Keep Memories Alive in my Diary
[Life&Travel #14] ..เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..

สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงนี้พบกันบ่อยหน่อย ....

นิตยสาร Life & Travel นี้ ผมตั้งใจเป็นแม็กกาซีนออนไลน์สำหรับคนรักการท่องเที่ยว อยากให้เป็นทั้งคู่มือการเที่ยวแบบง่ายๆ ตรงไปตรงมา

ดีไม่ดีก็ว่ากันไปตามที่เห็น พร้อมเป็นทั้งสมุดภาพบันทึกความทรงจำ และเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ออกเดินทาง

เช่นเคย ... ถ้าชอบ Life &Travel แวะไปกด Like ให้กำลังใจกันได้ครับที่



นอกจากจะไม่พลาดทุกการอัพเดทของ Life & Travel ยังมีข่าวสารการท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยน่ะครับ


เชิญรับชมครับ กับ L&T vol.14



Impossible but I'm possible

.
.
.

สำหรับบางคน ... แรงบันดาลใจเป็นเหมือนเชื้อไฟชั้นดี
ที่จะทำให้จุดติดพลังชีวิตให้ก้าวไปยังจุดหมายที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

คนบางคน ... ไม่มีคำว่า "เป็นไปไม่ได้" ในพจนานุกรมชีวิต

และมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่เห็นอุปสรรคเป็นเรื่องท้าทาย
ยิ่งยาก ยิ่งน่าลอง... ยิ่งถูกจำกัด ยิ่งส่งพลังให้ทะลุขีดจำกัด



อะไรทำให้ ... คนบางคน กล้าจะทำในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ?



Think Different .... คิดต่าง

คือคำตอบ ของ คำถามข้างต้น ...

.
.
.

หลายคนยอมทิ้งโอกาส ข้างหน้า เพราะคิดไปเองว่า ทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้
โดยที่ยังไม่ได้ "ลองทำ" ดูแม้แต่ครั้งเดียว

ลองดูสิ ... ลองทำ ลองคว้าโอกาสทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่วิ่งเข้ามา


ทำได้ ... เป็นรางวัลชั้นยอด

ทำไม่ได้ ... อย่างน้อย ก็จะได้รู้ว่า..... เราทำอะไร "ได้และไม่ได้"

.
.
.


คิดได้แล้วก็อย่ายอมแพ้ เด็กๆ บนเกาะปันหยี ....
เกาะกลางทะเลที่มีพื้นดินเพียงไม่กี่สิบตารางเมตร

แต่พวกเขากลับมีมีทีมฟุตบอลตัวน้อยที่ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร เกินตัว




เป็นกิมมิกที่ธนาคารเจ้าหนึ่งหยิบเอามาใช้โฆษณา ...

เป็นมุมมองที่น่าสนใจและน่ามาสัมผัสไม่น้อย

.
.
.

เรามาเที่ยวเกาะปันหยีกันครับ เกาะเล็กๆ ในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา




เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็กๆ มีที่ราบประมาณ 1 ไร่ มีบ้านเรือนราวๆ 3-400หลังคา มีประชากรประมาณ 4-5,000 ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิมเลยละครับ

ลักษณะของเกาะมีลักษณะเป็นเขาหินปูนสูงชะลูดแวดล้อมด้วยเกาะน้อยใหญ่ พื้นที่ที่เป็นพื้นดินของเกาะปันหยีมีอยู่น้อยมากครับ
ซึ่งเป็นส่วนที่ติดกับเขาหินปูนขนาดใหญ่ ถ้ามองจากทะเลเข้าไปจะเป็นเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ที่คอยปกป้องหมู่บ้านเอาไว้





การเดินทางที่แนะนำ คือ.....
การนั่งเครื่องบินไปลง จ.ภูเก็ตซึ่งใกล้ที่สุด แล้วเช่ารถขับย้อนขึ้นมาทาง จังหวัดพังงาครับ
โดยวิ่งไปตามทางไปสู่อำเภอตะกั่วทุ่ง จนถึงทางแยก
สังเกตป้ายบอกเข้าทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4144
ไปอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จากนั้นจะมีป้ายบอกทางเรื่อยๆ ไปจนถึงท่าเรือ

ซึ่งหลังจากนี้เราก็จำเป็นต้องใช้บริการเรือเหมาลำนั่งต่อไปเที่ยวครับ

เฉลี่ยแล้วก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนครับ ราว 1000-1500 บาท/เรือ 1 ลำ
นั่งได้ตั้งแต่ 2-10 ท่าน

เกาะปันหยี จะถูกจัดอยู่ในโปรแกรมเที่ยวของอ่าวพังงา
ที่ประกอบด้วยกันเป็นทริป เขาตะปู เกาะเจมส์บอนด์ เขาพิงกัน
จัดเป็น Half Day Trip ที่ทัวร์ต่างๆ ขายกันครับ



สำหรับผมนั้น เป็นการขับรถมาแบบไม่ได้จองทัวร์
ขับจากภูเก็ตมาจอดตรงท่าเรือ แล้วต่อรองราคากับคนขายตรงท่าเรือเลย
ซึ่งพอใจในราคาก็ลงเรือแล้วออกเดินทางได้
โดยจะใช้เวลาราวๆ 3-4 ชั่วโมงสำหรับทริปนี้ครับ




จากตรงท่าเรือ
เราจะวิ่งผ่านป่าชายเลนเพื่ออกไปยังปากอ่าวแล้วมุ่งตรงไปยังเกาะปันหยีครับ

มีมุมสวยๆ ให้พอได้ถ่ายรูปเหมือนกัน
เสียดายวันนี้ฟ้าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ค่อนข้างจะครึ้มๆ ไม่มีแดด รูปเลยขาดมิติ





มีอีกจุดที่เป็นทางผ่านก่อนจะไปถึงเกาะปันหยี ก็จะเป็น “เขาหมาจู” ครับ
น่ารักดี คนมองคนตั้งชื่อก็เข้าใจเรียก เข้าใจสังเกตน่ะ




นั่งเรือไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มจะเห็นเกาะปันหยีอยู่ไกลๆ แล้วละครับ



ทางขึ้นของเกาะนั้นจะมีสองจุดคือ
ด้านที่เป็นร้านอาหารกับตรงมุมนี้ ซึ่งใกล้กับชุมชนมากกว่า

ทันทีที่เราก้าวขึ้นเกาะก็จะเห็นสนามบอลลอยน้ำนี่ทันที
นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ต่างถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันใหญ่

แหม... ก็พึ่งจะเคยเจอเกาะในท้องทะเลไทย
ที่ตอนรับด้วยสนามบอลลอยน้ำ.... สงสัยที่เค้าว่า คนบนเกาะนี่บ้าบอลท่าจะจริงแฮะ

ปัจจุบันสนามบอลเล็กๆตรงนี้ ไม่ได้เอาไว้เตะเล่นน่ะครับ
แต่เหมือนเอาไว้โชว์ ให้ถ่ายภาพมมากกว่า เพราะถ้าเตะจริงสงสัยใครเตะตกน้ำนี่คงต้องพายเรือลงไปเก็บลูกบอลกันเลย




ปันหยี ...

ชื่อนี้มีที่มาจากคำบอกเล่าของคนเก่าคนแก่ว่าเอาไว้ว่า
“โต๊ะบาบู” ผู้นำชาวอินโดนีเซียอพยพมาเมื่อสัก 200 ปีก่อน
ตอนนั้นก็ได้นัดกันกับพรรคพวกที่ล่องเรือมาหาถิ่นฐานใหม่ว่า
ถ้าเจอพื้นที่ตรงไหนน่าจะตั้งรกรากได้ก็ให้ปักธงเอาไว้

เมื่อมาเจอเกาะปันหยี...โต๊ะบาบูได้ขึ้นไปปักธงให้พวกมาี่รู้ว่าพื้นที่บน
เกาะเล็กๆตรงนี้ เหมาะสมที่จะตั้งบ้านเรือน คำว่า “ปันหยี” แปลว่า “ธง" นี่เอง



ชาวบ้านซึ่งเป็นชาวมุสลิมจึงใช้พื้นดินที่มีอยู่น้อยนิดนั้น
ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านเพื่อความมั่นคง
และหนึ่งสิ่งก่อสร้างนั้นก็คือมัสยิดกลางของหมู่บ้าน


นั่นก็แสดงว่า บ้านเรือนที่เหลือทั้งหมด สร้างอยู่บนทะเลครับ
โรงเรียนบ้านปันหยี โรงเรียนแห่งเดียวของเกาะก็สร้างอยู่บนทะเล


ยิ่งโฆษณาออกไป ...ฟุตบอลก็ยิ่งกลายเป็นจุดขายของที่นี่
ตลอดทางเดินก็จะมีป้ายบอกทางเราตลอด




เช่นเดียวกับ สนามบอลแห่งนี้ ...
ที่คงเป็นสนามบอลแห่งเดียวในประเทศกระมัง ที่อยู่บนทะเล

.
.

เมื่อมีโรงเรียน ก็ต้องมีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น ได้ออกกำลังกาย
แต่ใครเล่าจะรู้ว่า พื้นที่ห่างไกลเมืองใหญ่ แถมอยู่บนทะเลตรงนี้
จะเป็นมุมเล็กๆ ที่ คนคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล... เป็นเรื่องเป็นราวและเป็นรูปเป็นร่างมากขนาดนี้


ภาพตรงนี้ ทำให้ผมนึกถึง ภาพของเด็กๆ ในบราซิลเตะบอลกันตามตรอก ซอกซอย

บนพื้นที่ที่ไม่คิดว่าจะเป็นสนามบอลได้ ...
แต่เด็กๆพวกนี้ก็ทำให้มันเป็นสนามบอลได้



มองแล้วภาพเก่าๆในสมัยเด็กของผมก็ลอยขึ้นมา


.
.
.

ในสมัยตอนเรียนมัธยม ...ยามพักเที่ยง ผมรีบวิ่งไปกินข้าว
เพื่อขอให้มีเวลาเพียง 10- 15 นาที ก่อนเข้าห้องเรียนจะมาเตะบอล ...


สนามบอลของเราก็เป็นพื้นที่เล็กๆ ข้างลานจอดรถ ที่ใช้ขวดน้ำมาตั้งเป็นโกล์สองข้าง ... ท่ามกลางแดดร้อนที่ส่องลงกลางศีรษะ เด็กหนุ่มนับสิบต่างวิ่ง
ต่างสนุกไปกับลูกบอลพลาสติกกลมๆ หนึ่งลูกบนสนามเล็กๆ


ถามว่าบ้ารึเปล่า ..เปล่าเลย เพราะกิจกรรมนี้ เตะกันทั้งห้อง

เตะเสร็จก็เหงื่อเปียกเสื้อ
ส่งกลิ่นตลบอบอวลให้อาจารย์ต้องบ่นกันในห้องอีก

.
.
.

มันคือ ความหลงใหล กระมัง ....





ผมเชื่ออยู่เต็มหัวใจว่า ถ้าเรามี ความหลงใหล (Passion)
อะไรๆ ก็เป็นเรื่องง่าย อะไรก็เป็นไปได้


ความหลงใหล จะพาเราโบยบินไปยังดินแดนที่เรา (คิดว่า) เอื้อมไม่ถึง

ความหลงใหลจะเปิดจินตนาการ ให้เรากล้าคิด ...
กล้าจะฝ่ากำแพงอุปสรรคออกไป


ดาวเตะระดับโลกอย่างโรนัลดิญโญ่ ก็เกิดมาจากฟุตบอลข้างถนน
เพราะรักและหลงใหลในลูกกลมๆ ความสามารถเลยเกินคำว่าเป็นไปไม่ได้

พื้นที่เล็กๆ แต่เต็มไปด้วย พลังแห่งความเชื่อมัน
บนสนามบอลเหนือน้ำของโรงเรียนปันหยี

จึงกลายไปเป็นโฆษณาของธนาคารเจ้าหนึ่งที่ชูเรื่อง Make the Different …

.
.
.

เสียดายไม่มีโอกาสได้อยู่บนเกาะถึงเย็นๆ ไม่งั้นจะขอเตะบอลกับเด็กๆบนเกาะนี่สักเกม
แต่ดูจากเสื้อที่สองหนุ่มนี่ใส่ดูท่า ทีมนี้จะเก่งไม่เบาน่ะ : )




หมู่บ้านเกาะปันหยี บ้านกลางน้ำของชุมชนมุสลิม
ที่ถูกสร้างอยู่กลางทะเลโดยไม่มีพื้นดินมานานกว่า 200 ปี

และส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านประมง เป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีการประกอบอาชีพ เช่น ทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว
อาชีพรับราชการ การค้าขายและรับจ้าง

ด้วยเป็นชุมชนที่ไม่ใหญ่มาก และบริบทของการนับถือศาสนาอิสลาม

ที่เป็นเหมือนเชือกล่องหนที่สานสัมพันธ์ของคนชุมชนเอาไว้ด้วยกัน
ทำให้ชุมชนบนเกาะปันหยีเข้มแข็งด้วยตัวของชาวบ้านเอง ...


มีพื้นที่เล็กๆ กะด้วยสายตา ราวๆ สนามบาส 1 สนาม
พื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ ที่คนในชุมชน ต่างรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการได้มาพบปะ





วันนี้สนามบอลขนาดฟุตซอลของโรงเรียนเกาะปันหยีคึกคักเป็นพิเศษ
เพราะมีการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งมีทีมจากพื้นที่ใกล้เคียงมาแข่งขันด้วย
ไม่ว่าจะจากภูเก็ต หรือ อำเภออื่นๆ ในพังงาเอง ...


อากาศจะร้อนอบอ้าวไปบ้าง
แต่บรรยากาศก็สนุกทั้งคนเชียร์และคนเล่นเอง




กีฬาฟุตบอล อาจจะดูรุนแรง และไม่เหมาะกับผู้หญิงสักเท่าไหร่
แต่ผมก็เชื่อว่า ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย รักและชอบฟุตบอล

และยินดีจะฝ่าแดด ฝ่าฝนมาเชียร์ทีมรักอยู่ริมสนาม

.
.
.

กองเชียร์ที่สุดยอดเปรียบเสมือนผู้เลนคนที่ 12 ของทีมนั้นๆ
และเสียงเชียร์ก็มีผลที่จะส่งกำลังใจไปให้นักเตะที่กำลังห่ำหั่นอยู่ในสนาม




เป็นกีฬาที่มานั่งนึกก็แปลกดี

คนนับสิบในสนาม ต้องมาแย่งบอลลูกๆ นึง .... เพื่อจะพามันไปซุกอยู่ที่ก้นตาข่ายของอีกฝั่ง


ผมลองค้นจากประวัติศาสตร์เก่าๆ พบว่าต้นกำเนิดของฟุตบอลนั้น
มาจากสมัยที่อังกฤษได้ยกทัพล่าอาณานิคม หาเมืองขึ้น ...


เซอร์จอร์จ เบส นายพลเอกแห่งกองทัพสิงโตคำราม
ได้พากองเรือกว่า 20 ลำ พร้อมทหารกล้ากว่า ห้าพันนาย

ล่องเรือข้ามทะเลมาจนถึงเกาะสามมวย
ซึ่งปัจจุบันคือเกาะสมุยเรานี่เอง (มันเพี้ยนมาจากการเรียกของฝรั่งครับ)


เซอร์จอร์จ ได้ลงเรือมาแล้วพบว่า บนเกาะสามมวยมีต้นมะพร้าวเยอะ
ทันใดนั้น ... เจ้าไข่นุ้ย ลิงจอมซนกำลังเก็บลูกมะพร้าว
เคราะห์ดีลูกมะพร้าวหล่นลงตรงหน้าเซอร์เจอร์จ ...ด้วยความโมโห
เลยเตะมะพร้าวกระเด็นไปตกเข้าตะกร้าผลไม้ของทหารที่กำลังยกลงมาจากเรือ

จึงมีการท้าทาย กันในหมู่ทหาร ยิงลูกมะพร้าวแข่งกันไปมา
จนพัฒนามาเป็นฟุตบอลในปัจจุบัน ...


(อำ เล่นน่ะครับ 555+)





บรรยากาศรอบๆสนาม



สิ่งที่ไม่ค่อยปลื้มบนตัวเกาะปันหยีเห็นจะเป็นเรื่องร้านอาหารครับ
ที่ขายราคาค่อนข้างสูง และรสชาติไม่อร่อยเลย

ไม่รู้ว่าร้านอื่นๆ เป็นเช่นไร ..ผมมากินที่ร้าน ซันนี่ ซีฟู้ด

ปูม้านึ่งขาย 450 บาท เป็นจาน ได้ราวๆ 5 ตัว ไม่ค่อยสดเท่าไหร่
แปลกใจน่ะ เป็นเกาะใกล้ทะเลทำไมไม่สดหว่า

ที่สำคัญ และเคืองมาก คือ ข้าวเปล่าจานละ 50 บาทครับ ..
เข้าใจว่าเป็นอาหารบนเกาะ แต่ขายราคานี้ผมว่าเอาปืนมาจี้กันเลยดีกว่า




หลังจากกินข้าวเที่ยง ก็พอมีเวลาเดินเล่นบนเกาะปันหยีอีกนิดหน่อยครับ

.....



สุดท้ายอยากจะขอเตือนผู้ที่คิดจะมาเที่ยวเกาะปันหยี


.
.
.


บนเกาะปันหยีมีแก็งซิ่งด้วยน่ะครับ
ไปเที่ยวก็ระมัดระวังกันนิดนึง

.
.
แก็งนี้พกพาอาวุธด้วย....


.
.
.
.
.
.
.



อาวุธเป็นความใสและรอยยิ้มนี่แหละ



ผมก็พยายามจะวิ่งหนีแก็งนี้ครับ



แต่ซิ่งกันเร็วมาก

มาปาดหน้า แล้วยิ้มให้ ....







ใกล้ๆกับปันหยีก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่คนเรือมักจะพาเราไปชมครับ

ที่ดังๆก็จะเป็นเขาตะปูครับ บริเวณนี้เคยมีกรมาถ่ายทำหนังดังจนบางทีเรียกกันว่า เกาะเจมส์บอนด์
และมามุมที่เขากันเอียงมาติดกัน ซึ่งเขาเรียกว่า เขาพิงกัน

พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ของอุทยานครับ
ถ้าเราจะขึ้นเกาะไปชมความงามก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย




เลยไปไม่ไกล ก็จะมี เขาเขียน ครับ ...
เป็นมุมที่มีร่องรอยการวาดภาพเขียนบนหน้าผา


ซึ่งคนเก่าคนแก่เค้าเล่ากันว่า เกิดจากที่คนเรือสมัยก่อนนู้น
เค้ามาหลบฝนกันตามแง่งหินและมีการวาดเขียนภาพเอาไว้
ซึ่งผ่านมานาน ภาพเขียนก็ยังไม่เลือนหายไปไหน

--------------------------------------------------------------------------

Welcome to Le Meridien Khaolak



ใช้เวลาอยู่ที่ปันหยีพอสมควร ก็ต้องโบกมือลาครับ
มีโอกาสคงได้กลับมาเยี่ยมเยียนกันใหม่ ชอบมุมเล็กๆ บนนี้ไม่น้อย...

มองดูนาฬิกาก็เกือบ 4 โมงเย็นแล้วครับ
ขับรถออกจากท่าเรือ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ "เขาหลัก"


เราใฃ้เวลาขับรถราวๆ 40 นาทีครับ ถนนลาดยางอย่างดี
มีบางช่วงที่เป็นเลนสวนกันแต่รถก็ไม่ค่อยเยอะ เท่าไหร่ พอจะทำเวลาได้

นี่เป็นครั้งแรกของผมที่มาพักที่เขาหลักครับ ...
ถ้าเป็นช่วงที่เกิดสึนามิใหม่ๆ ก็คงต้องคิดหนักกว่านี้
แต่เหตุการณ์ก็ผ่านมานานแล้วครับตอนนี้ชุมชนและโรงแรมรีสอร์ท
ก็ปรับปรุงกลับมาเหมือนเดิมเกือบหมด แม้จะพอเห็นร่องรอยอยู่บ้าง


คืนนี้เราพักกันที่ Le Meridien Khaolak ครับ ... ก่อนจะมาก็ลองดูหลายโรงแรมครับ สุดท้ายขอเริ่มต้นวันแรกที่เขาหลัก ด้วย Le Meridien ก่อน
ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวในแบรนด์สตาวูดครับ และก็ไม่ผิดหวังครับ
โรงแรมสวยงาม บริการดี เดี๋ยวค่อยๆตามมาดูรายละเอียดต่างๆ กันครับ



เลอ เมอริเดียน เขาหลักตั้งอยู่ที่บ้านบางสัก ต.คึกคัก ครับ
ตอนเห็นชื่อแอบยิ้มเลย เป็นชื่อ ตำบลที่น่ารักน่าชังอะไรเช่นนี้

จริงๆป้ายบอกทางของ เลอ เขาหลักนี่ เห็นมีตั้งแต่ภูเก็ตแล้วละครับ
ถ้านั่งเครื่องมาลงภูเก็ตแล้วเช่ารถไปก็เป็นทางเลือกที่ทางหนึ่งครับ
ใช้เวลาขับราว 1.15 นาที ก็ได้มาสัมพัสความสวยงามและความสงบ

เราใช้เวลาเช็คอินอยู่แป๊บนึงครับ ...
บรรยากาศบริเวณล็อบบี้ครับ ผมชอบโคมไฟด้านบนไม่น้อย




งานตกแต่งของที่นี่จะเป็นไทยร่วมสมัยครับ ใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลัก
รวมทั้งมีการใช้ลวดลายจำพวกเส้นสายโดยเฉพาะเส้นตรงๆ มาเสริมอารมณ์




ตรงนี้เป็นส่วนของ เลาจน์ที่ติดกับล็อบบี้ครับ



สามารถสั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบชมบรรยากาศยามเย็นได้


และก็ตรงนี้เช่นกันที่ช่วงเย็นเค้าจะมีมุมเล็กๆ เป็นกิจกรรมพับผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนูเป็นรูปสัตว์
ผมเห็นเด็กๆ หลายคนก็มาลองฝึก ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็นั่งจิบ คอกเทลดูผลงานของลูกๆ






จากตรงนี้ มองไกลไปได้ถึงบริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางและแถวๆ ชายหาดได้เลยน่ะครับ

เหลือบมองดูแล้วก็เย็นมากแล้วครับ...
เลยรีบเอาของไปเก็บที่ห้องแล้วขอวิ่งมาที่ชายหาดให้ทันพระอาทิตย์ดำน้ำก่อน




บริเวณชายหาด ก็เต็มไปด้วยเตียงอาบแดดครับ


โดยในบริเวณนี้ก็จะมีน้ำเย็นและผ้าเย็นไว้บริการฟรีครับ
แขกที่มานอนก็สามารถเดินไปหยิบได้เลย

กวาดสายตาดูแล้วเกิน 90% เป็นแขกต่างชาติครับ
ไม่ได้ยินเสียงคนไทยเล็ดลอดมาเข้าหูเลย

ต้องยอมรับเลยละว่า ทะเลฝั่งอันดามันนี่
ตลาดเป็นของต่างชาติเยอะจริงๆ โดยเฉพาะเขาหลัก





ติดกับชายหาดก็จะเป็นมุมของ Bamboo Bar & Seafood Grill ซึ่งเป็นห้องอาหารแบบโอเพ่นติดกับชายหาดเลยครับ


สามารถสั่งเครื่องดื่มเย็นๆมานั่งจิบได้
หรือจะฝากมื้อค่ำไว้ได้เป็นจำพวกซีฟู้ดปิ้งย่างครับ





หันมามองไปทางทะเล...


ก่อนจะมาลองดูรีวิวท่านอื่นก็ยังเฉยๆ กับเขาหลักน่ะ
โดยเฉพาะตรงหาดที่ เลอ เมอริเดียน ก็คิดว่าธรรมดาๆ

แต่พอได้เหยียบพื้นทราย และมองวิวข้างหน้า
ถึงกับหลงรักเลยครับ ...

มุมตรงนี้เป็นมุมที่สวยและโรแมนติกจริงๆๆครับ
มันโล่งมาก แบบไม่มีอะไร... และเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับมีบางสิ่ง


เป็นแบบท้องนภาจรดผืนทะเล ... มันสวยตรงที่ไม่มีเกาะข้างหน้า
ให้ความรู้สึกว่า ทะเลมันกว้างใหญ่และไกลแบบสุดลูกหูลูกตามันเป็นเช่นนี้




เลอ เมอริเดียน เขาหลัก เค้าเตรียมแพกลางทะเลเอาไว้ด้วยน่ะครับ

โดนจับจองโดยคู่รักคู่นี้สะแล้ว
เดินไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินบนแพนี้กันสองคน
อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้นเนี่ย








ยังคงนอนอยู่บนเตียงแต่เปลี่ยนเลนส์เอาเทเลมาซูมๆ หน่อย
ปรับ Picture Style ในกล้องให้แปลกตาไปหน่อย ...



ในบางจังหวะผมก็ถ่ายรูปแบบไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไหร่ครับ
อยากถ่ายตรงนี้ อยากนอนถ่ายจากเตียงอาบแดด ขี้เกียจลุกไปหามุม ...



แฮบปี้กับเวลาข้างหน้ามากกว่าพะวงกับการถ่ายรูปมันก็มีความสุขไปอีกแบบ





วันนี้เป็นวันที่เมฆเยอะอีกครั้ง เลยไม่มีโอกาสได้เห็นไข่แดงสวยๆ
เลยเดินถ่ายเก็บบรรยากาศโดยรอบของโรงแรมมาฝากครับ



เริ่มจากบริเวณสระว่ายน้ำส่วนของ กว้างขวางและน่าว่ายเป็นที่สุดครับ
ใครไปพัก อย่าลืมติดชุดว่ายน้ำไปน่ะครับ ไม่อยากให้พลาดกัน




ช่วงกลางวันนี่แขกมาว่ายน้ำกันเยอะมาก
เลยต้องเลี่ยงมาถ่ายตอนกลางคืนนี่แหละครับ



ค่อยเดินย้อนกลับไปทางล็อบบี้ครับ...


จะเห็นเป็นทางเดินที่ตกแต่งข้างๆด้วยเจดีย์ขนาดย่อมๆ

ในภาพจะเห้นว่าอาคารล็อบบี้จะเป็นแบบสองชั้นน่ะครับ
ซึ่งชั้นล่างนั่นจะเป้นที่ตั้งของห้องอาหาร Cafe Lilawadee ครับ
เป็นห้องอาหารไทยและเป็นห้องอาหารหลักที่เราใช้กินอาหารเช้ากันด้วย



ห้องอาหารของที่นี่ที่ดังๆ จะเป็นอีกสองห้องครับ คือ Bangsak Grill
เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง

และ Kuk Kak Bar&Grill ซึ่งเป็นห้องอาหารอินเดียน
ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของล็อบบี้แถวๆ ลานจอดรถครับ

เสียดายไม่ได้แวะไปลิ้มลองรสชาติเลยไม่มีรูปห้องอาหารมาฝากครับ






ฟ้าเข้มๆ มองไปยังล็อบบี้อีกครั้ง




ตอนนี้เดินเล่นผ่านไปทางล็อบบี้อีกครั้ง ...
ตอนกลางคืนเปิดไฟแล้วสวยงามกว่าตอนกลางวันเยอะเลยครับ



จากตรงเลาจน์มองไปทางชายหาด
บรรยากาศดีจริงๆ





จะเลือกนั่งมุมตรงนี้ก็ได้วิวสวยๆ เหมือนกัน

แต่ผมรู้สึกว่าสระน้ำชั้นลอยข้างหน้ามันนิ่งๆไปหน่อย
จริงๆน่าจะใส่น้ำพุ หรือมีลูกเล่นอะไรให้ไม่เบื่อมากกว่านี้อีกสักนิด




พื้นที่ของโรงแรมค่อนข้างกวางอยู่เหมือนกันครับ
มีตึกห้องพักอยู่หลายตึก ถ้าได้พักห้องริมๆ ก็ถือว่าไกลจากตรงล็อบบี้พอสมควรเลย
แต่เราก็สามารถให้พนักงานขับรถกอล์ฟไปส่งได้น่ะครับ


ห้องพักที่จะมาชมวันนี้คือ ห้อง Deluxe ครับ ซึ่งเป็นห้องประเภทเริ่มต้น
ซึ่งผมว่ากว้างขวางมากครับราว 40 ตรม.


ดูภาพห้องพักกันแบบกว้างๆกันก่อนครับ




มีทั้งโซนนั่งเล่นในห้องและมีที่นั่งนอกระเบียงด้วยน่ะครับ

ถือเป็นห้องพักขนาดกำลังดีมากๆ




ถ้าเราเปิดประตูห้องเข้ามาจะเป็นมุมนี้ครับ




เห็นเตียงแล้วอยากจะกระโดลงไปนอนทันทีเลยครับ

มันรู้สึกว่าต้องนิ่ม หลับสบายแน่ๆ ...
วันนี้ผมพักที่ชั้นหนึ่งน่ะครับ ก็จะเห็นวิวข้างนอกระเบียงเป็นแบบ Garden View




หันซ้ายจะเป็นห้องน้ำครับ...


ก็เป็นกระจกใสตามสมัยนิยมครับ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็ดึงม่านลงมาปิดได้ครับ




เดี๋ยวพาไปดูภายในห้องน้ำครับ ...


มีการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งเป็นอย่างดี
มีอ่างอาบน้ำให้ อ่างล้างหน้าอันเดียว
สิ่งอำนวยความสะดวก Amenities ต่างๆ
ก็มีครบตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ครับ




จะเห็นว่าจากในห้องน้ำเราสามารถเปิดม่านดูทีวีได้ด้วยน่ะครับ




ภายในห้องตกแต่งด้วยไม้เป็นองค์ประกอบ
เมื่อรวมกับการจัดแสง ทำให้บรรยากาศในห้องนอนอบอุ่น



ในห้องตอนเข้ามาครั้งแรก ก็จะเปิดทีวีช่อง SPG ไว้ ยั่วน้ำลายเราครับ


เจอรูปสวยๆของเครื่อสตาร์วูดในต่างแดนแล้วหวั่นไหว ยิ่งพวกเมืองตากอากาศดังๆนี่ จะสวยไปไหน






บนโต๊ะก็มี Welcome Fruit ไว้กินแก้หิวได้

เราสามารถนั่งชมทีวีจากบริเวณโซฟาข้างๆเตียงได้สบายครับ เพราะเค้าออกแบบให้ทีวีไม่ได้อยู่ตรงกับเตียงสะทีเดียว จะก้ำกึ่งๆเอาไว้




สำหรับทุกการเช็คอินของโรงแรมสตาร์วูดก็จะมีการขอร่วมบริจาค 1 ดอลล่า เพื่อช่วยเหลือเด็กๆในโครงการของ Unicef ด้วย

วันนี้พึ่งไปเจอเด็กๆที่ปันหยีมาก็ยิ่งยินดีจะช่วยบริจาคให้เด็กๆที่ด้อยโอกาสครับ




บนเตียงก็จะมีแฟ้ม Information ต่างๆ ของโรงแรมครับ
รวมทั้งกิมมิกต่างๆ ที่โรงแรมเอามาเล่นกับแขก

สำหรับการ์ดสองใบในภาพนี่ เอาไว้วางไว้บนเตียงในกรณีที่ต้องการจะให้เปลี่ยนผ้าปูเตียง หรือทำความสะอาดนั่นเอง

ซึ่งผมก็แอบลืมไปเหมือนกันว่า
การ์ดใบขาวหรือน้ำเงินที่แปลว่าให้แม่บ้านทำความสะอาดแต่ชอบลวดลายของภาพบนการ์ด




สำหรับท่านที่สงสัยว่าหลับสบายมั้ย ... แรกๆ ก็หวั่นเหมือนกัน
แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ มีแค่รู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเต็มที่เท่าไหร่
อาจจะด้วยผ้านวมที่ค่อนข้างงหนามาก ถ้าปรับแอร์ไว้ 24-25 เล่นเอาร้อนเหมือนกัน แนะนำให้ลองนอนแล้วเปิดแอร์ต่ำกว่านี้จะนอนสบายตัวกว่า

...

เอาล่ะ เช้ากันแล้วครับ


วันนี้ตื่นแต่เช้า...
เปิดท่านออกไปดูตรงระเบียงแดดดีที่เดียว … นี่มันสายแล้วนี่นา 555+




อีกจุดเด่นของที่นี่เห็นจะเป็นเรื่องการดูแลสวนและแลนด์สเขปครับ
ต้นไม้ในบริเวณห้องพักเยอะดี ...ร่มรื่น และไม่ได้รู้สึกถึงความรกเลย


โซนห้อง Deluxe นี่ ก็จะมีสระว่ายน้ำอีกสระไว้ให้ว่ายเล่นเหมือนกันครับ

ขนาดจะกำลังดีไม่ได้เล็กมาก เห็นมีแขกหลายคนเลือกจะเล่นน้ำตรงนี้
ยิ่งถ้าอยู่ชั้นหนึ่งแบบผมนี่ แค่เดินออกจากห้องก็ถึงสระแล้ว




เช้านี้เรามากินบัฟเฟต์อาหารเช้ากันที่ห้องอาหาร คาเฟ่ ลีลาวดีครับ
มีให้เลือกนั่งได้ทั้งด้านนอกแบบโอเพ็นแอร์และบริเวณด้านในห้องแอร์




แนะนำว่าให้นั่งด้านในดีกว่าครับ
เพราะใกล้กับไลน์บัฟเฟต์มากกว่า สะดวกกับการตักอาหาร



อาหารเช้าของเลอ เมอริเดียน เขาหลัก ประทับใจผมมากครับ
ตอนเดินดูไลน์บัฟเฟต์รอบแรกเหมือนจะไม่ค่อยหลากหลาย

แต่พอได้ลองตักดูแล้ว ทำเมนูมาเสิร์ฟแขกได้ดีจริงๆครับ
ครอบคลุมอาหารทุกแนว ไทย จีน ฝรั่ง

เป็นอาหารเช้าที่กินแล้วมีความสุข อร่อยทุกอย่าง ใช้วัตถุดิบเกรดดี
โดยเฉพาะแพนเค้กราดวิปครีมของโปรดนี่จัดไปสามรอบ
กินเสร็จต้องรีบไปเดินย่อยกันเลยทีเดียวเพราะอิ่มมากกกก


รูปประกอบนี่ถือเป็นออเดิร์ฟน่ะ : )




ออกมาเดินย่อยรอบๆโรงแรมอีกครั้ง จะมีมุมของเด็กๆ ด้วยน่ะครับ
ตั้งกันกลางแจ้งใกล้ๆกับห้องอาหารเลย





เดินไปถึงชายหาดอีกครั้ง

เตียงอาบแดดยังว่างอยู่เยอะเพราะแขกส่วนใหญ่กินข้าวเช้าอยู่ในห้องอาหารกัน
วันนี้เป็นวันที่แดดแรงอีกครั้ง มาเที่ยวทะเลแล้วฟ้าใสๆนี่มีความสุขมากจริงๆครับ




สรุปแล้วผมประทับใจกับ Le Meridien Khaolak มากครับ
ไม่เคยผิดหวังกับแบรนด์นี้เลยจริงๆ ถ้าให้คะแนนคงราว 4.5/5 เลย

ตอนแรกชั่งใจกับ Marriot เขาหลักอยู่เหมือนกัน
ถ้ามีโอกาสกลับไปคราวหน้าจะไปลองพักมาเปรียบเทียบให้ครับ
ว่าสองโรงแรมนี้มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันยังไง

ขอลาด้วยล็อบบี้ของ Le Meridien Khaolak ที่งดงามภาพนี้ครับ
เดี๋ยวคราวหน้าจะมารีวิวที่พักสุดฮิปอีกแห่งของเขาหลักครับ รอชมได้

.
.
.

หวังว่าคงมีความสุขกับ Life & Travel ฉบับนี้ คนชมมีความสุข...คนรีวิวก็ยิ้มได้
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมารับชมกันเสมอครับ




Create Date : 24 พฤษภาคม 2554
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 20:32:39 น. 12 comments
Counter : 10579 Pageviews.

 
ภาพสวยมากกกกก เลยคะ

ที่พักก็สวย ขอบคุณรีวิวดีๆๆ นะคะ



โดย: strawberry banana&cream วันที่: 24 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:12:53 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 25 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:01:25 น.  

 
ที่พักดี รีวิวสวย ..
ชอบภาพทะเลสงบดีจังไม่มีคลื่นเลย ..
เคยไปเกาะปันหยี นานมากแล้วตอนนั้นยังไม่มีสนามฟุตบอล ..
อาหารที่นั่นอร่อย ข้างในมีของทะเล ขาย เยอะมากยังจำได้..
ขอบคุณ ทีทำให้เรามีความสุข ค่ะ..


โดย: tifun วันที่: 25 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:50:30 น.  

 
สวัสดี
รูปสวยมาก
จริงๆที่พังงามีความงามและสงบมาก
อยากให้ไปเห็นที่ ตลาดเก่าตะกั่วป่า


โดย: คนพังงา IP: 101.108.129.72 วันที่: 27 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:33:18 น.  

 
ขอบคุณนิตยสาร The sixth floor Lifestyle &Travel น่ะค่ะที่ช่วยโปรโมท ขอบคุนทุกคนด้วยค่ะที่ชื่นชอบ และยังคงรักการท่องเที่ยว ขอบคุณค่ะ


โดย: Kon Panyee IP: 118.173.82.171 วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:0:45:00 น.  

 
คุ้นๆ
รูปสวยมากค่ะ


โดย: สาวหน้าใส วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:8:05:07 น.  

 


โดย: register (nrokas_1 ) วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:14:19:53 น.  

 
เพิ่งไปมาค่ะโรงแรม เลอเมอริเดี่ยนเขาหลัก สวยค่ะบริการดี แต่ไปเจอแท๊กซี่ป้ายดำ ที่หน้าโรงแรมมา(ฝั่งตรงข้ามเลย พอเดินออกจากป้อมยามก้จะเจอ) เแท๊กซี่ตรงนั้น ครั้งแรกๆพูดดี แต่พอบอกไม่ไป แพง ก้พยามหยัดเหยียดให้ไป แฟนก้ใจอ่อนค่ะ ยอมไปด้วยนั่งจากโรงแรมไปเขาหลัก นึกว่าจะไม่ถึงแล้ว เพราะคนขับกินแอลกอฮอค่ะ คนที่มาติดต่อเรียกแขกคนละคนกับคนขับค่ะ เค้าขับแบบมึนๆค่ะ ยังไม่ทันลงจากรถก้ออกตัวแล้ว เพราะตังเราจ่ายก่อนขึ้นค่ะ แค่นี้ไม่พอ ครั้งที่สอง แท๊กซี่ตรงข้ามโรงแรมเหมือนเดิม คราวนี้กลางคืนค่ำหน่อยชวนไปกินข้าว เด่วเขาหลักกลางคืนพาไอแพดไปด้วยเพื่อแฟนจะคุยกะครอบครัวที่อยู่เยอรมัน คุยเสร็จจำได้ว่าคุยครั้งสุดท้ายนั้นบนรถ และไม่ได้เอามาใช้อีกเลยระหว่างเที่ยว รูปก้ถ่ายกะมือถือคิดว่าลิมไว้บนรถแท๊กซี่แน่ เลยนั่งรถกลับไปที่คิวแท๊กซี่เดิม พอถามก้บอกไม่เหน ไม่รุ้ แต่มีคนขับแท๊กซี่ด้วยกันนั่งเล่นกันอยู่เราจำได้ พอขอดูก้ไม่ได้ สุดๆของความหน้าด้าน ตั้งแต่นั้นแฟนเราก้ไม่เดินไปแท๊กซี่ตรงข้ามอีกเลย พวกมันก้ไม่มาเรียกเราสองคนอีกเลย ลงทุนเดินไกลแต่บริการดีมากกับแท๊กซี่ตรงมินิมาร์ทร้านค้าเล็กๆ ดีกว่า ขนาดทดสอบหย่อนตังไว้ เค้าก้เก็บมาคืนถึงหน้าฟรอนเลย เพราะหลังจากเราเจอแท๊กซี่ที่ร้าน Family restaurant เราก้ไม่เดินออกมาหน้าโรงแรมอีกเลย เจ็บใจไอแพดค่ะ ระวังกันด้วยน่ะค่ะ


โดย: yui IP: 223.207.65.68 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:21:49:34 น.  

 
fake hermes h buckle [Life&Travel #14] ..เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..
hermes replica evelyne bags //www.hanmac.com/hermes-replica-evelyne-bags.html


โดย: hermes replica evelyne bags IP: 192.99.14.36 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:5:55:03 น.  

 
p0nO7Z //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com


โดย: marcus IP: 94.23.252.21 วันที่: 8 มกราคม 2558 เวลา:3:50:27 น.  

 
ภาพตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร ท่าเรือ เกาะปันหยีน้อยไปครับ เกาะตะปูด้วยครับ ..... ขอบคุณครับ ขอภาพน้ำทะเล หาดทราย ภูเขา ฯ สวยๆ เยอะๆด้วยครับ


โดย: เกษมศักดิ์ IP: 103.10.230.252 วันที่: 6 สิงหาคม 2558 เวลา:11:41:41 น.  

 
JRq2Tt //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com


โดย: JimmiXzS IP: 188.165.201.164 วันที่: 15 ตุลาคม 2559 เวลา:9:21:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the Sixth Floor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ theSixthfloor Studio ครับ

บทความและภาพถ่ายทั้งหมดในบล็อคนี้
สงวนลิขสิทธิ์หากถ้าต้องการนำไปใช้หรือ
เผยแพร่เพื่อการศึกษาหรือการกุศล
ก็ยินดีครับแต่ก็ขอความกรุณาติดต่อผม
เพื่อให้ทราบรายละเอียด

สำหรับท่านที่ต้องการติดต่อเรื่องบริการ
ด้านการถ่ายภาพสามารถติดต่อโดยตรง
ได้ด้วยเช่นกันครับ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านแวะมาเยี่ยมชม
บล็อคของผมครับ
q( ^o^ )p
Click to





count web site traffic
Visitor


■ L&T 01 .. รอยยิ้มปนคราบน้ำตา บนท้องนาแห่งชีวิต ..
■ L&T 02 .."เชียงคาน" เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข ..
■ L&T 03 .. ผืนน้ำจรดขอบฟ้า ตะวันลับตาที่ Hilton Pattaya Hotel ..
■ L&T 04 .. นอนฟังเสียงสายน้ำคลอเคลียที่ Bamboo Hut Resort@ทองผาภูมิ ..
■ L&T 06 .. สโลโมชั่นชีวิตในวันที่เร่งรีบ ณ Anantara Bangkok Sathorn ..
■ L&T 07 .. ความสุขในมุมเล็กๆที่ Mimosa Resort & Spa @ Koh Samui ..
■ L&T 08 .. ออกไปลอยคอกลางทะเล ที่ มก.สุรินทร์ และ เกาะตาชัย ..
■ L&T 09 .. ความอบอุ่นถักทอบนความทรงจำสีจางที่ Villa Nalinnadda เกาะสมุย ..
■ L&T 10 .. บรรยากาศสบายๆที่ the Baths Medi Cottage Resort @ Cha-Am ..
■ L&T 11 .. สูดหายใจพร้อมรับ"ดับเบิ้ล"ประสบการณ์ที่ W Retreat @ Koh Samui . .
■ L&T 12 .. เหยียบไปบนพื้นทรายคลอเสียงคลื่นที่ Rasananda Resort เกาะพะงัน ..
■ L&T 13 ..ปัดฝุ่นความทรงจำที่ Cape Panwa Hotel ภูเก็ต#Day 1 ..
■ L&T 14 .. เก็บรอยยิ้มจากเกาะปันหยี เติมเต็มความสุขที่ Le Meridien เขาหลัก ..
■ L&T 15 .. สะกดทุกสายตา เวลาหมุนช้าที่ Villa Maroc @ Pranburi ..
■ L&T 16 .. จินตนาการแห่งที่สุดของการสร้างสรรค์ ณ Casa de La Flora Resort ..
■ L&T 17 .. ลำปาง ปลายทางแห่งความสุข ..
■ L&T 18 .. สัมผัสมะลิงามที่เบ่งบานในวันหยุด Malisa Villa Suite @ Phuket ..
■ L&T 19 .. " เชียงใหม่ " . . . พอดีคำ กำลังดี . . . . .
■ L&T 20 .. มิอาจคลาดสายตาจากความงามของ the Baray Villa @ Phuket ..
■ L&T 21 .. Siam Kempinski Hotel เพชรเม็ดงามใจกลางมหานคร ..
■ L&T 23 .. เกาะตาชัย . . . จะไปด้วยกันรึเปล่า ?..
■ L&T 24 .. Ramada Resort Khaolak กับวันสบายริมหาดเขาหลัก ...
■ L&T 28 .. สงขลา ... เวลาใหม่ในขวดโหลใบเดิม ...
■ L&T 29 ... เนปาล Endless Journey ตอนจบ
■ L&T 31 ... ซีอาน กองทัพทหารดินเผาแห่งจิ๋นซีฮ่องเต้
■ L&T 32 ... เดินเล่นใน "สุโขทัย" เนิบช้าและทรงคุณค่า
■ L&T 33 ... ยุโรปครั้งแรก "เนเธอร์แลนด์ และอัมสเตอร์ดัม
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add the Sixth Floor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.