|
แนะนำ Daily Coach Tour บาหลี
บาหลีเป็นเกาะใหญ่พอสมควร แต่การเดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่สะดวกนัก
ระบบรถโดยสารสาธารณะในบาหลีไปสู้ดี เป็นรถโดยสารขนาดเล็กที่เรียกว่า Bemo ซึ่งเวลาออกในแต่ละเส้นทางไม่แน่นอนต้องรอผู้โดยสารเต็ม และเป็นรถแบบหวานเย็น จอดรับส่งผู้โดยสารไปทั่วจึงเสียเวลามาก และไม่มีป้ายว่าไปไหนให้เห็นเด่นชัด

รถ Bemo ส่วนการเช่ารถหรือมอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวเอง แม้ร้านให้เช่ามีมาก แต่เพราะถนนอันคับแคบ เส้นทางคดเคี้ยว และป้ายบอกทางไม่ค่อยชัดเจน นักท่องเที่ยวจึงหลงทางได้ง่าย
คนไทยที่เดินทางไปบาหลีโดยเฉพาะคนห้องนี้จึงนิยมเช่ารถพร้อมคนขับกันไปเลย ซึ่งค่าเช่าก็สูงพอสมควร จึงเหมาะสำหรับคนที่เดินทางไปเป็นกรุ๊ปแล้วแชร์ค่าเช่ากัน
แต่สำหรับท่านที่เดินทางไปคนเดียว ผมมีข้อแนะนำอีกทางเลือกหนึ่งคือซื้อบริการ Daily Coach Tour ซึ่งขายอยู่ตามสำนักงานการท่องเที่ยวและเอเย่นต์ทัวร์ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
Daily Coach Tour เป็นทัวร์แบบวันเดียวไปเช้าเย็นกลับ หรือไปบ่ายกลับค่ำ เป็นทัวร์จอยหรือทัวร์แชร์ รถแต่ละคันจุลูกทัวร์ได้สูงสุด 7 คน เมื่อสำนักงานท่องเที่ยวหรือเอเย่นต์ทัวร์หาลูกค้าให้รถแต่ละคันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปก็ออกทัวร์ได้ คนที่ซื้อทัวร์นี้จึงมีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ๆ จากทุกมุมโลก
ไปบาหลีคราวนี้ผมไปพักที่อูบุดเป็นส่วนใหญ่ ไปคนเดียว จะเช่ารถพร้อมคนขับก็ไม่คุ้ม จะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวก็กลัวหลงทาง เลยตัดสินใจซื้อ Daily Coach Tour เกือบทุกวัน รู้สึกว่าคุ้มค่าดีครับ เลยนำมาแนะนำเผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่จะไปบาหลี แล้วอยากเที่ยวรูปแบบนี้
โดยส่วนใหญ่ผมซื้อทัวร์จาก Ubud Tourist Information สำนักงานการท่องเที่ยวของเมือง ซึ่งตั้งอยู่ตรง 4 แยกหน้าวังอูบุด แต่บางเส้นทางผมก็ซื้อจากเอเย่นต์ทัวร์ซึ่งตั้งราคาไว้ถูกกว่า ก่อนตัดสินใจซื้อที่ไหนลองเดินดูหลายๆ ที่เปรียบเทียบกันนะครับ
เส้นทางทัวร์ 8 เส้นทาง ซึ่งครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเกาะบาหลีเกือบทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลจาก Ubud Tourist Information ครับ ซี้อจากเอเยนต์ทัวร์อาจได้ถูกหรือแพงกว่า แต่พบว่าส่วนใหญ่แพงกว่าครับ
ราคาที่ปรากฎในแต่ละเส้นทางไม่รวมค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละที่นะครับ ส่วนอาหารเที่ยงคนขับซึ่งทำหน้าที่ไกด์ไปด้วยจะพาไปกินบุฟเฟ่ลันซ์ ซึ่งราคาสูงพอสมควร (300-400 บาท) จึงควรเตรียมเงินไปพอสมควร
ควรเตรียมโสร่งและสายรัดเอวไปด้วยครับ เพราะตามประเพณีเขาทุกคนไม่ว่าชาวบาหลีหรือคนต่างชาติต้องสวมใส่ก่อนเข้าวัดเพื่อแสดงความเคารพ โดยเฉพาะช่วงมีพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งหน้าวัดแต่ละที่มักมีแม่ค้าขายหรือให้เช่าโสร่ง แต่ราคาแพงมาก
1.Singaraja-Lovina ออกจากอูบุด 8.30 น. ราคา 200,000 รูเปียส -Mengwi : วัดของราชวงศ์ -Bedugul : สวนพฤษศาสตร์และวัดริมทะเลสาบ Beratan -Gitgit : น้ำตกใหญ่สุดของบาหลี -Lovina : หาดสีดำ จุดชมปลาโลมา ด้านเหนือเกาะ -Banjar : บ่อน้ำแร่ -Munduk : ไร่กาแฟ

Mengwi 2.Sun Set Tour ออกจากอูบุด 14.00 น. ราคา 130,000 รูเปียส -Baha : นาขั้นบรรได -Mengwi : วัดประจำราชวงศ์ -Lodtuntuh : สหกรณ์จิตรกรรม -Alas Kedton : ป่าลิง ค้างคาว -Tanah Lot : วัดชมพระอาทิตย์ตก ริมทะเล

3.Bedugul Tour ออกจากอูบุด 9.00 น. ราคา 130,000 รูเปียส -Baha : นาขั้นบันได -Mengwi : วัดประจำราชวงศ์ -Lodtuntuh : สหกรณ์จิตรกรรม -Bedugul : สวนพฤษศาสตร์และวัดริมทะเลสาบ Beratan

4.Kintamani-Besakih Tour ออกจากอูบุด 9.00 น. ราคา 140,000 รูเปียส -Goa Gajah : วัดถ้ำช้าง -Tampak Spring : วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ -Temen : ไร่กาแฟ -Penelokan : ชมวิวภูเขาไฟและทะเลสาบบาตูร์ -Besakih : วัดใหญ่ที่สุดของบาหลีเชิงภูเขาไฟอากุง -Bukit Jamblu : นาขั้นบันได -Klungkng : อาคารศาลสถิตยุติธรรมโบราณ

Tampak Spring 5. Kintamani-Volcano Tour ออกจากอูบุด 9.00 น. ราคา 125,000 รูเปียส -Goa Gajah : วัดถ้ำช้าง -Pejeng : วัดแห่งขุนเขา -Gunung Kawi : วัดศิลา -Tampak Spring : วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ -Temen : ไร่กาแฟ -Penelokan : ชมวิวภูเขาไฟและทะเลสาบบาตูร์ -Kintamani : วัด Ulun Danu

ภูเขาไฟและทะเลสาบบาตูร์มองจากวัด Ulun Danu 6.Besakih/Mather Temple -Goa Gajah : วัดถ้ำช้าง -Gianyar : โรงงานผลิตผ้าบาติก -Bengli : วัดใหญ่อันดับ 2 ของบาหลี -Besakih : วัดใหญ่ที่สุดของบาหลีเชิงภูเขาไฟอากุง -Bukit Jamblu : นาขั้นบันได -Klungkng : อาคารศาลสถิตยุติธรรมโบราณ

Goa Gajah 7.Besakih/Mother Temple ออกจากอุบุด 8.30 น. ราคา 160,000 รูเปียส -Gianyar : โรงงานผลิตผ้าบาติก -Klungkung : อาคารศาลสถิตยุติธรรมโบราณ -Besakih : วัดใหญ่ที่สุดของบาหลีเชิงภูเขาไฟอากุง -Sebetan : สวนเกษตร สละ -Candidase : รีสอร์ทหรูริมหาด -Tenganan : หมู่บ้านฮินดูแห่งแรกของบาหลี -Goa Lawah : วัดถ้ำค้างคาว และแหล่งผลิตเกลือ
8.Uluwatu Tour ออกจากอูบุด 9.00 น. ราคา 160,000 รูเปียส -Peliatan : นิทรรศการภาพเขียน -Mas : ศูนย์เกาะสลักไม้ -Celuk : ศูนย์หัตถกรรมเครื่องเงินและทอง -Denpasar : พิพิธภัณฑ์บาหลี -Kuta : หาดชื่อดังของบาหลี (คล้ายพัทยา) -Uluwatu : วัดริมหน้าผา

หาด Kuta
Create Date : 15 ตุลาคม 2553 | | |
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 9:38:12 น. |
Counter : 5983 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แชมป์อาหารริมทาง
ได้อ่านผลโหวตในเว็บ //www.lonelyplanet.com แล้ว ผู้เขียนไม่รู้สึกแปลกใจเลย ที่เมืองไทยจะได้รับผลโหวตเป็นอันดับ 1 ของโลกในฐานะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีอาหารริมทางดีที่สุดโลก อาหารริมทาง หรือ Street Food เป็นที่พึ่งของบรรดานักเดินทางทั่วโลก เนื่องจากราคาถูก กินได้สะดวกและรวดเร็ว จนบางคนแปลเป็นไทยได้เจ็บปวดว่า อาหารแดกด่วน ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ ทั้งประเทศแถบเพื่อนบ้านไปจนถึงประเทศในยุโรป ก็ยังไม่เคยพบเลยว่ามีที่ไหนสามารถหาอาหารอาหารจานด่วนได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมหลากหลาย และราคาถูกแสนถูกเหมือนเมืองไทย อาหารริมทางที่เมืองนอก อย่างในยุโรปหรืออเมริกาก็พอมีบ้าง แต่มีขายเฉพาะกลางวัน ส่วนใหญ่ก็อยู่ในรูปซุ้มขายแฮมเบอร์เกอร์หรือที่ฝรั่งเรียกว่าอาหารจั๊งฟู้ด ซึ่งถูกแปลเป็นไทยว่ อาหารขยะ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการน้อย ผิดกับบ้านเรามีอย่างหลากหลายจะเลือกแบบเนื้อสัตว์ ก็มีทั้งเนื้อวัว หมู ไก่ ปลา กุ้ง หมึก หรือจะเลือกแบบอาหารมังสะวิรัต ซึ่งฝรั่งกำลังนิยมในเชิงอาหารเพื่อสุขภาพ ก็มีให้เลือกกินทุกเวลา ในราคาย่อมเยา แถมปัจจุบันยังมีเมนูอาหารนานาชาติที่เคยอยู่ในเมนูภัตตาคารหรูๆ ก็เอาลงมาขายกันริมทางกันด้วย นักท่องเที่ยวนานาชาติที่โหวตให้ไทยเป็นแชมป์ด้านอาหารริมทางชอบกินอะไร จะรู้ได้ก็ต้องไปดูที่ถนนข้าวสารศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวแบบสะพายเป้ที่นิยมชมชอบอาหารราคาถูก ที่แพร่หลายมานาน และปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย คือผัดเส้นถังแตก เพราะระยะแรกที่ทำออกมาขายกันแค่กล่องละ 10 บาท เหมาะกับคนที่กำลังอยู่ภาวะถังแตก แต่จากการสำรวจล่าสุดพบว่าได้ขึ้นราคาเป็นกล่องละ 20 บาทแล้วในปัจจุบัน เหตุผลที่ผัดเส้นถังแตกได้รับความนิยมนอกจากปัจจัยเรื่องราคาแล้ว ยังนับว่าเป็นอาหารมังสะวิรัต เพราะมีแต่ผักและเส้นซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในโลกตะวันตกในเชิงอาหารเพื่อสุขภาพ ทั้งที่จริงๆ แล้วเหตุผลที่แม่ค้าไม่ใส่ไข่หรือเนื้อสัตว์หมือนผัดไทย หรือก๋วยเตี๋ยวผัดอื่นๆ เพราะต้องการประหยัดต้นทุน เมนูอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม อาทิข้าวไข่เจียว ปอเปี๊ยะทอด ข้าวเหนียวมะม่วง ผลไม้ต่างๆ เนื้อย่างบาบีคิว ไปจนถึงอาหารแปลกๆ ของชาวอิสานเช่นแมลง และหนอนทอดกรอบ ทีนี้มาดูความเห็นบรรดานักเดินทางจากต่างถิ่นที่แขวนปากท้องไว้กับอาหารริมทางบ้านเรา ผู้ใช้ชื่อว่า socki ให้ความเห็นว่า ในกรุงเทพฯ สามารถเลือกหารับประทานอาหารอันหลากหลายได้ตลอดเวลาอย่างไม่น่าเชื่อในราคาไม่แพงและอร่อยจริงๆ dave925 บอกว่า ผมไปมาแล้ว 30 ประเทศ เห็นว่าประเทศไทยโดดเด่นที่สุดในเรื่องอาหารริมถนน ผมคิดว่าที่นักท่องเที่ยวมากมายหลั่งไหลไปประเทศไทยเพราะอาหารริมทางที่สะอาดและบริการที่ดี กระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากได้ลิ้มลองอาหารราคาถูก จากความเห็นนี้ สรุปได้ว่าเหตุผลหนึ่งซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มแบกแพกเกอร์เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเพราะอาหารการกินที่หลากหลาย ราคาถูก และหาได้ง่ายดายจากรถเข็นขายอาหารริมถนน เรื่องนี้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครซึ่งมักมองบรรดาหาบเร่แผงลอยคือผู้ร้ายที่จะต้องกำจัดออกไปให้พ้นทางได้เห็นความสำคัญของอาหารริมทางบ้าง แต่ขณะเดียวกันก็ควรจัดระเบียบให้ดูดี ไม่กีดขวางจราจร และดูแลในเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย ขณะเดียวกันก็อาจปิดถนนซอยบางสาย เช่นย่านเยาวราช แล้วเปิดเป็นภัตตาคารกลางแจ้ง ตลาดโต้รุ่งเหมือนย่านไชน่าทาวน์ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ รับรองได้ว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาสู่ประเทศไทยได้อีกมาก
เขียนในนาม "ฝันไกล" ลงในคอลัมน์ "แบกเป้ท่องโลก" นสพ.รายปักษ์ Traveler
Create Date : 11 กันยายน 2553 | | |
Last Update : 11 กันยายน 2553 2:02:35 น. |
Counter : 867 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นอนหลับฝันดีที่สนามบิน
สำหรับชาวแบคแพคแล้ว ไปเที่ยวแต่ละทีต้องหาทางประหยัดทุกวิถีทาง หลายครั้งพวกเราต้องไปรอต่อเครื่องบินกันหลายๆ ชั่วโมง หรือรอกันข้ามคืนเพื่อให้ได้ใช้สายการบินราคาค่าโดยสารประหยัดที่สุด
หรือเพื่อให้ได้ราคาตั๋วโดยสารถูกสุดๆ ก็ต้องออกเดินทางด้วยไฟลท์เช้าตรู่มากๆ หรือไปถึงจุดหมายเอากลางดึก ในช่วงที่รถเมล์ รถไฟฟ้าเข้าเมืองหยุดวิ่งแล้ว เหลือแต่รถแท็กซี่ ซึ่งค่าโดยสารแสนแพง ซึ่งอย่าหวังเลยว่าจะได้แอ้มเงินจากกระเป๋าเรา
ครั้นจะหาโรงแรมใกล้ๆ สนามบิน ส่วนใหญ่ก็ไม่ถูกนัก แถมได้นอนแค่ครึ่งคืนซึ่งไม่คุ้ม หลายคนจึงสมัครใจที่จะนอนที่สนามบินกันเลย ทำให้ประหยัดเงินไปได้อักโข
ชาวไทยเราอาจไม่คุ้นกับการประหยัดเงินวิธีนี้ แต่ชาวแพคแบคฝรั่งเขาทำกันเป็นกิจวัตร มีมาเนิ่นนาน จนมีผู้ตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเว็บไซต์ขึ้นชื่อ //www.sleepinginairports.net/index.htm เพื่อให้คำแนะนำ และเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนที่นิยมนอนค้างในสนามบิน เจ้าของเว็บบอร์ดเขาบอกว่า ดูเหมือนคนที่อาศัยสนามบินเป็นโรงแรมมีไม่มากและดูไม่ดีในสายตาคนทั่วไป แต่จากประสบการณ์รวบรวมข้อมูลจากคนคอเดียวกันมากว่า 14 ปี พบว่าเป็นชุมชนใหญ่พอสมควร และทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีเฉพาะคนหนุ่มสาวที่กระเป๋าแบนแฟนทิ้งเท่านั้น แต่พบว่ามีทุกกลุ่มอายุและทุกกลุ่มรายได้ที่นิยมนอนตามสนามบินทั่วโลก
แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถนอนได้ในทุกสนามบิน เพราะสนามบินท้องถิ่นเล็กๆ บางแห่งปิดตอนกลางคืน หรือไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนอนค้างคืน บางแห่งนอนได้แต่อาจไม่สะดวกสบาย หรือไม่ค่อยปลอดภัย
ดังนั้นก่อนวางแผนไปนอนที่สนามบินแห่งไหนจึงควรหาข้อมูลกันก่อน ซึ่งเว็บไซต์ข้างต้นได้รวบรวมรายงานจากคนที่เคยไปนอนไว้ถึง 6,880 แห่งทั่วโลก
ในปี 2009 ที่ผ่านมาเว็บไซต์แห่งนี้ได้จัดโหวตหา 10 อันดับ สนามบินที่น่านอนมากที่สุด ซึ่งวัดจากสิ่งอำนวยความสะดวก ความเป็นมิตรของเจ้าหน้าที่ และความสบายของที่นั่งที่นอน ได้แก่ 1.สนามบินชางกี สิงคโปร์ 2.อินเชิน กรุงโซล 3.ฮ่องกง 4.ซีโพล ฮัมเตอร์ดัม 5.ดูไบ 6.มิวนิค 7.กัวลาลัมเปอร์ 8.สนามบินนานาชาติ แฟงค์เฟิร์ต 9.ซูริค 10.โคเปนเฮเกน ส่วนสนามบินที่น่านอนน้อยที่สุด ซึ่งทางเว็บไซต์แนะนำไว้ว่า ควรหลีกเลี่ยง หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรนอนได้แก่ 1.สนามบินชาร์ล เดอโกล ปารีส 2.เซอเรเมไทโร มอสโคว์ 3.เดลี 4.ลอสแองเจลิส 5.เจเอฟเค นิวยอร์ก 6.ฮานอย 7.มนิลา 8.ฟูมิซิโน โรม 9.ฮาห์น แฟงค์เฟิร์ต 10.ฮีตโรว์ ลอนดอน
น่าแปลกที่ไม่มีสนามบินบ้านเราติดอันดับอยู่เลยทั้งสนามบินน่านอน และสนามบินไม่ควรนอน
เว็บไซต์นี้ยังได้ให้ข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับคนที่จะไปนอนที่สนามบินดังนี้ เช่น ที่หมายแรกชาวเราควรเลือกนอนคือตามเก้าอี้นั่งต่างๆ ซึ่งบางสนามบินเป็นม้ายาวและมีพื้นที่กว้างทำให้นอนได้สะดวก แต่บางแห่งก็เป็นที่นั่งเดียวๆ หรือท้าวแขนกั้นทำให้นอนไม่สะดวก จะนั่งหลับก็เมื่อยมาก จึงควรหามุมนอนกับพื้นดีกว่า
จากนั้นต้องเล็งหาจุดที่เหมาะต่อการนอนเสียหน่อย เช่นบริเวณที่คนเดินผ่านไปมาน้อย แต่อย่าเปลี่ยวเกินไป มีคนอื่นนอนอยู่ก่อนบ้างแล้ว ไม่ใกล้ลำโพงประกาศของสนามบินเกินไป และต้องนั่งรถเวียนไปอีกไปเทอร์มินัลหนึ่ง หากหาที่เหมาะๆ ในเทอร์มินัลแรกไม่ได้
ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมมูล เช่นถุงนอน แผ่นรองนอน หรือผ้าห่มผืนใหญ่ๆ เขาไปแนะนำให้นอนบนพื้นเปล่าๆ เพราะนอกจากดูไม่ดีแล้วพื้นสนามบินบางแห่งยังไม่ค่อยสะอาด ผ้าห่ม หมอน ซึ่งอาจยืมได้จากสายการบินในกรณีเจอเครื่องดีเลย์ นาฬิกาปลุก และสิ่งแก้เบื่อเช่นหนังสือ นิตยสาร เอ็มพี 3
ต้องเตรียมคำถามไว้ตอบเจ้าหน้าที่สนามบินซึ่ง 95% ไม่สนับสนุนให้นอนที่สนามบิน แม้ไม่ไล่ แต่จะมาถามซอกแซก เช่นทำไมไม่ไปนอนโรงแรมเหมือนคนอื่นเขา และอาจขอดูตั๋วเดินทางพรุ่งนี้ และอย่าทำตัวเป็นนักนอนที่สนามบินแบบมืออาชีพ แต่ทำตัวให้น่าสงสารเหมือนไม่มีที่ไป หากไปทำกร่างอาจถูกไล่ได้ง่าย เพราะในมุมมองของเจ้าหน้าที่สนามบินส่วนใหญ่คือ สนามบินไม่ใช่โรงแรม
ในหลายสนามบินมีเลาจ์ไว้ให้ผู้โดยสารพัก มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ มีเครื่องดื่มและอาหารเลี้ยงว่าง โดยเก็บค่าบริการไม่แพงนัก ไปนอนสนามบินไหนก็ควรเล็งหาไว้ก่อน จะสะดวกสบายมากขึ้น
สนามบินเป็นที่สาธารณะ อาจมีมิจฉาชีพแฝงเข้ามา จึงต้องระมัดระวัง กระเป๋าต้องวางไว้ใกล้ตัว ตอนหลับอาจต้องคล้องสายไว้กับมือหรือเอาขาเกี่ยวไว้ ต้องติดตัวตลอดเวลาแม้เข้าห้องน้ำ หากเจอคนมาไถเงิน วิธีรับมือง่ายๆ คือแกล้งฟังไม่รู้เรื่อง ตอบโต้ไปด้วยภาษาแปลกๆ ยิ้ม โบกมือ และอย่าแสดงท่าทางว่ากลัว
สุดท้ายการนอนที่สนามบินไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ถือว่าเป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงสนุกและมีความสุขกับมัน แล้วคุณจะนอนหลับและฝันดีที่สนามบิน
จากคอลัมน์แบกเป้ท่องโลก นสพ.Traveler ฉบับ 1-16 ส.ค.53 โดยฝันไกล
Create Date : 26 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 8:29:25 น. |
Counter : 5754 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งซึ่งชอบเที่ยวสไตล์แบกเป้เดินทางไปทั่ว สมัยก่อนก็อาศัยข้อมูลจากหนังสือหรือนิตยสารซึ่งมีข้อจำกัดมากมาย ทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการซื้อหา รวมทั้งมีข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่ค่อยทันสมัย แต่เมื่อถึงยุคดิจิตอล ก็ได้พึ่งพาข้อมูลออนไลน์จากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ผู้เขียนเองมีโอกาสได้รับเชิญจากหนังสือพิมพ์รายปักษ์ Traveler ให้เขียนคอลัมน์ประจำ "แบกเป้ท่องโลกกว้าง" จึงขอนำข้อเขียนที่ลงตีพิมพ์แล้วมาร่วมแชร์บ้างครับ รวมทั้งรีวิวจากการไปท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านๆ บ้างไม่มากก็น้อย แล้วช่วยให้ Comment และเพิ่มเติมนะขอรับ
ขอแถมให้อีกบล็อกครับ เป็นบันทึกจากงานอาชีพล้วนๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ
|
|
|
|
|
|
|
|