|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กฏแห่งกรรม 17-21
ถ้าต้องการอ่านแบบเนื้อหาหนังสือ กฏแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ เต็มสมบูรณ์ คลิกดาวโหลดที่นี่ค่ะ
//www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=25541
ส่วนเล่มที่ 1-16 (แบบย่อ)ที่ผ่านมา
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=imaginer&month=03-12-2009&group=5&gblog=56
เนื้อหาแบบย่อ
เล่ม 17
--ฤามีที่ให้หนีกรรม ท่านนายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
ยิงกระทิง ไปล่าสัตว์ที่บ้านบ่อไทร อ.นาเฉลียง จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ.๒๕๐๖ น้องชายผมก็รถคว่ำ เสียชีวิตตรงปากทางที่เข้าบ้านบ่อไทรพอดี ทำให้ผมนึกถึงสายตาอันอาฆาตของกระทิงว่าอาจจะมาเอาชีวิตน้องชายผมก็เป็นได้
ยิงตานก ลูกน้องผมก็ท้าผมว่าถ้ายิงแม่นจริงก็ให้ยิงเข้าตาอีแร้งให้เขาดู ผมกำลังคะนองไม่ได้คิดถึงบาป ก็ยกปืนเล็งไปที่ตาอีแร้งข้างขวา ปรากฏว่าผมยิงเข้าตาอีแร้งข้างขวาพอดี ทะลุสมองหล่นมาตาย ต่อมาเมื่อ ผมเข้าไปเที่ยวป่าที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี กลางคืนก็เดินกันเข้าไปในป่า บังเอิญวันนั้นโชคร้าย ผงขี้เลื่อยปลิวเข้าตาข้างขวาผมพอดี รู้สึกเคืองมาก แต่อยู่ในป่าจะกลับกลางคืนก็ไม่ได้ต้องอยู่จนรุ่งเช้า ผมก็ใช้น้ำที่รับประทานล้างตาเป็นระยะๆ เพื่อลดความเคืองของตา พอเช้าผมก็รีบกลับมาโรงพยาบาล ทำการล้างตาและหยอดตาทั้งยาชาและยาแก้อักเสบ อาการก็ไม่ดีขึ้น ผมก็ให้หมอดูหลายคน ทุกคนบอกว่าไม่เป็นไรนอกจากเคืองเท่านั้น ทั้งปวดเคืองและค่อยๆ มัวขึ้นจนบอดสนิท รักษาไม่ได้ทำให้ผมระลึกถึงการยิงเข้าลูกตาของอีแร้ง ก็เป็นการรับกรรมที่ได้ไปทำเขา ยิงลูกชะนี เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลำขาแข้งที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ซึ่งไปกันเป็นประจำทุกปี ก่อนผมเข้าป่าน้องสาวผมบอกว่าอยากได้ลูกชะนีมาเลี้ยงสัก ๑ ตัว ผมก็รับคำว่าจะพยายามหามาให้ พวกพรานบอกผมว่า ถาอยากได้ลูกชะนี ต้องยิงแม่ชะนีให้ตายจึงจะได้ลูก เพราะลูกชะนีจะเกาะอยู่ที่หน้าอกของแม่ตลอดเวลา ขณะนั้นผมไม่ได้นึกถึงบาปกรรม เพียงแต่อยากได้ลูกชะนีมาฝากน้องสาว ส่วนผมนั้นเมื่อไล่ตามชะนีไปมาหลายครั้งก็เหนื่อย เมื่อเหนื่อยมือก็สั่น พอชะนี้หยุดผมก็ยกปืนยิงแม่ชะนี ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนยิงปืนแม่น แต่ด้วยความเหนื่อย มือสั่นทำให้ผมยิงพลาดไปถูกขาขวาของลูกชะนี ขาลูกชะนีก็หักห้อยลง ผมเห็นลูกชะนีเอามือจับขาที่ห้อยลงแล้วก็ยกขึ้นพร้อมกับร้อง ผมก็ตกใจและเสียใจในการกระทำของผม ผมจึงตัดสินใจยิงลูกชะนีให้ตาย เพื่อจะได้ไม่ทรมาน พร้อมกันนั้นผมก็ส่งปืนให้พรานถือไว้ และบอกกับพรานว่าเลิกกันที ต่อไปนี้ผมจะเลิกเข้าป่ายิงสัตว์ และผมก็เลิกมาตั้งแต่วันนั้น และไม่ยอมฆ่าสัตว์อีกเลยนอกจากพวก ยุง มด และปลวก ผมไปขุดดินปลูกต้นไม้โดยขุดด้วยจอบ ไม่ทราบว่าไปฟันดินท่าไหน รู้สึกแปล๊บที่บั้นเอว และร้าวไปทางสะโพกขวาเรื่อยไปจนถึงนิ้วก้อยเท้า หมอเอ็กซเรย์ ก็บอกผมว่า ขณะขุดดินอาจจะเอี้ยวเอวแรงไปทำให้กระดูกทับเส้น ไม่น่าจะเป็นมาก จากนั้นผมก็ได้ทาถูนวดด้วยยา และรับประทานยาแก้ปวดตลอดมา อาการก็ทรุดหนักลง พอนึกจะปวดขึ้นมาก็ปวดจากสะโพกลงไปขาทุกครั้ง อาการปวดเป็นมากจนต้องฉีดยาชา เข้าไปที่เส้นประสาทใหญ่ที่สะโพก เพื่อทำให้ประสาทชา บางครั้งทั้งฉีดและกินยาก็ไม่หายปวด นึกจะปวดขึ้นมาละก็บางครั้งต้องคลานจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง เพราะเดินไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็นึกถึงกฎแห่งกรรมตามทันในการยิงถูกขาขวาของลูกชะนี ผมจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถึงลูกชะนีว่าขออโหสิกรรมให้ผมด้วย เพราะผมทำบาปไปด้วยความคะนองทุกครั้งที่กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร และลูกชะนีทุกครั้ง และขออโหสิกรรมทุกครั้ง มันปวด จนบางครั้งผมอยากจะกินยานอนหลับให้ตายไปเลย เพื่อจะได้ไม่ทรมานจากการปวด ผมได้ย้ายคลินิกเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังโรงพยาบาลสิงห์บุรี และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ต่อไปนี้จะเลิกกินเนื้อสัตว์ จะกินแต่น้ำข้าว และไวตามิลด์ขวด และผลไม้พร้อมกับกินปลาตัวเล็กๆ เท่านั้น พร้อมกันนั้นผมก็ยังอธิษฐานขออโหสิกรรมลูกชะนีตลอดเวลา ทั้งก่อนนอนและเวลากรวดน้ำ อยู่ๆ อาการปวดที่เคยปวดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักษาอะไร แสดงว่าการทำบุญและขออโหสิกรรมที่ได้ขอตลอดมาได้รับการอโหสิกรรม จากเจ้ากรรมนายเวรและลูกชะนีที่ผมยิงแล้ว และผมก็พยายามสอนคนเรื่องฆ่าสัตว์ว่าอย่าทำเลย เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็มีความเจ็บปวดเมื่อถูกทำร้าย และกลัวตายกันทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่า บาปกรรมนั้นมีจริง โดยเฉพาะตัวผม กรรมตามทันตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ผมจะทำบุญ ทำทานมากก็จริง แต่ไม่สามารถลบล้างกรรมนั้นได้
--ผลของการอธิฐานจิตปฏิบัติกรรมฐาน
ดิฉันมีความสุขพร้อมทั้งฐานะการเงินการงานและครอบครัว ทั้งลูกและสามีเป็นคนดีมาก มาปี พ.ศ.๒๕๓๔ เศรษฐกิจ กิจการค้าเริ่มซบเซาขาดทุนเรื่อยมา ผลที่ตามมาคือ ความไม่สงบสุขของครอบครัว มีแต่เรื่องที่พูดกันไม่เข้าใจกันมีปากเสียงกันไม่มีใครฟังใครทุกคนมีแต่ความเครียดมีแต่ความทุกข์ใจ ความสุขไม่มีในบ้านเลย ระหองระแหงกัน ความยิ้มแย้มหาไม่พบเลย มีแต่ความเครียด ของทุกคนตัวติดฉันเองก็ต้องพึ่งยาเพราะนอนไม่หลับ มีแต่ความวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา สุขภาพร่างกายและจิตใจก็โทรมไปอย่างมาก หาความสุขความสงบในจิตใจไม่ได้เลย สักนาทีเดียว ต่อมาประมาณเกือบปี ดิฉันได้พบปะพูดคุยกับคุณวลัยลักษณ์ ซึ่งเป็นญาติ เขาเคยได้รับความทุกข์มากกว่าดิฉันมาแล้ว เขาได้ไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดหลวงพ่อจรัญ ปรากฏว่า ปัจจุบันชีวิตของเขาดีขึ้น หน้าตาสดใสเปล่งปลั่งสดชื่น เพราะเขาปฏิบัติกรรมฐานเป็นประจำสม่ำเสมอกรรมฐานช่วยให้กิจการเขาดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ดิฉันได้กราบหลวงพ่อ ความรู้สึกที่ได้รับคือ ความปีติ และกระแสแห่งความเมตตาที่ได้รับรู้ด้วยตัวเองในเวลานั้น และรู้สึกดีใจมากและมีความสบายใจ ซึ่งไม่เคยได้รับมาเป็นเวลา ๘ ปี มาแล้ว ต่อมาได้มีโอกาสไปปฏิบัติกรรมฐานครั้งแรกเป็นเวลา ๘ วัน ๗ คืน ทำให้จิตใจสดชื่น มีความสุข มีความศรัทธา ความสุขนี้มีค่ายิ่งสำหรับดิฉัน เพราะ ๘ ปีผ่านมา ความสุขขาดหายไปสำหรับดิฉัน ดิฉันได้นำการปฏิบัติกรรมฐานนี้มาปฏิบัติอย่างต่อเนื่องที่บ้านของดิฉันและมีโอกาสได้ไปปฏิบัติกรรมฐาน ที่วัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญ ดิฉันติดว่าทำอย่างไร จะได้พระสมเด็จได้รับจากมือหลวงพ่อขอให้ได้รับจากมือหลวงพ่อก็ได้แต่คิดระหว่างนั่งปฏิบัติกรรมฐานกำหนด ในกรรมฐานว่าอยากได้หนอ ได้ก็ดีหนอ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหนอ แล้วก็ปลงอย่าไปยึดมั่นอยากได้โน่น อยากได้นี่คิดหนอฟุ้งซ่านหนอแล้วก็ปล่อยวางไม่คิดอีกมีสติรู้หนอ แต่อยู่ๆ คุณพานิชก็ถวายของให้หลวงพ่อและบอกว่า ให้หลวงพ่อมอบมอบให้ดิฉัน เป็นพระสมเด็จเทพนิมิตเลี่ยมทอง ดังที่ได้เล่ามาตั้งแต่ต้นว่า ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าอยากได้อะไรอย่างไร แต่ดิฉันก็ได้อย่างที่นึก เพราะบุญที่ดิฉันไปปฏิบัติกรรมฐาน และกำหนดว่าอยากได้จากมือหลวงพ่อมาห้อยคอ แล้วก็ปลงไม่คิดอยากได้จึงได้มาเหมือนปาฏิหาริย์
ตั้งแต่ดิฉันได้ปฏิบัติกรรมฐานอย่างต่อเนื่องตลอดมา สิ่งที่ดิฉันได้รับคือ มีสติ มีความอดทนไม่โกรธง่าย รู้จักการให้อภัยไม่อาฆาต รู้จักให้รู้จักการแผ่เมตตาให้ศัตรู แทนการอาฆาต ทำให้จิตใจดิฉันเบิกบานเมื่อได้แผ่เมตตา เมื่อดิฉันรู้จักให้อภัย จิตใจก็สงบและหน้าตาร่างกายก็สดใส
ดิฉันมีสัจจะกับตัวเองปฏิบัติโดยไม่ผลัดวันเวลามีแต่จะปฏิบัติให้มากกว่าเดิม ก่อนที่ดิฉันจะมาปฏิบัติกรรมฐาน ดิฉันต้องทรมานกับการปวดเข่าปวดขา ทั้งนวดทั้งฉีดยาเป็นระยะยาว ไม่หายจนมานั่งปฏิบัติใหม่ๆ ดิฉันนั่งขัดสมาธิไม่ได้ เพราะปวดหัวเข่า ด้วยความศรัทธาในองค์หลวงพ่อก็พยายามแต่ก็นั่งไม่ได้นานนัก มาวันหนึ่งระหว่างนั่งปฏิบัติเท้าเริ่มชา ด้วยสติที่ดิฉันพอจะได้บ้างจากการปฏิบัติก็ปวดหนอๆๆๆๆ มีความรู้สึกได้ขนาดว่า เส้นเลือดมีกี่เส้น ปวดเหมือนเส้นจะแตกออกมาปวดไล่ขึ้นถึงโคนขา ใช้ความอดทนอย่างมากจนกระทั่งมีความรู้สึกว่า ความปวดกำลังแผ่กระจายซ่าๆๆๆๆ มากๆ หลังจากเหตุเกิดครั้งนั้นจนวันนี้ดิฉันไม่เคยปวดส่วนใดๆ ยิ่งปฏิบัติยิ่งเกิดความสุข ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อ เพียงแต่ให้มีความมั่นคงของจิตใจ และความเพียรพยายามอดทน กรรมฐานปฏิบัติอย่างใจบริสุทธิ์แล้ว จะได้พบในสิ่งที่สมความปรารถนาโดยไม่คาดคิด ที่ดิฉันเล่ามานี่เป็นเพียงต้องการให้ท่านอย่าได้เคลือบแคลงสงสัยในการปฏิบัติเพียงท่านตั้งใจคิดเสมอว่าปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ไม่ใช่เพื่อจะได้ในสิ่งที่อยากได้ แล้วท่านจะได้เมื่อท่านปลง คือไม่เร่าร้อนได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างดิฉันได้ประสบด้วยตัวเองมาแล้ว
--สัญญาใจ
ได้มาปฏิบัติธรรมทีวัดอัมพวัน เป็นเวลาติดต่อกันหลายปีและหลายโอกาสด้วยกัน สิ่งที่ดิฉันจะนำเรียนท่านผู้เจริญในธรรม ประสบการณ์ชีวิตที่ได้ข้อคิดจากการให้พรของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ดิฉันได้ชวนสามีมากราบนมัสการหลวงพ่อด้วยจิตคิดทำบุญกุศลถวายจตุปัจจัยร่วมสร้างเสนาสนะตามอัธยาศัยของหลวงพ่อ ในโอกาสคล้ายวันเกิดของดิฉันเอง ได้อธิษฐานจิตตลอดเวลาว่าขอให้ได้พบและมีโอกาสได้สนทนากันหลวงพ่อด้วย หลวงพ่อมองหน้าดิฉันสักพักหนึ่งแล้ว บอกว่าให้รอรับพรก่อนอย่าพึ่งกลับ แล้วท่านก็หันมาบอกอีกว่า ไม่นานจะได้รวยเป็นเศรษฐี ดิฉันก็ได้แต่ปลื้มใจ จึงตอบหลวงพ่อว่า ขอให้สมปรารถนา
จากวันนั้นเป็นต้นมาเวลาผ่านไป ๓ เดือน ประมาณปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๓ สามีของดิฉันก็ล้มป่วยลง จึงพาไปโรงพยาบาลทั้งของเอกชนและของรัฐบาล อาการทรุดหนักลงทุกวันๆ สามีเลยพูดกับดิฉันว่า เขาคงไม่หายหรอกให้คุณกลับไปอยู่กับน้องคุณที่บ้านจังหวัดยโสธรก็แล้วกัน มันคงเป็นโรคกรรมตามมา
ดิฉันเลยนึกขึ้นได้ อ้อ! ที่หลวงพ่อบอกว่าไม่นานจะได้รวยเป็นเศรษฐีนั้น ก็เพราะจะได้เงินค่าทำศพของสามีนี้เอง ดิฉันก็เลยกับสามีว่า ไม่ต้องการเงินของเขาแม้แต่บาทเดียว ถ้าเขาจะตายก็ให้มอบฉันทะทั้งหมดให้แม่และน้องๆ ของเขา ในการเข้าพักรักษาตัว สามีก็บอกดิฉันว่า คุณบอกให้หลวงพ่อจรัญ ช่วยหน่อยเถอะดิฉันก็สวดมนต์นั่งสมาธิ อธิษฐานจิตบอกหลวงพ่อให้ช่วยลูกด้วยเถอะ สามีของลูกป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลพิษณุเวช ห้อง(จำหมายเลยไม่ได้) ชั้น ๗ จังหวัดพิษณุโลก
ช่วงประมาณตี ๓ ๔ ดิฉันฝันไปว่าหลวงพ่อจรัญไปเยี่ยม แต่ไม่ได้เข้าไปในห้อง ผู้ที่เข้าไปในฝันก็คือ ท่านเจ้าคุณพระราชสารโมลี เจ้าอาวาสวัดนาควัชรโสภณ (วัดช้าง) อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นวัดที่เข้าไปช่วยงานของท่านตลอดมา
ในการเข้ารักษาตัวก็มีพระอาจารย์จากวัดนาควัชรโสภณ(วัดช้าง) กำแพงเพชร ไปเยี่ยมจึงถามท่านว่า รู้ได้อย่างไรว่ามาอยู่โรงพยาบาลนี้ ท่านบอกว่า มาลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เลยโทรศัพท์เช็คตามโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ทางโรงพยาบาลพิษณุเวช เลยบอกว่ามีชื่อผู้ป่วยดังกล่าวเข้ามารักษาที่นี่ ๒ วันแล้ว ก็เป็นเรื่องแปลก กลายเป็นพระเดชพระคุณพระราชสารโมลีเข้าไปเยี่ยมแทน ก็เป็นจริงดังฝันทุกประการ
ที่นี่ค่าใช้จ่ายแพงหน่อย นั่นคือหมอแนะนำเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลของรัฐ จึงตัดสินใจย้ายไป โรงพยาบาลพุทธชินราช เมื่อเข้าไปคืนแรก ดูเหมือนเจ้าของห้องไม่อนุญาต พอสามีของดิฉัน ขึ้นเตียงนอน เขาก็มาโยกเตียงไปมา สามีกำหนดจิตและบอกเจ้าของห้องเขาและอย่าลืมสวดอิติปิโส และแผ่เมตตาให้เขาด้วย ในคืนนั้นดิฉันและสามีต่างก็สวดมนต์บทอิติปิโสและแผ่เมตตาให้เจ้าของห้อง รวมไปถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วย จึงได้มีเวลาได้หลับนอนบ้าง
แต่ในวันที่ ๒ อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาได้พบกับผู้หญิงนุ่งกระโปรงชุดสีเทายืนอยู่หน้าห้องน้ำ พอแต่งตัวเสร็จเลยบอกสามีว่า เจ้าของห้องเป็นผู้หญิงชื่อนี้นะ (หมายถึงชื่อที่ทางโรงพยาบาลติดไว้ที่หน้าห้องว่าเป็นผู้บริจาคสร้างห้องพิเศษห้องนี้) ถ้าหายป่วยกลับไปต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วย
สามีพักรักษาอยู่โรงพยาบาลพุทธชินราช ประมาณ ๑๗ วัน เราสวดมนต์แผ่เมตตาให้ทุกวันเหตุการณ์ต่างๆ ก็ไม่เกิดขึ้น แถมยังช่วยเหลือเราเสียด้วยซ้ำไป เพราะการรักษาของหมอจะต้องให้ยาทางเส้นเลือดครั้งละ ๒๐๐ ซี.ซี. ติดต่อกันช่วงห่างกันประมาณ ๔ ชั่วโมง ในช่วงดึกบางวันก็อ่อนเพลียหลับไปน้ำยาหมดขวด เขาก็มาสะกิดให้เราตื่น เพื่อเรียกพยาบาลเปลี่ยนยาให้ เป็นต้น ในช่วงที่รอหมอเข้ามาตรวจ พอดีมีพระอาจารย์มหาสุพิสิทธิ์ สำเภา ซึ่งอยู่วัดนาควัชรโสภณ(วัดช้าง) กำแพงเพชร เดินทางไปกับน้องชายเพื่อจะรับกลับ ก็เลยไปซื้ออาหารมาถวายเพลท่าน และถือโอกาสทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของห้องไปเลย
พอสามีหายป่วยเป็นปกติ ถึงวันครบรอบวันเกิด เลยชวนมาทำบุญที่วัดอัมพวัน ได้ถวายจตุปัจจัยแด่หลวงพ่อ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพราะดิฉันได้อธิษฐานไว้ว่า ไม่ต้องการเงินจากเขา ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป เลยต้องมาทำบุญทำกุศลตาม สัญญาใจ ดังกล่าว
--ความมหัศจรรย์ของการสวดพุทธคุณ
มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับครอบครัวของข้าพเจ้าหลังจากก้าวแรก ที่ข้าพเจ้าเดินเข้ามาในวัดอัมพวัน เป็นเวลาเกือบ ๔ ปี ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นสามีของข้าพเจ้ายังไม่ได้ย้ายมารับตำแหน่งผู้ช่วยนายสถานีลพบุรี ข้าพเจ้าและครอบครัวได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมวัดอัมพวัน โดยบังเอิญแต่ไม่ได้เจอหลวงพ่อ เพียงแต่ได้เดินชมรอบๆ วัด และไปเจอร้านหนังสือเห็นรูปหลวงพ่อจรัญ และหนังสือ สวดมนต์เล่มเล็กๆ เขียนไว้ว่า อานิสงส์ ของการสวดพระพุทธคุณ สามีของข้าพเจ้าก็หยิบติดมือมาประมาณ ๓-๔ เล่ม หลังจากนั้นสามีของข้าพเจ้าก็นำมาเปิดอ่านและปฏิบัติตามหนังสือก่อนนอน และตอนเช้าก่อนไปทำงานทุกวัน สำหรับข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงแต่รับรู้ว่าสามีของข้าพเจ้าบ่นพึมพำอะไรทุกๆ เช้า เป็นภาษาบาลี ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจ และต่อมาก็ได้มีโอกาส ไปวัดอัมพวัน อีกหลายๆ ครั้ง แต่ไม่เคยพบหลวงพ่อ เพียงแต่ได้ไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์ ในวัดอัมพวันเท่านั้น
หลังจากที่สามีของข้าพเจ้าสวดพาหุงมหากา พร้อมด้วยอิติปิโส เท่าอายุ บวกหนึ่ง มาตลอด เช้า-เย็น ตลอดระยะเวลาเกือบ ๒ ปี อานิสงส์ ของการสวดพาหุงมหากา ก็ดลบันดาล ให้สามีของข้าพเจ้าได้เลื่อนตำแหน่ง และย้ายที่ทำงานมาเป็นผู้ช่วยนายสถานีรถไฟ ลพบุรี หลังจากนั้นอีกไม่ถึงปี มีแต่ความเจริญในหน้าที่การงานเป็นที่รัก และไว้ใจของผู้บังคับบัญชา ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นระดับ ๗ ผ่านการพิจารณาเงินเดือน ขั้นครึ่ง และสิ่งที่ครอบครัวเราภูมิใจที่สุด คือ สามีของข้าพเจ้า ได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงานดีเด่น(ชมเชย) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเพราะอานิสงส์แห่งการสวดพระพุทธคุณพาหุงมหากา และเมตตาบารมี ของหลวงพ่อจรัญโดยแน่แท้ ที่ทำให้สามีของข้าพเจ้ามีแต่ความเจริญ ในหน้าที่การงาน ทำให้ข้าพเจ้า ซึ่งไม่เคยสวดมนต์เลย ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะต้องสวดพาหุงมหากาให้ได้
--กรรมฐานกับความมหัศจรรย์ทางจิต
เพื่อความกระจ่างเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ทางจิต ข้าพเจ้าขอเล่าย้อยหลังไปในช่วงกลางปี ๒๕๔๐ ในขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ประกอบกับทางธนาคารได้เร่งรัดหนี้สินตลอดเวลา โดยที่ ข้าพเจ้าไม่สามารถหาเงินชดใช้ได้เลย ทำให้เกิดอาการเคร่งเครียด หนทางเดียวคือ ต้องขายบ้านพร้อมที่ดินเพื่อปลดหนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาติดต่อขอซื้อ และเมื่อธนาคารทวงถามหนักขึ้น ก็ยิ่งรุ่มร้อนเป็นเงาตามตัว เมื่อถึงคราวคับขันอับจนปัญญาจึงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยได้หรือไม่ ข้าพเจ้าลองนั่งสมาธิ กำหนดจิตให้เป็นหนึ่งเดียวพร้อมกับภาวนาบทพุทธคุณในใจ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ กลับไปกลับมาหลายเที่ยวหลายจบ เมื่อใจจดจ่อยู่กับองค์ภาวนาทำให้สมาธิแนบแน่นิย่งขึ้นจนเวลาล่วงเลยไปโดยลำดับ และแล้วข้าพเจ้าก็ได้ประสบกับปรากฏการณ์ทางจิตเป็นครั้งแรก เริ่มจากกายที่ซ่าซ่านสั่นสะท้าน ขนลุกขนพอง และริมฝีปากที่สั่นระริก ต่อมาความรู้สึกกลับไปอยู่ท้ายทอย คล้ายกับว่าบริเวณนั้นถูกกระแทกด้วยของหนัก และถูกชอนไชด้วยของแหมลจนทะลุถึงสมองส่วนใน เจ็บแปลบและเสียวซ่านเป็นระยะ เปลือกตาที่ปิดลงเริ่มกระชับแน่น บัดนี้มีแต่ความมืดที่เงียบสนิท ขณะเดียวกันสมองก็ยังรับรู้ถึงอาการที่กำลังเปลี่ยนแปลง สติสัมปชัญญะก็ยังอยู่ครบถ้วนไม่สูญหายไปไหน ไม่นานนักบทพุทธคุณที่เป็นองค์ภาวนาในใจ ก็กลับกลายเป็นเสียงคนแก่เปล่งออกมา เสียงฟังดูกระท่อนกระแท่นแต่ก็สวดจนจบบท มาถึงตรงนี้ทุกอย่างสงบนิ่ง หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนข้างเคียงมาติดต่อขอซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ซึ่งข้าพเจ้าตกลงใจขายให้โดยไม่ลังเล ได้เงินจำนวนหนึ่งมาชดใช้หนี้ให้ธนาคารจนหมดสิ้น และมีเงินเหลือส่วนหนึ่งพอที่จะหาซื้อบ้านหลังใหม่ ถึงแม้จะมีขนาดเล็กลงก็ตาม
หลังจากนั้นมา ข้าพเจ้ายิ่งได้ใจเวลานั่งสมาธิคราวใด มักจะติดต่อสัมผัสทางจิตกับผู้มีพระคุณเหล่านั้นเสมอ แต่มาสำนึกได้ภายหลังว่า เป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง หากกระทำพร่ำเพรื่อหรือบ่อยครั้งเกินไปจะเป็นผลร้ายต่อตัวเองได้ เอาไว้เมื่อถึงคราวคับขันหรือจำเป็นจริง เท่านั้นจะดีกว่า จึงหยุดการกระทำดังกล่าวมาเป็นเวลานานพอสามควร และปรากฏการณ์ทางจิตที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ณ วัดอัมพวันแห่งนี้ โดยได้รับการสื่อสัมผัสทางจิตจากพระอริยะสงฆ์เจ้าถึงสองพระองค์ โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้คาดคิดหรือนึกฝันมาก่อนเลย ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ
คืนนั้นข้าพเจ้าพักผ่อนอย่างเป็นสุข จนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จัดแจงอาบน้ำแปรงฟันจนเรียบร้อย รอฟังเสียงเคาะระฆังเพื่อร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรม แต่ข้าพเจ้ายังมีใจจดจ่ออยู่กับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เหลือบดูนาฬิกาก็แค่ตีสองกว่าๆ รู้สึกง่วงเล็กน้อยจึงเอนกายลงนอน พร้อมกับกำหนดที่หน้าท้อง พอง-หนอ ยุบ-หนอ พอสติเริ่มขาดหายก็ตามกลับมาใหม่เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งมารู้สึกตื่นตัวเต็มที่เมื่อริมฝีปากเริ่มขยับเขยื้อน ปลายลิ้นม้วนตวัดเข้าหากันเป็นวงกลม มีเสียงเล็ดลอดออกมาฟังดูหวีดหวิว พอตั้งสติได้แล้วจึงกำหนดจิตถามไป ทราบว่าเป็นเปรตตนหนึ่งอิงแอบอาศัยอยู่ที่วัดอัมพวันแห่งนี้ ต้องตกระกำลำบากอดอยากมานาน จึงรีบแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลจากการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ให้เขาล่วงพ้นจากความทุกข์ได้ไปผุดไปเกิดเสียที และรับปากว่าอีก ๒-๓ วัน ข้างหน้าจะนำอาหารใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลตามไปให้อีกครั้ง เขารับรู้และดีใจอย่างมาก จากนั้นข้าพเจ้าก็ลุกจากที่นอน เปิดประตูออกมายืนที่ระเบียงชั้นสี่พลางกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณซึ่งมืดมิด เพื่อมองหาเขาแต่ไม่พบไม่เห็น
--กตเวทิตปูชา
เอ๊ะ! ทำไมหลวงพ่อเทศน์เหมือนรู้เรื่องของเราเลย หลวงพ่อรู้ได้ยังไง ประโยคเหล่านี้ฉันได้ ยินอยู่ตลอดเวลา และฉันก็มักจะตอบไปว่า อย่าสงสัยเลย หลวงพ่อ "รู้" ทุกอย่างนั่นแหละทำไมฉันถึงมั่นใจขนาดนั้น ก็เพราะฉันประสบด้วยตัวเองถึงความ รู้ ของหลวงพ่อ ต่อมาฉันได้นำคณะมาปฏิบัติธรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร (ทับแก้ว จ.นครปฐม ) อีก หลาวพ่อลงมาให้โอวาทตอนหนึ่งท่านพูดถึงการที่ภรรยามาปฎิบัติธรรมทำให้ สามีได้เป็นนายพล แล้วท่านชี้มาที่ฉันพร้อมกับบอกว่าเมื่อ ได้ยศตำแหน่งสูงขึ้นแล้วให้ระวังสุขภาพ ฉันก็พยายามดูแลตัวเองมาตลอดนับจากวันนั้น พอถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๔๒ ฉันก็ตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็งจนได้ โชคดีที่พบแต่แรกจึงทำให้รักษาได้ ทั้งนี้ด้วยบารมีของหลวงพ่อที่แผ่เมตตาช่วยฉันไว้ เพราะสุขภาพฉันทรุดมากจากการให้ยาเคมีบำบัด ฉันได้มากราบหลวงพ่อที่กุฏิ ด้วยความอยากให้หลวงพ่อพูดถึงสุขภาพ (ที่กำลังย่ำแย่จากการให้เคมีบำบัด) ว่าจะหายหรือไม่เพียงใด พอขาดความคิดของฉัน หลวงพ่อหับขวับมาทางฉัน และบอกว่าเคยมีคนที่ป่วยเป็นหูน้ำหนวกหนองไหลเยิ้มมานานหลายปีมาหาหลวงพ่อ ท่านแนะให้ สวดพาหุงมหากาฯ เขาก็หายได้ และมีตัวอย่างคนที่ป่วยและหายด้วยการสวดมนต์นี้อีก ๒ - ๓ ราย นั่นก็คือ คำตอบที่ฉันได้รับ และแน่ละฉันก็ต้องกลับมาสวดมนต์ตามที่หลวงพ่อบอกทุกประการ หาก "จิต" ของเรามีความรักเคารพและศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อจะรับการสื่อสารนั้นได้แน่นอน เพราะหลวงพ่อเคยสอนว่า ถ้าจิตของคนมีกระแสคลื่นเดียวกันก็รับกันได้เหมือนเราเปิดทีวีช่องใคก็จะรับข่าวสารทางช่องนั้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราเปิดช่องเดียวกันหรือไม่ เท่านั้น
Create Date : 25 สิงหาคม 2554 |
|
33 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2560 17:10:04 น. |
Counter : 5010 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:35:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:37:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:39:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:41:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:41:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:44:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:45:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:47:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:49:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:49:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:51:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:52:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:53:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:54:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:55:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:56:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:57:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:58:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 12:59:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:01:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:01:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:04:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:05:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:07:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:08:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:10:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:10:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:12:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:12:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:14:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:15:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:15:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนเวอร์แลนด์ (เนเวอร์แลนด์ ) 25 สิงหาคม 2554 13:16:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
--เราได้อะไรจากกรรมฐาน
นับตั้งแต่เริ่มเข้าปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เวลาที่ยาวนานถึง ๗ วัน สำหรับคนที่ไม่เคยทนปัญหาใดๆเลย แถมมีแต่ความเจ้าอารมณ์เป็นเจ้าเรือนนั้น บอกตรงๆว่าเป็นความทรมานอย่างเหลือเกิน ร่ำๆจะหิ้วกระเป๋ากลับตั้งแต่วันที่สองแล้ว ไหนจะแปลกที่และต้องนอนกับคนแปลกหน้า ทำให้นอนไม่หลับ ไหนจะต้องนอนกับพื้นกระดารนที่กระด้าง ปราศจากฟูกนิ่มที่เคยนอน แล้วยังต้องรีบตื่นตี ๒ เพื่อเข้าห้องน้ำก่อนคนอื่น ล้วนแต่ทำให้เกิดความท้อถอยทั้งสิ้น หากไม่คิดสักนิดว่าต้องเป็นคนเสียสัจจะ ฉันก็คงเลิกล้มความคิดที่จะอยู่ให้ครบ ๗ วัน และคงไม่มีวัน
นี้ วันที่ฉันโชคดีได้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ผู้ซึ่งเมตตาช่วยต่ออายุฉันได้มีชีวิตยืนยาวเพื่อตอบแทนบุญคุณหลวงพ่อ และรับใช้พระพุทธศาสนาจนทุกวันนี้
ก่อนจะพูดว่าฉันได้อะไรจากกรรมฐาน คงต้องเท้าความถึงภูมิหลังกันสักนิด ฉันเป็นลูกทหาร เกิดและเติบโตในค่ายทหาร ถูกปลูกฝังในเรื่องระเบียบวินัยมาตั้งแต่เป็นเด็ก ทำงานในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ๑ ปี จึงย้ายมาอยู่ที่ค่ายภาณุรังษีราชบุรี การทำงานมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ต้องอาศัยการตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงต้องมีความมั่นใจสูงมาก จากบุคลิกที่ถูกหล่อหลอมมาให้มีความมั่นใจในตัวเองสูงขนาดนี้ เมื่อต้องทำหน้าที่ผู้อำนวยการถึง ๒ สมัย ก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจตัวเองสูงขึ้น จนเกือบเรียกว่าเผด็จการเลยทีเดียว
แม้ว่าฉันจะเป็นคนเจ้าระเบียบและเข้มงวดมาก จนกลายเป็นคนดุในสายตาคนอื่น แต่คนที่รู้จักฉันลึกซึ้งจะรู้ว่าแท้จริงฉันเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร ฉันอยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ มีระเบียบวินัย รู้จักเห็นอกเห็นใจกัน โดยที่ฉันไม่ต้องมาจ้ำจี้จ้ำไช เมื่อไรที่ฉันต้องตำหนิหรือลงโทษใครสักคน ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจมาก
วาระที่ต้องใช้หนี้กรรม มีการส่งแพทย์มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ฉันเป็นหัวหน้าแผนกที่อาวุโสสูงมาก เป็นรองก็เพียงผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ฉันถูกตำหนิต่อหน้าที่ประชุมทุกวัน และเรื่องที่ถูกตำหนิมิใช่ความบกพร่องในเรื่องของงานเลย เป็นเพียงการพูดจากระทบกระแทก ฉันก็รู้สึกว่า เพราะสิ่งที่เรียกว่า กรรม นั่นเองคือตัวกำหนด เริ่มท้อว่าเมื่อไรจะหมดกรรมเสียที จนกระทั่งได้นำคณะมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน นับตั้งแต่ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน บุคคลในครอบครัว รวมถึงสภาวะจิตใจ และอารมณ์ของฉัน
เรื่องของยศและตำแหน่งการงาน ตัวฉันและสามีได้รับยศพระราชทานสูงขึ้นในปลายปี ๒๕๔๑ หลังจากที่ไม่เคยมีการขยับเขยื้อนนับสิบปี ฉันได้ย้ายที่ทำงานไปยังหน่วยใหม่ที่มีความสุขทั้งกายและใจ ได้ทำงานที่ฉันรัก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเขม่น ไม่มีการอิจฉาริษยา และฉันมีโอกาสได้ ๒ ขั้น
ในส่วนของอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการฝึกปฏิบัติ วันแรกที่ฉันได้ฝึกนั่งสมาธิ แค่เพียงยกขาขวาขึ้นวางทับขาซ้าย ฉันก็ปวดแทบขาดใจแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปฉันเริ่มอดทนได้มากขึ้น ความเจ็บปวดทรมานยังคงอยู่ แต่จิตใจที่ดิ้นรนกระวนกระวายกลับน้อยลง ความสงบและเบาสบายเริ่มเข้าแทนที่ ยิ่งปฏิบัติต่อเนื่องกัน ฉันเริ่มมองเห็นตัวเองมากขึ้น ฉันมองเห็นกรรมที่เคยทำจากการเบียดเบียนสัตว์อื่น แล้วฉันต้องมารับกรรมโดยถูกผู้อื่นเบียดเบียนบ้าง ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเอง ฉันเริ่มใช้สติที่ฝึกมาให้เกิดประโยชน์ พยายามหาเหตุผลในเรื่องต่างๆและพยายามไม่หงุดหงิด อดทน และอภัยในความผิดพลาดของคนอื่นได้มากขึ้น
ด้านสุขภาพนั้น ฉันได้รับผลกระทบที่เลวร้ายจากการสะสมความเครียดในการทำงานมานานนับสิบปีความคับข้องใจที่เกิดจากความบีบคั้นของผู้บังคับบัญชาที่หาเรื่องตำหนิรายวันและผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไร้ระเบียบวินัย ทำให้ป่วยเป็นมะเร็งที่ไต จนต้องตัดทิ้งไปข้างหนึ่ง และถูกตัดเนื้อปอดส่วนที่เป็นมะเร็งออกอีกเล็กน้อย โชคดีที่ฉันได้ฝึกกรรมฐานจากวัดอัมพวันมาล่วงหน้า ๒ ปี จึงทำให้ฉัน ปลง ทำใจได้เร็วกว่าปกติ
ฉันใช้การเดินจงกรม การนั่งกรรมฐาน เป็นเครื่องมือของจิตมาควบคุมกาย ให้ต่อสู้กับความอ่อนเพลียจากการใช้ยาเคมีบำบัดต่อสู้กับอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว และที่สำคัญต่อสู้กับความกลัวตาย ที่แฝงอยู่ในจิตใจของฉันตลอดเวลา
ยามใดที่จิตตกและเกิดความกลัวขึ้นมา คำพูดที่หลวงพ่อปลอบฉันให้สวดมนต์ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลและนั่งกรรมฐานนั้น ก้องอยู่ในหู ฉันจะเกิดความแข็งแกร่งขึ้นในจิตใจ จนเอาชนะความกลัวนั้นได้
ฉันได้พบสัจธรรมอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดที่เรากลัวจนถึงที่สุดเราจะเลิกกลัวทันที การทำกรรมฐานก็เช่นกัน หลวงพ่อบอกว่าเมื่อใดก็ตามที่เวทนามันถึงที่สุด เราสามารถผ่านห้วงเวลานั้นมาได้ เราก็จะอยู่เหนือเวทนา คืออดทน
เวลานี้สุขภาพฉันดีขึ้นมาก เรียกได้ว่าหายแล้ว แต่ต้องไม่ประมาท ฉันต้องดูแลภาวะร่างกายและจิตใจให้สมดุล ต้องไม่เครียด ไม่สะสมความโกรธข้ามวัน ที่จำเป็นที่สุด คือต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และกังวลกับอนาคตเพราะยังมาไม่ถึง หลวงพ่อใช้คำว่า อย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย แน่ละมันเป็นเพียงแค่เงา เราจะไขว่ขว้ามันได้อย่างไร
สำหรับคนรอบข้าง อันประกอบด้วย แม่ น้อง สามี และหลานๆ ก็ได้รับอนิสงส์จากการปฏิบัติของฉันโดยทั่วหน้า ทุกคนจะวู่วามน้อยลง ใส่ใจที่จะสวดมนต์ไหว้พระและทำบุญสุนทาน จากการที่เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของฉัน ทั้งสุขภาพและอารมณ์ ทำให้เขาเกิดความศรัทธาต่อการปฏิบัติกรรมฐานและองค์หลวงพ่อ ที่เห็นชัดเจนคือแม่ที่อารมณ์ดีขึ้น ปล่อยวางปัญหาต่างๆได้มาก ฉันภูมิใจมาก เพราะหลวงพ่อสอนว่า การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ที่ได้อานิสงส์สูงสุด คือการชักจูงให้ท่านเข้าหาธรรมะ อย่างน้อยฉันก็ได้ตอบแทนคุณของพ่อ-แม่เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากส่งเสียเลี้ยงดูตามปกติ
เมื่อก่อนฉันคิดว่าอะไรดีและถูกต้อง ฉันก็จะพูดและทำทันที เมื่อผ่านการปฏิบัติมานานหลายปี ฉันรู้จักไตร่ตรองและรอช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนจึงจะพูดหรือทำ และถ้าคำพูดนั้นฉันรู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด ฉันจะไม่พูดเลย บอกตรงๆว่าฉันกลัวบาป ลำพังพยายามละความชั่วสร้างความดี ยังรับผลความเป็นทุกข์ขนาดนี้ ถ้ายังขืนสร้างแต่ความชั่วจะมีอะไรหรือ
ทุกวันนี้ฉันไถ่โทษให้กับตัวเอง ด้วยการทำบุญสร้างความดีตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ทำงานหนักเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดินที่ได้อยู่อาศัย ให้งานทำจนมีกินมีใช้ไม่อดอยาก และตอบแทนบุญคุณของพุทธศาสนาที่มีคำสอนขององค์พระศาสดา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทำให้ใจฉันไม่ต้องว้าเหว่เดียวดาย ฉันพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าแม้จุดหมายปลายทางจะมองไม่เห็น ฉันก็เชื่อแน่ว่าได้ก้าวมาถูกทางแล้ว
ตลอดระยะเวลา ๖ ปี ที่ผ่านมา ฉันได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อมากมาย จนเกินกว่าจะบรรยายได้หมด
และคงมิใช่เพียงฉันคนเดียวที่ได้รับ ลูกศิษย์ทุกคนก็รู้ดีว่าต่างก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อทั้งสิ้น ต่างกันแต่รูปแบบเท่านั้น นั่นย่อมแล้วแต่กรรมของแต่ละคนที่มีร่วมกับหลวงพ่อในต่างชาติต่างภพ ฉันเคยภูมิใจว่าฉันเก่ง ฉันดี ที่ได้มีโอกาสทำงานให้หลวงพ่อ ที่ศูนย์เวฬุวัน ฉันก็ยังนึกว่าหลวงพ่อไว้ใจให้มาช่วยทำงาน แท้ที่จริงหลวงพ่อกรุณาชี่ทางให้ฉันได้มาชดใช้หนี้ กรรม ต่างหาก ลำพังความรู้ที่ฉันมี ไม่เพียงพอที่จะเห็นกรรมของตัวเองได้ ฉะนั้นที่ฉันเดินทางมาไกลถึงขอนแก่นทุกวันนี้ ก็เพื่อจะได้ร่นระยะทางแห่งการใช้หนี้กรรมให้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นคงจะยาวนานไปอีกไม่รู้จะกี่ชาติภพ
ความเกี่ยวข้องที่ฉันมีต่อหลวงพ่อและกัลยาณมิตรทั้งหลายที่ได้มาร่วมสุขร่วมทุกข์ในภารกิจที่รับใช้หลวงพ่อนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของหนี้ กรรม ที่เคยทำร่วมกันมา เรามาพบกันเพื่อใช้หนี้ หมดหนี้เราก็ต้องจากกัน เหมือนที่หลวงพ่อเคยพูดเสมอว่า เราพบกันเพื่อรอเวลาจาก
--เหตุการณ์ในต่างแดน
ข้าพเจ้าอยู่ประเทศฝรั่งเศสกับสามีชาวสวิส บ้านอยู่ห่างจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประสบเหตุน้ำท่วมเมื่อวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2546 ดิฉันเป็นช่างตัดเสื้อและเคยมีร้านผ้าไหมเพื่อนคนไทยของดิฉันจะไปงานแต่งงาน ดิฉันรับปากจะตัดชุดให้ลูกสาวทั้งสองของเธอฟรี เย็นวันนั้นข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ให้เพื่อนและลูกมาลองชุด เขาก็มาตามนัด วันนั้นเป็นวันที่มีอากาศดีมากและมี่คิดว่าจะมีพายุฝน แต่มีลมพัดแรง ลูกเห็บตก เพียงไม่กี่นาที น้ำไม่ทราบหลากมาจากไหน เพียงไม่กี่นาทีน้ำท่วม ดิฉันลงไปเก็บของที่ห้องใต้ดินซึ่งเป็นห้องทำงานเย็บผ้า ดิฉันได้ปิดประตูทุกห้อง น้ำได้เข้ามาแล้ว ไม่ถึง 10 นาที ดิฉันเห็นน้ำซึมเข้ามาในประตู ดิฉันพยายามเปิดประตู แต่เปิดไม่ออกเพราะแรงของน้ำดันไว้ เพื่อนและดิฉันช่วยกันดันประตูออกได้ประมาณคืบกว่า ๆ สามารถตะแคงตัวออกมาได้ น้ำท่วมสูงกว่า 1.20 เมตร โชคดีที่ได้เพื่อนช่วย และต้องขอบคุณกรรมฐานที่ทำให้มีสติ ไม่ตกใจ รีบปิดสวิทซ์ไฟเพราะระดับน้ำเกือบถึงสวิทซ์ไฟแล้ว ไม่อย่างนั้นดิฉันและเพื่อนคงตาย
หลังจากนั้นดิฉันวิ่งขึ้นชั้นบน เข้าห้องพระกล่าวคำว่า หลวงพ่อช่วยลูกด้วย ไม่ขาดคำฝนก็หยุดตกเหมือนปาฏิหาริย์ ดิฉันเชื่อว่าเป็นบารมีของหลวงพ่อช่วยชีวิตดิฉันและเพื่อน
ในหมู่บ้านที่ดิฉันอยู่มีทั้งหมด 500 หลังคาเรือน โชคดีไม่มีใครเสียชีวิต บ้านของดิฉันชั้นล่างน้ำท่วม 2 วัน รถยนต์เสียไป 1 คัน และของใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เสียหาย สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเท่ากับดิฉันและเพื่อนรอดชีวิตมาได้ คำที่หลวงพ่อจรัญพูดไว้ว่า ผู้ให้คือผู้รับ เป็นจริงเสมอ
หลังจากเหตุอุทกภัยผ่านไป 3 วัน ดิฉันได้นิมิตเห็นพระอริยะและเสด็จแม่กวนอิม ได้มาโปรดและยกมือประทานพรให้ดิฉัน ท่านนุ่งห่มชุสีขาว มีรัศมีรอบตัว แสงประกายเหมือนสีรุ้ง ดิฉันได้กล่าวคำว่า อหัง วันทา มิ
ดิฉันเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมาเกือบ 10 ปี และไม่เคยทิ้งกรรมฐาน ชีวิตของดิฉันดีขึ้นทุกวันนี้เพราะพระเดชกระคุณหลวงพ่อได้เมตตาอย่างหาที่เปรียบมิได้ ลูกขอกราบบูชาเหนือเศียรเกล้า อหัง วันทา มิ
--แสงธรรมนำชีวิตรุ่งเรือง
ข้าพเจ้าอายุ 38 ปี เป็นเจ้าของโรงงานเย็บกางเกงยีนส์ยี่ห้อมหายีนส์ ขายทั้งปลีกและส่ง ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ กำลังจะเริ่มขยายกิจการเพิ่มสาขาและโรงงาน ก่อนจะมาพบแสงธรรมนำชีวิตจากหลวงพ่อ ข้าพเจ้าก็เป็นเด็กมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หาเงินได้แค่วันละไม่กี่บาท เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ามีรายได้ถึง 400,000 บาท ภายในวันเดียว
ตอนเด็กข้าพเจ้าลำบากมาก พ่อแม่มีลูก 8 คน ข้าพเจ้าต้องช่วยพ่อแม่ทำนาตั้งแต่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่ออายุ 14-15 ปี เห็นคนอื่นเขามีอาหารดีๆรับประทาน มีเสื้อผ้าใหม่ๆใส่ นึกถึงตัวเองแล้วน้ำตาไหลเพราะไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ผิดกับลูกป้าน้าอา เขาค้าขายฐานะดีมีรถใช้ เมื่อข้าพเจ้าว่างจากการทำนาก็จะไปช่วยเขาชำแหละกล้วยบ้าง นำกล้วยไข่ล่องไปขายถึงสิงห์บุรี อ่างทอง และกรุงเทพฯ เขาก็ซื้อบุหรี่ให้สูบ ซื้อเหล้าให้ดื่ม ค่าแรงได้บ้างไม่ได้บ้าง ใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไม่มีแก่นสารอะไร แต่ด้วยยังหวังความก้าวหน้า จึงไปสมัครเรียนการศึกษานอกโรงเรียนที่จังหวัดกำแพงเพชร ยังไม่ทันสอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาก็ต้องหยุดเรียนเพราะไม่มีเงิน แล้วตามแม่ไปอยู่กับป้าที่แม่สอด ข้าพเจ้ากับเพื่อนช่วยป้าเผาถ่าน ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงมาก ต้องใช้ความอดทนสูง ข้าพเจ้าเคยพลาดตกลงไปในเตาครั้งหนึ่ง จึงตัดสินใจออกจากบ้านป้า ขณะนั้นมีญาติคือลูกป้าเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เขากำลังขาดคนพอดีจึงไปอยู่กับเขา แต่เพราะความรู้น้อยและยังอ่อนประสบการณ์ เขาจึงไม่ไว้ใจให้เป็นคนขาย แต่เขามีมอเตอร์ไซค์อยู่หลายคันจึงให้ข้าพเจ้าขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้เวลาปีกว่าจึงชำนาญทางในกรุงเทพฯ พอย่างเข้าปีที่สอง หัวหน้าวินเขาไม่พอใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนต่างจังหวัดมาแย่งอาชีพเขา เขาคอยหาเรื่องอยู่บ่อยๆ ข้าพเจ้าไม่อยากมีเรื่องกับใคร จึงบอกเถ้าแก่ลูกป้าว่าขอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ไปทำนาอย่างเดิม
ข้าพเจ้าเข้ากรุงเทพฯอีกครั้ง พอดีช่วงนั้นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของลูกป้ากำลังขายดีมาก เขาเลยให้ข้าพเจ้าขายกางเกงยีนส์ ให้ค่าแรงวันละ 50 บาท ขายตั้งแต่เช้าถึงตีสอง ลำบากมาก จนเขาไว้ใจให้ข้าพเจ้าขายโดยให้เปอร์เซ็นต์ ข้าพเจ้าจึงเริ่มขายเป็น ตระเวนขายเรื่อยๆไปทุกจังหวัด ขายอยู่หลายปีไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยก็กลับต่งาจังหวัดอีก มีเงินเหลือไปนิดหน่อย พอเงินหมดก็กลับมาขายอีก ทำเช่นนี้อยู่หลายปี ตอนนั้นข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์บ้างแล้วแต่ยังไม่ถูกต้อง ป้าสอนให้สวดชินบัญชร พอพบหลวงพ่อ ท่านสอนว่าจะสวดคาถาอะไรก็ได้ แต่อย่าข้ามพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
ข้าพเจ้าไปทำงานขายผ้าอยู่กับน้องสาวแท้ๆ ซึ่งเคยเป็นช่างตัดผ้าในโรงงานมาก่อน แล้วแยกมาทำกิจการส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดนครสววรค์ ทำอยู่หลายปีก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา พอกินพอใช้ไปวันๆ
ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงพ่อเมื่อปี 2534 และได้ทราบคำสอนของท่านจากหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อ ซึ่งถ้านำมาปฏิบัติแล้วจะสามารถแก้กรรมได้ ข้าพเจ้าจึงเริ่มสวดมนต์บทอิติปิโส และพาหุงมหากา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ตามที่หลวงพ่อสอนให้สวดทุกวัน แล้วเริ่มมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน สวดมนต์ทุกเช้าค่ำ เริ่มมีสติปัญญาขึ้นมาเรื่อยๆ แก้ปัญหาชีวิตได้ พึ่งตนเองได้ สอนตัวเองได้ จากนั้นชีวิตของข้าพเจ้าก็เริ่มดีขึ้น จากที่ใจร้อนก็ใจเย็นลง ตอนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ภรรยากับข้าพเจ้าพูดดีกันก็ไม่กี่คำ เดี๋ยวก็ด่าทะเลาะกัน หาความสุขไม่ได้เลย พอเข้าไปกราบหลวงพ่อท่านมองหน้าภรรยาผม แล้วก็สอนว่า สามีภรรยาอย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวเงินหนีหมด ภรรยาข้าพเจ้าตกใจ หลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ทำอะไรผิดหลวงพ่อรู้หมดทุกเรื่อง
หลวงพ่อให้คำกลอนสอนว่า พูดดีเข้าใจง่าย พูดร้ายเข้าใจยาก เขาร้ายมาอย่าร้ายตอบ เขาไม่ดีมาจงเอาความดีไปแก้ไข คนตระหนี่ให้ของที่ต้องการ คนพูดเหลวไหลเอาความจริงใจไปสนทนา ทานสูงสุดคือการให้อภัยกัน ใจเย็นเหมือนน้ำแข็งจะลอยเหนือน้ำได้ ใจร้อนเหมือนไฟเผาบ้านเรือนไหม้หมด คนใจร้อนหายใจสั้น จะทำอะไรเสียหมด ขาดเหตุผล
ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้ากับภรรยาก็ไม่ทะเลาะกันอีกเลย คิดถึงคำหลวงพ่อที่ว่า เรารักเขา เขาก็รักเรา เราเกลียดเขา เขาก็เกลียดเรา เราอยากให้เขาเมตตาเรา เราต้องมีเมตตาเขาก่อน อยากให้เขาช่วยเรา เราต้องช่วยเขาก่อน
วิธี หลวงพ่อสอนว่าเหมือนปลูกมะม่วง ไม่ใช่ปลูกแล้วจะได้กินผลเลย ต้องรอเวลา
ข้าพเจ้ากลับจากวัดแล้วก็ทำเป็นกิจวัตรทุกวัน วันไหนเวลาน้อยก็เดินจงกรม 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที ข้อสำคัญเดินนั่งต้องให้เวลาเท่ากันจึงจะได้ผล จากนั้นมา ชีวิตของข้าพเจ้าก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ข้าพเจ้าผ่อนรถปิคอัพได้คันหนึ่ง ทำให้สามารถมาวัดอัมพวันได้บ่อยขึ้นและพาแม่พี่น้องมาปฏิบัติธรรม น้องชายที่กินเหล้าเที่ยวเตร่ก็มาบวชเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ พอสึกไปแล้วกลับเป็นคนดี ตอนนี้ทำงานเป็นผู้จัดการมีลูกน้องเป็นร้อยคน พี่ชายข้าพเจ้าที่เคยผ่อนส่งรถหลายคันแต่ถูกยึดหมด ข้าพเจ้านำคำสอนหลวงพ่อไปแนะนำให้เขาฟังบ่อยๆว่า คนเราจะทำบุญให้ได้ต้องละบาป ถ้าละความชั่วไม่ได้ รวยไม่ได้ ดีไม่ได้ จนกระทั่งเขาเชื่อและมาปฏิบัติธรรม 3 วันบ้าง 7 วันบ้าง สองสามครั้ง กลับไปแล้วดีขึ้นกว่าเดิมมาก ผ่อนส่งรถไม่ถูกยึดเหมือนแต่ก่อน
ต่อมาข้าพเจ้าก็ซื้อบ้าน เป็นบ้านไม้สักทองสองชั้น ทั้งๆที่อยู่ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี กิจการของข้าพเจ้าไม่ตก
ปี 45-46 ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ รถเละหมดแต่ข้าพเจ้าไม่เป็นอะไรเลย รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
การได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อบ่อยๆ เป็นผลดีต่อชีวิตมาก ข้าพเจ้าเลิกดื่มเหล้า เลิกเที่ยว แต่ยังคงเล่นหวยอยู่ พอมาถึงวัดหลวงพ่อก็เทศน์เรื่องหวยพอดี เหมือนท่านทราบ ข้าพเจ้าจึงเลิกเล่นหวยตั้งแต่บัดนั้นมา
สมัยที่ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างขายผ้า ขายได้เท่าไรก็ไม่รวยสักที ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันจึงระลึกได้ว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ข้าพเจ้าเคยขโมยเงินญาติคนหนึ่งประมาณ 300-400 บาท ข้าพเจ้าจึงนำเงินไปคืนจำนวน 1,500 บาท โดยที่เขาไม่ทราบมาก่อนเลย ท่านเจ้าของเงินท่านก็อโหสิกรรมให้ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าไปขายของที่ไหนของไม่หายอีกเลย ขายดีมาเรื่อยๆ
เวลามาปฏิบัติที่วัดอัมพวัน ข้าพเจ้าจะล้างชามกับล้างห้องน้ำเป็นประจำ ถ้ามีเวลาว่างก็กวาดลานวัด หน้าโบสถ์บ้าง หน้าศาลหลวงพ่อโตบ้าง เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน เมื่ออยู่ครบ 7 วันแล้ว ข้าพเจ้าจะชวนผู้ปฏิบัติทั้งชายและหญิงขัดห้องน้ำห้องส้วม เคยชวนได้ถึง 17 คน ช่วยกันล้างทั้งวัดประมาณ 300 ห้อง
คุณแม่ใหญ่ท่านแนะนำข้าพเจ้าว่า ถ้าปฏิบัติกรรมฐานเป็นประจำแล้ว วันไหนไม่ปฏิบัติจะเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ถึงเวลาแล้วต้องนั่งสมาธิ นั่นแหละจึงจะได้ผล ดังนั้นควรจะปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะไปขายหรือส่งของดึกขนาดไหน ข้าพเจ้ากลับมาก็ต้องเข้าห้องพระก่อน เพื่อปฏิบัติธรรมเจริญกุศลและภาวนาต่อเนื่องเสมอต้นเสมอปลาย
หลวงพ่อเคยอสอนว่า อุปสรรคในการปฏิบัติมีอยู่ 2 อย่างคือ
1. ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้ผลจึงเลิกเสีย
2. ปฏิบัติธรรมแล้วร่ำรวยเจริญก้าวหน้าแล้วไม่มีเวลาปฏิบัติต่อเนื่อง เลิกไปเลย
หลวงพ่อเคยเตือนลูกศิษย์ของท่านเสมอว่า ถ้าปฏิบัติไม่ต่อเนื่องลุ่มๆดอนๆ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย
หลวงพ่อบอกว่า ให้หมั่นจำหมั่นจด สิ่งใดให้งด ให้หมั่นจดหมั่นจำ เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง ไม่เรียนหรือจะรู้ ไม่ดูหรือจะเห็น ไม่ทำหรือจะเป็น จะย่ำแย่จนแก่ตาย เมื่อก่อนข้าพเจ้าไม่เคยจดเลย ขายได้เท่าไรก็ไม่จด รายจ่ายเท่าไรก็ไม่รู้ ขาดทุนหรือกำไรเราก็ไม่รู้
เมื่อ พ.ศ.2541-2542 ปีนั้นตรงกับงานนเรศวรมหาราชพอดี ข้าพเจ้าฝันไปว่าหลวงพ่อบอกว่า ถ้าหลวงพ่อไม่ขอยมทูตหรือยมบาลไว้ ปิยวัฒน์ตายแน่ พอวันรุ่งขึ้นผมไปวัดอัมพวันไปเจอแม่ใหญ่ แม่สุ่ม ทองยิ่ง บอกข้าพเจ้าว่าปี 45-46 ให้มานั่งกรรมฐานเพราะดวงไม่ดี
พ.ศ.2546 ข้าพเจ้าพาลูกน้องไปขายในงานพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ พอหมดงานข้าพเจ้าก็กลับบ้านประมาณตี 4 ตี 5 ข้าพเจ้าให้หลานซึ่งเป็นลูกของพี่ชายขับรถกลับ เขาหลับในรถข้าพเจ้าพุ่งลงข้างทางในเขตจังหวัดพิษณุโลก รถพลิกคว่ำหลายตลบ กางเกงที่บรรทุกมาตกกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วข้างถนน ข้าพเจ้าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นึกถึงคำที่หลวงพ่อบอกในนิมิตว่า ถ้าหลวงพ่อไม่ขอยมบาลไว้ ปิยวัฒน์ ตายแน่ รถข้าพเจ้าใช้ไม่ได้เลยต้องขายเป็นเศษเหล็กไป แต่คนไม่เป็นอะไรเลย นอกจากถลอกเลือดออก ไม่กี่วันก็หาย ข้าพเจ้าได้สอนให้ลูกน้องสวดมนต์กันทุกคน
นี่เป็นเรื่องราวชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อยืนยันผลการปฏิบัติธรรมตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าศรัทธา เคารพสูงสุด