|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รำลึก สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์
ช่วงนี้ชีวิตของจอมยุทธฯ ต้องยุ่งเหยิงกับภาระงานที่แทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ เวลาที่จะจิบน้ำเมรัยก็แทบจะไม่มี เพื่อนฝูงที่เป็นสหายสุราก็พากันหายหน้าหายตา ไปหมด คิดแล้วก็เศร้า !
เมื่อเวลาที่เคยใช้ท่องราตรีหายไป เวลาที่อยู่บ้านก็มีมากขึ้น ดังนั้นการพักผ่อนช่วงนี้ จึงหมดไปกับการหยิบหนังสือเก่าๆที่สะสมไว้ ขึ้นมาอ่าน โดยเฉพาะหนังสือรวมกลอน เล่มเก่าๆ แต่เห็นหนังสือรวมกลอนที่มีอยู่ตอนนี้แล้วใจหาย ทำไมเหลือน้อยจัง หนังสือ รวมกลอนที่เคยมีอย่าง ริ้วป่านสีทอง, สร้อยวสันต์, นิราศและกลอนลูกทุ่ง, คำหอม, ปาริชาต ฯลฯ หายไปไหนหว่า! เลยนึกขึ้นได้ว่าบางเล่มก็กำนัลมิตรสหายไป ทั้งตอน เมาและไม่เมา บางเล่มก็โดนยืมไปอ่านแล้วยังไม่ได้คืน ตอนนี้ก็เลยได้แต่อ่านไปเท่าที่มี
อารัมภบทมาเสียยืดยาว ไม่ใช่อะไรหรอก แค่จะนำเข้าสู่ประเด็นเนื้อหาที่ได้ตั้งหัวข้อ ไว้ เพราะว่าการกลับมาอ่านทบทวนหนังสือที่สะสมไว้นี่เอง จึงพบว่าเดือนนี้ซึ่งก็คือ เดือนตุลาคม ในปี ๒๕๑๓ วงการวรรณศิลป์เมืองไทยได้สูญเสียนักกลอนหนุ่มคนหนึ่ง ในวัยเพียง ๒๕ ปี จากอุบัติเหตุถูกหินถล่มทับที่ภูกระดึง เมื่อคืนวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๑๓ ซึ่งนักกลอนหนุ่มคนนี้ ก็คือ สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์
ก่อนจะว่าถึงอะไรต่อมิอะไรต่อไป จอมยุทธฯ ขอคัดกลอนชุดหนึ่ง ที่เพื่อนๆกลุ่ม วรรณศิลป์ในสมัยนั้น เขียนไว้อาลัย สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ ลองอ่านดูครับ
ถ้าฉันจักทำงานปานข้าทาส เพื่อเอื้อมอาจแลกคืนเธอฟื้นได้ ถ้าความทุกข์เหลือล้ำกล้ำกลืนไว้ จักกลับไปเป็นปราณสรรค์ชีวี
โอ้คำ "ถ้า" คำเดียวโกรธเกรี้ยวนัก มันห้ามหักความหวังพังทุกที่ ฉันเขียนกลอนอีกครั้งอย่างวันนี้ ทั้งทั้งที่ตั้งใจ ไม่เขียนแล้ว
เธอเป็นชายชาตรีมีความคิด วัยชีวิตความหวังอย่างแน่แน่ว หาง่ายหรือ คนดีที่มีแวว? เธอคือแก้วกลางกรวดอวดเต็มดวง
วรรณกวีเธอวาวราวเลื่อมรุ้ง โผนและพุ่งจินต์เจนเด่นกลางสรวง หวานลึกซึ้งเจ็บช้ำถ้อยคำปวง หลอกหรือลวงหยันหยามความอาภัพ
ภูเอ๋ยภูกระดึงซึ่งแสนร้าย เธอไปตายแทนฉันวันใกล้กลับ ร่างเธอถูกท่วมถมจมหายลับ ใจฉันยับย่อยเยินกับเนินดิน
แสนเสียดายหมายหวังจะตั้งแต่ง เป็นหัวแรงผลักฝันวรรณศิลป์ เติมน้ำรักอักษราหล่อฟ้าดิน มาสุดสิ้นแสนเศร้าชาวชมพู
จงพักผ่อนเถิดหนา บนฟ้ากว้าง เนาท่ามกลางวิมานเมฆเสกสวยหรู หอมกุหลาบกลีบม่วงโปรยร่วงพรู กานท์กล่อมอยู่สุขสวรรค์บรรณภพ
ความอาลัยความรักจากพี่เพื่อน จะเป็นเหมือนใยอณูมิรู้จบ สุรศักดิ์.......วันหนึ่งซึ่งชีพลบ เราจะพบกันแน่........แค่วิญญาณ
"สุมนอมร" ที่ปรึกษาชมรมวรรณศิลป์ ส.จ.ม. ๒๕๑๓
อ่านบทกลอนไว้อาลัยชุดนี้ หลายๆท่าน ก็คงจะเห็นเหมือนจอมยุทธฯ นะครับว่า สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ ต้องมีความสำคัญต่อวงการวรรณศิลป์ในสมัยนั้นมาก ก่อน จะยกผลงานกลอนที่คัดมาบางชุดให้อ่านกัน มารู้จักกับประวัตินักกลอนท่านนี้ กันก่อนครับ
สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ เกิดเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ ที่ตำบลบางพึ่ง อำเภอ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
เริ่มเรียนชั้นประถม และมัธยมตอนต้นที่โรงเรียนอำนวยวิทย์ พระประแดง สอบได้ ที่หนึ่งทุกครั้ง ทางโรงเรียนจึงให้สิทธิพิเศษ ได้รับการยกเว้นค่าบำรุงการศึกษาโดย ตลอด ต่อมาได้ย้ายมาศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายที่โรงเรียนสวน กุหลาบวิทยาลัย ปี พ.ศ. ๒๕๐๗-๒๕๑๐ เข้าศึกษาที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จนจบ การศึกษา ได้เป็นอาจารย์ชั่วคราวอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ๒ ปี ก่อนได้รับบรรจุ เป็นอาจารย์ประจำอยู่เพียงหนึ่งปี ก็ประสบอุบัติเหตุถูกหินถล่มทับที่ภูกระดึง เมื่อ คืนวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๑๓ ขณะที่ควบคุมกลุ่มวรรณศิลป์สัญจรไปภูกระดึง รวม อายุได้แค่ ๒๕ ปีเท่านั้นเอง
สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ เริ่มเขียนงานทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ราวปี พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๐๔ เมื่อศึกษาอยู่ที่สวนกุหลาบวิทยาลัย โดยมีผลงานตีพิมพ์ในหนังสือ "ดรุณสาร" และ "ชัยพฤกษ์" อยู่เสมอ เมื่อเข้าเรียนที่จุฬาฯ ก็มีผลงานลงในหนังสือ อนุสรณ์อยู่บ่อยครั้ง และถือเป็นนักกลอนมือทองของจุฬาฯ ที่ได้รางวัลจากการ ประกวด ของ ชมรมวรรณศิลป์ ทั้ง จุฬาฯ และ ธรรมศาสตร์ อยู่เสมอ
สำหรับนามปากกาเมื่อครั้งเขียนกลอนที่ "สวนอักษร" ของตึกอักษรศาสตร์ สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ ใช้นามปากกาว่า "แกม"
เมื่อรู้จักประวัติ ของ สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ กันแล้ว มาอ่านผลงานกลอนของท่าน กันดีกว่า ซึ่งจอมยุทธฯ จะคัดมาให้อ่านสัก 5 สำนวน โดยจะปะปนกันไปทั้ง แนวหวานและแนวสะท้อนสังคม ครับ
หมายเหตุ ที่มาของข้อเขียนและบทกลอนทั้งหมด จาก หนังสือ "งานพระราชทาน เพลิงศพ นายสุรศักดิ์ ศรีประพันธ์" มงคลการพิมพ์, พระนคร ๒๕๑๔
Create Date : 19 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2550 17:30:11 น. |
|
34 comments
|
Counter : 11648 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: mameehanako วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:22:21:28 น. |
|
|
|
โดย: กวินทรากร วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:21:33:04 น. |
|
|
|
โดย: ไม้ IP: 124.120.157.172 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:1:33:03 น. |
|
|
|
โดย: pataramin วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:18:16 น. |
|
|
|
โดย: ก้อย IP: 125.24.228.142 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:15:06:18 น. |
|
|
|
โดย: นักเรียนม.3 IP: 124.120.208.112 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:15:21:49 น. |
|
|
|
โดย: พฤกษาริมน้ำ วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:23:20:45 น. |
|
|
|
โดย: จังงัง IP: 58.64.94.220 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:21:20:08 น. |
|
|
|
โดย: ตาโตคนน่ารัก IP: 118.175.185.77 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:19:12 น. |
|
|
|
โดย: แพมค่ะ IP: 125.26.141.170 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:35:07 น. |
|
|
|
โดย: pataramin วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:12:25:24 น. |
|
|
|
โดย: โมชิ โมชิ IP: 117.47.46.70 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:21:36:20 น. |
|
|
|
โดย: sysee วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:22:51:25 น. |
|
|
|
โดย: byonya วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:35:35 น. |
|
|
|
โดย: สายใย IP: 118.175.74.56 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:7:18:55 น. |
|
|
|
โดย: ปฐพีหอม วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:10:35:28 น. |
|
|
|
โดย: ปฐพีหอม วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:17:41:43 น. |
|
|
|
โดย: ปฐพีหอม วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:18:52:04 น. |
|
|
|
โดย: ปฐพีหอม วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:19:01:56 น. |
|
|
|
โดย: รงค์ IP: 125.26.48.46 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:47:17 น. |
|
|
|
โดย: ศาลายา วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:3:26:17 น. |
|
|
|
โดย: จิตเดิม วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:0:06:47 น. |
|
|
|
โดย: บาส IP: 110.49.193.81 วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:10:27:54 น. |
|
|
|
โดย: ศรีกรุง IP: 58.11.51.10 วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:12:15:26 น. |
|
|
|
โดย: หยุดนิ่ง วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:18:27:09 น. |
|
|
|
โดย: ar-moo วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:10:22:06 น. |
|
|
|
โดย: ดวง IP: 58.8.245.210 วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:10:57:48 น. |
|
|
|
โดย: ff IP: 192.168.1.111, 124.122.128.197 วันที่: 12 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:52:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ในโลกกว้างคว้างไกลไร้ขอบเขต
อยากหลับเนตรนอนหนุนละมุนหมอน
อิงอ้อมทรวงทวงถามความอาทร
ในอ้อมกรกานดาผู้ยาใจ
ฟังเพลงแว่วแผ่วหวานจากม่านฟ้า
รินน้ำตาตื้นตันฉันร้องไห้
ปิดฉากชั่วตัวเองแต่เพรงวัย
เริ่มฉากใหม่ในม่านวิมานรัก
ใจเคยคว้างห่างหวังจนชังโลก
ดื่มความโศกเสียจนท้นกระอัก
เมื่อพบอ้อมอาทรให้ซ่อนพักตร์
อยากพำนักอย่างนี้จนนิรันดร์
ในเรียวกรอ่อนนุ่มโอบจุมพิต
เปลือกตาปิดปล่อยใจให้ดื่มฝัน
ลืมทุกข์โศกโลกหล้าใต้ตาวัน
จูงมือกันก้าวตามความรังรอง
จะชี้ชวนชมนวลรุ้งริมคุ้งฟ้า
วักธาราไล้ร่างอย่างลืมหมอง
ดื่มน้ำค้างพร่างคืนชื้นละออง
อาบแสงส่องของโสมโลมลานใจ
ในโลกกว้างคว้างไกลไร้ขอบเขต
เราคอยเศษสงสารเขาทานให้
คอยคนรักทักท้วงไว้ห่วงใย
ซึ่งคงไม่อาจมีชั่วชีวิต
สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์