|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
Mommy's diary_to deal with body & mind changes เมื่อร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงบ่อย
ตอนนี้อายุครรภ์นับได้ 25 week แล้ว น้ำหนักเพิ่มจากเดิม 7.5 kg แขนขาดูไม่อ้วนขึ้นเท่าไร แต่พุงโตขึ้นอย่างมาก ยิ่งช่วงเย็นพุงจะเต่งมากๆ แล้วก็คันพุงมากๆ เผลอเกาไปหลายที ทั้งๆ ที่พยายามเอาครีมหรือโลชั่นทาตลอด
อยากรู้ว่าลูกโตขึ้นขนาดไหนแล้ว แต่่ครั้งล่าสุดที่ไปตรวจเจาะน้ำคร่ำมา หมอก็ไม่ได้ ultrasound ให้ค่ะ บอกว่าไม่จำเป็น
แต่สำหรับตัวเอง มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างต่อเนื่องค่ะ
เริ่มจากเหนื่อยง่ายมากๆ เดินไกลหน่อยก็หอบแล้ว กลางคืนหลับไม่ค่อยสนิท พลิกตัวก็ลำบาก อ่านเจอว่าท่านอนที่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์คือนอนตะแคงซ้าย เพราะเลือดจะไหลเวียนดี แต่เรานอนท่านั้นไม่ได้นาน มันจุก แถมรู้สึกว่าลูกดิ้นมากกว่าปกติ
เราเริ่มจับความรู้สึกว่าลูกดิ้นได้ตอนปลาย week ที่ 21 หลังจากที่กังวลและรอคอยมาตลอดตั้งแต่ 18 week ที่แม่ๆหลายคน ต่างก็บอกว่ารู้สึกเหมือนปลาตอดพุงกันแล้ว แต่ของเรายังนิ่ง 
สิ่งเดียวที่ทำให้เราอุ่นใจได้ ก็คือ เสียงหัวใจของลูก ใช้เครื่องฟังตอนแรกได้ยินแต่เสียงครืดคราด และเราเดาเอาว่าเป็นเสียงน้ำหรือแก๊ซในกระเพาะเราเอง แต่พอเลื่อนหาตำแหน่งเจอและได้ยินเสียง โอ้โฮแฮะ! เต้นเร็วอย่างกับม้าควบเลยค่ะ ลองจับเวลาดู นับได้ 160 ครั้งต่อนาที ในขณะที่ของแม่ 120 ครั้งต่อนาที

เราฟังเสียงลูกทุกวัน มันเหมือนเสียงสวรรค์เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกสบายดี และตอนหลังหมอก็คุยให้ฟังค่ะ ว่าเสียงครืดๆ ที่เราได้ยินนั่นแหละคือเสียงขยับตัวของลูก แต่ที่เรายังไม่รู้สึกอาจจะเพราะเค้ายังตัวเล็กอยู่ หรือผนังหน้าท้องเราหนา
อาการลูกดิ้น จะรู้สึกตุบๆ แถวท้องน้อย ไม่ด้านซ้ายก็ขวา และเป็นตำแหน่งเดียวที่เราได้ยินเสียงหัวใจเค้าเต้น อืม..แต่ตอนนี้ไม่ต้องคอยดักทางเค้าแล้วค่ะ ดิ้นขลุกขลักทั้งวันไปทั่วเหมือนปลา บางทีทำเอาจั๊กกะจี้  และไม่ต้องบอกว่ามันจะสุขใจขนาดไหน ชนิดที่บางทีเครียดๆ เรื่องงานอยู่ ยังยิ้มออกมาได้เลย 
ลูกเป็นสิ่งเตือนใจให้เราปล่อยวางและบริหารจัดการความเครียดค่ะ
20 มิถุนายน หมอนัดตรวจเจาะน้ำตาลในเลือด
ทีแรกเราไม่เป็นกังวลเท่าไร แม้ที่ผ่านมาจะกินแป้งเยอะ แต่เราไม่ได้กินของหวานมากนี่นา ก่อนตรวจต้องงดอาหารและน้ำตั้งแต่เที่ยงคืน และตอนเช้าก็รีบไปที่โรงพยาบาลก่อน 8:00

เริ่มเจาะเลือดครั้งแรกตอน 8:35 หลังจากนั้นก็ต้องดื่มน้ำเชื่อมกลูโคส แก้วใหญ่ประมาณ 500 ml ผะอืดผะอมนิดหน่อย เพราะต้องมากินอะไรหวานๆ ตอนท้องว่าง หลังจากนั้นก็เจาะเลือดอีกเมื่อครบ 1 และ 2 ชม รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 นี่เองที่เรารู้สึกหวิวๆ พยาบาลบอกว่าให้นั่งพักก่อน พอดีขึ้นก็ไปหาข้าวทานค่ะ แล้วกลับมาฟังผล
แล้วก็พบว่า น้ำตาลในเลือดสูงค่ะ อึ้งไปเหมือนกัน
หมอให้ควบคุมอาหาร ทานแป้งให้น้อยลง งดของหวาน และเน้นโปรตีนกับผักมากขึ้น และให้มาตรวจซ้ำเดือนหน้าค่ะ
จริงๆ เค้าให้เราไปคุยกับนักโภชนาการของโรงบาล แต่เรามีประชุมบ่ายเลยไม่ได้เจอ กลับมาก็หาข้อมูลใน internet อ่านเพิ่มเติม
ต้องปรับพฤติกรรมการกินครั้งใหญ่ เรื่องขนมหวานหรือผลไม้หวานๆ เรางดไม่ยาก จะเสียดายก็แต่สับปะรด ที่ช่วงก่อนเรากินเยอะเพราะช่วยในเรื่องขับถ่ายได้ผลมากๆ (อาการท้องผูก ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งของหญิงตั้งครรภ์ค่ะ)
เราเปลี่ยนมากินข้าวกล้อง ทำกับข้าวทานเองโดยเน้นผักเป็นหลัก ระหว่างมื้อก็กินนมรสจืดหรือไม่ก็โยเกิร์ตรสจืด ตอนนี้ผ่านมาได้ 3-4 วันละ ก็รู้สึกสบายๆ ไม่ได้ทรมานอะไร
หมอนัดตรวจครั้งหน้า 20 ก.ค. อยากได้ยินผลว่า "ปกติ" จัง
Create Date : 24 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 25 มิถุนายน 2555 6:36:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2932 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
After Sunset_Before Sunrise
|
ผู้ชมทั้งหมด คน
|
|
|
|
|
|
|