Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
2 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
ฮิตเล่อร์กับมนุษย์ต่างดาว







What WW III might look like, Nazis and UFOs.m4v

เขาเล่ากันมาว่าฮิตเล่อร์มีเพื่อนเป็นมนุษย์ต่างดาว เขาอาจบอกวิทยการความรู้ให้ฮิตเล่อร์

Nazis and UFOs

https://www.youtube.com/watch?v=tXpbhxNQOPk






-ฮิตเล่อร์จะทำอาณาจักรไรท์ที่ 3 เพื่อครองโลก
-ชาวบ้านพบจานบินตกที่ไฟล์เบริก กองทัพฮิตเล่อร์ยึดเอาจานบินและซากมนุษย์ต่างดาวไป เอาไปพัฒนาวิทยาการ
-วิมานตามคัมภีร์ของอินเดีย นักวิทยาศาตร์เยรมันแปลได้อาจเอามาสร้างเทคโนโลยีออกแบบจานบิน
-เครื่องหมายสวัสดิกะพบในอินเดียโบราณ อียิปต์ อิหร่าน อเมริกา เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกในตำนานทั่วโลก มีอำนาจพิเศษ สัญลักษณ์วิเศษ มนุษย์ต่างดาวมอบให้คนโบราณ ขับไล่ศัตรู ชนะสิ่งชั่วร้าย ได้พลังอำนาจเหนือกว่าผุ้อื่น
-ฮิตเล่อร์หลงใหลนิยายปรับปราโบราณและศาตร์ลึกลับ
-องค์กรรีริว ได้มาจากหนังสือบรรยายชาติพันธ์เหนือกว่าและพลังลึกลับโบราณเก็บและควบคุมได้ เอามาใช้กับจานบิน มนุษย์ต่างดาว อาราบาราจากนอกโลก เผ่าอารยันสืบเชื้อสายจากมนุษย์จากมนุษย์ต่างดาว เขาจึงตั้งกองทัพอารยัน เสาะหาคัมภีร์ของโบราณจากทั่วโลก เช่น หีบพันธะสัญญา ทำให้คนตายได้ นำคนร่างทรงเชื่อว่าติดต่อนอกโลกได้มาคิดค้นวิทยาการ




สารคดี มนุษย์ต่างดาวมีจริง

ตอนที่ 1

https://www.youtube.com/watch?v=FCnh3XekDWM






ชาวเยรมันทำจานบิน ดร.ฮามาร์น ไอเบร์ก หลุดปากเราได้ความช่วยเหลือจากโลกอื่น นักเคมีชาวเยรมันค้นพบการแยกปรมาณูโดยบังเอิญ เป็นพื้นฐานนิวเคลียร์ อัลเบร์ต ไอสไตล์ เตือนประธานาธิบดีถึงภัยนิวเคลียร์ นิวเคลียร์ลุกแรกอาจเคยเกิดขึ้นนานแล้ว เช่น ประเทสอินเดีย เรียกว่า ปรมันอาจเป็นปรมาณู เทพฮินดูผิวสีน้ำเงินอาจเคยเป็นมนุษย์ต่างดาว ยักษ์ก็คือมนุษย์ต่างดาว

-ที่โปแลนด์ เฮนต์ ทำเป็นฐานลับทำโครงการไรท์ที่ 3 เดอะเบล อาจเป็นเครื่องข้ามเวลา เวลาช้าลงได้ถ้าเราคลื่นที่เร็วมากๆ คนทำบางคนหายสาปสูญ อาจไปมิติข้ามเวลานอกดลก บางคนฆ่าตัวตาย เพื่อปิดความลับการทำ บางคนก็อาจมนุษย์ต่างดาวขับยานมารับช่วยไปจึงหายสาปสูญไปอยู่ดาวอื่น นาซีพ่ายแพ้สมาชิคผู้นำหายสาบสูญ

-การทำปรมาณูอเมริกาอาจทำได้จากอ่านคัมภีร์อินเดียโบราณ นักวิทยาศาตร์ วิศวะ เยรมันถูกจับไปอเมริกา โอเปอเรชั่น เปเปอร์คลับ เอาไปทำงาน ดร.เวนัน วอลปราน เป็นหัวหน้าทำจรวดเป็นผู้หนึ่งก่อตั้งนาซ่า เขาได้ความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาว

ตอน 2


//www.4shared.com/video/Bh57EN8Pba/___2.html




Nazi UFOs

“จานบิน” ที่ใช้ทิ้งระเบิดในลอนดอนและนิวยอร์ก ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้มีคำยืนยันออกมาว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์เคยออกแบบอากาศยานที่มีรูปร่างคล้าย “จานบิน” และสามารถพัฒนาถึงขั้นสร้าง “ต้นแบบ” ที่ใช้บินได้จริงมาแล้ว

รายงานจากนิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ พีเอ็ม ของเยอรมนี ระบุว่า โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของ ฮานส์ แคมม์เลอร์ และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทดลองต้านแรงโน้มถ่วงของโลก

รายงานดังกล่าวอ้างคำบอกเล่าของพยานซึ่งเชื่อว่าตนเคยเห็น “จานบิน” ที่มีสัญลักษณ์กางเขนเหล็กของกางทัพนาซี บินในระดับต่ำเหนือแม่น้ำเทมส์เมื่อปี 1944

ในช่วงเวลาเดียวกัน นิวยอร์ก ไทม์ส เคยลงบทความเกี่ยวกับ “จานบินปริศนา” และลงภาพถ่ายวัตถุดังกล่าวขณะบินผ่านตึกระฟ้าในนครนิวยอร์กด้วยความเร็วสูง

พีเอ็ม ระบุว่า กองทัพนาซีทำลายบันทึกการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ในปี 1960 ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอในแคนาดาได้ทดลองสร้างวัตถุดังกล่าวขึ้นใหม่ และพบว่ามันสามารถ “บินได้จริง”

ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก


//allmysteryworld.blogspot.com/2011/11/ufo-nazi.html#ixzz3QTKbVkCq


https://www.youtube.com/watch?v=rHl4iQBdcrU





การค้นพบหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาว เคยมาเยือนธิเบตเมื่อ 12,000 ปี มาแล้ว

ธิเบตจัดเป็นดินแดนที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก และเราก็ได้ยินฉายาของดินแดนนี้บ่อยๆว่า เป็นดินแดนที่เป็นหลังคาโลก แม้ว่าภูมิอากาศจะแห้งแล้งกันดาร และติดต่อกับดินแดนอื่นๆได้ยาก มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ

ว่ากันว่า ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ฮิตเลอร์ได้ส่งทหารแห่งอาณาจักรไรซ์ออกค้นหาอาณาจักรใต้พิภพ ซึ่งเชื่อกันว่า มีทางเข้าอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งบนโลกใบนี้ ความเชื่อของฮิตเลอร์และบริวารก็คือ ใต้โลกมีอาณาจักรใต้พิภพที่มีอารยธรรมสูงส่งซุกซ่อนอยู่ หรืออย่างน้อยเศษซากของวิทยาการเหล่านั้น ก็สามารถช่วยให้นาซี มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขึ้นอีกโข ว่ากันว่านครนั้นคือ อาร์กัตต้า หรือ จัมบาร่า ซึ่งมีเล่าขานกันในตำนานโบราณ


มีเสียงร่ำลือเกี่ยวกับตำนาน ที่เล่าขานในหมู่ลามะว่า ใต้พื้นโลกมีสวรรค์นามว่า อคารถ อยู่ อคารถเป็นนครใหญ่ มีเจ้าปกครองเหมือนกับนครอื่นๆทั่วไป จากอคารถก็จะมีอุโมงค์ใหญ่ เชื่อมไปยังนครต่างๆที่อยู่ใต้พิภพ ซึ่งนักประวัติศาสตร์คาดว่า ดินแดนแห่งนี้เองที่ ฮิตเลอร์ตามหาอยู่ ปัจจุบันก็ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับนครนี้มากนัก ได้แต่คาดเดากันไปว่า มันอาจจะเป็นดินแดนที่มนุษย์ต่างดาวมาหลบซ่อนอยู่ หรืออาจเป็นที่อยู่ของลูกหลานชาวแอตแลนติส ที่หลงเหลือ และรักษาความรู้ทางวิทยาการของพวกเขาเอาไว้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

แดรก นักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับทิเบต กล่าวว่า "เรื่องราวเกี่ยวกับธิเบตนั้น เป็นเรื่องที่ชาวตะวันตกทราบน้อยมาก” ลามะในธิเบต กำความลับบางประการของวิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์ซึ่งสืบทอดจากโบราณเอาไว้ แม้กระทั่งในประเทศอินเดียเอง ก็มีการอ้างถึงความก้าวหน้า ถึงวิชาในสมัยโบราณที่อ้างถึงการต่อต้านแรงโน้มถ่วงโลก ด้วยกระแสจิตจากตัวผู้ฝึก ทำให้ผู้ฝึกที่ผนึกสมาธิอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก สามารถลอยบนพื้นและเคลื่อนตัวด้วยจิตในมหาวิทยาลัยโบราณของอินเดีย มีการกล่าวถึงอะตอมและพลังงานคอสมิคเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เรื่องเล่าเก่าๆของธิเบต ยังได้กล่าวถึงเรื่องของเด็กชาวธิเบตคนหนึ่ง ที่มีศีรษะรูปร่างผิดปกติ เขาได้แต่งงานกับลูกสาวของเทพเจ้า หลังจากนั้นก็ไปอาศัยในดินแดนสงบสุขที่ฟากฟ้าไกล พระเจ้าที่ลงมาบนโลกนั้น ส่วนใหญ่จะลงมายังโลกในร่างของเป็ดที่ฉายแสงได้ นั่นอาจจะเป็นรูปแบบหนึ่งของเอเลี่ยนและ UFOs?

นอกจากนี้ นิทานพื้นบ้าน ซึ่งเล่ากันมานานแสนนานในธิเบต มีการเล่าลือกันถึงเมืองสุดาโซม่า (Sudasoma) ว่ากันว่า เมืองแห่งนี้เป็นที่อาศัยของเทพเจ้า 33 พระองค์ ตัวเมืองล่องลอยอยู่กลางอากาศ มีกำแพงทองคำล้อมรอบถึง 7 ชั้น เครื่องประดับของพวกเขาล้วนงดงาม ทำจาก ทอง เงิน คริสตัล เบริล (Beryl) เทพเจ้าทั้งหลายจะมีอำนาจวิเศษในการเนรมิตรทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พวกเขาต้องการจากต้นไม้ ภายหลังที่ได้รับชัยชนะจากทุกอาณาจักรบนโลกแล้ว กษัตริย์แมนโฮต้าก็ต้องการจะแผ่ขยายแสนยานุภาพ ให้อำนาจของพระองค์ขจรขยายออกไปทุกหนทุกแห่ง รวมไปถึงสวรรค์ที่เป็นที่อยู่ของทวยเทพทั้งหลายด้วย แต่แล้ว เมืองของพระองค์ก็ได้ถูกโจมตีจากอสูร (Asura) ที่มาจากอวกาศ สงครามครั้งนั้นโหดร้ายนัก จากคำบอกเล่า และการตีความบันทึก ในสงครามดังกล่าว มีการใช้อาวุธที่เหมือนการยิงรังสี การใช้ม้าบิน สุดท้ายอสุราก็ได้รับความพ่ายแพ้ และถูกขับไล่กลับไปสู่ท้องฟ้า (อวกาศ?) อีครั้งหนึ่ง

มีรายงานของนักโบราณคดีชาวจีนที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2508 พร้อมทั้งได้นำเสนอซากโบราณที่ทำให้เกิดทฤษฎีว่า ในอดีต เคยมียานอวกาศมาเยือนโลกของเรา บนแผ่นดินจีนเมื่อ 12,000 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลนี้ไม่ได้อ้างออกมาลอยๆ แต่อ้างอิงมาจากการสำรวจถ้ำของนักโบราณคดี ในแถบรอยต่อระหว่างธิเบตและจีนแห่งหนึ่ง เป็นบริเวณที่เรียกว่า บายัน-คาลาฮูรา พวกเขาพบก้อนหินที่มีลักษณะเป็นงานที่มีการวาดภาพ รวมทั้งตัวอักษรแบบเฮียโรกริฟฟิคที่ไม่มีใครสามารถอธิบายความหมายได้ถึง 716 แผ่น แน่นอนมันยากที่จะคาดเดาถึงอายุ แผ่นหินดังกล่าวมีรูอยู่ตรงกลางเหมือนเครื่องบันทึกเทป นักโบราณคดีที่ค้นพบเพิ่งทราบในตอนหลังว่า มันเป็นเครื่องมือในการเขียน นับว่าเป็นวัตถุที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกโบราณคดีเลยทีเดียว ทีมนักสำรวจรู้สึกสับสน กับสิ่งที่พวกเขาค้นพบในถ้ำนั้นมาก เพราะมันไม่เหมือนสิ่งที่พวกเขาค้นพบที่ผ่านมาเอาเสียเลย พวกเขาครุ่นคิดอยู่นานก็ยังขบไม่แตกว่า มันคืออะไรกันแน่ ?!? จนกระทั่งปริศนานี้ถูกไขให้กระจ่าง โดยทีมนักโบราณคดีระดับหัวกระทิของจีน ในเวลาต่อมาไม่นาน

...แรกเริ่มเดิมที รัฐบาลจีนสั่งการผ่านสถาบันศึกษาโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ ให้ระงับการค้นคว้าเกี่ยวกับถ้ำบายัน-คาลาฮูรา อย่างไม่มีสาเหตุ แต่แล้วก็อนุญาตให้มีการค้นคว้าต่อในภายหลัง ในที่สุด ต้นฉบับของแผ่นหินก็ได้ถูกแปลออกมาโดยผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณของจีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมาเยือนโลกของยานอวกาศจากดาวดวงอื่น เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ12,000 ปีมาแล้ว

ผู้สันทัดกรณีบางคนที่ทราบเรื่อง เรียกจานบินตกในโลกยุคโบราณนี้ว่า The Chinese Roswell เชื่อว่าบริเวณดังกล่าว เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าโบราณสองเผ่า คือ ชาวแฮม และโดปา ชนเผ่าดังกล่าว เป็นชาวป่าโบราณที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก เพราะป่วยด้วยโรคกระดูกผุ พวกเขามีความสูงเฉลี่ย 127 เซ็นติเมตร ปัจจุบันก็ยังไม่ถูกจำแนกว่า เป็นมนุษยชาติสายพันธุ์ใด จากบันทึกที่ได้มีการแปลออกมา ชาวโดปานั้นพบเห็นกลุ่มคนที่ได้ลงมาจากท้องฟ้า ด้วยยานที่บรรพบุรุษของเขาได้ซ่อนไว้อย่างลึกลับภายในถ้ำแห่งหนึ่ง เนื่องจากว่ายานของพวกเขาเป็นพวกที่เหลืออยู่ภายหลังการประสบอุบัติหตุจากการชนภูเขาในระหว่างที่จะนำยานลงมาจอดบนโลก และประสบความล้มเหลวในการซ่อมแซมยานอวกาศ พวกเขาจึงไม่สามารถไปไหนได้ ภายหลังที่มีการห่อหุ้มจารึกต่างๆไว้เป็นอย่างดีแล้ว ทีมนักโบราณคดี ได้ส่งมันไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่กรุงมอสโคว์ตรวจสอบ และพบว่าแผ่นหินดังกล่าวประกอบด้วยธาตุโคบอลต์เป็นจำนวนมาก และมีการเต้นเป็นจังหวะราวกับว่า ภายในตัวของแผ่นหินมีกระแสไฟฟ้าบรรจุอยู่ ทำให้แผ่นหินดังกล่าวกลายเป็นสิ่งท้าทายวงการวิทยาศาสตร์อย่างมากทีเดียว


คาดกันว่า ชาวโบราณพวกนี้น่าจะมีลูกหลานที่อายุยืนมาหลายชั่วรุ่นพอสมควร เพราะจากการสืบสาวเรื่องราวของท้องถิ่นแถบนั้น มีนิทานพื้นบ้านของจีนที่เล่าถึงคนร่างเล็ก ผิวเหลือง ที่ลงมาจากท้องฟ้า และถูกชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนั้นขับไล่ออกไป เพราะพวกเขามีใบหน้าสีเหลือง หัวโต ตัวเล็ก มองดูน่าเกลียด บางคนยังถูกชาวบ้านไล่ฆ่าไล่ตี เพราะนึกว่าเป็นพวกปีศาจ นิทานดังกล่าว ได้รับการยืนยันจากการค้นพบและตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และโบราณคดี ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบวัตถุต่างๆในถ้ำเดียวกัน สุสานและโครงกระดูกที่คาดว่าจะมีอายุประมาณ 12,000 ปีมาแล้ว โครงกระดูกที่พบมีขนาดกระโหลกโต ร่างกายเล็ก ราวกับทุกคนเป็นโรคหลังค่อม นักโบราณคดีบางคนในจีนกล่าวว่า มันอาจจะเป็นลิงพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งมีการค้นพบก็ได้ (แต่มันจะมีลิงชนิดไหนที่รู้จักฝังศพของพวกมันหลังเสียชีวิต ??

และยังไม่มีประวัติบันทึกไว้เลยว่า พวกลิงสามารถเขียนหนังสือและวาดรูปได้อย่างวิจิตรเช่นนี้ )


ดังนั้น ความประหลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือบรรดารูปวาดที่ปรากฏอยู่บนกำแพงถ้ำ ซึ่งเป็นภาพของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวดวงอื่นๆ ระหว่างดาวบางดวงเต็มไปด้วยวงกลมเล็กๆขนาดเท่าเม็ดถั่ว ดูเหมือนว่า วงกลมดังกล่าวกำลังมุ่งหน้ามาสู่ดาวบางดวง ซึ่งมีภูเขาปรากฏอยู่ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า นี่อาจเป็นการบันทึกเรื่องราวเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงการเดินทางมาเยือนดาวโลกของพวกเขาในอดีตก็เป็นได้


//allmysteryworld.blogspot.com/2012/11/12000.html#ixzz3QZ22vtDM



ตราสวัสดิกะที่ฮิตเล่อร์ใช้ เป็นเครื่องหมายมาจากต่างดาวตามในประวัติคำภีร์โบราณ





สวัสดิกะ อายุ มากกว่า 10000 ปี มีทุกศาสนา

สัญลักษณ์สวัสดิกะมีบทบาทและเป็นที่จดจำของคนแทบทั้งโลกแต่หลายคนคงยังไม่รู้จักสวัสดิกะในความเป็นสัญลักษณ์เก่าแก่ของโลก เครื่องหมายสวัสดิกะมีอายุบนโลกนี้มานานกว่า10,000ปี พบได้ทัวทุกหนแห่งในโลกนี้ เชื่อว่าสัญลักษณ์สวัสดิกะ (Swastika) มีวิวัฒนาการจากอักษรอียิปต์โบราณ คือ ตัว "อันค์" (Ankh) ซึ่งหมายถึง ชีวิต (Life) ซึ่งที่มาแรกเริ่มก็ยังไม่เป็นที่กระจ่างชัดและยังเป็นที่โต้แย้งในหมู่นักโบราณคดีและนักวิชาการ อาจจะเนื่องจาก สัญลักษณ์สวัสดิกะถูกพบไปทั่วโลกในที่ต่างพื้นที่และต่างวัฒนธรรมกัน เช่น พบตามเครื่องปั้นดินเผาและ เหรียญโบราณที่อยู่ใต้ดินในพื้นที่ๆ เคยเป็นที่ตั้งของกรุงทรอยด์ สิ่งทอของยุคอินคา รวมทั้งพบตามประเทศต่างๆ ในทวีปเอเซีย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ไม่ว่าสัญลักษณ์นี้จะมีที่มาจากที่ใด แต่น่าจะมีการแพร่กระจายไป พร้อมๆกับการค้าและการเผยแพร่ศาสนา ผ่านเส้นทางการค้าทั้งเส้นทางสายไหมและเส้นทางขนส่งเครื่องเทศทางทะเล คำว่า "สวัสดิกะ" (Swastika) มาจากภาษาสันสกฤต โดยประกอบด้วยคำว่า "สุ" (Su) แปลว่า ดี รวมกับคำว่า "อัสติ" (Asti) แปลว่า มี และต่อท้ายด้วย "กะ" เป็นอาคม (ส่วนที่ต่อท้ายคำ) เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง ความมีชีวิต ความกระตือรือร้น อำนาจ ความแข็งแกร่ง และความโชคดี สวัสดิกะพบได้ตามศาสนาต่างๆทั่วโลก เช่นศาสนาพุทธ(บนหน้าอกพระพุทธเจ้า) ศาสนาฮินดู (บนมือพระพรหม์) ศาสนายิว(มีดาววงล้อมสวัสดิกะ) ทิเบต(มี4จุดภายในสวัสดิกะ) ศาสนาคริส(มีสวัสดิกะเล็ก4อันในอันใหญ่1อัน)ฯลฯ


เป็นเครื่องหมายกากบาทที่ตรงส่วนปลายทำมุมฉาก โดยมีทั้งลักษณะที่ทิศทางด้านซ้าย (卍) หรือด้านขวา (卐) เครื่องหมายสวัสติกะ มีการใช้เป็นสัญลักษณ์ใน ศาสนาฮินดู และ พุทธศาสนา ในประเทศตะวันตกรู้จักกันมากในสัญลักษณ์ของฝ่ายนาซี โดยสวัสติกะของนาซีจะเอียงทำมุม 45 องศากับแนวระนาบ

สวัสติกะของฮินดูจะมีจุด ประดับที่มุมต่างๆ ของสัญลักษณ์

สัญลักษณ์สวัสติกะของฝ่ายนาซี จะมีลักษณะทิศทางทางด้านขวา (卐) หากสังเกตดูจะพบว่าเป็นรูปอักษรโรมันตัว S 2 ตัวซ้อนกัน ซึ่งย่อมาจากคำในภาษาเยอรมัน โดย S ตัวหนึ่งมาจากคำว่า "Stadt" แปลว่า บ้านเมือง และอีกตัวหนึ่งมาจากคำว่า "Sicherheit" แปลว่า ปลอดภัย





naizeezaa:

คนส่วนใหญ่คิดว่า เยอรมันอิจฉาคนยิว ที่ค้าขายเก่งกว่า ฉลาดกว่า

แต่ผมคิดว่าถ้าเก่งเฉยๆ ก็คงแค่ถูกอิจฉา อย่างมากก็คงแค่ถูกข้างปาบ้าน หรือถูกขับไล่
แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นฆ่าแกงกัน คงเป็นไปได้ยากครับ
ถ้าชาวยิวไม่มีส่วนบกพร่องจริงๆ ฮิตเลอร์ก็คงยุให้คนเยอรมันฆ่ายิวไม่ขึ้น

ชาวยิวบกพร่องอย่างไร จึงถูกฆ่า

มีเรื่องเล่า ที่น่าจะมาจากทางฝ่ายเยอรมัน ว่าทำไมถึงเกลียดยิวนัก
แต่ก่อนชาวยิวมีธรรมเนียมการทำธุรกิจ แบบที่สมัยนี้หลายประเทศถือว่าผิดกฎหมาย

ชาวยิวทำอย่างไร

สมมติ ชาวยิวกลุ่มหนึ่ง เป็นลูกหลานของกิจการค้าเพชรพลอยที่มั่งคั่ง
กิจการเพชรพลอยร่ำรวย และอิ่มตัวแล้ว ต้องหาทางลงทุนในกิจการอย่างอื่น
กลุ่มนายทุนชาวยิวจะมาประชุมกัน สมมติว่าตกลงจะลงทุนในธุรกิจรองเท้า

ชาวยิวจะให้ทุนลูกหลาน คนรุ่นใหม่ ไปลงทุนทำโรงงานรองเท้า
ไม่ทำแค่โรงเดียว แต่จะทำหลายโรงงาน หลายยี่ห้อ พร้อมๆกัน
ตอนแรกจะยอมขาดทุน โดยอาศัยเงินทุนจากกิจการเพชรพลอยหนุนหลัง
เพื่อกดดันให้โรงงานรองเท้าของคนเยอรมันเลิกกิจการ

เมื่อโรงงานรองเท้าอื่นเริ่มประกาศขายกิจการ ยิวก็จะเข้าไปซื้อกิจการเพิ่ม
พอยิวมีส่วนแบ่งรวมในตลาดมากพอ ก็จะกดดันร้านขายรองเท้า
โดยสร้างเงื่อนไขว่า ต้องซื้อรองเท้าจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น
ถ้าพบว่าร้านขายรองเท้าแห่งใด ซื้อรองเท้าจากโรงงานของคนเยอรมัน
โรงงานรองเท้าทั้งหมดของยิว จะไม่ยอมขายรองเท้าให้ ด้วยข้ออ้างต่างๆ เช่น ผลิตไม่ทัน
เมื่อยิวบีบให้ร้านขายรองเท้าต้องซื้อรองเท้าจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น
โรงงานรองเท้าของคนเยอรมันที่เหลือ ก็เจ๊งหมด
แล้วยิวก็เข้าไปกดราคาบังคับซื้อเอาถูกๆ

พอยิวได้ครอบครองโรงงานรองเท้าทั้งหมด ก็เริ่มตั้งร้านขายรองเท้าของตนเอง
ส่วนคนงานเย็บรองเท้าก็เริ่มถูกกดค่าแรง ไม่มีทางย้ายที่ทำงาน เพราะโรงงานทั้งหมดเป็นของยิว
โรงงานยิว จะขายรองเท้าให้ร้านของชาวยิวในราคาถูกพิเศษ แบบไม่เอากำไร
ทำให้ร้านรองเท้าของชาวยิวสามารถขายปลีกรองเท้าในราคาถูกกว่าร้านของคนเยอรมัน
ร้านขายรองเท้าของเยอรมันก็ค่อยๆทะยอยปิดกิจการลง ยิวก็เข้าไปกดราคาซื้อต่อกิจการ

ในที่สุดยิวก็ครอบครองร้านขายปลีกรองเท้าได้ทั้งหมด
เมื่อยิวครอบครองธุรกิจรองเท้าได้ครบวงจรทั้งหมดแล้ว
ถึงเวลาที่ยิวจะขึ้นราคารองเท้า ฟันกำไรชดเชยกับที่ยอมขาดทุนในตอนแรก

อุตสาหกรรมทำรองเท้าของคนเยอรมันเจ๊ง
ธุรกิจร้านค้ารองเท้าของขาวเยอรมันเจ๊ง
คนงานที่มีอาชีพเย็บรองเท้าถูกกดค่าแรง
ประชาชนเยอรมันต้องซื้อรองเท้าแพง

คนเยอรมันจะรู้สึกอย่างไร

ผ่านไปหลายปี บรรดาลูกหลานชาวยิวในธุรกิจรองเท้าเริ่มเติบโต แต่ธุรกิจรองเท้าอิ่มตัวแล้ว
ขาวยิวก็จะประชุมกัน ว่าจะยึดครองการค้าชนิดใดต่อไป

บางที ความโลภ และความไร้ยุติธรรม ของชาวยิวนั่นเอง ที่ฆ่าชาวยิว


การยึดครองธุรกิจแบบนี้ได้ผลยิ่ง
เหมือนกับเช้าวันหนึ่ง คนเยอรมันก็พบว่าร้านขายรองเท้าทุกร้านขึ้นราคาหมด
เมื่อถามต่อๆกันไป ก็พบว่ายิวยึดครองร้านค้าปลีกรองเท้าไปหมดแล้ว
หลักอุปสงค์อุปทาน หลักการตลาดทุกอย่าง ในเวลานั้นเป็นอันใช้ไม่ได้หมด
การแทรกตัวเข้าไปในธุรกิจที่ถูกยึดครองโดยขบวนการยิวนิยมนั้นทำได้ยาก
คนเยอรมันไม่สามารถตั้งร้านค้าปลีกรองเท้าเพิ่มขึ้นได้
เพราะไม่มีแหล่งโรงงานที่จะขายรองเท้าให้ในราคาที่เป็นธรรม
พร้อมๆกับไม่มีใครตั้งโรงงานรองเท้าขึ้นมาแข่งได้ เพราะไม่มีร้านค้าปลีกที่จะรับซื้อรองเท้า

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เศรษฐกิจเยอรมันทรุดไปทั่ว
เปิดโอกาสให้ยิวเข้ายึดครองธุรกิจไปหลายประเภท
การยึดครองธุรกิจโดยกลุ่มนายทุนยิว มีผลต่อการจ้างงานด้วย
ลัทธิยิวนิยมทำให้ คนยิว มีโอกาสได้ตำแหน่งงานที่ดี ในธุรกิจที่มีคนยิวเป็นเจ้าของ
คนยิวแม้ไม่ใช่ครอบครัวนายทุน ก็พลอยมีฐานะการเงินที่ดี ในสังคมไปตามๆกัน
ส่วนคนเยอรมันก็ต้องเป็นลูกจ้างกรรมกรในโรงงานของยิว แถมถูกกดค่าแรง

การยึดครองธุรกิจของยิว ยังนำมาใช้สร้างองค์ประกอบของชนชั้นวรรณะ
รองเท้าชั้นดี ที่ผลิตได้ไม่ทันความต้องการ จะไม่ถูกนำขึ้นชั้นขาย จะเก็บไว้ขายให้ชาวยิวเท่านั้น
เรื่องรองเท้าชั้นดีมีไว้เพื่อชาวยิวโดยเฉพาะ รู้สึกว่าจะบาดใจคนเยอรมันเอามากๆ
เพราะเมื่อเกิดจลาจลทำร้ายชาวยิวตามท้องถนนในเมืองต่างๆ
คนยิวนอกจากถูกทุบตีทำร้ายแล้ว จะถูกถอดแย่งเอารองเท้าไปด้วย
ชาวยิวที่ตกเป็นเหยื่อ จะถูกบังคับให้เดินเท้าเปล่าไปตามถนน

ตามปกติการจะลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน ไม่ใช่เรื่องที่ทำง่ายๆ
ต้องเก็บกด บ่มความแค้นกันมานานพอควร
เรื่องชนชั้นคนจนคนรวย เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนลุกขึ้นมาฆ่ากันได้
ปัญหาชนชั้นในเยอรมันยิ่งหนักหนา เมื่อชนชั้นคนรวย เป็นกลุ่มชนต่างชาติ
และรวยขึ้นมาด้วยวิธีการ ที่สมัยนี้ บางประเทศถือว่าผิดกฎหมายการค้า


RICHEST
ยิวเป็นนักคิดครับ กรีกเป็นนักปฏิบัติ "ถ้าไม่มียิวก็ไม่มี อาณาจักรกรีก โรมัน ที่รุ่งเรืองได้"

ผมเห็นต่างอยู่นิดนึง ตรงที่ "ถ้าไม่มียิวก็ไม่มี อาณาจักรกรีก โรมัน ที่รุ่งเรืองได้"

ด้วยอารยธรรมและกระบวนการเรียนรู้ ความคิดในตัวเองของชาวกรีกและโรมันก็

ไม่ได้ด้อยเลยโดยเฉพาะสมัยที่ กรุงเอเธนส์เต็มไปด้วยนักคิด นักปราชญ์ทั้งหลาย

มากมายหลายสำนัก และในสมัยที่กรุงโรมเรืองอำนาจก็ได้"ก๊อป"เอาวัฒนธรรม

ของกรีกมาปรับ ใช้ ผนวกกับการเป็นชนชาติที่มีระเบียบวินัยเป็นเลิศของโรมัน

จึงทำ ให้อาณาจักรโรมันเจริญรุ่งเรือง แต่คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในด้านการค้า

ขาย การพาณิชย์คงอาจจะต้องพึ่งความสามารถของพวกยิวด้วย(ซึ่งในปัจจุบันก็คือ

ชน ชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลนั่นเอง)

เชื่อหรือไม่นักวิทยา ศาสตร์นาซี90 %เป็นยิว

น่าเหลือเชื่อนักวิทยาศาสตร์นาซี ในองค์กรของ ฮิตเลอร์ จะเป็นยิวทั้งที่ฮิตเลอร์เกลียดยิวจะตายแต่ 90 % ของนักวิทยาศาสตร์นาซีเป็นยิว แน่นอนครับ คำโบราณที่ว่า ถ้าไม่มียิวก็ไม่มี อาณาจักรกรีก โรมัน สเปน เปอร์เซียที่รุ่งเรืองได้และยุโรปคงหลังเขาดีๆนี้เอง ถ้าไม่มีชาวยิว พ่อทูลหัว กลุ่มนี้ แน่นอน
ชาวยิวมีเคล็ดลับในการบริหารสมองหลักใหญ่คือ ทำสมาธิ โยคะ มโนภาพ สะกดจิต สวดมนต์การแพทย์ธรรมชาติ เอ็นโดรฟิลล์ และวัฒนธรรมการกินของชาวยิวเขาก็จะกินแต่ ปลาเนื้อมัน ขนมปังโฮลวีต เนื้อสันในแกะ วัว น้ำผึ้งล้านเกสร และที่เป็นวัฒนธรรมมากที่ของชาวยิวเลย คือ น้ำผึ้ง ปลา ขนมปังโฮลวีต แต่นี้ไม่ใช้ประเด็นครับ ประเด็น คือ มีข่าวนี้ออกมานานแล้วว่า นักวิทยาศาสตร์นาซี ได้มีโครงการสร้างสิ่งที่รู้จักในนามจานผี หรือ ufo นั้นเองและโครงการอื่นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมสรรพสิ่งที่แสนจะมหัศจรรย์และ พิสดาร อีกมากมาย เรื่องนี้เริมเมื่อปี คศ 1942 ฮิตเลอร์ต้องการที่จะชนะสงครามและสร้างโลกในแบบอนาคตหรือที่เรารู้จัก ยุค star war ถ้าใครเคยดู
แต่โครงการของฮิตเลอร์หลายอย่างแม้ แต่มีข่าวลือที่ว่า วงแหวนสร้างอนุภาพจักรวาลที่ล้อมประเทศ สวิตเซอร์แลนด์นั้น ก็มาจากโครงการวิจัยสร้างสรรค์นวัตกรรมสรรพสิ่งที่แสนจะมหัศจรรย์และพิสดาร ของฮิตเลอร์ แม้ฮิตเลอร์นี้ นอกจากรักความยิ่งใหญ่แล้ว ยังรักวิทยาศาสตร์และการคิดสร้างสรรค์ ดีจริง แต่ต้องพังทลายเพราะพันธิมตรและตัวเอง 1 ในข่าวรือล่าสุด คศ 1942 คือ ที่ พันธิมตรเกรงมากที่สุดนั้นคือ ufo หรือจนผี แน่นอน
ฮิตเลอร์กำลังจะสร้าง สิ่งนี้เพื่อชนะสงคราม และโครงการสร้างทหาร อมนุษย์ ที่ลือกันว่า สูง 200 เซนติเมตร และโครงการมนุษย์อริยะชน ที่มีความเฉลียวฉลาดสามารถทางด้าน
1 iq - สติปัญญา
2 eq - ควบคุมอารมรณ์
3 mq - ศีลธรรม
4 aq - ปราศจากอุปสรรค
5 pq - การเล่น
6 cq - การคิดสร้างสรรค์
7.sq - รักชาติ
8.esp - พลังสมาธิจิต ซึ้ง q นี้สำคัญมากเพราะให้กำเนิดและเสริมสร้าง cq - การคิดสร้างสรรค์
เพื่อ สร้าง q ต่างๆ และ เอ็นโดรฟิลล์ ซึ้งฮิตเลอร์ให้ความสำคัญมากๆ
แน่นอน ครับ มนุษย์อริยะชน แม้จะได้รับความพิเศษใดทั้งชายหญิงแต่ในสายตา ฮิตเลอร์มองพวกนี้ เปรียบดัง พราหมณ์มุนี แพทย์ ที่จะต้องรับใช้ซื่อสัตย์ สร้างสรรค์ เป็นโสเภณี และมอบความอุดมสมบูรณ์รุ่งเรือง ให้กับ กลุ่มเยอรมันชนบริสุทธ์ ที่ฮิตเลอร์ยกย่องว่าเป็นวรรณะ กษัตริย์ โดยที่พวก กลุ่มเยอรมันชนบริสุทธ์ มีหน้าที่เลี้ยงดูให้อยู่ดีกินดีให้กับ มนุษย์อริยะชน
เท่านั้น สำเร็จครับอย่างงดงามด้วย แต่ โดนพี่ๆ พันธิมตรยึดไว้ได้ก่อนจึงชวดไป
โครงการที่ 2 อันนี้เกี่ยวกับจานผี หรือ ufo หลังจากฮิตเลอร์สร้างกลุ่ม มนุษย์อริยะชน แล้วเขาต้องการให้พวกนี้และนักวิทยาศาสตร์นาซี(ยิว)ของเขาติดต่อกับมนุษย์ ต่างดาวที่มีกลุ่ม มนุษย์อริยะชนและนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมสรรพสิ่ง ที่แสนจะมหัศจรรย์และ ที่แสนจะพิสดารหมหัศจรรย์ไฮเทค เพื่อมาเป็นพันธมิตรในการทำสงครามหรือ มนุษย์อริยะชนนักวิทยาศาสตร์นาซี(ยิว) เองนั้นแหละครับจะทำ แต่โครงการนี้ก็เหมือนกับโครงการแรก พันธมิตรไปสาระแนนยึดจนได้
โครงการ ที่ 3 โครงการ อมนุษย์ น่ากลัวมากครับ เพราะพวกมันสูงเท่าบ้าน 2 ชั้น ไอ้ 200 เซนติเมตร พูดผิดครับ อาวุธอะไรก็ทำอะไรมันไม่ได้ นอกจากระเบิดหรือ พลังงาน เท่านั้นยิงให้ตายก็ไม่ตาย แถมโดนตัวมันก็โดนทำให้ไหม้เกรียม แถมพี่แก ใส่ชุดเกราะ เหล็กกล้า ถ้าไม่ใช้ระเบิดใช้กระสุนก็ไม่โดน คล้ายเกมหนึ่งๆ เลยน่ะครับ แต่อนิจาสร้างได้คุมไม่ได้ มีข่าวลือว่า ทหารนาซีที่ไปอยู่ที่นั้นตายเกี่ยงครับทั้ง 10000แม้แต่ทหารดำแต่ นักวิทยาศาสตร์เสือกรอดครับ

นี้เป็นแค่โครงการเด่นๆ ที่ผมยกมาส่วนหนึ่งแค่นนั้นที่จริงยังมีอีกเยอะ ถ้าใครจำ นิโคลาส เทสลาห์ได้ หรือ วิลเลี่ยม แฮมไรท์ ได้แน่นอนสิ่งประดิษฐ์ ของเขาก็อยู่ในโครงการวิจัยและสร้างสรรค์ของฮิตเลอร์เช่นกัน

//www.thaiseoboard.com/index.php?topic=110514.0;wap2

เขามองว่าชาวอาหรับ "เป็นเชื้อชาติต่ำกว่า" เขาเชื่อว่า ชาวเยอรมันที่เป็นเชื้อชาติสูงส่งกว่า ฮิตเลอร์ยกย่องศาสนาชินโตและวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ฮิตเลอร์นั้นเน้นการปฏิบัติมากกว่า เขาทุกข์ทรมานจากอาการและโรคต่าง ๆ ได้แก่ โรคลำไส้แปรปรวน รอยโรคที่ผิวหนัง หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคพาร์กินสัน ซิฟิลิส และมีเสียงในหู

อีกด้านหนึ่ง เขาเป็นคนกินมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อ เพราะกลัวโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้มารดาของเขาเสียชีวิต เขาเป็นผู้นำต้านการทดลองในสัตว์ และเลือกทานอาหารอย่างลึกซึ้ง คนสนิทสั่งให้สร้างเรือนกระจกใกล้กับที่พักผู้นำ เพื่อให้ฮิตเลอร์มีผลไม้และผักเพียงพออย่างต่อเนื่องตลอดสงคราม เขาไม่ดื่มเหล้า และไม่สูบบุหรี่ เขาเป็นตัวตั้งตัวตีการรณรงค์งดสูบบุหรี่อย่างเข้มแข็งทั่วประเทศเยอรมนี

เขาเริ่มใช้แอมเฟตามีน (ยาบ้า) เป็นครั้งคราวตั้งแต่ ค.ศ. 1937 และเริ่มติดยาใน ค.ศ. 1942 ทำให้มีการตัดสินใจที่ไม่ยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ไม่อนุญาตการร่นถอยทางทหาร เขาได้รับการสั่งจ่ายยาถึง 90 ชนิดที่แตกต่างกันระหว่างสงคราม และกินยาหลายเม็ดต่อวัน เพราะปัญหากระเพาะอาหารเรื้อรังและอาการป่วยอื่น ๆ

เขาทุกข์ทรมานจากแก้วหูทะลุ อันเป็นผลของแรงระเบิดในแผนลับ 20 กรกฎาคม ใน ค.ศ. 1944 และถูกถอนเสี้ยนไม้สองร้อยชิ้น ออกจากขาของเขา มือฮิตเลอร์สั่นและเดินย่องแย่ง ซึ่งเริ่มขึ้นก่อนสงคราม และเลวร้ายลงเมื่อใกล้บั้นปลายชีวิต เขารักษาโรคพาร์กินสันใน ค.ศ. 1945

ฮิตเลอร์เคยมีแผนการใหญ่ ตั้งแต่ก่อนเขาก้าวขึ้นสู่อำนาจ ในการทำลายอิทธิพลของศาสนจักรคริสต์ภายในจักรวรรดิไรช์ โดยการทำลายล้างศาสนจักร เป็นเป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้น แต่เป็นการไม่เหมาะสมที่จะแสดงท่าทีสุดโต่งนี้อย่างเปิดเผย เจตนาของเขา คือ รอกระทั่งสงครามยุติแล้วจึงค่อยทำลายอิทธิพลของศาสนาคริสต์


https://www.facebook.com/media/set/?set=a.252241154965919.1073742035.187529244770444&type=1



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ว่า นายเจอร์ราลด์ วิลเลี่ยม ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "การหลบหนีของอดอล์ฟ ฮิตเล่อร์" ให้สัมภาษณ์กับ "Skynews" ว่า อดอลฟ์ ฮิตเล่อร์ ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมัน ไม่ได้เสียชีวิตในบังเกอร์หลบภัยในประเทศเยอรมนี แต่เสียชีวิตในอาร์เจนตินาซึ่งเป็นสถานที่ลี้ภัยของเขา โดยวิลเลี่ยมได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ จากการชันสูตรศพและพยานผู้เคยพบเห็นฮิตเลอร์หลายราย และพบว่า มีหลักฐานมากมายที่ชี้ว่า ฮิตเลอร์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่กลายเป็นคนแก่ที่เสียชีวิตในอาร์เจนติน่า

เขากล่าวว่า จริงๆ แล้ว ไม่มีหลักฐานด้านการชันสูตรศพที่ระบุว่า ฮิตเลอร์ และอีวา บรวนด์ คนรักของเขา เสียชีวิตในเยอรมนี

นายเจอร์ราลด์ วิลเลี่ยม กล่าวต่อว่า ฮิตเลอร์ได้อาศัยในอาร์เจนติน่าเป็นเวลา 17 ปี โดยเลี้ยงลูกสาว 2 คน ก่อนจะเสียชีวิตลงในปี 1962 และสาเหตุที่ผู้นำรายนี้รอดชีวิต เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นฝ่ายปล่อยตัวเขาจากการจับกุม เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้ข้อมูลเทคโนโลยีไฮเทคของกองทัพนาซี

วิลเลี่ยมกล่าวว่า เขาและไซมอน ดันสแตน ผู้ร่วมเขียนหนังสือดังกล่าว ได้กระทำการสำรวจภาคพื้นเกี่ยวกับชีวิตลี้ภัยของฮิตเลอร์ และได้ไปสัมภาษณ์พยานผู้เคยเห็นฮิตเลอร์หลายคน และว่า ปัจจุบัน อาร์เจนตินาเป็นประชาธิปไตยมากพอที่จะเปิดกว้างเรื่องนี้ แต่มีพยานผู้เห็นฮิตเล่อร์ 2 รายถูกขู่ฆ่าจากบุคคลนิรนามในขณะที่พวกเขาให้ข้อมูลแก่เราด้วย


//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318827971











Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 6 มิถุนายน 2560 12:02:45 น. 0 comments
Counter : 18614 Pageviews.

ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.