เก็บของเรียบร้อย เราก็รวมพล.....เดินแถวตรงลงลิฟต์ ลงมา
จากห้องพักข้ามถนนหน้าโรงแรม ไปกินข้าวต้มกันที่ร้าน 'เซาะฮึ้ง'
เลือกๆ จิ้มๆ จิ้มๆ เลือกอาหารจากตู้กระจกหน้าร้าน
จากนั้นก็เดินดุ่มมานั่งรอ สวาปามกันที่โต๊ะได้เลย
สั่งกันมาสารพัดอย่างเลยทีเดียว อาการเหมือนคนโมโหหิว
เพราะตั้งแต่บ่ายสามครึ่งเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง(แบบพอเพียง)
กับข้าวรสชาติใช้ได้ มีเพียงบางอย่างที่ออกเค็มไปหน่อย
สำหรับหนอนชอบกิน.. ผักกาดดองกับกระเทียมโทน(สั่งมาหลายรอบ)
เพราะออกหวานกรอบ คาดการณ์ว่าทางร้านคงดองเองเป่า เพราะรสชาติ
เหมือนไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน...
ทุกอย่างดีหมด แต่อาการแอบแพงไปนิดหนึ่ง...
ผู้ร่วมโต๊ะทั้งหมด 12 คน ราคาเท่านี้แนะ.. ดูกันเอาเองจากรูป..
โดยผักดองสุดโปรดของหนอน จากละ 120 บาท ..โอ้ววว.. จัดเต็ม
แต่ทุกอย่างก็ราบเรียบเป็นหน้ากองค่ะ ไม่เหลือหลออะไรสักอย่าง
คริๆๆๆๆ . . . ก็เนอะ เราไม่ควรกินเหลือเนอะ สงสารชาวนากันบ้าง
'ท้องโต...กระเป๋าแฟ๊บ' ยกขบวนเดินพุงโตออกนอกร้าน
กลับโรงแรม แยกย้ายกันพักผ่อนนอนหลับ
มีเหตุการณ์แอบตื่นเต้นนิดหน่อย คือ ห้องที่หนอนนอน
มันมีประตูที่สามารถเปิดเชื่อมกับห้องข้างๆ ได้
ระหว่างที่พี่ที่นอนกับหนอนเค้าอาบน้ำอยู่ อยู่ดีๆ พี่คนที่พักห้องข้างๆ
เค้าก็เปิดประตูเข้ามาในห้องหนอน (ตอนแรกปิดไว้เืพื่อให้แอร์เย็น) แล้วถามว่า..
"หนอนเคาะประตู้ห้องพี่หรือเปล่า..
พี่ได้ยินเสียงเคาะประตู.. เลยเปิดเข้ามาดู...."
หนอน แบบว่า ทำหน้างกเต๊กกันไปเลย ตอนนี้ กำลังทำอะไรสักอย่าง
กับกระเป๋ากล้อง.. ซึ่งยืนหันหลังให้ประตู้เป็นโยชน์เลย แอบหลอน
แต่คืนนั้น พวกเราก็นอนหลับสนิทแบบไม่ฝันอะไร
และตื่นเช้าขึ้นมาเที่ยวต่อได้อย่างเริงร่า...
บรรยากาศยามเช้าของตัวเมืองหาดใหญ่ตัวเงียบสงบดี
พวกเรา.. จ้างรถกระเป๊าะ เอ๊ะ! คนอื่นเขาเรียกกันอย่างนี้ หรือเปล่าหว่า
มาส่งที่ร้าน ติ่มซำร้านหนึ่ง คุณพี่สุดหล่อ
ที่เป็นเจ้ามือไพ่ทุกทริป เป็นคนจัดหาร้าน
(ชมเค้าหน่อย เผื่อป๊อกเด้งทริปถัดไปมือเราจะขึ้น)
เหตุเพราะพี่เค้าเคยมาเรียนอยู่ที่หาดใหญ่ เรียกได้ว่าแถวนี้
เป็นถิ่นเค้า (เมื่อหลายปีที่แล้ว) ทำให้เราได้กิน
ติ่มซำ เจ้าอร่อย อย่างเช่นติ่มซ้ำร้านนี้...
ร้านนี้ มีชื่อว่าร้าน.. 'โชคดี แต่เตี้ยม บะกุ๊ดแต๋'
คนเต็มร้านตั้งแต่ยังเช้า ในขณะที่ร้านหมูแดงฝั่งตรงข้าม เงียบกริ๊ปเลย
หน้าร้านตั้งเข่งติ่มซำเรียงร้าน พนักงาน เปิดเข่งเอาติ่มซำใส่ถุงกันมือเป็นระวิง
เมื่อหาโต๊ะสิงสถิตกันได้แล้ว เราก็ถูกวิญญาณผีตัวกระซวกติ่มซำเข้าสิง
สั่งๆๆๆ และสั่งๆๆๆๆ มาที่โต๊ะ จนแทบไม่ีมีที่วาง...
กินและกินและกิน กันหมุบหมับๆ รวมทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว 59 เข่ง
เยอะแบบว่าสุดยอดเลยไหมคะ อิอิ จนคุณพี่ผู้จัดทริปของเราบอกว่า
"พี่นิแสนจะดีใจจริงๆ ที่มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายแล้วที่เราจ่ายเงินกันเอง"
(หลังจากนี้ พวกเราจะฝากท้องไว้กับทัวร์ตลอดทั้งทริป)
เดินพุงโตออกนอกร้านเหมือนมื้อที่แล้ว (Again)
ขึ้นรถตู้เดินทางต่อ.. เพื่อไป ล่องแก่ง คลองลำโลน ที่จังหวัดสตูล..
นั่งซ่อนตาในกันมาได้สักพักเราก็มาถึงจุดนัดพบ
รถจอดตรงหน้าน้ำตกวังสายทอง แจกแจงใส่เสื้อชูชีพให้พร้อม
เรียบร้อยแล้ว.. พี่สต๊าปก็ไล่ต้อนเราขึ้นกระบะ เพื่อเดินทางต่อ
ไปยังจุดแรกสำหรับล่องแก่ง ระหว่างทาง... จากหาดใหญ่มาสตูล
ฝนตกๆ หยุดๆ มาตลอดทาง..
บนรถกระบะ เลยเห็นเป็นน้ำค้างอย่างที่เห็น...
พี่ๆ ที่พาเราล่องแก่งในครั้งที่ 'หน้าน้ำตก โฮมสเตย์' ค่ะ
ทริปนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองถ่ายรูปน้อยยังไงก็ไม่รู้.. ไม่ค่อยมีรูปสวยๆ
ให้เลือกมาลงบันทึกมากเท่าไรนัก หนึ่งเนื่องจากเมาเรือ
สองคือกล้องมีปัญหานิดหน่อย และสามคือ 'น้องสีนิล'
กล้องฟูจิสีดำตัวเล็กของหนอนที่ซื้อมาใหม่
เพิ่งจะมีโอกาส ได้ใช้ครั้งนี้ เป็นครั้งแรก (รูปตั้งแต่หน้าน้ำตกลงมา)
เลยยังไม่ค่อยคุ้นมือเท่าไรนัก..
เออหนอออ... ก็อ้างนั่นอ้างนี่ไปเรื่อย จริงๆ คือ เหมือนตัวเองเมาๆ เรือ
และก็เหนื่อยๆ หน่วงๆ จนไม่มีอารมณ์ถ่ายรูป
นังกระบะโต้ลม.. แสนสดชื่น ชมความเขียวของป่าเขามาตลอดเส้นทาง..
จนถึงจุดล่องเรือของเรา... ล่องเก่งที่นี้
คนละอารมณ์กับล่องแก่งวังน้ำเข็กที่เคยไปเลย มันคล้ายๆ กับเรา
พายเรือคายัคชมธรรมชาติไปตามลำน้ำซะมากกว่า..
"...โอ้ธรรมชาติ..แสนสุขใจ
นั่งชมลำน้ำ(เย็น) แลพงไพรเขียวขจี
ซ้ายพายขวาพายช่วยกันเร็วรี่
บึ๊ดจั้มบึ๊ด เอ้า.. ฮุยเล่ฮุย ให้ทันกันที..
แสนสุขขี ชื่นฤดี...สบายตา..."
จริงๆ แล้วหนอนงิ๊สบายสุดเลย.. เพราะว่า นั่งเรือไปกับสต๊าป
ลำนึงนั่งไปกันสองคน.. แต่ยังมีแอบปวดหลังเพราะติดพุงกันนิดหน่อย
บ่งบอกสถาวะเตือนภัยของร่างกาย ถึงเวลาต้องลดน้ำหนักอย่างจริงจังแล้วหนอ
มือไม่ต้องพาย ไม่เอาเท้าราน้ำ เลยหยิบเอาน้องสีนิลมาถ่ายเล่นไปตลอดทาง
รูปถ่ายมาก็มีแต่เดิม ขาบวมๆ (ของตัวเอง) กับลำน้ำเขียวๆ
นั่งมาสักพักแทบอยากถอดเสื้อชูชีพออกเลย
เพราะว่า ระดับน้ำเฉลี่ยตื้นมาก น่าจะแค่เข่าเท่านั้นเอง..
พายไปเรือติดหิน.. (น้ำหนักเกิน) ต้องค่อยๆ ใช้ไม้พายดันกันไป
บางช่วงพี่สต๊าปเค้าจะลง.. มาคุมในจุดที่อาจติดหิน หรือว่า
ช่วงที่เป็นธารน้ำไหลแรงหน่อย..
หนอนก็นั่งรอในเรือ.. ถ่ายนั่นนี่
(ไม่พ้นเท้าอืดๆ จมน้ำ ของตัวเอง) ไปเรื่อยเปื่อย
การเดินทางในครั้งนี้ เป็นระยะทางเกือบ 9 กิโลเมตร
พี่สต๊าป(ไม่รู้แก่กว่าหนอนหรือเปล่ายังไงก็เรียกพี่ไว้ก่อนแล้วกันนะ เอิ๊กก)
บอกว่า.. เรามาพอดีกับจังหวะ ดอกซากุระป่าบานพอดี
(ชื่อดอกซากุระป่านี้ เป็นชื่อที่คนแถบนั้นตั้งชื่อให้)
มีต้นขึ้นอยู่ริมน้ำตลอดทางที่เราพายเรือผ่าน
เป็นโชคดีของเรามาก เพราะถ้ามาก่อนหน้านี้ สองวัน
เราอาจจะได้เจอแค่ดอกตุมๆ ไม่ใช่ดอกบานๆ เต็มต้นอย่างที่เห็น
ต้นซากุระป่าต้นใหญ่ โค้งโอบลำน้ำลงมา
นี่หนอนพยายาม.. ที่จะถ่ายรูปกิ่งดอกมันมาให้ชมกัน
แต่เรือมันก็ไม่นิ่ง แล้วกล้องก็โฟกัสระยะไกลได้ยากมาก
รูปมันเลยออกมาไม่ค่อยสมประกอบเท่าไรนัก
และแล้ว หนอนก็ได้เก็บภาพชัดๆ ของ 'ดอกซากุระป่า'
(ที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียก) บันทึกลงกล้องได้สมใจ
ตอนเราแวะจอดเทน้ำออกจากเรือ
"เล่นกันบ้าง พายกันบ้าง... ท่ามกลางธรรมชาติและสายฝน"
หยอกล้นเล่นกันบนเรือพาย... ไปจนสุดทาง
จริงๆ ไกด์ชี้ให้ดู.. จุดที่พวกเงาะป่าซาไกอาศัยอยู่ด้วยดูด้วย
แต่หนอนมองไป.. ก็เห็นแต่ใบ้ไม้เขียวๆ เต็มไปหมด
ไม่สามารถฝ่าเข้าไปดูความเป็นอยู่ของเค้าเลย
เรือเลยแล่นผ่านจุดนั้นไป.. โดยมองไ่ม่เห็นอะไรเลย
แต่มีจุดหนึ่งพี่สต๊าป บอกเรา ให้พายเรือ เข้าตรงกลางของ
ต้นไม้สองต้น ที่พันผ้าสามสีไว้มากมาย... (จำที่มาไม่ได้แล้ว)
ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นอะไร ใช่ต้นไทรหรือเปล่าหว่า...
และ ระหว่างที่เรือเล่นผ่านก็ให้เราอธิฐาน...
ในช่วงเวลานั้น... หนอน ไม่รู้จะอธิฐานอะไร ว่างเปล่า คิดไม่ออก
เลย... นึกใจว่า ... "ขอให้โลกสงบสุข"
เอิ๊กก มานึกดูตอนนี้ ตรู.... จะนางงามไปไหมนั่น..
(note: ที่เห็นภาพมัวๆ นั่น ไม่ใช่ชัตเตอร์ติดวิญญาน
หรือความหลอนใดๆ นะคะ แบบว่าหน้ากล้องโดนเม็ดฝน มันเลย
มัวๆ หมองๆ อย่างที่เห็น อิอิ)
"แม้ว่าเราจะไม่ได้ประสบกับความระทึกใจหรือความตื่นเต้นใดๆ
จากการล่องเก่งในครั้งนี้ (เหมือนที่อื่นๆ)
แต่...ความเย็นของลำน้ำ
ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าสองข้างทาง
กลิ่นดอกไม้ป่าหอมๆ และความเงียบสงบ
ก็ทำให้พวกเรา หลงไหลและประทับใจ
ในความงดงามของธรรมชาติเหล่านี้ ได้ไม่ต่างกัน..."
ขึ้นจาก.. ล่องแก่ง แวะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทานอาหารกลางวัน กันให้เรียบร้อย อาหารมื้อนี้เป็นแกงเหลือง
ต้มจืดผักกาดดอง ปลาเค็ม ตักกันได้เต็มที่ Cover ไปกับทัวร์
Note: ไม่มีรูปให้ชมในขั่นตอนนี้ ค่ะ เพราะ
1. หนอนปวดสะเอว 2. สีนิลถ่ายได้สองชั่วโมงกล้องก็ดับเลยต้องเอาแบต
ออกมาชาร์ตระหว่างกินข้าว กินไปลุ้นไป ว่าไปแล้วแบตมันไม่สมบุกสมบัน
สมใจหนอนเท่าไรเลยอะ หรือมันจะพัง(ใช้ได้แว๊บเดียวเอง)
หรือหนอนเผลอทำอะไรผิดพลาด (อะไรตรงไหนหว่า.. )
โอ้วว เหอะ แอบหวาดระแวงนิดหน่อย
จากนั้นก็ขึ้นรถตู้เดินทางต่อไป ยัง ท่าเรือปากบารา
แบบว่า.. มะกิ๊แอบไปดูรูปจากกล้องผองเพื่อนร่วมทริป
ไม่มีใครถ่ายมาเลยง่ะ เอิ๊กกก.. ทริปหน้าสัญญาว่า
จะเตรียมร่างกายตัวเองให้ฟิตมากกว่านี้
เพื่อเราจะได้มาเพ้อลงบันทึกได้เต็มที่ (พร้อมภาพประกอบ)
พอกินข้าวเสร็จ เอาแบต(ที่ช๊าตไปได้แว๊บตอนกินข้าว)ใส่สีนิล
แล้วลองเอากล้องมาถ่ายบนรถดู ปรากฎว่า...
มันก็ถ่ายได้เหมือนเดิม เด๊ะ...เป็นอันโล่งใจไป
คำเตือนสำหรับบางท่าน..
ควรพวกยาคลายกล้ามเนื้อติดตัวท่านมาสักนิดสักหน่อยก็ดีนะคะ
เพราะสำหรับคนที่ขนาตัว Big Size เช่นหนอน
อาจจะต้องส่งเข้าเข้าท้องสักเม็ดสองเม็ด..ค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ในเที่ยวหลีเป๊ะพร้อมฝน
ได้บล๊อคหน้า เพราะว่า .. ตัวอักษรเกิน
(แบบว่าหนอนเวินเว้ออีกแล้ว..)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
.............หนอนเอง