รอบนี้ผมโหลดแอพมาทำออนไลน์เช็คอินบนไอโฟนครับ เข้า App Store เสิร์ซ KLM แล้ว Install ตามปกติเลยครับ
โดยระบบจะเปิดให้ทำออนไลน์เช็คอินได้ก่อนไฟล์ทจะออกราว 30 ชั่วโมง ซึ่งสามารถเลือกที่นั่งของเราล่วงหน้าได้พร้อมๆกับการทำออนไลน์เช็คอินนี้ได้เลย
ผมแคปหน้าจอมาให้ดู ขั้นตอนไม่ยุ่งยากใช้เวลาไม่เกินสามนาที รออีเมล์จากระบบที่ส่ง Boarding Pass มาให้ แล้วไปเก็บกระเป๋าไปสนามบินได้เลย ไม่ต้องรอคิวเช็คอินให้เสียเวลาต่างหากครับไปช่อง Baggage drop off ได้เลย
แอพลิเคชั่นของ KLM นี้ก็สามารถทำธุรกรรมอื่นๆได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเช็คไฟล์ทเดินทาง จองตั๋ว ดูสถานะการเดินทางของเรา โหลดติดมือถือไว้ไม่เสียหลายครับ
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันเลยยยย
.
เอารูปบนเครื่องมาให้ดูครับ สิ่งอำนวยความสะดวกถือว่า Full Services ครับ
PTV บนเครื่องสำหรับผ่อนคลายครบทั้งดูหนัง ฟังเพลง ตัวหนังนี่อัพเดทดีน่ะครับ ผมนั่งดู Olympus has Fallen ซึ่งจำได้แว้บๆ ว่า พึ่งเข้าโรงบ้านเราไปเมื่อสองเดือนก่อนเอง สำหรับอาหาร KLM เสิร์ฟอาหารจานหลักสองรอบ อยากจะบอกว่ารสชาติถูกปากมากมายครับ โดยเฉพาะของหวานตอนผมไปเป็นมูสช็อคโกแลทอาหย่อยมากก ขากลับเป็นเอแคลร์บนซอฟท์ครีมมมม โอ้ววว แทบอยากจะขอเพิ่มอีกสักสามถ้วย
the Netherlands Highlights
ผมขอแนะนำไฮไลท์หลักๆ ในการมาเที่ยวมาน่ะครับ
คิดว่าเวลาในเนเธอร์แลนด์สัก 5 วันกำลังดีครับ เก็บครบเกือบทั้งหมดของเมืองอัมสเตอร์ดัมและเมืองรอบๆ ได้อย่างสบายๆ ด้วยเพราะผมเดินทางในช่วงเดือน กรกฎาคม ซึ่งเป็นหน้าร้อนของยุโรป ทำให้มีเวลาเดินเล่น เที่ยวชมเยอะกว่าปกติครับ พระอาทิตย์ตกดินราวสี่ทุ่มนู้นแหนะ .. รอกันง่วงแล้วง่วงอีกยังไม่มืดกันเลยครับ แต่ก็ถือว่ามีเวลาเยอะดี วันนึงสามารถไปได้สองเมืองสามเมืองสบายๆ เลย
ปีนี้ 2013 อัมสเตอร์ดัมถือว่าคึกคักเป็นพิเศษในด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นปีการฉลองครบรอบ 400 ปีระบบคูคลองของที่นี่ ครบรอบ 160 ปีศิลปินชื่อก้องโลกชาวดัตช์อย่าง แวนโก๊ะ เจ้าพ่ออิมเพรสชั่นนิส อาร์ท รวมทั้งการเปิดให้บริการอีกครั้งของ Rijksmuseum สุดยอดพิพิธภัณฑ์งานศิลป์ระดับโลก หลังจากปิดปรับปรุงไปนานกว่าสิบปี ... แถมหลายสำนักพิมพ์ท่องเที่ยวต่างก็พร้อมใจกันยกให้อัมสเตอร์ดัมเป็นจุดหมายปลายทางน่าไปประจำปีนี้อีก ...
มองดูหลากหลายสิ่งยั่วใจแบบนี้จะไม่หาเวลาไปสัมผัสอัมสเตอร์ดัมได้อย่างไรกันเนอะ
สัมผัสแรกในอัมสเตอร์ดัม ...
เมื่อเดินออกมาข้างนอกจะเป็นสถานีรถไฟใต้ดินครับ .. ให้เดินไปซื้อตั๋วเพื่อเข้าเมืองครับ หรือใครชิลจะออกไปด้านนอกขึ้นรถบัสเข้าเมืองก็ได้ ... ใช้เวลารถไฟราวๆ 15-20 นาทีก็จะมาถึงสถานีรถไฟกลางของเมืองอัมสเตอร์ดัมครับ
ผมแนะนำว่าเมื่อไปถึงสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัม Centraal Station เดินออกมาด้านนอกใกล้ๆกับป้ายรถแทรม จะเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ มีข้อมูลต่างๆให้เราได้ดูเป็นเบื้องต้นรวมทั้งการซื้อบัตรท่องเที่ยวอย่าง Amsterdam Card ซึ่งเหมารวมสามารถใช้เข้าพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ใช้ขึ้นรถแทรม รถใต้ดิน รวมทั้งรวมทัวร์ล่องคูคลองด้วย ใครมีเวลาจำกัดและวางแปลนเวลาไว้แน่นอน ผมคิดว่าค่อนข้างคุ้มครับ ราคา 24 ชม/40 ยูโร , 48 ชม/50 ยูโร
01 Canal Sightseeing
อัมสเตอร์ดัมถือเป็นเมืองแห่งคลองครับ เป็นเมืองที่มีการวางระบบชลประทานอย่างดีมาตั้งแต่โบราณ ทั้งประโยชน์เพื่อการเดินทางขนส่งไปมาในเมือง ... แต่ปัจจุบันคลองถูกเพิ่มคุณค่าไปในเชิงท่องเที่ยวอีกด้านการได้ล่องเรือชมเมืองจึงถือเป็นอีกไฮไลท์ของการมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมครับ
แนะนำให้ล่องช่วงเย็นๆ หรือช่วงโพล้เพล้หัวค่ำครับจะได้บรรยากาศและสวยกว่านอกจากนี้ยังมีเอกชนที่ให้บริการล่องเรือพร้อมจิบเครื่องดื่มมีอาหารเบาๆให้บริการด้วย ลองดูป้ายโฆษณาในเมืองดูแล้วซื้อทัวร์วันนั้นเลยก็ได้ครับ มีให้บริการหลายเจ้ามากๆ
02 Cycling if u can
อัมสเตอร์ดัม เป็นเมืองแห่งจักรยานครับ ... ระบบผังเมืองวางเอาไว้อย่างดี มีเลนจักรยานอย่างจริงจังและทุกคนก็เลือกจะปั่นจักรยานกันมากกว่าจะขับรถครับ อากาศดีด้วย ระบบเมืองที่เอื้ออำนวย ทำให้จักรยานเยอะมาก ถ้าผมจำไม่ผิดอ่านในหนังสือเค้าบอกว่าเส้นทางจักรยานในเนเธอร์แลนด์นั้นนับเป็นพันกิโลเมตรเลยครับ มีแทบจะทุกเมือง ไม่เว้นเส้นทางนอกเมือง ซึ่งหลายเส้นทางกลายเป็นเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จะเช่าจักรยานปั่นออกนอกมืองไปชมวิถีชีวิต ชมไร่ ชมท้องทุ่ง ปั่นไปชมน้องวัวตัวอ้วนกลมที่อยู่กันเป็นฝูงในทุ่งหญ้ามองแล้วน่ารักมากมายครับ เส้นทางที่นิยมโดยเฉพาะเส้นทางด้านทิศเหนือของอัมสเตอร์ดัมที่เค้าเรียกว่า Waterland Region รวมไปถึงเส้นไป Edam, Volendam และเส้นชมกังหันลมสวยๆ อย่าง Zaanse Schans
ผมมาเที่ยวแล้วไม่ได้มีจักรยานขับเป็นของตัวเองรู้สึกตัวเองเชยๆ ยังไงชอบกล ...
สงสัยต้องเช่าปั่นให้กลมกลืนกับคนที่นี่ซะแล้วสิ
นอกจากนี้อัมสเตอร์ดัม ก็ยังอุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมสวยๆ ตั้งแต่ยุคคลาสสิคตั้งตระหง่านมากมายให้เราได้ถ่ายรูปกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว สิ่งที่ต้องกังวลอาจจะไม่ใช่เวลาเดินเที่ยวที่ไม่พอ เห็นจะเป็นเมมโมรี่กล้องที่จะหมดไปโดยไม่รู้ตัวมากกว่า ..
ในภาพเป็นโบสถ์ Westerkerk สร้างในปี 1631 ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของโซน Jordaan ในเมืองอัมสเตอร์ดัม เลยครับ ...
Red Light Zone ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นอีกประเทศที่มีความเสรีทางความคิดและให้อิสระในหลายๆเรื่องกับพลเมืองครับ .. ย่านเรดไลท์เป็นอีกมุมที่สะท้อนวิถีชีวิตและสังคมของเมืองได้เป็นอย่างดีครับ การค้าบริการอย่างถูกกฎหมาย การขายสินค้าพิเศษทางเพศสำหรับที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แม้ในปัจจุบันทางการจะพยายามตีกรอบและลดจำนวนลง แต่กระนั้น ก็ถือว่าย่านเรดไลท์นี้เป็นอีกสีสัน ที่คนมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ไม่พลาดจะมาแวะดูสัมผัสกัน ...
แล้วกระผมจะพลาดได้ลงคอเช่นไรกันฮ่าๆๆ ... ถ้าได้เดินเข้าไปในซอยจะเจอหลากหลายรูปแบบครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบานหน้าต่างบานใหญ่ๆ กว้างขนาดราวๆ หนึ่งเมตรสูงสองถึงสามเมตร แล้วก็เรียงติดๆกัน ซอยเป็นห้องเล็กๆ ครับ ข้างในห้องก็จะเป็นน้องหนูในชุดหวาบหวิว ถอดจริง ยั่วจริง ไม่มีแสตนอิน .. บ้างก็แง้มๆ ประตูออกมาเรียกแขกบ้างครับ คัมมอน เบบี๋ๆๆ อะไรประมาณนั้น .. ก็มีป้ายห้ามถ่ายรูปเป็นมารยาทครับ ... ไม่อยากจะบอกว่านักท่องเที่ยวเดินกันเยอะมากกกกก
Drinking more than ever in Brown Cafes
ขาดื่มไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับเมื่อมาเยือนอัมสเตอร์ดัม .. เพราะนี่ถือเป็นบ้านเกิดของเบียร์เลิศรสที่หลายคนรู้จักกันดีไม่ว่าจะเป็นไฮเนเก้น อัมสเทล รวมไปถึงไอเท็มลับที่หาดื่มได้ยากในบ้านเรา เยอะมากจริงๆครับ ละลานตา
ถ้าคุณผู้ชายรู้สึกว่าการรอคอยให้คุณแม่บ้านช้อปปิ้งน่าเบื่อ ลองเมียงมองซ้ายขวาแล้วเดินเข้าคาเฟ่ที่มีนับร้อยนับพันในเมืองได้เลย .. คำว่า คาเฟ่ ของเมืองนี้ไม่ใช่ร้านกาแฟจิบชากินเค้ก คาเฟ่หมายถึง ผับ บาร์ ครับ ลองมองดูกันดีๆ ... ที่ผมชอบมากคือแต่ละร้านตกแต่งได้มีสไตล์มากๆ เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของตัวเองเหมือนกันน่ะ บางร้านเหมือนเข้าไปนั่งดูงานศิลปะ ดั่งแกลเลอรี่เล็กๆ .... เบียร์ที่หนักแน่น ก็มาพร้อมกับบรรยากาศที่อบอุ่น เมื่อคาเฟ่เป็นเหมือนที่พักผ่อน พบปะพูดคุยกันของคนที่นี่ นักท่องที่ยวอย่างเราก็ควรจะลองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศกันดูบ้างครับ ...
หยิบสักร้านมาแนะนำดูครับ ... In't Aepjen คาเฟ่นี้อยู่แถวสถานีรถไฟกลางของเมืองครับ หาไม่ยากเท่าไหร่อยู่ตรงทางเดินไปโผล่ยังโซน Red Light ครับ ย่านนี้คาเฟ่เยอะมากกกก ทั้งริมคลองและที่อยู่ตามหัวมุมถนน .. ร้าน Aepjen เปิดเพลงแจ๊สเบาๆ บรรยากาศในร้านแบบบ้านเก่าๆในสมัยก่อนครับ
เบียร์ดำสักแก้ว รับรองเพลินเวลาผ่านไปไม่รู้ตัวครับ ^o^
Zaanse Schans , Haarlem , Edam, Volendam
ขอจับมัดรวมเป็นวันเดย์ทริปแบบสบายๆเลยครับ สำหรับอีกหนึ่งเส้นทางยอดนิยมด้านตอนเหนือของเมืองอัมสเตอร์ดัม สามารถเลือกไปเที่ยวได้โดยการเช่ารถจักรยาน
ซึ่งควรจะมีเวลาทั้งวันครับ เพราะรวมระยะทางก็หลายสิบกิโลเมตรเหมือนกัน หรือใครจะใช้วิธีเดียวกับผมนั่นคือนั่งรถบัสเที่ยวครับ .. โดยจะซื้อเป็น One day Pass กับคนขับรถบัสบนรถได้เลยครับ (รถที่จะไปพวก Edam Volendam จะจอดอยู่ตรงประตูด้านหลังสถานีรถไฟกลางของอัมสเตอร์ดัมน่ะครับ ลองดูป้ายได้เลย) ฝั่งที่เป็นท่าเรือเฟอรรี่ข้ามแม่น้ำ
สองเมืองนี้เป็นสองเมืองเล็กที่น่าไปเดินเล่นมากๆครับ .. เป็นเมืองท่าติดทะเล
โดย Edam จะเป็นเมืองเล็กกว่า ค่อนข้างเงียบสงบกว่า ยังได้อารมณ์มีคลองรอบๆเมือง น่ารักไปอีกแบบครับ ส่วน Volendam นั่นอารมณ์จะเป็นเมืองท่าตากอากาศที่จะคึกคักมากกว่า อ้อ จะมีโรงงงานเล็กๆที่จัดแสดงการผลิตชีสให้ดูด้วยน่ะครับ สามารถแวะไปชมกันได้
Haarlem
Edam
Volendam
Rijksmuseum
Amsterdam
Albert Cuypmarkt อีกตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอัมสเตอร์ดัมครับ ...
Zaandam
03 Day Tripping to Delft
เดลฟท์ เป็นอีกเมืองเล็กที่แนะนำ จะไปแบบเช้าเย็นกลับ หรือไปแบบค้างสักคืนก็ได้ถ้ามีเวลา เมืองเล็กนี้เป็นเมืองแห่งคลองเช่นเดียวกับอีกหลายๆเมืองในเนเธอร์แลนด์ แต่ไซส์เมืองจะเล็กๆ ค่อนไปทางกลางๆครับ มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย เมืองน่ารักเป็นระเบียบ ไม่อึกทึกครึกโครมเหมือนเมืองใหญ่แบบอัมสเตอร์ดัมครับ ..
หากจะไปเที่ยวเดลฟท์นั้น จากอัมสเตอร์ดัม ค่าตั๋วรถไฟราว 12 ยูโร เดินทาง 1 ชั่วโมงครับ
เดินเล่นๆ ชมวิวไปก็จะถึงลานกลางเมืองเดลฟท์ครับ จตุรัส Grote Markt พลาดไม่ได้กับการขึ้นไปชมวิวบนหอคอยของโบสถ์ Nieuwe Kerk ซึ่งตั้งสูงเป็นสง่าอยู่ตรงจตุรัสนี้เองครับ สร้างมาตั้งแต่ปี 1246 งดงามและยิ่งใหญ่มากๆ ... ค่าเข้าชมตัวโบสถ์กับขึ้นหอคอยแยกกันน่ะครับ ถ้าจำไม่ผิดราว สามจุดห้ายูโร ...
บอกไว้ก่อนว่าการขึ้นหอคอยของเมืองในยุโรปหลายที่เป็นบันไดวนๆๆ แคบๆ ขึ้นไป ใช้พลังพอสมควรและอาจจะอึดอัดกับการหายใจ ดังนั้นใครที่จะขึ้นสำรวจสภาพร่างกายตัวเองไว้ก่อนน่ะครับ ผมนี่แวะหยุดดมยาดมอยู่หลายรอบเลยกว่าจะถึงด้านบน : )
จริงๆเมืองเดลฟท์นี้จะอยู่ใกล้จากรอตเทอร์ดาม (Rotterdam) มากกว่าครับ ราว ๆ12 นาทีโดยรถไฟ ดังนั้นถ้าวางแผนจะมาเที่ยวรอตเทอร์ดามอยู่แล้วก็แวะเที่ยวที่เดลฟท์ได้ก่อนเลยครับ ....
04 Overnight in Rotterdam
เมืองรอตเทอร์ดามเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของเนเธอร์แลนด์มาตั้งแต่สมัยก่อน จนปัจจุบันถือเป็นพอร์ตสำคัญแห่งหนึ่งของยุโรปในระบบโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมการเดินเรือเป็นจุดขายของเมืองนี้ครับ เหมาะจะมาดูความเป็นเมืองใหม่ที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมยุคใหม่ได้อย่างน่าดูชมครับ ที่ไม่พลาดจะมาชมเลยเบอร์หนึ่งเห็นจะเป็น สถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สร้างอยู่เรียงรายตลอดแม่น้ำ ยกตัวอย่างเช่น สะพาน Erasmusbrug ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1996 ออกแบบโดย Ben van Berkel มาชมได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนก็สวยไปอีกแบบครับ ...
เราสามารถเดินเล่นไล่ตั้งแต่ตรงสะพาน Erasmusbrug เลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆครับ เริ่มต้นให้ นั่ง Metro มาขึ้นที่สถานี Wilhelminaplein แล้ว เดินลัดเลาะข้ามสะพานไปยัง Noordereiland ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนของคนที่นี่ครับและ ข้ามสะพาน Willemsbrug กลับไปยังย่านดาวทาวน์ซึ่งมีทั้งตลาด และอีกหลายมุมให้เดินชมครับ
มุมสวยๆที่ผมตั้งใจจะมาชมก็เป็น Cube Houses นี่แหละครับ .. ตรงนี้จะเป็นมุมของโฮสเทล Stayokay ที่ปัจจุบันเปิดให้สามารถนอนค้างได้แล้ว ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูภายในห้องมาครับ เลยไม่มีภาพมาฝาก
โซนนี้จะอยู่แถว Metro สถานี Beurs และ Blaak ... ถ้ามีเวลาและชอบดูพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ตรงแถวๆ สถานี Beurs จะมี Haven Museum และ Maritiem Museum Rotterdam ตั้งอยู่ครับ แวะไปดูประวัติศาสตร์การเดินเรือของที่นี่ รวมทั้งท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือเก่าๆ สวยๆ ให้ได้ดูอย่างตื่นตาตื่นใจครับ
Rotterdam ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟธรรมดาจาก Amsterdam ราวหนึ่งชั่วโมงครับ ถ้านั่งรถไฟความเร็วสูงก็จะจอดสถานีน้อยลงเหลือราว 40 นาทีครับ (สองขบวนต่อ ชม ค่าตั๋วราวๆ 15 ยูโร)
ที่ผมสรุปมาให้ทั้งหมดก็เป็นไฮไลท์หลักๆ กับเวลาเที่ยว 4-5 วัน ... ใครพลาดอันไหนไป หาโอกาสมาซ่อมละกันนะครับ ทั้งหมดครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และเสน่ห์ของที่นี่ ... ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกก็สามารถออกไปเที่ยวเมืองอื่นๆได้อีกเยอะเลยครับ
ระบบการขนส่งมวลชนที่นี่ดีมากๆ ทำให้การเดินทางเที่ยวนั้นง่ายดาย ยิ่งกว่าอะไร .. หาโปรโมชั่นดีๆ จากสายการบินวางแผนเที่ยวได้ไม่ยากครับ เฉลี่ยใช้จ่ายแบบไม่แร้นแค้นกินครบทุกมื้ออยู่ที่วันละประมาณ 2,000 บาท ไม่รวมที่พักน่ะครับ (จะหนักที่มื้อเย็นครับ สเต็กหรือพาสต้า ราว 10-15 ยูโรต่อจาน พวกเบียร์แก้วละประมาณ 3-5 ยูโรครับ แต่ถ้าประหยัดกว่านั้นกินพวกร้านอาหารจีนหรือพวกฟาสต์ฟู้ดงบเที่ยวก็จะทำได้ถูกลงไปกว่านี้)
อัมสเตอร์ดัมถือเป็นศูนย์กลางรถไฟไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปอีกมากมายครับ สามารถแปลนทริปไปเที่ยวที่อื่นต่อได้ไม่ว่าจะเป็นเบลเยี่ยม เยอรมัน หรือนั่งรถไฟความเร็วสูงไปปารีส เลยก็ได้ครับ
การเดินทางสร้างแรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ให้กับชีวิต ประสบการณ์อันล้ำค่าที่อาจจะหาในห้องเรียน ในตำราไม่ได้ ขนาดคู่มือท่องเที่ยวยังบอกเราได้แค่เบื้องต้น คาดเดาไม่ได้ข้างหน้าว่าจะเจออะไร จะเจอเหมือนที่คิดมั้ย นั่นคงเป็นเสน่ห์ที่เรายังคงต้องก้าวออกไปหาอะไรใหม่ๆเสมอ ... การมาเยือนยุโรปครั้งแรกของผมก็ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์และการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆอีกครั้ง
Amsterdam, This is Journey of Inspiration แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้าครับ :)
มาเจิมก่อนค่ะ
เรื่องราวยังน่าอ่าน
สำนวนแบบนี้เป็นเอกลักษณ์เสมอ
ภาพสวยเช่นเคย
ขออ่านจนจบอีกรอบค่ะ
......