เอาละครับมาต่อกันตอนจบ ที่จะพาไปเที่ยวยุโรปทริปกันต่อครับ ....
ใครเริ่มจะลืมไปว่าตอนแรกผมไปไหนมาบ้าง
รีบๆ ไปตามอ่านจากกระทู้ด้านล่างนี้ก่อนเลยจ้าาาาาา
ในส่วนของครึ่งแรกทริปนั้น มีจุดพีคที่ พิชิตยอดเขาจุงเฟรา ที่สวิส ..
ส่วนครึ่งหลังนั้นผมขอยกให้แคว้นอัลซาส นี่แหละครับ ..
ซึ่งผมนี่หลงรักเอาแบบใจง่ายเลย
แคว้นอัลซาสอยู่ตรงไหน ?
ถ้าดูจากแผนที่ก็จะอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศสครับ
ตรงนี้มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมันครับ
ถ้าวางแผนเที่ยวดีๆ สามารถไปสนุกต่อที่เยอรมันได้ด้วย
หรือใครจะไปเยอรมันก่อนแล้วลากยาวเข้า อัลซาส ไปจบที่ปารีสก็เกร๋กู้ดไม่เบา
แคว้นอัลซาสมีอะไรน่าสนใจ
คำตอบคือ อุดมไปด้วย เมืองเล็กๆที่น่ารักน่าหยิกแก้มครับ
และเป็นแหล่งกำเนิดไวน์ขาว ชื่อดังระดับโลกครับ
แบรนด์ไวน์ขาวที่หลายท่านคุ้นหูมาจากไร่ไวน์โซนอัลซาสนี่แหละ
ด้วยเหตุนี้ แน่นอนว่าโปรแกรมการมาเที่ยวที่แคว้นอัลซาสของเรา
ได้เข้าเยี่ยมไร่ไวน์ด้วยครับ ซึ่งเป็นระดับท็อบของที่นี่เช่นกันครับ
ให้สมกับการมาทัวร์ของ Napira Travel Stylist ที่ Exclusiveทุกอย่าง ..
Day 06 | Colmar : Rouffach
เราเดินทางด้วยรถบัสส่วนตัวข้ามพรมแดนเยอรมันฝรั่งเศสมาครับ
ใช้เวลาราวๆ สามชั่วโมก็เดินทางเข้าสู่แคว้นอัลซาส ..
ตอนนี้อากาศดีขึ้นกว่าวันก่อนๆเยอะเลยครับ ..ฟ้าเริ่มเคลียร์ กำลังเย็นสบายเลย
จุดหมายแรกวันนี้เราไปเมืองโคลมาร์ก่อนเลยครับ ..
จริงๆก็อยากจะไปเก็บแสงเย็นที่เมืองนี้ด้วยครับ ..
เมืองโคลมาร์นี้ เป็นอีกจุดหมายที่ผมปักหมุดไว้นานมากๆครับ
คราวก่อนที่ผมมาฝรั่งเศส นั้นเวลาไม่พอครับ
เพราะหากจะแปลนทริป การเดินทางมาจากปารีสมานั้นเสียเวลา
ไปหนึ่งวันเต็มๆเลย และก็คิดว่าถ้าจะได้ฟิน ให้อิน นั้นควรมาค้างคืน
และมาทิ้งเวลาอยู่ในเมืองโคลมาร์ รวมถึงเมืองเล็กๆ รอบๆ สัก สามสี่วันครับ ...
เมืองโคลมาร์นั้น ถือเป็นอีกเมืองโด่งดังของแคว้นอัลซาส
นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ....
มาก ...
มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีกครับ ..
ตอนแรกคือคิดว่าเมืองมันเล็กๆ
แต่ไม่เลยครับ เมืองค่อนข้างใหญ่และผู้คนเยอะ
จบทริปแล้ว เลยเห็นภาพ ที่กว้างมากขึ้น
โคลมาร์อาจจะน่ารัก 7/10 แต่เมืองเล็กๆรอบๆ น่ารักกว่าครับ
รวมทั้งอาจจะชิลกว่าด้วยครับ นั่นแหละครับ
บางทีการไม่คาดหวังอาจจะได้เกินหวัง
โคลมาร์นั้นมีมรดกทางศาสนาที่ค่อนข้างสมบูรณ์
ถ้าเราเดินลัดเลาะเข้าไปสู่ย่านเมืองเก่าตรงกลางเมือง ก็จะเจอกับโบสถ์โดมินิกัน
ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคดั้งเดิมเลย
แต่ผมว่าร้อยละเก้าสิบของนักท่องเที่ยวมองข้ามไปครับ
ถ้าคุณเที่ยวยุโรปมาหลายวัน มันจะเริ่มชินชา
ชาชินกับโบสถ์กลางเมืองไปละ ฮ่าๆๆๆ
ความสวยงามของบ้านเรือนสีๆ แล้วมีแม่น้ำเล็กๆไหลผ่าน ต่างหาก
ที่ ดูจะเป็นจุดเด่นที่ใครๆก็สะดุดตาและโดนสเน่ห์บ้านเมืองย่านนี้ร่ายมนต์สะกด
บางคนเรียกว่าเวนิสน้อย
นับๆทั่วโลกนี่ เวนิสน้อยมีเยอะน่ะครับ ฮ่าๆๆ
โคลมาร์มีแม่น้ำ Lauch ไหลผ่าน .. มีคูคลองเล็กๆตัดไปมา
เคียงข้างริมน้ำด้วยบ้านไม้เก่าแก่สไตล์เยอรมัน
(เพราะแคว้นอัลซาสนี่อยู่ติดเยอรมันนี่แหละครับ)
ผมเดินหามุมที่อยู่ในหนังสือท่องเที่ยวนานเลยครับ
เกือบจะยอมแพ้ไปละ
บุญเก่ายังทำไว้ดี เดินงงๆ หลงๆ ในที่สุดก็เจอมุมที่ตามหา
ทริปนี้ผมร่วมทริปไปกับกองถ่ายรายการ หนีเที่ยว เทปตะลุยยุโรป
ซึ่งมี คุณนาตาลีและคุณฟลุ้ก เกริกพล เป็นพิธีกร ด้วยครับ
ก็ถือโอากาสขออนุญาตมาเป็นนางแบบบางรูปเลย ... กระทู้ดูน่าอ่านขึ้นเยอะน่ะ 555+
ยังทันที่ฟ้าไม่มืดมากไปซะก่อน
ก็ได้ภาพสวยๆของโคลมาร์สมใจครับ .. ถือว่าพิชิตเมืองในฝันไปได้อีกเมืองครับ
อย่าลืมน่ะครับ เวลาเห็นภาพสถานที่สวยๆ ตามเว็บนู้นั่น เพจท่องเที่ยว
ก็เซฟเอาไว้ ทำเป็น Basket List Dream Destination เอาไว้
และก็ค่อยๆ ทำให้เป็นจริงทีละนิดทีละน้อยครับ
หลังจากดินเนอร์
คณะเราเดินทางออกไปเมือง รูฟแฟช เป็นเมืองเล็กๆ
ห่างจากโคลมาร์ 15 นาที
ถามว่าทำไมไม่นอนในโคลมาร์ อิ อิ ...
เพราะสเน่ห์อีกอย่างของแคว้นอัลซาสคือการได้มาพักในชาโต ปราสาทเก่าครับ
ซึ่งเราเลือกมาพักกันที่นี้แหละครับ
Chateau de Ile เป็นชาโตเก่า ตั้งอยู่บนเนินสูงของเมือง Rouffach
ยามเช้าตื่นมาบรรยากาศดีมากกกกกกกก อาหารเช้าก็อร่อยจริงๆครับ
แนะนำเลย ถ้าชอบบรรยากาศโรงแรมสวยๆ ชิลๆ และงบประมาณถึง
ลองมาพักที่นี่ดูครับ
ยามเช้าของเมือง รูฟแฟช ครับ .... อากาศดีมากกกก
จิบโกโก้ร้อนอุ่นๆ กินขนมปังปิ้งร้อนๆ ฟินมากกกกกกก
ผมต้อง บังคับให้ดูภาพบรรยากาศของที่พักของเรา หลากหลายมุมหน่อย
เพราะพักที่นี่สองคืนเลยครับ ...
อันนี้คือความพิถีพิถันในการเลือกที่พักของ Napira Travel Stylist เลยครับ
ต้องเกร๋และมีสไตล์ บินไปไกล ต้องได้ประสบการณ์เจ๋งๆกลับบ้าน
ห้องอาหารเช้าของเราครับ มีทั้งโซนในห้องและระเบียงด้านนอก ...
Day 07 : Riquewihr : Maison Trimbach : Maison Hugel
วันนี้เรามีนัดเทสไวน์ กันถึงสองไร่ไวน์ครับ
เตรียมตัวเมากันได้เลยฮ่าๆ ...
เราเริ่มกันที่ไร่ไวน์ Trimbach ครับ ...
ผู้จัดการไร่ ก็พาเราชมกระบวนการผลิต การบ่มไวน์ ...
ส่วนใหญ่ไวน์ยอดนิยมของฝั่งอัลซาสคือไวน์ขาวน่ะครับ
พวก Pinot Noir ที่คุ้นหูกันดี ... สำหรับคนทั่วไปก็สามารถ เดินเข้ามาซื้อไวน์
กลับบ้านไปได้ครับ หรือใครมาเที่ยวหลายวัน ... แวะซื้อตามไร่ดังๆ แล้วดื่มในทริปเลย ก็ชิลมากกกกกกครับ ..
ฃ่วงบ่ายเรากระดึ้บๆไปที่ Maison Hugel,
อยู่ที่เมือง Riquewihr เมืองนี้ออกเสียงยากนิดครับ
ออกเสียงประมาณว่า ริคเควียร์ ..
เมืองน่ารักมากๆ ที่จะเป็นบ้านสไตล์ Timber Frame
ลักษณะบ้านแบบนี้จะใช้ไม้ท่อนใหญ่วางเป็นมุมตัดกันแบบในภาพครับ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านแถวอัลซาสนี้เลยครับ
เมืองริคเวียร์ตั้งอยู่ในหุบเขา
มองไปทางไหนก็จะเจอแต่ไร่ไวน์นับพันไร่ห้อมล้อม
อากาศที่เมืองนี้เย็นสบายทั้งปี ทำให้องุ่นมีรสชาติดีงามพระรามแปด และพลอยให้ไวน์ขาวโด่งดัง
สำหรับ คอไวน์ขาว น่าจะรู้จักกันดีครับ กับแบรนด์ Hugel ครับ ..
วันนี้เราได้รับเกียรติมากที่ เจ้าของไร่ นั้นมาต้อนรับ
และพาชมในโรงหมักไวน์ด้วยตัวเองครับ
ถังไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่ใต้ดินนั้น นับสิบนับร้อยลูก ไซส์ใหญ่มากกกก
และเหมือนเป็นธรรมเนียมน่ะครับ ลูกหลานตระกูลนี้ จะต้องมีถังใหม่ของตัวเองและ
สลักชื่อเอาไว้ครับ
คือบอกเลยว่า เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ
ถ้ามาเที่ยวเองแบบแบ็กแพ็ก ผมบอกเลยว่ายากมากกกกก
ที่ระดับเจ้าของจะพาเดินชม และให้เราเทสไวน์กันแบบใกล้ชิด รินไวน์ให้เรากับมือครับ
บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนานและรอยยิ้มของเจ้าบ้าน
แน่นอนแขกผู้มาเยือนอย่างเรา .. ชิมๆไป บอกเลย เมาครับ ฮ่าๆๆๆ
มื้อเที่ยงที่ ริคเควียร์ ผมแนะนำร้านนี้ครับ สไตล์โฮมมี่ๆ ขนมปังที่มาเสิร์ฟอาย่อยมากกก ชื่อร้านว่า la grappe d'or riquewihr
เดินเข้าหมู่บ้านเดินเลยน้ำพุ ไปสักนิดสังเกตซอยขวามือเล็กๆ ครับ
จริงๆ เราไปกันมาสามไร่เลยครับ แต่ไร่ Maison Leon Beyer นี้
เราได้มีโอกาสขับเข้าไปในไร่เค้าเลยครับ กว้างใหญ่มากๆๆๆๆๆ
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Eguisheim อ่านออกเสียงยากอีกละ 5555+
แต่ผมต้องแนะนำเลยครับว่า ถ้าเช่ารถขับเที่ยวเอง แวะมาเลย
หมู่บ้านเล็กๆ น่ารัก เคยได้รับรางวัลเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศสด้วย
แวะเที่ยวชมไร่ของ Leon Beyer ครับ
เจ้าของน่ารักมากๆอีกเช่นกันครับ ...
หลังจากเข้าชมไร่ไวน์ เทสไวน์กันสำราญแล้ว
เรามาเดินเล่นในหมู่บ้านกันต่อครับ Eguisheim ยามค่ำคืน สวยงาม สงบบบบ
ถ้าจะฝากท้องมือค่ำที่หมู่บ้านนี้ ก็แนะนำร้านนี้เลยครับผม เจ้าของไร่ไวน์แนะนำมา มั่นใจได้เลยว่าน่าจะอร่อยแน่ๆ
Restaurant la Grangeliere
ส่วนใหญ่ร้านอาหารตามหมู่บ้านในอัลซาดจะแนวบ้านๆ โฮมมี่ๆ
บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง และร้านนี้ก็เช่นกันครับ อร่อยถูกปากมากๆ
เมืองหลัก ....
ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แวะเที่ยวฝั่งอัลซาสคือ โคลมาร์ Colmar
และ Strasbourg สตราสบูร์ก ครับ ก็ควรจะแบ่งคนละวันไปเลยครับ
จริงๆ ผมไม่ค่อยสนับสนุนให้เที่ยวแบบเก็บแลนมาร์ก
เร่งรีบอะไรขนาดนั้นครับ
เราบินไปเที่ยวไกลขนาดนี้ .. ค่อยๆ เดินซึมซับบรรยากาศ ..
มองรายละเอียดเล็กๆ
ในเมืองที่เราไปเยือน จะดีกว่า
และมันได้อะไรกลับบ้านเยอะกว่าครับ
บรรยากาศที่เมืองสตาร์สบูร์ก ครับ
รอบนี้คณะเราไม่ได้เน้นที่นี้มาก แค่แวะไปเที่ยวใจกลางเมือง
เดินเล่นนิดหน่อย กินไอติมอร่อยๆ กันครับ
หลังจากนั้น ....
เรามารอขึ้นรถไฟที่สตราสบูร์กนี่แหละครับ ด้วยขบวน TGV สู่มหานครปารีส
ซึ่งสตราสบูร์กเป็นหมือนศูนย์กลางการเดินทางของฝั่งอัลซาสนี้เลยครับ
ถ้าจะมาเที่ยวแคว้นอัลซาส เราก็นั่ง TGV จากปารีสมาเลยครับ
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง เห็นมั้ยว่าไปกลับก็ครึ่งวันละ
ดังนั้นควรมานอนค้างเน้อออออ
ยิ่งใครมาเที่ยวหน้าหนาวฟ้ามืดเร็ว บอกเลย มีเวลาเดินเล่นไม่มี่ชั่วโมงครับ
Day 08 - 09 - 10 Paris Autumn, I Love You
แพรีส ...
หญิงสาวที่ทรงสเน่ห์ที่สุด ตั้งแต่ยุคมือถือจอสีเดียว จนยุค 4G ในปัจจุบัน
หัวกะไดไม่เคยแห้งสำหรับ บ้านเจ้าหล่อนแห่งนี้ ....
ไม่รู้น่ะครับ คือ มันเป็นเมืองใหญ่ที่ เต็มไปด้วยอะไรไม่รุ เต็มไปหมด
ทั้งวุ่นวาย ทั้งคนเยอะทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ....
มีทั้งมุมสวยๆ สถาปัตยกรรมเนียนตา บางมุมก็ยังกับสลัม คนจรจัดเยอะ
แต่เป็นอีกเมืองที่ผมไม่เคยจะเบื่อ และรู้สึกว่า ชั้นพอแล้ว ลากันทีแพรีส
ผมยังมีความสุขและสนุกทุกครั้งที่ได้มา ...
ตั้งแต่ตอนแบ็กแพกมาครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
จนถึงครึ่งนี้ ก็ยังได้รับประสบการณ์ดีๆ จากแพรีส กลับบ้านมาให้ได้คิดถึงตลอด
พาแวะมาลิ้มลองอีกร้านระดับตำนานของเมืองแพรีสครับ
Brasserie Bofinger Paris 1864 ... มีที่เด็ดที่เซ็ทซีฟู้ดสไตล์ฝรั่งเศสของเค้า
ราคาสูงตามชื่อเสียงของร้าน ... และรสชาติก็ดีงามตามราคาด้วย
รอบนี้เป็นช่วงที่แพรีส งดงามเป็นพิเศษเพราะ เป็นช่วง ใบไม้ร่วง
ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังเย็นสบาย แม้จะเจอฝนบ้างประปราย
แต่ .. ความรักก็ยังไม่ลดลง
ผมปล่อยให้ภาพ ได้เล่าเรื่อง และ บรรยายถึงสาวแพรีส คนนี้ดีกว่า
ว่าในฤดูนี้ เธองดงามและน่าค้นหาแค่ไหน ....
และผมก็เชื่อว่า พลาสปอร์ตของผม
ยังคงรอเวลาได้ปั้ม ตม ผ่านเข้าออก ฝรั่งเศสอีกหลายครั้งแน่ๆ
ผมร่วมทริปกับ Napiraมาหลายทริปละ
ประทับใจตรงการจัดโปรแกรมที่ไม่แน่นมาก กำลังดี ถูกใจคนรุ่นใหม่
ได้ซึมซับบรรยากาศได้เที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ที่สำคัญ พิถีพิถันกับ
การเลือกร้านอาหารและที่พักมากๆ ครับ ใครได้ลองใช้บริการจะรู้เลยครับ
ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปกับการมาทัวร์นี้ สมคุณภาพเลยยยยยยยยย
ปลายปีนี้มีสุดยอดรูทอย่าง ไอซแลนด์ล่าแสงเหนือ ... ใครสนใจ
จะไปเที่ยวแบบเกร๋ๆ ไปถ่ายพรีเวดดิ้ง ไปพร้อมกับผมได้รูปสวยๆอัพอวดเพื่อน
แอดไลน์มาถามกันได้ค้าบบบบ Line ID : thesixthfloor
ก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมกันเสมอครับ ...
ผมเชื่อว่าผู้อ่านของผมคงมีหลายแบบ ทั้งยังไม่เคยไป ทั้งไปเที่ยวมาบ่อยๆ
หวังว่าคงเป็นแรงบันดาลใจดีๆให้ท่านได้เสมอครับ
สมัยเด็กๆ ผมก็คิดว่าไปยุโรป ยากเย็น ไม่มีโอกาส ...
อย่าคิดเช่นนั้นเลยครับ มันมีหนทาง ...
เราสามารถไปเที่ยวยุโรปได้ตั้งแต่งบ สามหมื่นชิลๆ
ไปจนถึงสองแสนก็ทำได้ อยู่ที่เราจะใช้แต่ละวันหรูหราแค่ไหน
ทำใจสบายๆ อดออมวันละนิด หารายได้ทางอื่นเพิ่ม ...
ทำให้มันเป็นจริง ไปมีความสุขกับการเดินทางไปพบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ
ชีวิต จะเป็นชีวิตมากขึ้น ครับ ...