|
ความสุขของชายชื่อ วิม
วันนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันชอบอะไร ทำให้ฉันเริ่มมองเห็นคนที่จริงใจ ฉันชอบความสงบ...... ความรักที่จริงใจ....... และผู้คนที่มีน้ำใจ ฉันทนอยู่กับความวุ่นวายและความไม่จริงใจมาแสนนาน ถึงเวลาที่ฉันจะหันกลับมาอยู่กับตัวเองซักที ไม่ใช่ความต้องการของคนอื่น อยู่กับความสงบ.....เรียบง่าย.....และคนที่รักฉัน....จริงใจต่อฉัน ฉันค่อยๆก้าวออกมาจากผู้คนที่วุ่นวาย ความรู้สึกที่หลอกลวง แล้วสักวันฉันจะพบความสุขที่แท้จริง ที่เปี่ยมล้นไปในหัวใจ เพราะได้ความรักจากคนรอบข้างที่ให้ความรักอย่างเต็มหัวใจ...........
"วิม สรณะชาวนา" ผู้ชายคนนี้เมื่อ 20 ปีก่อน เคยเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยเงินทอง และมีชีวิตอยู่ท่ามกลางการแข่งขัน แต่แล้ววันหนึ่ง ชายคนนี้กลับตระหนักได้ว่า ความร่ำรวย มิใช่ความสุขที่แท้จริงที่เขาพึงประสบ เขาจึงหันหลังให้กับชีวิตในสังคมเมือง และกลับไปค้นหาแผ่นดินแห่งความผาสุกด้วยตัวเอง
การค้นหาความสุขด้วยมือตัวเองของ วิม เริ่มจากการน้อมนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ โดย วิม เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยปรับปรุงที่ดินรกร้างจำนวน 30 ไร่ ในอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสร้างองค์ประกอบพื้นฐานปัจจัยสี่ของการมีชีวิตอยู่รอดบนผืนดินแห่งนี้ เขาทำงานหนักวันละกว่า 18 ชั่วโมง จนเวลาผ่านไป 20 ปี ทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ที่พักอาศัย อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม... สิ่งเหล่านี้ วิม สามารถสร้างขึ้นมาบนผืนดินของเขา บ้านของ วิม มีสระน้ำ ที่สามารถใช้น้ำมาบริโภค อุปโภค ได้ มีเรือกสวนไร่นาที่ผลผลิตพร้อมจะผลิดอกออกผลให้เก็บเกี่ยวกินยามหิว รวมทั้งพืชผักสมุนไพรต่าง ๆ ที่งอกเงยมาจากผืนดินรอบบ้าน ก็สามารถเป็นยารักษาโรค พร้อมจะหยิบมาใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านได้ทุกเมื่อ
ณ วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ วิม สรณะชาวนา มีอยู่ อาจไม่ใช่ความมั่งคั่งมากมาย แต่ก็ "เพียงพอ" และ "พอเพียง" ที่จะทำให้เขาและครอบครัวดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคง นอกจากนั้นแล้ว วิม ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แต่เขาพร้อมจะเสียสละ ช่วยเหลือ แบ่งปันองค์ความรู้ ต้นทุน แรงงาน ของตัวเองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในสังคม
แค่เรามีความขยันหมั่นเพียรเราไม่อดตายหรอก คนโบราณบอกแม้แต่หมายังไม่อดตาย การแก่งแย่งสูงไม่ใช่ความสุขในชีวิตที่แสวงหาไปอยู่ที่สงบปราศจากการแย่งชิงใช้ปรัชญญาพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง เริ่มจาก 1 มีพื้นที่ 30 ไร่ พอมีที่อยู่อาสัยเป็นร่มเงา ไม่มีไฟฟ้า ประปา 2บ่อน้ำบ่อน้ำเป็นบ่อเกิดของทั้งหมด แบ่งเป็นสามไร่ปลุกผักเป็นรายได้รายวัน พวกผักตลาดต้องการ
ต้นไม้เราปลูกแล้วเรารอมันที่ไหนเล่า เราไม่ได้รอมัน เราไม่ได้นั่งรอมันโต ปลูกเสร็จเราก็ไปที่อื่น เราก็ไปทำเรื่องเพียงแต่เราปลูกต้นไม้ไว้ ที่รอเพราะว่า ใจมันอยากจะเอาผลประโยชน์จากต้นไม้ เมื่อไหร่มันจะให้เงินให้ทองสักที แต่จริงๆปลูกต้นไม้เราไม่ต้องรอ มันก็อยุ่ตรงนี้แหละ มันไม่ไปกับเราด้วยหลอก เราปลูกเสร็จเราไปไหนมันก็จะอยู่ตรงนี้แหละ
พอมีที่พักที่อยู่ที่กิน จะไปหาหมอก็ยากลำบาก ก็หาใกล้ตัวตู้ยามีชีวิตพืชสมุนไพร ต้นกล้วยเราก็เอาช้อนไปเสียบเอาน้ำมันกินแก้กระเพาะ ปวดท้องติอเชื้อก็หาย ของฤทธิ์ฝาดจะสมานแผล ฟ้าทะลายโจรแก้ไข้ พึ่งตัวเองให้ได้จะอยู่กับสิ่งที่เรามีอย่างไรให้ความผาสุก เราจะพัฒนาอย่างไรให้มันดี อะไรที่มันเหนี่ยวรั้งไม่ให้เราพบกับความผาสุกในชีวิต เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์จะละลดเลิกอบายมุขไม่มี
เมนูอาหารที่มีอยู่ในสวน เบื้องต้นสุขภาพต้องดีก่อน ไม่งั้นศักยภาพในชีวิตหมดไปแล้ว ไม่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ แข่งขัน ผูกความหวังไว้กับใคร ทำกำหนดเราเอง เหนื่อยก็พักเรากำหนดเอง นอนหัวค่ำตื่นตี 3-4 ชีวิตที่อยู่ตรงไหนก็อยู่ไปเถอะ ตนเองพึ่งได้คนอื่นพึ่งได้เป็นชีวิตที่มีคุณค่า
คนที่อยู่ให้ได้ทุรนทุรายเพื่อจะอยู่ให้ได้รึเปล่า วันละล้านก็ไม่พอ กินก็แค่อิ่มเดียว นอนก็แค่ตื่นเดียว สาระไม่ใช่ผ้าทองคำ สาระอยู่ที่เราได้พักผ่อนเต็มที่ สดชื่น แจ่มใส สาระการนอนไม่ได้อยู่ที่ที่นอน
ยังไม่ปิดตัวเองเอาความรู้ไปช่วยเหลือชาวบ้านและไปเรียนต่อ ทำให้เป็นคนที่มีคุณภาพพึ่งตนเองมากขึ้นคนอื่นพึ่งมากขึ้น ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนฯ(ศูนย์หยาดน้ำใจ) คนไม่เห็นประโยชน์ก็แล้วไป คนเห็นประโยชน์ก็แบ่งปันกัน
Create Date : 08 มีนาคม 2558 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2559 15:34:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 556 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|