน.....






โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:05:09 น.  

 


ชายหนุ่มลุกขึ้น แล้วเดินออกไปอีกครั้ง.......พาสนามองเค้าทันที


“จะไปไหนอีกล่ะ นี่นาย...” พาสนาร้องเรียกเค้า แต่พิษณุกลับเดินออกไป


“บ้าเอ้ย...” พาสนาขมวดคิ้วสีหน้ายุ่งๆ เมื่อพิษณุปล่อยเธอทิ้งไว้อีกครั้ง


เธอแอบชำเลืองมองไปตรงจุดที่เจ้าหนูนอนขดตัวอยู่ ด้วยท่าทางขยะแขยง และหวาดกลัวมัน....


เธอมองออกไปยังข้างนอก หยดน้ำที่ล่วงลงมา ทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปถึงข้างใน เธอนั่งกอดเข่าแน่น ดวงตามองไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย...


เพียงไม่นาน พิษณุก็กลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง เนื้อตัวของเค้าเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน ในมือของเค้ามีมะพร้าวติดมือมาด้วย ส่วนอีกข้างหนึ่งมีก้อนหินก้อนไม่เล็กไม่ใหญ่พอดีมือติดมาด้วยอีก 1 ก้อน


ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งใต้โขดหินข้างๆ พาสนา...


“ท่าทางฝนจะตกตลอดทั้งคืน” เค้าพูดสีหน้าเรียบ ก่อนจะจัดการเอาก้อนหินทุบมะพร้าวที่เค้าถือมา


พาสนานั่งมองชายหนุ่มทุบมะพร้าวด้วยสีหน้ารอคอย....


เพียงไม่นาน มะพร้าวก็โดนทุบจนเปลือกฉีกขาดออกมา พิษณุพยายามดึงเปลือกมะพร้าวออก จนเหลือเพียงเปลือกกะลา....เค้าค่อยๆ ทุบเปลือกกะลาให้แตกออก น้ำมะพร้าวค่อยๆ ไหลออกมาจากเปลือก


“อ๊ะ...” ชายหนุ่มยื่นมะพร้าวในมือส่งให้พาสนา


พาสนามองมะพร้าวในมือของชายหนุ่ม เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างกระหาย........มือของเธอกำลังจะยื่นไปรับมัน แต่แล้วเธอก็ลดมือของเธอลง พร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่น


“ไม่...........ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว” พาสนาพยายามทำปากแข็งไม่ยอมรับมะพร้าวจากพิษณุ


“จะบ้าหรือไง หิวก็กินซะ” พิษณุขมวดคิ้วยุ่ง น้ำเสียงเข้ม


“ฉันไม่ได้บอกว่าหิวสักหน่อย” พาสนายังคงพูดหน้าเชิดๆ


“อย่าเรื่องมากน่า เวลานี้ไม่ใช่เวลามาเล่นแง่นะ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเข้ม


“ใครไปเล่นแง่กับนาย อย่ามาว่าฉันนะ” พาสนาหันมาทำตาดุ เสียงเขียวใส่เค้า


“จะอาระวาด ออกฤทธิ์ ออกเดชอะไรก็กินๆ ซะก่อน จะได้มีแรง” พิษณุบอกกับพาสนาพร้อมกับยื่นมะพร้าวให้เธอ


“ไม่.......ไม่กิน......” พาสนายังคงตอบกลับเสียงแข็ง


พิษณุจ้องมองหน้าของพาสนาด้วยอารมณ์หมั่นไส้ในความดื้อ ความอวดดีของเธอ


“เอออ ไม่กินก็ดี” ชายหนุ่มมองหน้าเธอเขม็ง เค้านำมะพร้าวลูกที่ถืออยู่กลับมา


“ไม่กินใช่มั้ย...” พิษณุร้องถามพาสนา


พาสนามองมะพร้าวในมือของพิษณุ เธอกลืนน้ำลายอีกครั้ง ด้วยความเสียดาย แต่เพราะทิฐิ เธอจึงทำเชิดหน้าไปทางอื่น


“ดี งั้นก็ไม่ต้องกิน...” พิษณุพูดอย่างโกรธๆ เค้ายกมะพร้าวลูกนั้นขึ้น พร้อมกับทำท่าจะขว้างมันทิ้งไป


พาสนาหันมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเสียดายที่สุด


“จะทำอะไรอ่ะ” พาสนาร้องถาม


“ไม่กินก็ทิ้งๆ มันไป” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเครียด เค้าง้างมือพร้อมจะเขวี่ยงมันออกไปเต็มแรง


พาสนามองมะพร้าวในมือของเค้าอีกครั้ง...


“เดี๋ยว........เดี๋ยว.........” พาสนารีบร้องห้าม


พิษณุหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้ามของพาสนา เค้าหันมองกลับมาที่เธออีกครั้ง


“ทำไม มีอะไร” ชายหนุ่มถามสีหน้าเครียด


“ไหนๆ ก็เก็บมาแล้ว กินก็ได้” พาสนาพูดน้ำเสียงอ่อย


“ว่าไงนะ......” พิษณุหรี่ตามองเธอ


“ก็เห็นว่าเก็บมาแล้วอ่ะนะ จะทิ้งก็เท่ากับทำลายธรรมชาติฟรีๆ งั้นฉันจะกินให้ นายจะได้ไม่ได้ชื่อว่าทำลายธรรมชาติเล่นเพื่อสนุก” พาสนาพูดจบก็คว้ามะพร้าวในมือของชายหนุ่มมาถือไว้


“นี่ฉันไม่ได้หิวนะ แค่..........ยอมกินให้เฉยๆ” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม ก่อนจะยกมะพร้าวขึ้นดื่มน้ำหวานๆ ของมัน


พิษณุนั่งมองพาสนาพูดๆ และกินมะพร้าวด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก


“เชื่อเค้าเลย...” ชายหนุ่มบ่นออกมาเบาๆ เค้าอยากจะหัวเราะกับท่าทางของพาสนา แต่มันก็หัวเราะไม่ออก กับความดื้อ หัวแข็ง ปากแข็งของเธอ


ระหว่างที่พาสนากำลังกินมะพร้าวอย่างเอร็ดอร่อย พิษณุก็จัดการถอดเสื้อยืดของเค้าออก........พาสนาเงยหน้าเห็นชายหนุ่มถอดเสื้อก็ต้องตกใจสุดขีด


“จะทำอะไรอ่ะ” เธอรีบยกมือปิดตาอย่างรวดเร็ว.......


“ก็ถอดเสื้อไง” พิษณุตอบสีหน้าเรียบเฉย


“แล้วถอดทำไม.......ทุเรศ” พาสนาพูดเสียงเขียว


“นี่เธอ..........” พิษณุขมวดคิ้วมองพาสนา


“ทุเรศที่สุด มาถอดแบบนี้ได้ไงหะ” พาสนาร้องโวยออกมา


“ทำไม...หรือว่า...” พิษณุมองพาสนายิ้มๆ เค้าแกล้งกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ เธอ


เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกระเถิบเข้าหาเธอ พาสนาก็รีบเขยิบหนีทันที....มือของเธอยังคงปิดตาเอาไว้


“หรือว่าเธอ....” พิษณุยังคงกระเถิบเข้าหาพาสนาเรื่อยๆ สีหน้า และน้ำเสียงของเค้า มันช่างกรุ้มกริ่มไม่เบา


พาสนาถอยห่างออกมาเรื่อยๆ จนตัวเธอติดกับโขดหิน หนีไปไหนไม่พ้น


“ยะ....อย่าทำบ้าๆ นะ” พาสนาร้องออกมา พร้อมกับใช้มือดันชายหนุ่มไว้ เธอยังคงหลับตาสนิท เพื่อจะได้ไม่เห็นชายหนุ่มตรงหน้า


“กลัวอะไรหึ.......ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิษณุร้องถามพาสนา สีหน้ายิ้มๆ


“ไม่ได้กลัว...” พาสนาตอบเสียงเขียว แต่เธอยังคงปิดตาสนิท


พิษณุยิ้มขำๆ กับท่าทางของพาสนา ชายหนุ่มนึกสนุกอยากแกล้งเธอมากขึ้น เค้าใช้มือของเค้าจับมือของเธอข้างที่ดันเค้าเอาไว้


“ถ้าไม่กลัวก็ลืมตาซิ หึ......” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาพาสนาใกล้ๆ เสียงกระซิบของเค้าทำเอาพาสนายิ่งหลับตาปี๋


“อะ....ออกไปนะ” พาสนาร้องออกมา เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ตัวเธอมากขึ้น


“.........” ชายหนุ่มยิ้มชอบใจ เค้ามองพาสนาที่ปากกล้า แต่ทั้งท่าทาง และปฏิกิริยา มันไม่ตรงกับคำพูดเลยแม้แต่น้อย


ชายหนุ่มจับมือข้างที่ดันเค้าไว้ของพาสนา เอาไว้ แล้วค่อยๆ จับมันมาแตะที่ใบหน้าของเค้าเบาๆ ให้มันค่อยๆ สัมผัสใบหน้าของเค้าตั้งแต่หน้าผาก คิ้ว ดวงตา จมูก แก้ม .........และ.........


พาสนารู้สึกถึงสัมผัสที่เธอรับรู้ได้จากฝ่ามือของเธอ นิ้วของเธอค่อยๆ สัมผัสโดนส่วนต่างๆ บนใบหน้าของชายหนุ่ม ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ ใจเธอเต้นแรง และเร็วผิดปรกติ


พิษณุค่อยๆ พามือของพาสนามาสัมผัสกับริมฝีปากของเค้า ริมฝีปากเรียวนี้เองที่เคยสัมผัสริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ ถึงสองครั้งในวันนี้......เค้าค่อยๆ ลากเรียวนิ้วของพาสนา ผ่านริมฝีปากของเค้าอย่างช้าๆ ทุกสัมผัส ทำเอาพาสนาสั่นสะท้าน


เค้าเองก็ค่อยๆ ใช้ริมฝีปากนั้น บรรจงจูบลงกับฝ่ามือของเธออย่างแผ่วเบา.......


พาสนารู้สึกหนาวถึงขั้วหัวใจ มันวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูก ใจเธอมันสั่นไปหมด เนื้อตัวร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนกำลังเป็นไข้รุนแรง.......เธอค่อยๆ ลืมตามองเค้า แล้วใบหน้าชายหนุ่มก็ลอยอยู่ไม่ไกล แม้ริมฝีปากของเค้าจะบรรจบกับฝ่ามือของเธอ แต่ดวงตาของเค้ากลับจ้องมองมายังใบหน้าของเธอ อย่างไม่วางตา


พาสนาเองเหมือนกำลังถูกตรึงกับดวงตาคู่นั้น เธอไม่อาจหลบสายตานั้นได้ มันเหมือนมีมนต์สะกดเธอเอาไว้......


ชายหนุ่มค่อยๆ เงยหน้าจากฝ่ามือของเธอ แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าของเค้าเข้าหาเธอเรื่อยๆ พาสนารู้สึกถึงลมหายใจถี่ มันรู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ลมหายใจอุ่นๆ ของเค้าเข้าใกล้ใบหน้าสวยของเธอเต็มที


จมูกโด่งของเค้า กำลังเข้าใกล้จมูกเชิดรั้นๆ ของเธอ ริมฝีปากบางของเค้ากำลังเข้าใกล้ๆ ริมฝีปากนุ่มของเธอ..........เพียงเสี้ยววินาที ที่พาสนาพยายามรวบรวมพลังใจของเธอ หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเค้าทันที ก่อนที่เค้าจะช่วงชิงจูบจากเธอได้อีกครั้ง


พิษณุเองก็ชะงักใบหน้าของเค้าเช่นกัน.........ชายหนุ่มมองพาสนาที่ดูท่าทางจะต่อสู้กับความรู้สึกภายในอย่างมากมาย ด้วยความรู้สึกที่เค้าเองก็เป็นไม่ต่างกัน


“เออออ.....” พิษณุปล่อยมือเค้าจากมือพาสนา แล้วหันออกไปนั่งห่างๆ เธอ เค้าคว้าเสื้อนอกของเค้ามาสวมแทนเสื้อยืดตัวที่ถอดออก


พาสนาใช้สองมือขยุ่มเสื้อของเธอเอาไว้ .......เธอไม่กล้าจ้องหน้าเค้าอีก


ทั้งสองต่างคนต่างนิ่งเงียบ.........





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:05:29 น.  

 


ความมืด กับบรรยากาศที่เงียบสนิท มีเพียงเสียงสายฝนที่โปรยลงมาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย......


สองร่างต่างนั่งหันหลังให้กัน คนหนึ่งมีอาการแปลกๆ ในหัวใจ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ความรู้สึกเมื่อสักครู่มันคืออะไรกัน เธอไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนเลย นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของเธอ


พิษณุนั่งนิ่ง เค้ากำลังใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้ยังไง ตอนแรกเค้าแค่ตั้งใจจะแกล้งพาสนาเล่นๆ แต่แล้ว เค้าเองกลับควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เอาซะดื้อๆ


“เออออ.....” พิษณุหันมองมาทางพาสนา ที่กำลังนั่งพิงตัว หันหน้าไปทางอื่น


พาสนาได้ยินเสียงชายหนุ่มข้างๆ เธอก็เอาแต่ก้มหน้า หันไปทางอื่น เธอรู้สึกกลัว......กลัวสายตาแบบนั้นของเค้า สายตาที่เหมือนมีมนต์สะกดใจเธอ มันทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง


“ฉันว่าคืนนี้เราคงต้องติดอยู่ตรงนี้ คงไปไหนไม่ได้ ......ฉันว่าเรามานอนกัน” พิษณุพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ พาสนาก็หันขวับมองเค้าด้วยดวงตาขุ่น


“พูดบ้าอะไร อย่ามาทะลึ่ง ลามกแถวนี้นะ” พาสนาตะหวาดเสียงดังใส่อีกฝ่ายทันที ที่ได้ยินเค้าพูด


“เฮ้ยยย นี่เธอจะบ้ารึไง ใครไปลามก ใครไปทะลึ่งกับเธอ” พิษณุพูดสีหน้าเข้ม


“ก็.........ก็เมื่อกี้นายบอกว่า......” พาสนาทำท่าจะทบทวนคำพูดของอีกฝ่าย


“โธ่......ฉันจะพูดว่า เรามานอนพักผ่อนเอาแรงกัน เพื่อพรุ่งนี้จะได้หาทางกลับฝั่งกัน” พิษณุขมวดคิ้วตอบพาสนา สีหน้ายุ่งๆ


“อ้าว จะไปรู้ได้ไง นายพูดไม่เคลียร์นิ” พาสนาทำหน้าจ๋อยๆ ลงเมื่อพิษณุอธิบายคำพูดของเค้าจนครบ


ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้า เค้ายิ้มออกมาที่มุมปาก


“แอ๊ะ นี่เธอ......คิดอะไรอยู่หึ” เค้าร้องถามพาสนาสีหน้ายิ้มๆ


“คิดไร ไม่ได้คิดนะ อย่ามาหาเรื่อง” พาสนารีบสวนกลับสีหน้ายุ่งๆ


“หึ.....” พิษณุหัวเราะในลำคอเบาๆ เค้าค่อยๆ กระเถิบตัวเอง เข้าไปนั่งด้านในติดกับโขดหิน


“นอนเถอะ วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว” พิษณุบอกกับพาสนาก่อนที่เค้าจะหลับตาลง


พาสนาที่นั่งขดตัวอยู่ข้างๆ ได้แต่มองไปรอบๆ ตัว ความมืดทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเม็ดฝนที่กำลังไหลย้อยลงมาตามแนวโขดหิน....เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอกแน่น ด้วยความหนาวเย็นของบรรยากาศ..........สายฝนยังคงโปรยลงมาไม่หยุดหย่อน


“นอนได้แล้ว” พิษณุบอกกับพาสนา ก่อนที่จะเอื้อมมือของเค้าไปจับตัวเธอ


“นี่จะทำอะไร” พาสนามองมือของเค้าที่จับตัวเธออยู่......แต่ไม่ทันไร พิษณุก็ดึงตัวพาสนาเข้ามากอดเอาไว้


“ปล่อยนะ.....ปล่อยยย” พาสนาพยายามดิ้นจากอ้อมแขนของเค้า แต่ชายหนุ่มกลับกอดเธอเอาไว้แน่น


“อากาศมันเย็น ขอกอดหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเรียบ ดวงตาของเค้ายังคงปิดอยู่


“ปล่อยยยย” พาสนาพยายามดันตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมแขนนั้น


“ขอกอดหน่อยซิ ทีตอนเย็นฉันยังให้เธอกอดเลย” พิษณุพูดขึ้น ขณะที่ยังคงรั้งตัวเธอเอาไว้


“.........” พาสนาฟังคำพูดของอีกฝ่าย เธอจ้องมองเค้าด้วยดวงตาเขียวขุ่น แต่ชายหนุ่มกลับทำนอนไม่รู้ไม่ชี้ สองแขนของเค้ารัดตัวเธอไว้แน่น...


พาสนาพยายามดิ้นยุกยิกอยู่ได้ไม่นาน เธอก็จนใจต้องยอมนอนซบกับอกของเค้าอีกครั้ง ด้วยท่าทางอาการไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ สองตาของพิษณุปิดสนิทแล้ว คงมีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ที่ดังออกมา.......


พาสนานอนซบกับอกกว้าง.......เธอมองไปด้านนอกโขดหิน เม็ดน้ำหยดล่วงลงมาจากโขดหินสู่พื้นดินเบื้องล่าง....ทีละหยด ทีละหยด ดินทรายตรงนั้นเกิดเป็นหลุมเล็กๆ ที่อุ้มน้ำใสๆ เอาไว้


เพียงไม่นาน ดวงตาคู่สวยก็ค่อยๆ หรี่ลง และหลับไปในที่สุด.....อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ทำให้เธอไม่รู้สึกหนาวเหมือนเมื่อครู่ ร่างเล็ก นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของร่างที่แกร่งกว่า.......สองแขนของชายหนุ่มโอบกอดเธอไว้อย่างถนุถนอม....และคอยปกป้องคุ้มครองเธอเอาไว้
.
.
.
ปัฐวียังคงเดินกระวนกระวายใจอยู่ภายในบ้านพัก.......เค้าเดินเวียนไป วนมาแถวโทรศัพท์ เพื่อรอฟังข่าวความคืบหน้าจากทางออฟฟิศของรีสอร์ท….อรินยา ยังคงนั่งน้ำตาซึมอยู่ที่ชุดโซฟาภายในห้องนั้น....ปัญจรีที่นั่งอยู่ข้างๆ อรินยา ก็มีสีหน้าไม่สบายใจพอๆ กัน


“โอ้ยยยยยยยยย ไม่ไหวแล้วโว้ยยย” ปัฐวีโวยออกมา ด้วยอาการหงุดหงิด


“ผมว่าผมจะไปที่ออฟฟิศนะ พวกคุณรอนี่แล้วกัน” ปัฐวีหันมาบอกกับสองสาว


“ไม่ค่ะ ยาย่าไปด้วย” อรินยา ลุกขึ้น และทำท่าจะตามปัฐวีออกไป


“ใช่ ถ้าไง เราไปด้วยกันเลยนะ” ปัญจรีเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน


“งั้นปะ.......” ปัฐวีหันมองสองสาว เค้าเองก็อยากรู้ข่าวของพาสนาใจจะขาด ไม่รู้ว่าป่านนี้ ทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรบ้าง


ชายหนุ่มเดินนำสองสาวไปที่ออฟฟิศของรีสอร์ท เพื่อไปถามข่าวของพาสนากับพิษณุ
.
.
.
พาสนาที่กำลังนอนหลับสนิท........ในห่วงสำนึกของเธอ มันยังวนเวียนกับข่าวของเธอ เรื่องราวที่เกิดขึ้น และภาพใบหน้าของคุณสุก็ปรากฏขึ้น...ใบหน้าของผู้เป็นแม่ขณะที่รับรู้ข่าวของเธอ ใบหน้าที่มีความทุกข์ และไม่สบายใจ


“แม่จ๋า.......ปลาขอโทษ........” เสียงของเธอดังออกมา......มันดูแหบ และสั่นเครือ


พิษณุที่กำลังนอนหลับอยู่ ได้สะดุ้งตื่นกับเสียงนั้น ชายหนุ่มชำเลืองมองคนที่นอนซบอกเค้าอยู่ด้วยความสงสัย


“แม่.......ปลาไม่ได้ตั้งใจนะ ปลาไม่ได้ตั้งใจ” เสียงของพาสนายังคงดังออกมาเบาๆ น้ำตาหยดใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท


ชายหนุ่มรู้สึกตกใจกับอาการที่เกิดขึ้นของพาสนา......เค้ามองดูเธอด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“ปลาขอโทษ........” พาสนายังคงพร่ำพูดออกมาอีก


“นี่ยายตัวแสบ...” พิษณุเรียกเธอเบาๆ แต่อีกฝ่ายกลับยังหลับไม่รู้เรื่อง


“ฝันร้ายหรือเนี่ยะ” ชายหนุ่มพูดออกมาเบาๆ เค้ามองดูพาสนาที่กำลังนอนร้องไห้กับอกของเค้าด้วยความรู้สึกสงสาร


“..........” เค้ารู้ทันทีว่า หากเธอรู้ถึงข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เธอจะรู้สึกอย่างไร


“ฉันขอโทษนะ.....” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงเบา เค้าใช้มือของเค้า ค่อยๆ ปาดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบา และอ่อนโยน


เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังออกมา ก่อนที่สองแขนของเค้าจะโอบกระชับกอดเธอเอาไว้แน่นขึ้น......


“ฉันผิดเอง...” พิษณุพูดขึ้นน้ำเสียงสำนึกกับสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้น


พาสนายังคงนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดนั้น แม้ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาอีก แต่น้ำตาของเธอก็ยังคงไหลออกมา .มันเป็นน้ำตาของความเสียใจ ที่เธอได้ทำให้มารดาต้องรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเลยก็ตาม


พิษณุมองคนที่หลับทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ...





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:05:44 น.  

 





ที่ออฟฟิศรีสอร์ท....ผู้จัดการรีสอร์ท อยู่ในชุดเสื้อสูทสีดำชุดเมื่อตอนกลางวัน แต่ไทด์ของเค้ากลับถูกดึงจนหลวม สีหน้าเครียด........ปัฐวี อรินยา และปัญจรี เดินเข้ามาภายในออฟฟิศ เพื่อสอบถามข่าว ความคืบหน้าของการออกตามหาพาสนาและพิษณุ....


“เป็นยังไงบ้างครับ ได้ข่าวอะไรบ้างรึป่าว” ปัฐวีเดินเข้าไปสอบถามผู้จัดการรีสอร์ท เพื่อหวังว่าจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับคนทั้งสอง


ผู้จัดการรีสอร์ทเงยหน้ามองชายหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าส่ายหน้าไปมาช้าๆ อย่างหมดหวัง


“โธ่.......ปลา......ณุ....” อรินยาแทบหมดแรงตรงนั้น เธอทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้


“คุณณุ.....คุณปลา....” ปัญจรีเองก็รู้สึกใจหายตามไปด้วย


“คุณส่งคนออกค้นหาทั่วรึยังครับ.....” ปัฐวีร้องถามสีหน้าเครียดๆ


“ออกไปทั่วชายฝั่งทางเรา และที่เกาะแล้วครับ.......แต่ตอนนี้ทั้งพายุ และก็ความมืดเลยทำให้การออกค้นหาทำได้ไม่ดี คงต้องรอถึงพรุ่งนี้” ผู้จัดการรีสอร์ทตอบสีหน้าเครียด


“พรุ่งนี้!!!!!!!!!!~ นี่คุณ คนจะตายให้รอพรุ่งนี้ได้ไง” ปัฐวีถามผู้จัดการสีหน้าเครียด


“นี่นาย........” ปัญจรีเดินเข้ามาร้องห้ามปัฐวีเอาไว้ เธอรู้ว่าปัฐวีเป็นห่วงพาสนามากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของทางผู้จัดการรีสอร์ทเลย


“คุณครับ ผมเชื่อว่า คุณณุ กับคุณพาสนาต้องปลอดภัยนะครับ เพราะถ้าพวกเค้าเป็นอะไรไปจริงๆ ป่านนี้ก็คง.........” ผู้จัดการรีสอร์ทตอบกลับสีหน้าเครียดไม่ต่างกัน


“นี่คุณพูดยังงี้ได้ยังไงผู้จัดการ...” ปัฐวีเกิดอารมณ์โกรธขึ้นเมื่อได้ยินผู้จัดการรีสอร์ทตอบกลับ


“นี่.......พอแล้วๆ” ปัญจรีรีบร้องห้ามชายหนุ่มเอาไว้ เธอจับแขนของเค้ารั้งไว้ เพื่อป้องกันปัฐวีเข้าไปทำร้ายผู้จัดการเพราะความโมโห


“ผมต้องขอโทษ ที่ต้องพูดแบบนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นหรอกนะครับ เพราะถึงยังไงคุณณุก็เป็นเจ้านายของผม” ผู้จัดการรีสอร์ทตอบน้ำเสียงเครียด สีหน้าเป็นทุกข์อย่างมาก


“.......” ปัฐวีขมวดคิ้วยุ่ง เค้ามีสีหน้าเครียด และไม่พอใจอย่างที่สุด


ปัญจรีจับแขนชายหนุ่มเอาไว้ เธอเข้าใจทั้งความรู้สึกของปัฐวี และผู้จัดการรีสอร์ทดี ว่าต่างก็เป็นห่วงคนที่หายไปทั้งคู่.....


“ฉันว่าเราไปนั่งรอฟังข่าวกันดีกว่านะ...” ปัญจรีบอกกับชายหนุ่มน้ำเสียงนุ่ม


“ผมว่า พวกคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักกันจะดีกว่า ถ้าได้เรื่องยังไง ผมจะรีบแจ้งทันที พวกคุณไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงยังไง ผมก็จะพยายามส่งคนออกตามหาคนทั้งสองให้เจอให้เร็วที่สุด” ผู้จัดการรีสอร์ท บอกกับคนทั้งสาม


“นั่นซิ กลับเถอะ ยาย่าก็ต้องพักผ่อน........นายเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ปัญจรีบอกกับชายหนุ่มเพื่อให้เค้ายอมกลับบ้านพัก


“..........” ปัฐวีที่ดูเหมือนจะไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ ก็ต้องยอมเดินตามแรงดึงของหญิงสาว


“ยาย่า กลับกันเถอะ” ปัญจรีหันมาบอกกับอรินยา ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้


อรินยา ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ด้วยท่าทางน้ำตาซึม เธอรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าพาสนาจะไม่กลับมาหาเธอ


ปัญจรี จูงมือปัฐวีกลับบ้านพัก เพราะขืนปล่อยปัฐวีเอาไว้ เค้าคงได้ทำร้ายผู้จัดการรีสอร์ทจนได้...... ในเวลานี้เธอรู้ดีว่า ทั้งปัฐวี และอรินยา ต่างก็เป็นทุกข์ ไม่ต่างกัน......


เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ท ปัญจรีพาอรินยาเข้าห้องเพื่อพักผ่อน


“ยาย่าเธอนอนซะนะ ร่างกายเธอต้องการการผักผ่อนมากๆ” ปัญจรีบอกกับอรินยา


“แต่ฉัน....” อรินยายังคงไม่อยากจะนอน เธออยากจะอยู่รอฟังข่าวของพาสนา


“เธอต้องนอนนะยาย่า ถ้าปลากลับมาแล้วรู้ว่าเธอไม่รักษาตัว เค้าคงเสียใจ” ปัญจรีเอาพาสนาขึ้นมาอ้าง


“ปุ่น เธอว่าปลาจะกลับมาจริงๆ นะ” อรินยาถามปัญจรีด้วยสีหน้าที่มีความหวัง


“อืมม ฉันเชื่อว่าปลาเค้าต้องปลอดภัย คุณณุก็ต้องปลอดภัย” ปัญจรีตอบยิ้มๆ


“จริงๆ นะ” อรินยาถามซ้ำอีกครั้ง


“อืมมม...” ปัญจรีพยักหน้ารับเบาๆ


“อืมๆๆ ฉันจะนอน ปลาจะได้สบายใจ” อรินยารีบนอนลงกับที่นอน เธอหวังว่าพาสนาต้องปลอดภัย ต้องกลับมาหาเธอ


ปัญจรีนั่งมองเพื่อนรักนอน ด้วยความรู้สึกสงสารเธอเหลือเกิน อรินยาดูซึมเศร้า และเอาแต่ร้องไห้ ตั้งแต่พาสนาตกน้ำไป........อรินยาหลับสนิท เพราะฤทธิ์ยาที่ปัญจรีให้ทาน


เมื่ออรินยาหลับสนิท ปัญจรีก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกมาทางด้านหน้าบ้านพัก......เธอมองชายหนุ่มที่นั่งสีหน้าเครียดที่เก้าอี้ตรงระเบียงบ้านพัก ส่วนที่มีชายคากันฝน เค้าดูมีสีหน้าเครียด และหมองอย่างมาก


“ทำไมยังไม่เข้าไปนอนอีก” ปัญจรีร้องถามน้ำเสียงเรียบ


“ใครจะนอนหลับลง.......” ปัฐวีตอบน้ำเสียงนิ่ง


“ดูท่าทางนายจะเป็นห่วงปลามากนะ” ปัญจรีถามขึ้น


“หึ........ผมจะบอกอะไรให้นะ.......” ชายหนุ่มหันมองมาทางหญิงสาวแสนสวย


“ผมกับปลา เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เราสนิทสนมกันมาก จนรู้ใจกันดี.........ถึงขนาดที่แม่ของเราอยากให้เราแต่งงานกัน” ปัฐวีบอกกับปัญจรีสีหน้าเรียบ ก่อนจะหันมองไปยังชายหาดที่ตอนนี้มีแต่ความมืดมิดของราตรีกาล


“แต่งงาน.......” ปัญจรีรู้สึกชาวูบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ กับคำๆ นี้


“ใช่...” ปัฐวีตอบรับ


“แปลว่า นายกับปลา...” ปัญจรีถามขึ้นมาอีก


“หึ....เปล่า.......ปลาไม่ได้รักผม เธอไม่เคยมองผมเป็นอื่นนอกจากเพื่อน และพี่ชาย........เธอไม่เคยมองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเลย” ปัฐวีตอบกลับน้ำเสียงของเค้าดูเศร้าลง


“แล้วนายล่ะ รู้สึกยังไง” ปัญจรีกล่าวถามชายหนุ่มด้วยความรู้สึกอยากรู้คำตอบ


“ผมหรอ............ไม่รู้สิ แต่ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นเธอยิ้ม หัวเราะ และรู้สึกไม่สบายใจเสมอ เวลาเธอดูเศร้า มีความทุกข์.......ผมก็ไม่รู้ว่ารู้สึกกับปลาแบบไหน.......มันทั้งห่วง และหวังดี” ปัฐวีตอบน้ำเสียงเรียบ สีหน้านิ่ง แต่แผงด้วยความเศร้าลึกๆ


ปัญจรียืนมองชายหนุ่มจากด้านข้าง ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรแหลมๆ คมๆ จิ้มเข้าไปที่หัวใจของเธอ มันเจ็บแปลบๆ ไม่ปวด แต่รู้สึก.....เจ็บ





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:05:59 น.  

 



ในห้องพักของรีสอร์ทสวย...........นอกหน้าต่างมีสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด


คนที่อยู่ในห้อง กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในโน้ตบุคส์ของเค้า......มือก็กดมือถือเพื่อโทรออก


“ครับ บก. ผมได้ส่งรูปเด็ดไปแล้วนะครับ ส่งตีพิมพ์ได้เลย” น้ำเสียงของเค้าดูจะอารมณ์ดีไม่น้อย


“ครับ ตอนนี้ได้ข่าวว่าหายตัวไปทั้งคู่ครับ........สงสัยจะแอบหนีไปสวีทที่เกาะล่ะมั้งครับ” ชายคนดังกล่าวยังคงพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“ครับๆ ผมจะรีบติดตามข่าว แล้วส่งให้นะครับ” เค้าพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อม ก่อนจะกดวางสายมือถือลง


ขณะที่มือของเค้าก็กดส่ง e-mail ให้กับปลายทางเช่นกัน.....


“คราวนี้ข่าวดังแน่ๆ รวยแล้วเรา” เค้าพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ พร้อมยกมือขึ้นลูบคางเบาๆ ไปมา
.
.
.
สายฝนหยุดโปรยลงมาแล้ว............แต่หยดน้ำที่เกาะตามกิ่งไม้ ใบไม้ และโขดหินยังคงไหลย้อยลงมาเป็นจังหวะ....สองร่างที่กำลังนอนหลับภายใต้ก้อนโขดหินนั้น ยังคงหลับสนิท


แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าเริ่มส่องประกายขึ้น......คลื่นทะเลสาดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ ท้องฟ้ากลับสู่สภาพปรกติ


พาสนาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น........เธอมองไปยังน้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไป แสงสว่างทำให้เธอมองสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนมากขึ้น แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เธอยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนของใครอีกคน


“ปล่อยยย.....” พาสนาโวยออกมาก่อนจะผลักเค้าออก จนชายหนุ่มต้องล้มกลิ้งลงไปคลุกกับดินทราย


“เฮ้ยยย อะไรกัน” พิษณุที่ยังคงนอนหลับสบาย เมื่อโดนพาสนาผลักอย่างแรง เค้าก็ตกใจตื่น และหันมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“เป็นอะไรของเธอหะ” เค้าลุกขึ้นจากพื้นทราย แล้วร้องถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหงุดหงิด


“........” พาสนาไม่ตอบอะไร เธอมองเค้าด้วยสีหน้ายุ่ง ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปทางชายหาด


“อะไรของเค้านะ .....” พิษณุมองตามหญิงสาว แล้วต้องให้ไม่เข้าใจกับอารมณ์ของเธอ


“โอ้ยยยย นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ยะ” พาสนาโวยออกมา เมื่อมองไปรอบๆ ที่ด้านหน้ามีแต่น้ำทะเล ด้านหลังก็เป็นป่ารกทึบ


“จะที่ไหน นี่ก็เกาะอะดิ” พิษณุที่ลุกเดินตามมาด้านหลังตอบเธอน้ำเสียงเรียบ


“แล้วนี่จะกลับยังไง” พาสนาขมวดคิ้วถาม


“อืมมมม..........” พิษณุมองไปรอบๆ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอและเค้าหลงมาติดอยู่ทางด้านหลังของเกาะ ซึ่งเป็นแนวโขดหิน และหน้าผาสูงชัน


“คงต้องเดินตัดป่า กับเขาไป” พิษณุตอบเมื่อมองไปรอบๆ


“หะ........” พาสนาทำหน้าเบ้ออกมา เธอไม่อยากจะคิดเลยว่า จะออกไปจากตรงนี้ได้ยังไง


“ก็มันไม่มีทางไปนี่นา.........ดูซิ จากสุดขอบหาดด้านโน้น กับหาดด้านนี้ มีโขดหินกั้น มีแนวหน้าผาสูงขึ้นไป ส่วนทางนี้ก็เป็นป่า ไม่รู้ว่าจะทะลุออกไปไหน” พิษณุชี้มือชี้ไม้ให้พาสนามองตามสิ่งที่เค้าพูด


“โอ้ยยยยยยยยยยย อะไรเนี่ยะ” พาสนาโวยออกมาด้วยสีหน้ากลุ้มๆ



“.........” พิษณุยืนมองอาการของพาสนาด้วยสีหน้าเรียบ


“เพราะนายคนเดียว.......” พาสนาหันมาพูดเสียงเขียว ตาขุ่นใส่ชายหนุ่ม


“เฮ้ยยย อะไรล่ะ” พิษณุตกใจที่พาสนาหันมาพูดกับเค้าแบบนั้น


“ก็เพราะนายพูดยั่วฉัน ทำให้ฉันต้องมาที่นี่กับนาย ถ้าฉันไม่มาก็ไม่ต้องมาติดเกาะบ้าๆ นี่กับนายหรอก” พาสนาพูดใส่เค้าเป็นชุด


พิษณุยืนฟังคำของอีกฝ่าย ด้วยสีหน้ายุ่ง เค้าไม่ชอบเลยที่เธอมาโบ้ยว่าเค้าฝ่ายเดียว


“นี่ให้น้อยๆ หน่อยนะ ฉันไปบังคับเธอมาหรือไง.........” พิษณุขมวดคิ้วโต้กลับน้ำเสียงเข้ม


“ก็นายมายั่วโมโหฉันทำไม” พาสนาเองก็ไม่ยอมลดละ เธอยังคงตะเบ็งเสียงแข็งใส่เค้า


“นี่เธอ.............” พิษณุกัดฟันแน่น เค้าจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย ด้วยสีหน้าขุ่น


“ทำไม...” พาสนายื่นหน้าท้าทายตามนิสัยชอบเอาชนะของเธอ


พิษณุขบฟันแน่น ดวงตาแข็งมองหญิงสาวที่ทั้งหัวดื้อ หัวรั้น ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ........ชายหนุ่มรู้สึกหมั่นใส้ หมั่นเคี้ยวผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอนอนร้องไห้ จนน่าสงสาร แต่พอตื่นมากลับออกฤทธิ์แบบนี้ได้


“เฮ้ยยย......” เค้าสะบัดหน้า เดินหนีเธอ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด


“เชอะ.......นึกว่าจะแน่” พาสนาเห็นว่าอีกฝ่ายยอมถอยไป เธอยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วไม่วายจะต้องพูดกระทบเค้าอีกจนได้


“.........” พิษณุหยุดเดิน ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น เค้าค่อยๆ หันมองกลับไปทางเธออีกครั้ง


“เธอว่าไงนะ” เค้าถามอีกฝ่ายน้ำเสียงเย็น


“โธ่ ไม่แน่จริงนิหว่า” พาสนายังคงพูดเชิงเหยียดๆ อีกฝ่าย


“เธอ.........” เค้าจ้องมองพาสนาที่ทำท่าอวดดี ด้วยแววตาดุ


“ทำไม นึกว่าฉันจะกลัวนายหรอ เชอะ” พาสนายังคงทำท่าทางเชิดๆ ใส่ชายหนุ่ม


“ยายตัวแสบ...” พิษณุรู้สึกเหลืออดกับความปากกล้า อวดดีของพาสนา เค้าเดินตรงเข้าหาเธออีกครั้ง


พาสนาหันมองชายหนุ่มที่กำลังเดินดุ่ยๆ ตรงมาหาเธอ อะไรบางอย่างบอกกับเธอว่า ไม่ควรไปพูดยั่วโมโหเค้าเลย พาสนาถอยหลัง ได้สองก้าว เพื่อตั้งหลักรับมืออีกฝ่าย


“จะทำอะไร..” พาสนาร้องถามเค้าเมื่อเห็นเค้าเดินตรงเข้ามาหาเธอ


“ก็ไหนว่าไม่กลัวไง” พิษณุร้องถามน้ำเสียงรอดจากไรฟัน


“อย่าทำบ้าๆ นะ ฉัน.........ฉันสู้นะ” พาสนาเห็นท่าทางที่เอาจริงของพิษณุ เธอถึงกลับต้องเดินถอยหลังหนีเค้า........


“ก็เอาซิ ลองดูสักตั้งว่าเธอกับฉัน ใครจะชนะ” พิษณุยังคงพูดด้วยน้ำเสียงดุ เค้าเดินตรงมาหาเธอทุกที


พาสนารีบเดินถอยหนีเค้า แล้วเธอก็รู้ตัวว่ากำลังก้าวลงสู่น้ำทะเล......


“บอกว่าอย่าเข้ามาไง.........จะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ” พาสนาตะโกนบอกเค้าสีหน้าเครียด


“ก็เอาซิ” พิษณุไม่มีท่าทางหวาดหวั่นใดๆ เค้ายังคงก้าวเดินเข้าหาเธอเรื่อยๆ


“ไอ้บ้านี่........” พาสนาตะโกนสุดเสียงก่อนจะกำหมัดแน่น พร้อมจะชกใส่เค้า


พิษณุเดินเข้าใกล้พาสนา จนเค้าเอื้อมจับตัวเธอได้ ทันทีที่ชายหนุ่มคว้าตัวพาสนา เธอก็ปล่อยหมัดของเธอออกมา หมายจะชกใส่เค้า พิษณุรับหมัดนั้นได้อย่างแม่นยำ......


“เก่งนักใช่มั้ย...” ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะจับมือพาสนา แล้วดึงมันบิดไปไขว้ไว้ด้านหลังของเธอ


“โอ้ยยย...” พาสนาร้องออกมาเมื่อแขนของเธอโดนบิดให้ไขว้ไว้ด้านหลังของเธอ


“ไอ้บ้า.......” พาสนายกมืออีกข้าง แล้วหมายจะเล่นงานชายหนุ่มอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม พิษณุรับมือของเธอไว้ แล้วจับมันบิดไขว้หลัง


ตอนนี้พาสนาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เธอโดนพิษณุจับทั้งสองแขนบิดไขว้หลังของเธอ ตัวเธอขยับไปไหนไม่ได้เลย เมื่อโดนชายหนุ่มจับเอาไว้แบบนี้ เค้าจ้องหน้าเธอเขม็ง


“เก่งนักไม่ใช่หรือ เอาซิ หนีซิ” พิษณุถามพาสนา ใบหน้าของเค้าจ้องมองหน้าของเธอที่อยู่ไม่ไกลกันนัก


“โอ้ยยยย.......” เพียงแค่ชายหนุ่มบิดแขนนิดเดียว พาสนาก็ถึงกับร้องโอดโอยออกมา




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:06:15 น.  

 


“ดูซิจะเก่งได้สักกี่น้ำ” ชายหนุ่มพูดออกมา ด้วยสีหน้าดุ


พาสนาขมวดคิ้วมองเค้า เธอเม้มริมฝีปากของเธอแน่น ด้วยความรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรเค้าไม่ได้....


“ทำไม โกรธหรอ” พิษณุยื่นหน้าถามอีกฝ่าย เมื่อรู้ตัวเค้าเป็นต่อเธออยู่


“คอยดูนะ ถ้าฉันหลุดไปได้ ฉันจะเล่นงานนายให้น่วมเลย” พาสนาพูดขู่อาฆาตเค้าด้วยแววตาขุ่น


“หึ......ขู่ฉันหรอ ตอนนี้เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ คิดจะมาขู่ฉันหน่ะ” พิษณุเองก็ใช่ย่อย เค้าก็ร้องถามอีกฝ่ายเย้ยๆ เช่นกัน


“นี่นาย......” พาสนาจ้องหน้าเค้าด้วยแววตาเขียว แสดงอาการไม่พอใจอย่างที่สุด


“ว่าไง ปากเก่งนัก เอาอีกซิ” พิษณุร้องถามพาสนาน้ำเสียงเข้ม


“ไอ้คนบ้า ไอ้คนเลว ไอ้คนลามก” พาสนาระเบิดคำด่าออกมาตามที่ชายหนุ่มร้องขอ


พิษณุขมวดคิ้วแน่นจ้องหน้าพาสนาอย่างไม่ชอบใจ เค้ามองดูหน้าตาที่กำลังเชิดใส่เค้าด้วยแววตาขุ่น........ถึงขนาดนี้แล้วเธอยังคงกล้าปากดี ปากกล้าด่าทอเค้าอีกหรอ....


“ปากเก่งนักใช่มั้ย” ชายหนุ่มขบฟันแน่น ก่อนที่จะตัดสินใจก้มหน้าของเค้าเข้าหาใบหน้าของพาสนาอย่างรวดเร็ว


“จะทำอะไรหน่ะ อย่านะ.....” พาสนาดิ้นรนสุดฤทธิ์ เธอพยายามสะบัดหน้าหนี แต่พิษณุก็กลับดึงตัวเธอให้แนบชิดกับตัวเค้ามากขึ้น


“อย่านะ......” พาสนาร้องโวยออกมา ทั้งๆ ที่มือของเธอถูกพิษณุจับรั้งไขว้หลังของเธอไว้ ตัวของเธอแนบชิดกับตัวของชายหนุ่ม จนเค้าสามารถก้มใบหน้าลงต่ำจนแทบติดกับใบหน้าของเธอ


“ปล่อยยยยย ......” พาสนาพยายามบิดมือให้หลุดจากมือของชายหนุ่ม แต่เค้ากลับจับเธอไว้แน่น


จมูกโด่งของเค้ากำลังจะทำโทษเธอ เพราะเหตุที่เธอกล้าปากเก่ง ปากดีกับเค้า พาสนาพยายามสะบัดหน้าหนีจมูกของชายหนุ่ม แต่เพราะเค้าเป็นฝ่ายอยู่เหนือกว่า ถึงให้เธอพยายามหลบเลี่ยงยังไง จมูกโด่งนั้นก็ยังคงเข้าประชิดแก้มใสของเธออยู่ดี


“หยุดนะ...” พาสนาร้องออกมาอีกครั้งก่อนที่เสียงของเธอจะเงียบลง เมื่อจมูกของอีกฝ่ายได้แนบสนิทกับแก้มใสๆ ข้างขวาของเธอ


กลิ่นหอมของแก้มสาว ทำเอาพิษณุแทบไม่อยากเชื่อว่า นี่คือแก้มของสาวปากดี ที่คอยกวนประสาทเค้าไม่เว้นวัน.......ชายหนุ่มสูดกลิ่นแก้มของพาสนาอย่างชอบใจ


“หอมจัง...” ชายหนุ่มกระซิบบอกกับเธอหลังจากที่ถอนจมูกของเค้าออกจากแก้มของเธอ


พาสนาได้แต่ยืนนิ่ง เธอมองเค้าด้วยแววตาโกรธ ทั้งๆ ที่ภายในใจเธอกำลังเต้นแรงอย่างประหลาด.........ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนชาไปทั่ว มันกำลังเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ


“อะ....ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า” พาสนาทำได้แต่ตะโกนด่าเค้าอีกครั้ง ด้วยความโกรธ และอาย


“แนะ ยังมาด่าอีกหรอ” พิษณุร้องถามเมื่อได้ยินพาสนาด่าทอใส่เค้า


“ไอ้บ้า...............” พาสนายังคงตะโกนด่าใส่หน้าชายหนุ่มอีก


“ด่าเก่งนักนะ” พิษณุยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มหน้า แล้วหอมแก้มข้างซ้ายเธออีกข้าง


“ไอ้คนบ้า ไอ้คนเลว...” พาสนาตะโกนด่าเค้าอีกเมื่อโดนชายหนุ่มหอมแก้มอีกข้าง


“แนะ......ด่าอีก เอ คราวนี้ตรงไหนดี แก้มขวาก็แล้ว แก้มซ้ายก็แล้ว” พิษณุพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ อารมณ์โกรธของเค้าได้หายไปหมดสิ้นตั้งแต่ได้หอมแก้มใสๆ ของพาสนาไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว


“หรือว่าตรงนี้ดีนะ” พิษณุมองไปที่ริมฝีปากสวยที่มันค่อยจะปล่อยคำด่าใส่เค้า


พาสนาเห็นดวงตาชายหนุ่ม เธอรู้สึกหนาววูบขึ้นมาทันที.........หญิงสาวพยายามดิ้นอีกครั้ง


“อย่านะ........อย่าทำบ้าๆ นะ” พาสนาพยายามดิ้นให้พ้นจากชายหนุ่ม


พิษณุมองท่าทางของพาสนา แล้วให้รู้สึกขำขึ้นมา.......ชายหนุ่มยังคงแกล้งก้มหน้าเข้าหาใบหน้าสวย เค้ายิ้มกริ่มอย่างชอบใจ


“อย่านะ หยุด....” พาสนาพยายามก้มหน้าหนี เธอร้องโวยออกมาเพื่อให้เค้าหยุดการกระทำลง


“อยากให้หยุดหรอ” พิษณุกระซิบถาม เมื่อใบหน้าของเค้าอยู่ห่างจากหน้าของอีกฝ่ายไม่เกินคืบ


“......” พาสนานิ่งเงียบ เธอเม้มริมฝีปากของเธอแน่น เพราะกลัวว่าจะเสียทีให้อีกฝ่าย


“ว่าไง อยากให้หยุดหรือว่า........” พิษณุแกล้งถามอีกครั้ง เค้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หน้าของพาสนาอีกนิด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบ


“หยุดๆๆๆ...” พาสนารีบบอกกับเค้า เมื่อเธอได้รับรู้ถึงลมหายใจของเค้าที่ใกล้เข้ามาเต็มทน


“อืมมม งั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” พิษณุหยุดยิ้มอย่างชอบใจ เค้าจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังเป็นสีแดงจัด


“อะ........อะไร” พาสนาถามกลับ น้ำเสียงของเธอเริ่มแผ่วเบาลง


“เธอต้อง.......” พิษณุหยุดมองอีกฝ่ายแล้วอมยิ้ม


“.....” พาสนาก้มหน้ารอฟังคำสั่งจากชายหนุ่มเงียบๆ


“งั้นเรียกฉันว่า พี่ณุ ซิ” พิษณุบอกกับพาสนาสีหน้ายิ้มๆ เค้าจ้องรอดูปฏิกิริยาของเธอ


เมื่อได้ยินข้อเสนอจากอีกฝ่าย พาสนาถึงกับทำตาโต เธอรีบเงยหน้ามองเค้าด้วยแววตาไม่พอใจ


“จะบ้าหรอ ให้เรียกนายว่าพี่นี่นะ” ด้วยความเป็นคนปากไว พาสนาจึงรีบตอบกลับ


“หืมมมมม.........” ชายหนุ่มหรี่ตามองอีกฝ่าย ที่แม้แต่ในเวลานี้เธอยังกล้าจะขึ้นเสียงใส่เค้า


“เอออ.......” พาสนารู้ตัวดีกว่า ตอนนี้ตกเป็นรองอยู่ เธอรีบก้มหน้าทันที


“ว่าไง จะเรียก หรือว่า ไม่เรียก” พิษณุร้องถามพาสนาอีกครั้ง


“..........” หญิงสาวกัดริมฝีปากของตัวเอง ด้วยความโกรธแค้น ที่ตอนนี้เธอไม่อาจทำอะไรเค้าได้ แถมยังต้องทำตามคำสั่งของเค้าอีก


“ไม่เรียกก็ได้นะ.......งั้นฉันก็.........” พิษณุดึงตัวพาสนาเข้าใกล้เค้าอีกครั้ง พร้อมกับก้มหน้าเข้าหาเธอ


พาสนารู้สึกตกใจที่โดนทำแบบนี้ เธอรู้ตัวดีว่า ในเวลานี้เธอไม่อาจหลีกหนีเค้าไปได้....


“ดะ...เดี๋ยวๆ” พาสนารีบบอกกับชายหนุ่มเมื่อเค้าก้มมาใกล้เธอมากขึ้น


“หืมมม” พิษณุทำเสียงในลำคอ มองหน้าอีกฝ่าย


“เรียกก็เรียกซิ.......” พาสนาจำใจต้องยอมทำตามคำสั่งอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ


“ไหน เรียกซิ” พิษณุยิ้มชอบใจ เค้าทำเอียงหูรอฟังอีกฝ่ายเรียกเค้าว่า พี่


พาสนาทำหน้าย่น แต่เธอก็ต้องทำตามในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ......


“พี่.............ณุ.......” พาสนาพูดออกมาน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน


“หะ......... ว่าอะไรนะ” พิษณุเหล่ตามองพาสนาเมื่อได้ยินเสียงของเธอไม่ชัด


“.......” พาสนาทำหน้าตูมมองเค้า ก่อนจะยอมทำตามอีกครั้ง


“พี่ณุ........” พาสนายอมเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ ตามที่เค้าสั่งไว้ แต่น้ำเสียงเธอดูจะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่


“ไม่เอาๆ พูดดีๆ ซิ” พิษณุแสดงอาการไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยิน


“โหยยยยย......” พาสนาโวยออกมา


“จะเรียก หรือว่า ไม่เรียก” พิษณุทำตาดุใส่เธออีกครั้ง


“เอออ เรียกแล้ว.....” พาสนาทำหน้าตูมหงิกใส่ชายหนุ่ม เมื่อต้องทำตามเค้า


“พี่ณุ.......” พาสนาพูดออกมาอีกครั้ง


“น้ำเสียงหน่ะ น้ำเสียง....” พิษณุได้ที จึงแกล้งให้หญิงสาวพูดใหม่อีกครั้ง พาสนามองชายหนุ่มอย่างไม่ชอบใจ แต่เธอก็ต้องทำตามใจเค้าอยู่ดี


ชายหนุ่มทำท่าเอียงหูรอฟังเธอเรียกใหม่อีกครั้ง


“พี่ณุ พี่ณุ พี่ณุ.......พี่ณุ..........” เมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าอยากฟังมากนัก พาสนาจึงตะโกนเรียกเค้าหลายต่อหลายที่


“โอ้ยยยย...........เบาๆ ก็ได้หูแทบแตก” พิษณุยอมปล่อยมือจากพาสนา แล้วยกมันขึ้นมาขยี้หูของเค้า เมื่อโดนอีกฝ่ายเล่นกรอกเสียงใส่หูหลายต่อหลายที


เมื่อมือชายหนุ่มหลุดจากมือของเธอ พาสนาจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนชายหาด เธอหันมองมาทางเค้าด้วยสีหน้าโกรธ...


“ไอ้บ้าณุ....................ไอ้โรคจิต” พาสนาตะโกนด่าเค้า อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีไปทางอื่น


“หน่อยยย ยายตัวแสบ” พิษณุมองตามพาสนาที่วิ่งไปทางอื่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ






โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:06:31 น.  

 


พาสนาวิ่งหนีชายหนุ่มไปยังฝากหนึ่งของหาดที่เธออยู่.........เพื่อมองทาเส้นทางที่พอจะพาเธอ และพิษณุออกไปจากตรงนี้ได้ แต่เธอก็พบแต่โขดหินมากมาย และผาหินที่อยู่สูงขึ้นไป


“โหยยยยยยยยยย ไม่มีทางไปรึไงเนี่ยะ” พาสนาร้องโวยออกมาขณะที่เหงนหน้ามองขึ้นไปที่ผาหินนั้น


พิษณุเองก็เดินไปอีกฝากหนึ่งของหาด เค้ามองไปรอบๆ ก็พบว่า ไม่มีทางที่จะพาให้เค้าและพาสนา ออกไปได้เลย


“เห็นทีเราต้องเดินลุยป่าไปแล้วล่ะ” พิษณุเดินกลับมาหาพาสนาและบอกกับเธอ


“หะ...ลุยป่ารกๆ เนี่ยะนะ” พาสนาหันมองไปยังป่าที่รกทึบ ด้วยสีหน้าเหยเก


“ทำไม กลัวหรอ” พิษณุหันมาถามพาสนาที่ยืนอยู่ข้างๆ


“เฮ้ยยย ไม่กลัวหรอกเชอะ เดินก็เดินดิ” พาสนาทำท่าไม่หวาดหวั่นกับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า เธอไม่จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายเห็นความอ่อนแอที่เธอมีอีกแน่นอน


“ก็ดี งั้นปะ..” พิษณุมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ เค้าเดินตรงไปยังป่ารกเบื้องหน้า


พาสนายืนมองด้านหลังชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่น........แล้วเธอจึงเดินตามเค้าเข้าไปในป่ารกนั้น
.
.
.
ปัฐวีที่นอนนั่งรอข่าวของพาสนา ได้เผลอหลับลงกับเก้าอี้ตัวยาว.........


ปัญจรีที่ตื่นขึ้นมาก่อนใคร เธอเดินออกมาจากห้องพัก แล้วก็ต้องเห็นชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้........อากาศหลังฝนพร่ำ มันช่างเย็นเหลือเกิน ชายหนุ่มนอนกอดอกแน่นด้วยความหนาว


ปัญจรีเดินกลับเข้าไปในห้องพักอีกครั้ง และออกมาพร้อมกับผ้าห่มผืนอุ่น.....เธอค่อยๆ นำมันกางและห่มให้ชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้


เธอยังคงจำสีหน้า และแววตาของเค้าได้ดี เมื่อค่ำคืน ตอนที่เค้าพูดถึงเรื่องของพาสนา.......


ปัญจรีเดินมาหยุดยืนตรงหน้าระเบียงบ้านพัก เธอมองไปยังท้องทะเลที่กว้างใหญ่.........เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ
.
.
.
แมงปอ กำลังยืนรดน้ำต้นไม้ยามเช้าเช่นทุกวัน


การ์ตูน และลูกตาล วิ่งเข้ามาหาสาวน้อยอย่างรวดเร็ว ด้วยอาการกระหืดกระหอบ....


“ปอๆๆๆๆ” การ์ตูนร้องเรียกสาวน้อยเมื่อมาถึงบ้านของเธอ


“มีไรหรอตูน ตาล” แมงปอร้องถามสองฝาแฝดที่วิ่งหน้าตาตื่นมาหาเธอ


“ปอ ป้าสุอยู่มั้ย” ลูกตาลร้องถามแมงปออย่างสงสัย


“หึ....ป้าไปวัด” แมงปอส่ายหน้าให้เบาๆ


“ดีๆๆๆๆ มานี่ๆๆๆ” การ์ตูน รีบเดินเข้าไปจับมือแมงปอให้เดินมานั่งกับเค้าที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าบ้าน


“มีอะไรกัน ดูทำหน้ากันเข้า” แมงปอมองสองฝาแฝดด้วยความสงสัย


“คืองี้นะแมงปอ...” การ์ตูนหันมองหน้าลูกตาลอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจยื่นหนังสือนิตยาสารซุบซิบฉบับหนึ่งให้กับสาวน้อยแมงปอดู


“อะไร..” แมงปอรับหนังสือมาจากการ์ตูน ด้วยสีหน้างุนงง


“ปอเปิดดูซิ” ลูกตาลบอกกับแมงปอให้เปิดหนังสือดู


แมงปอมองสองฝาแฝดอีกครั้ง ก่อนจะก้มเปิดหนังสือดังกล่าวดู และทันทีที่สาวน้อยเปิดหนังสือ หน้าแรกก็มีรูปที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน.....


“อะ.......อะไรกันตูน ตาล” แมงปอเงยหน้ามองฝาแฝดทั้งสอง


“นั่นซิ อะไรกัน” การ์ตูนร้องถามกลับ


“มันอะไรกันอ่ะ...” แมงปอก้มมองรูปในหนังสืออีกครั้ง


ภาพสีเต็มหน้ากระดาษ เป็นรูปพี่สาวของเธอกับผู้ชายอีกคน ที่อยู่ในท่า ซึ่งทำให้คนที่ดูรู้สึกถึงความสัมผัสอันลึกซึ้งระหว่างคนสองคน.....หัวข้อภาพพาดไว้ตัวใหญ่สีแดงเด่น ว่า........คู่รักไฮโซ สวีทหวาม แอบไปพลอดรักกันที่รีสอร์ทสวย...... และเนื้อหาภายในเป็นเรื่องราว รักๆ ใคร่ๆ ของคนทั้งสอง ซึ่งชี้ให้คนอ่านคิดไปว่า ทั้งคู่ได้แอบไปเที่ยวกันตามลำพัง อยู่ด้วยกัน และชี้ให้เห็นว่า ทั้งคู่ต้องมีอะไรกันแล้วตามภาพที่ลง......


แมงปอรู้สึกตะลึงกับภาพที่เห็น และเนื้อหาที่อ่าน.......เธอเงยหน้ามองสองพี่น้องฝาแฝดด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ


“คราวนี้พี่ปลาแย่แน่ๆ เลยตูน ตาล” แมงปอพูดออกมาน้ำเสียงสั่น วิตก


“นั่นซิ ถ้าป้าสุเห็นนะ เรื่องใหญ่แน่ๆ” ลูกตาลรู้สึกหวั่นใจแทนแมงปอจริงๆ


“แต่ป้าสุไม่ชอบอ่านหนังสือแบบนี้นะ คงไม่มั้ง” แมงปอพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง


“ป้าสุหน่ะไม่อ่าน แต่พวกในตลาดนี่ซิ” ลูกตาลพูดขึ้นบ้าง และคำพูดนี้เองทำให้แมงปอถึงกับมีสีหน้าเครียดหนักขึ้น


“พี่ปลานะ พี่ปลา...” แมงปอมองดูรูปอีกครั้ง เธอไม่อยากจะเชื่อข่าวจากหนังสือประเภทนี้ แต่รูปที่ลงมันก็เป็นหลักฐานที่พาสนาไม่สามารถดิ้นหลุดได้เลย


แต่ไม่ทันที่เด็กๆ จะได้พูดคุยอะไรได้มากกว่านี้ คุณสุก็เดินพรวดเข้ามาในบ้านแล้ว


“นี่แม่สุ ใจเย็นๆ ซิ” ป้าหมูเล็กเดินตามคุณสุมาติดๆ ร้องเรียกคุณสุที่ดูจะร้อนใจพอสมควร


“จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงแม่หมูเล็ก ดูซิ ดูมันทำ” คุณสุหันไปตอบป้าหมูเล็ก ด้วยสีหน้าเครียด


“มันอาจ.....” ป้าหมูเล็กอยากจะปฏิเสธแทนคนในข่าว แต่เหมือนว่าภาพมันฟ้องไปหมดแล้ว


“ป้าสุคะ อะไรกันคะ” แมงปอ รีบลุกขึ้นไปหาคุณสุ ที่มีท่าทางฉุนเฉียวอย่างมาก


“ก็จะอะไรล่ะ ก็พี่สาวตัวดีแกหน่ะซิแมงปอ มันทำเรื่องงามหน้าให้ฉันอีกแล้ว” คุณสุแผดเสียงด้วยความโกรธ


“ป้าสุรู้เรื่องแล้วหรอค่ะ” แมงปอค่อยๆ ถามคุณสุ


“ไม่รู้ได้ไง พวกตลาดนั้นมันจ้องจะนินทาฉันให้ทั่ว.........คราวนี้ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว” คุณสุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห สีหน้าท่านแสดงถึงความโกรธที่มี


“ใจเย็นๆ น่า ยังไงรอหนูปลากลับมาก่อนดีกว่านะ” ป้าหมูเล็กพยายามปลอบใจคุณสุ


“ไม่ยง ไม่เย็นแล้ว.......ฉันนะเลี้ยงมันมากลับมือ หวังจะให้ได้ดี แต่ดูมันซิ มันไม่รักดีเอาซะเลย” คุณสุพูดออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ ท่านนั่งลงกับเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดแรง


“ฉันนะ ก็หวังจะได้มันเป็นที่พึ่งยามแก่ ยามเฒ่า เห็นที ฉันจะตายซะยังไม่ทันแก่” คุณสุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความน้อยใจ ดวงตาของท่านเริ่มเป็นสีแดง


“เออ...งั้นพวกเราไปก่อนนะแมงปอ” สองฝาแฝด บอกกับแมงปอ เพราะเห็นว่าคุณสุคงอยากอยู่ตามลำพังกับครอบครัวมากกว่า


“อืมม ขอบใจนะ” แมงปอพยักหน้าให้สองฝาแฝดที่นำข่าวมาบอกกับเธอ


“พวกเราไปก่อนนะครับ ป้าสุ ป้าหมูเล็ก” สองฝาแฝดยกมือไหว้คุณสุ และป้าหมูเล็กก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป


“นี่แม่สุ.......อย่าทุกข์ใจไปเลย ยังไงมันก็เกิดไปแล้ว ทำใจดีๆ เอาไว้รอคุยกับลูกดีกว่านะ” ป้าหมูเล็กนั่งลงข้างๆ คุณสุ พร้อมกล่าวปลอบใจท่าน


“ถามหรอ จะให้ฉันถามอะไรได้อีกแม่หมูเล็ก รูปนั่นก็...........เฮ้ยยยยยย ฉันนี่ มันไม่ดีจริงๆ เลี้ยงลูกไม่ได้ดี ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้” คุณสุพูดออกมาด้วยความน้อยใจอีกครั้ง


“แม่สุ........” ป้าหมูเล็กมองคุณสุอย่างเห็นใจ ตอนนี้ท่านรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่มีปัฐวีเป็นลูกชาย เพราะอย่างน้อยไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็คงไม่เสียหายมากมายเหมือนมีลูกสาว


“กรรมเวรอะไรของฉันนะ ถึงมีลูกไม่รักดีแบบนี้...........ไอ้ปลานะไอ้ปลา........” คุณสุพร่ำพูดออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ และเสียใจอย่างที่สุด




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:07:03 น.  

 



ที่บ้านไตรศร...


ตืดดดด.................ตืดดด............


เสียงโทรศัพท์ของบ้านหลังใหญ่ดังแต่เช้า” จนแม่บ้านใหญ่ต้องรีบวิ่งมารับสาย


“ฮัลโหลค่ะ บ้านไตรศรค่ะ” คุณต่ายยกโทรศัพท์ขึ้นรับสายอย่างสุภาพ


“อ้อ ค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านใหญ่ประจำบ้านตอบกลับปลายสาย ก่อนจะกดพักสาย แล้วนำโทรศัพท์ไปทางห้องอาหาร


“คุณกรุงคะ โทรศัพท์ค่ะ”“ คุณต่ายส่งโทรศัพท์ให้คุณกรุงที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอย่างอารมณ์


“ใครกันโทรมาแต่เช้า...” คุณกรุงหันไปพูดกับแม่บ้านเมื่อเธอส่งโทรศัพท์ให้


“อ้อ คุณอนันต์ค่ะ” คุณต่ายตอบกลับ เพราะเธอคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี


“อืมม ขอบใจนะ” คุณกรุงรับโทรศัพท์จากแม่บ้าน ก่อนจะกดรับสาย


“สวัสดีครับ...” คุณกรุงกรอกเสียงกลับไปยังปลายสาย


“นี่มันอะไรกันครับคุณกรุง” น้ำเสียงจากปลายสายดูไม่ค่อยดีนัก


“อะไรหรือครับ”คุณกรุงเองก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการคุยเรื่องอะไร


“ก็ข่าวของคุณพิษณุหน่ะซิครับ มันอะไรกัน” คุณอนันต์ถามกลับน้ำเสียงเครียด


“ข่าว.....” คุณกรุงยังคงงุนงงกับคำถามจากปลายสาย


“ใช่ ข่าวของคุณพิษณุในหนังสือซุบซิบ ฉบับเช้านี้ มันอะไรกันคุณ อธิบายให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย” คุณอนันต์ถามน้ำเสียงเครียด


“เออ ขอเวลาสักครู่นะครับ” คุณกรุงกล่าวจบก็หันมองไปทางคุณต่ายแม่บ้านที่ยืนอยู่ห่างๆ


“นี่คุณต่าย พอจะมีหนังสือซุบซิบ อะไรนี่มั้ย” คุณกรุงถามแม่บ้านด้วยอาการร้อนใจ


“หนังสือซุบซิบหรือคะ เอ .....อ้อ มีค่ะ เจ้าป๊อกชอบซื้อมาอ่าน” คุณต่ายตอบพร้อมกับยิ้มให้คุณกรุง


“ของวันนี้ล่ะมีมั้ย” คุณกรุงถามกลับอีกครั้ง


“ต่ายก็ไม่ทราบค่ะ ต้องถามเจ้าป๊อกก่อน รอสักครู่นะคะ” คุณต่ายพูดจบก็รีบเดินกลับไปทางในครัวเพื่อถามเรื่องหนังสือกับเด็กป๊อก


คุณกรุงมองคุณต่ายเดินเข้าไปในครัว แล้วหันมาคุยโทรศัพท์ต่อ


“พอดีตอนนี้ผมไม่มีหนังสือที่ว่านะครับ ยังไงขอผมดูข่าวก่อนสักนิดได้มั้ยครับ” คุณกรุงกล่าวกับปลายสาย


“จริงๆ” เรื่องส่วนตัวของคุณพิษณุผมก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะคุณกรุง” แต่นี่มันเป็นข่าวร้ายแรงมาก.......คุณคิดดูกรรมการผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ เรา ออกไปทำเรื่องเสื่อมเสีย แล้วใคร จะเชื่อถือบริษัทฯ เราอีก คุณคิดถึงผลกระทบบ้างมั้ย” ผมในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ผมไม่ยอมนะ” คุณอนันต์กล่าวตำหนิเป็นชุดกลับมา


“ครับๆ แล้วยังไงผมจะรีบจัดการให้นะครับ” คุณกรุงฟังอีกฝ่ายพูดด้วยความรู้สึกร้อนใจไม่ต่างกัน


“ยังไงจะทำอะไรก็คิดกันซะนิด.......ถ้าไม่มีผลกับบริษัทฯ ผมก็คงไม่เข้ามาก้าวก่ายแบบนี้” คุณอนันต์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง


“ครับ” แล้วผมจะรีบจัดการครับ” คุณกรุงกล่าวน้ำเสียงเรียบ


“งั้นผมไม่กวนคุณแล้วนะ” อีกฝ่ายกล่าวลา พร้อมกับวางสายใส่คุณกรุงทันที


คุณกรุงมองโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้าเครียดๆ.....คุณต่ายเดินกลับมายังในห้องอาหารอีกครั้ง


“เอออ พอดีเช้านี้เจ้าป๊อกยังไม่ได้ซื้อหนังสือเลยค่ะ” คุณต่าย กล่าวกับคุณกรุงที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่


“ให้ออกไปซื้อเดี๋ยวนี้ ผมต้องการอ่าน” คุณกรุงหันไปบอกคุณต่ายน้ำเสียงเครียด จนแม่บ้านใหญ่ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวูบ เพราะธรรมดาคุณกรุงจะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ค่อยจะโกรธ หรือเครียดกับอะไรสักเท่าไหร่ แต่เช้านี้ดูท่านจะเครียดๆ มากพอสมควร


คุณต่ายรีบเดินกลับเข้าไปในครัว เพื่อสั่ง’ให้เด็กป๊อกออกไปซื้อหนังสือที่หน้าปากซอยโดยเร็วที่สุด........เด็กป้อกเมื่อได้ยินคำสั่งจากแม่บ้านใหญ่ ก็รีบออกไปซื้อหนังสือตามคำสั่ง


เมื่อถึงร้านหนังสือ ป๊อกก็จัดการซื้อหนังสือซุบซิบฉบับล่าสุดเพื่อนำไปให้กับเจ้านายของเธอ” แต่ด้วยเพราะเธอชอบอ่านหนังสือประเภทนี้อยู่แล้ว เธอจึงเปิดมันอ่านระหว่างทาง


แต่ไม่ทันที่เด็กป๊อกจะได้เปิดหน้าอื่น เธอก็ต้องหยุดชะงักกับหน้าแรกของหนังสือ....


“โอ้ แม่เจ้า........” เด็กป๊อกอุทานออกมาสีหน้าตกใจ เธอยกมือปิดปากเอาไว้เมื่อเห็นรูปในหนังสือ เด็กป๊อกรีบปิดหนังสือ แล้ววิ่งสุดชีวิตกลับบ้านไตรศรทันที เมื่อถึงบ้านไตรศร เด็กป๊อกก็รีบเอาหนังสือส่งให้คุณต่ายอย่างรวดเร็ว


“นี่คะ คุณต่าย...แฮ่กๆๆ หนังสือ....แฮ่กๆๆ” เด็กป๊อกยื่นหนังสือให้คุณต่าย พร้อมกับอาการเหนื่อยหอบเพราะการวิ่งกลับมา


“ขอบใจนะ” คุณต่ายรับหนังสือจากเด็กป๊อก แล้วนำเข้าไปให้คุณกรุงที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร เด็กป๊อกรีบเดินมาแอบดูอาการของคุณกรุงขณะที่อ่านหนังสือ


“นี่ค่ะท่าน” คุณต่ายนำหนังสือซุบซิบส่งให้คุณกรุงที่กำลังนั่งรออยู่


คุณกรุงหันมองหนังสือ ก่อนแวบหนึ่ง แล้วจึงรับมันมาจากคุณต่าย.......คุณต่ายถอยออกมายืนไกลๆ เพื่อไม่เป็นการรบกวนเจ้านายของเธอ


คุณกรุงมองหนังสือในมือ ท่านไม่ค่อยจะได้อ่านหนังสือจำพวกนี้บ่อยนัก หรือเรียกว่าแทบไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะวันนี้มีเรื่องที่ทำให้ต้องอ่าน ท่านจึงเปิดมันออกเพื่อหาข่าวของลูกชาย


เพียงหน้าแรก ชายวันกลางคนถึงกับต้องชะโงกหน้ามองรูปในหนังสือ และข่าวภายในด้วยอาการตกใจอย่างที่สุด...


“........คู่รักไฮโซ สวีทหวาม แอบไปพลอดรักกันที่รีสอร์ทสวย......” คุณกรุงอ่านข้อความที่พาดไว้ใต้รูปออกมาด้วยอาการตกใจ


“มันอะไรกันเนี่ยะ.....” ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ภาพที่เห็นเป็นภาพที่ทำเอาท่านต้องตะลึงงัน ตอนนี้คุณกรุงเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณอนันต์ถึงต้องโทรมาหาตนแต่เช้า


“อะไรกันคะ ร้องเสียงดังซะตกอกตกใจ” คุณจินตนาที่เพิ่งจะลงมาได้ยินเสียงสามี ก็ต้องเดินเข้ามาในห้องอาหารอย่างสนใจใคร่รู้


“ดูเอาเอง” คุณกรุงส่งหนังสือในมือให้ภรรยา


คุณจินตนารับหนังสือมาจากสามี เธอดูชื่อหนังสือ แล้วมองกลับไปยังสามีอีกครั้ง


“อุ้ย!!~” เดี๋ยวนี้อ่านหนังสือแบบนี้ด้วยหรือคะคุณ” คุณจินตนาถามสามีสีหน้าขำๆ


“อ่านดู แล้วจะขำไม่ออก” คุณกรุงบอกกับภรรยาเสียงเครียด


“หืมมม...” คุณจินตนาจิกตามองสามี ก่อนจะก้มมองหนังสือในมือ


“ไหนมีอะไรกัน” คุณจินตนาเปิดหนังสือขึ้นดู แล้วดวงตาที่มีรอยยิ้มก็เปลี่ยนไป


“ตายแล้ว.....................” เสียงเธอร้องดังออกมา จนคุณต่ายที่ยืนอยู่ไกล ต้องสะดุ้ง


“นี่อะไรกันค่ะคุณ อะไรกันเนี่ยะ” คุณจินตนาเงยหน้าถามสามีเสียงดัง


“ก็นั่นหน่ะซิ อะไรกัน” คุณกรุงถามกลับสีหน้าเครียดหนักขึ้น


“ทำไมตาณุทำแบบนี้ ...โอ้ยยยย ฉันจะเป็นลม” คุณจินตนาทำท่าจะล้มลง จนแม่บ้านต่ายต้องรีบวิ่งเข้ามาประคองเอาไว้


“คุณจินคะ คุณจิน” คุณต่ายร้องเรียกเจ้านายของเธอ


“พาไปนั่งที่โซฟาข้างนอกก่อนดีกว่าคุณต่าย” คุณกรุงเองก็รีบเข้ามาดูอาการภรรยาเช่นกัน ท่านช่วยคุณต่ายประคองคุณจินตนาไปนั่งที่โซฟาข้างนอก........เด็กป๊อกรีบละลายยาหอมมาเสริฟแบบรู้ว่าต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ


“อะไรกันเนี่ยะ โอ้ยยย อะไรกัน........” คุณจินตนาทำได้แค่ ร้องโอดโอยออกมา พร้อมกับอาการเป็นลม


“เห็นทีผมต้องคุยกับลูกซะแล้ว” คุณกรุงกล่าวขึ้นน้ำเสียงนิ่ง


“จะคุยยังไงคะ ตอนนี้ตาณุไปหัวหิน” คุณจินตนาร้องถามสามี


“รอให้กลับมาก่อน ผมจะคุยเอง” คุณกรุงกล่าวสีหน้าเครียด


“เฮ้ออออ ตาณุนะตาณุ........” คุณจินตนารับยาดมจากคุณต่ายขึ้นมาสูดดม ด้วยใบหน้าสีซีด





**************จบตอนที่11***********










โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:09:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.