沒 有 guts 。。。 就 不 能 選 擇 去 自 己 的 路 嗎 ?
Something between Us [13]

[ . . * ~ . . . d i s T a N t . . . ~ * . . ]


รถยังคงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงหากแต่คงไม่เร็วไปกว่าใจคนที่หลังพวงมาลัย เฟลอร์เหลือบมองเสี้ยวหน้าเครียดขรึมนั้นแล้วไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านั่งเงียบๆ


...คุณรออยู่นั่นนะ อย่าไปไหน รอผมนะ... ผมจะรีบไป....


ในน้ำเสียงร้อนรนเฟลอร์รู้สึกได้ถึงกระแสห่วงใย ถึงฮยุนจองไม่พูด เธอไม่เอ่ยปากถามแต่ก็พอจะคาดเดาไ้ด้ไม่ยากว่าปลายสายเป็นใคร







รถเข้าโค้งถนนเลียบแม่น้ำสายหลักของเมืองก่อนจะเลี้ยวลงถนนเล็กๆไปยังสวนสาธารณะมืดเชิงสะพานใหญ่


ฮยุนจองกระโดดลงจากรถแทบจะในทันทีที่ดับเครื่องยนต์ปล่อยให้คนที่นั่งเงียบมาด้วยกันตลอดทางรีบดึงกุญแจออก ล็อครถแล้ววิ่งตามไป


...ในความมืดสลัวยังพอมองเห็นร่างเล็กของเธอคนนั้นโผเข้าหาอ้อมกอดที่อ้ารอรับ เสียงร้องไ้ห้สะอึกสะอื้นดังแว่วมาก่อนจะกลืนหายไปในอกกว้างของฮยุนจอง เฟลอร์ผ่อนฝีเท้า... หยุดมองภาพตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังออกมาอย่างเงียบๆ




เฟลอร์นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในรถไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจก ...ฮยุนจองเดินโอบไหล่จีน่ามายังฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เด็กสาวรีบลงจากรถแล้วเปิดประตูค้างไว้ให้ ฮยุนจองประคองจีน่าที่แทบจะเหมือนตุ๊กตาเดินได้ไปนั่งแทนที่แล้วรัดเข็มขัดให้เธอออย่างอ่อนโยน จีน่าสบตาฮยุนจองแล้วขอบคุณเขาเบาๆ ฮยุนจองปิดประตูแล้วรีบวิ่งอ้อมไปประจำที่คนขับ เฟลอร์ก็ต้องรีบกระโดดขึ้นนั่งตอนหลังรถเหมือนกัน


ฮยุนจองขับรถนิ่มนวลกว่าตอนขามา เขามองถนนสลับกับการเหลือบมองคนข้างๆที่เอนศีรษะพิงกรอบกระจกรถทอดสายตามองออกไปข้างนอก จนได้ยินเสียงสะือื้นเบาๆ มือใหญ่ก็เลื่อนมาทาบมือเล็กบางที่ประสานบนตัก... ราวจะส่งผ่านคำปลอบประโลมผ่านไออุ่นนั้น


เฟลอร์เบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง ...ความรู้สึกหนักอึ้งในบรรยากาศที่โอบล้อมคงเป็นเพราะความเห็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอคนนี้ละมัง...













เฟลอร์ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ น้ำชาีที่เริ่มเย็นย้ำให้รู้ว่าฮยุนจองหายเข้าไปห้องนั้นครู่ใหญ่แล้ว... เด็กสาวลุกจากโซฟาตัวนุ่มเดินไปยังผนังกระจกบานใหญ่ มองออกไปข้างนอกคือพระจันทร์เสี้ยวที่กำลังส่งรอยยิ้มบางๆเหนือท้องฟ้าสีดำสนิท ดวงดาวแข่งกันส่องแสวพราวระยิบ ในสวนใหญ่กลางหุบเขาเช่นนี้ไม่มีดาบนดินมาแข่งความงามยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์... จีน่าได้พักอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆสักพักคงจะช่วยให้สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ดีขึ้น ดูจากป้าเหอที่เป็นแม่บ้านของที่นี่ที่ก้าวเข้ามากอด ลูบหลังลูบไหล่ อาหยิ่นเจ้าของบ้านที่มองมาด้วยสายตาห่วงใยแล้ว.. ความเจ็บปวดในใจของจีน่าคงจะหายได้ในไม่ช้า


...แล้วเฟลอร์ก็ไม่ลืมหรอกว่ายังมีอีกอ้อมแขนอบอุ่นที่คอยประคับประคองหญิงสาวคนนั้นอยู่ราวกับเธอเป็นแก้วบอบบางที่ไม่ควรให้กระทบกระทั่งกับสิ่งใดๆ ได้อยู่ท่ามกลางคนที่รักอย่างนี้บาดแผลของจีน่าก็คงปิดสนิทได้เร็วขึ้น...


เฟลอร์ยิ้มเศร้าๆกับดาวบนฟ้า.. เธอกำลังรู้สึกอิจฉาจีน่าอยู่อย่างนั้นเหรอ


....



... เฟลอร์ ...



... .... เฟลอร์ ... .....



เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าๆเบาๆที่ต้นแขนทำให้คนถูกเรียกค่อยๆลืมตา พอเห็นว่าเป็นฮยุนจองนั่งยองๆอยู่ข้างโซฟาพร้อมรอยยิ้มบางๆเหนือริมฝีปากเฟลอร์ก็แทบจะผุดลุกในทันที ...ทีนี้ไม่แค่รอยขำๆในแววตา นายหมีหัวเราะออกมาจริงๆเลย


เฟลอร์รีบพับผ้าห่มที่ใครบางคนคงหวังดีเอามาห่มให้ตอนเธอเผลอหลับไปบนโซฟาตัวยาวนี่ ..โดยไม่มองหน้าคนที่ลุกขึ้นยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ แล้วพอเธอเผลอหาวออกมาคราวนี้นายหมีเลยเอามือมาขยี้หัวให้ยุ่งเข้าไปอีก


“ไปนอนต่อในรถแล้วกัน ยัยขี้เซา”ฮยุนจองพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ


เฟลอร์เบี่ยงหัวหลบมือใหญ่พัลวัน.. “ฮื้อ...”


“กลับกันเถอะ...” ฮยุนจองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “คงถึงก่อนเช้านิดหน่อย”


“ฮยุนจอง...” เฟลอร์เรียกไ้ว้ก่อนร่างสูงจะก้าวผ่านประตู


“หืมม...”


“ถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ต่อ ฉันกลับเองได้นะคะ ให้ใครสักคนไปส่งที่ท่ารถก็พอ”


ฮยุนจองสบสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นแล้วนิ่งอึ้ง แต่ครู่เดียวก็หัวเราะออกมาอีก


“ไม่เอาหรอก ขืนเธอหลงกลับบ้านไม่ถูกฉันก็แย่เท่านั้นเอง ลุงถังรู้เสียด้วยว่าเธอออกมากับฉัน ไว้คราวหน้าหาพยานไม่ได้ก็แล้วกัน”


เฟลอร์ยิ้ม... มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำออกไปก่อนแล้วอดคิดไม่ได้ ...นายหมีชอบห่วงตัวเองแบบที่ทำให้คนข้างๆอุ่นใจอยู่เรื่อย







“ฝากด้วยนะครับอา” ฮยุนจองหันไปบอกเจ้าของบ้านเมื่อเิดินมาถึงตัวรถ


คนรับฝากพยักหน้าพร้อมตบไหล่ฮยุนจองเบาๆ


“ขับรถดีๆล่ะ” อาหยิ่นที่เดินมาส่งถึงประตูรถบอก รอยยิ้มบางๆนั้นเผื่อแผ่มายังเฟลอร์ด้วย


“ขอบคุณครับ ถึงแล้วผมจะโทรมา”


ฮยุนจองสตาร์ทรถแล้วโฟร์วีลคันใหญ่ก็เคลื่อนออกจากหน้าบ้านหลังเล็กเข้าสู่กลับเข้าสู่ความวุ่นวายของเมืองอีกครั้ง














“ขอโทษทีด้วยที่ลากเธอไปวุ่นวายด้วยทั้งคืนอย่างนี้”


ฮยุนจองบอกเฟลอร์เมื่อมาส่งเธอถึงหน้าบ้าน เด็กสาวที่กำลังหยิบเป้จะลงจากรถหันไปยิ้มให้


“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ...แต่คุณจีน่า...จะเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”


พูดถึงจีน่าฮยุนจองก็ถอนใจยาว


“ตอนนี้ก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ ดูเหมือนเข้มแข็ง เปรี้ยวๆอย่างนั้นแล้ว แต่ที่จริงเขาอ่อนไหวมากๆเลยล่ะ ...ฉันก็ได้แต่หวังว่าเขาจะผ่านช่วงเวลาที่แย่ๆอย่างนี้ไปได้โดยเร็ว”


“เธอต้องทำได้แน่ค่ะ ถ้ามีคนที่เธอรักคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ...เธอต้องผ่านไปได้แ่น่ๆ”


ความมั่นใจฉายชัดในดวงตาคู่สวย หากมีอีกความรู้สึกซ่อนอยู่หลังความมั่นใจนั่น... ฮยุนจองไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เฟลอร์ก็ลงจากรถไปก่อนที่เขาจะค้นหาอะไรได้มากกว่านั้น


“เฟลอร์...”


คนถูกเรียกหันกลับ


“เรื่องคืนนี้อย่าเพิ่งบอกใครได้ไหม ไม่ว่าจื้อเหลียง หรือซวนซวน” ถึงจะมั่นใจว่าเฟลอร์จะไม่พูดออกไป แต่อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาหลุดปากย้ำไปอีก


“ฉันรู้ค่ะ”


...


ร่างโปร่งบางก้าวหายไปในความมืดหลังประตูบานเล็กแล้ว แต่อีกกว่านาทีฮยุนจองถึงจะเข้าเกียร์เดินหน้าอีกครั้ง


... รอยยิ้มของเฟลอร์มีอะไรกวนใจเขาอย่างประหลาด..














“เมื่อคืนนอนน้อยเหรอเฟลอร์” ซวนซวนถามเมื่อเห็นเฟลอร์ยกมือปิดปากหาวเป็นครั้งที่สามแล้วตั้งแต่เข้ามาช่วยหั่นผักในครัวทันสมัยของอพาร์ทเมนท์ของเธอเย็นนี้


“อ๋อ... ค่ะ พอดีเมื่อคืนเพลินไปหน่อย” คนตอบละไว้ว่าเพลินเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนคนถามพอใจที่จะได้รับคำตอบแค่นั้น


“ดูหนังสือพิมพ์เช้านี้หรือยัง”


“มีอะไรหรือคะ” เฟลอร์ถามออกไป มั่นใจว่าคงเป็นเรื่องของจีน่าแน่


“นายหมีนั่นเป็นข่าวอีกแล้วน่ะสิ”


คำตอบของซวนซวนทำให้คนฟังตาโต


“ขยันเป็นข่าวติดๆกันอย่างนี้ มาดามเห็นเข้าจะว่าไงบ้างก็ไม่รู้ นี่ดีว่าบินไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อคืนนะ” ซวนซวนพูดไปเรื่อยแต่มือก็ยังไม่หยุดคนหม้อซุป


ข่าวติดๆกัน... เฟลอร์ใจหายวาบ หรือจะมีใครรู้ว่าเมื่อคืนฮยุนจองกับจีน่า...


“หนังสือพิมพ์อยู่ในกระเป๋าเอกสารพี่แน่ะถ้าอยากดู”


เฟลอร์วางมือจากงานตรงหน้า ...ไม่ใส่ใจว่าซวนซวนจะมองตามอย่างแปลกใจ





“ทำเอาหลายคนประหลาดใจ เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มควงสาวไปดินเนอร์ที่มองยังไงก็ไม่เหมือนนางเอกที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้ ...หรือจะไม่มีรักรีเทิร์นอย่างที่เข้าใจกัน”



ภาพฮยุนจองกำัลังโทรศัพท์ อีกมือหนึ่งคว้าแขนหญิงสาวใส่แจ็คแก็ตยีนส์ให้ก้าวไปด้วยกันทำเอาเฟลอร์เบิ่งตาโต จ้องลงไปชัดราวจะให้แน่ใจ ถึงภาพนั้นจะถูกถ่ายจากมุมไกลๆและไม่ชัดมากนัก และฝ่ายหญิงก็หันหลังให้กับกล้อง... แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งกับตัวฮยุนจองในช่วงนี้ด้วยแล้ว


“เสน่ห์แรงใช่ไหมเล่า พ่อหนุ่มนักรักของเราเนี่ย”


เสียงจื้อเหลียงที่เพิ่งเิดินเข้ามาทำให้เฟลอร์เงยหน้าไปมอง คนที่เดินตามหลังมาจ้องเขม็ง...ปรามด้วยสายตาว่าไม่ให้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น


“นักข่าวก็เขียนไปเรื่อยแหละ ...ผมแค่ไปกินข้าวกับเพื่อน”


“เออ...เพื่อน แต่ลงพวกนักข่าวได้กลิ่นอย่างนี้แล้ว เพื่อนนายก็น่าเป็นห่วงแหละ” จื้อเหลียงว่า แล้วเดินเลยไปในครัว


ฮยุนจองทิ้งตัวบนโซฟาแล้วถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ แต่พอเงยหน้าเห็นสายตาเฟลอร์ที่มองมาอย่างงงๆเขาก็ฉุดมือเด็กสาวให้ลงมานั่งด้วยกัน


“ฉันทำเธอเดือดร้อนอีกแล้ว ขอโทษนะ”


เฟลอร์ยิ่งงงเข้าๆใหญ่กับสายตาที่รู้สึกผิดของนายหมี


“รูปนี้ไม่เห็นหน้าฉันเสียหน่อย คงไม่เป็นไรหรอก”


ฮยุนจองยิ้มหยัน


“จากข่าวนี้ เจ้าพวกนั้นคงพยายามหาต่อว่าเมื่อคืนฉันไปกับใคร สนิทสนมกันแค่ไหน จากนั้นเรื่องจริงที่มีอยู่อาจไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็ถูกเอามารวมกับเรื่องที่อยากให้เป็นอีกเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ข่าวก็จะขายได้อีก แล้วใครคนนั้นก็จะไม่มีความสุข เพราะอาจจะถูกตามจากนักข่าวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะสิ”


เฟลอร์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น


“ไม่ร้ายแรงอย่างนั้นหรอกมั้งคะ” คำพูดนี้คงจะปลอบใจตัวเองมากกว่าอย่างอื่นแหละ


ฮยุนจองส่ายหน้า


“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดในแง่ร้ายที่สุดไว้ก่อนน่ะ” เขาลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง “ใครจะรู้ เรื่องของจีน่ามันอาจจะเริ่มมาจากข่าววันนั้นก็ได้”


น้ำเสียงขมขื่นของเขาทำให้เฟลอร์อดเศร้าตามไม่ได้... การเป็นต้นเหตุให้คนที่เรารักและรักเราต้องเจ็บปวดมันช่างเป็นเรื่องที่เลวร้ายเสียเหลือเกิน


“แล้วตอนนี้คุณจีน่าเป็นไงบ้างคะ”


“ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานหน่อย ร้องไห้น้อยลง... ยอมกินข้าวบ้าง” ฮยุนจองตอบโดยไม่หันมามองคนที่เข้ามายืนใกล้ๆ


“คุณจะไปเยี่ยมเธออีกใช่ไหมคะ” ถามออกไปแล้วถึงได้รู้สึกว่าตัวเองนี่โง่จัง


“ตอนนี้จีน่าไม่มีใคร... ฉันทิ้งเขาไม่ได้”


สายตาที่มองออกไปข้างนอกของฮยุนจองคงทอดไปไกลถึงบ้านเล็กกลางสวนหลังนั้น ...ที่เธอคนนั้นรออยู่


เฟลอร์ยิ้มเหงาๆให้กับดวงดาวบนฟ้านั้นเมื่อพูดออกมาเบาๆ


“ฉันจะเอาใจช่วยนะคะ”










“เห็นสปาเกตตีทะเลอย่างนี้แล้วนึกถึงฮยุนจองเลยนะเนี่ย” จื้อเหลียงว่าพลางใช้ส้อมหมุนเส้นสปาเกตตีเข้าปาก “ของโปรดเจ้านั่นน่ะเทียนหลาง เห็นเป็นต้องกระโจนเข้าใส่”


ซวนซวนฟังแล้วแบะปาก


“ก็เห็นกระโจนใส่ทุกอย่างแหละขอให้เป็นของกินเถอะ”


“แหม... อันนั้นก็รู้ทุกคนเพียงแต่ว่าจานนี้มันชอบเป็นพิเศษไง” ถึงจะหมั่นไส้กันอยู่บ่อยๆแต่จื้อเหลียงก็มักแก้ตัวให้น้องชายตัวแสบอยู่เสมอ


“แถมฝีมือคุณเทียนหลางนี่ยังกับเชฟอิตาเลียนระดับภัตตาคารเลยนะค้า” เจ๊อันไ่ม่ชมเปล่าีมีชะม้อยชะม้ายตาแถมให้้ด้วย


“ไม่ชวนมาด้วยกันล่ะครับ กินกันหลายคนสนุกดี” พ่อครัวถามถึง


“นั่นสิจื้อเหลียง ช่วงนี้นายหมีได้หยุดตั้งสามวันเลยไม่ใช่เหรอ” ซวนซวนหันไปถามคนที่คาดว่าน่าจะรู้ดีที่สุดแต่จื้อเหลียงส่ายหน้า


“ไม่รู้เหมือนกัน บอกแค่ว่าจะหาเพื่อนที่ต่างจังหวัด มือถือก็ปิด ไม่รู้จะติดต่อมันยังไงเหมือนกัน ช่วงนี้มันชอบทำตัวลึกลับ ออกจากห้องอัดแล้วก็หายไปเลย เห็นท่าทางเหนื่อยๆของมันแล้วไม่ค่อยอยากไปเซ้าซี้เท่าไหร่”


ซวนซวนพยักหน้ารับรู้แล้วก็เลิกถามต่อ


...ท่าทางเหนื่อยคงเป็นเพราะต้องขับรถระยะทางไกลอยู่บ่อยๆสินะ ...เห็นคนที่รักตกอยู่ในความทุกข์อย่างนั้น ใครยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้ก็ใจแข็งเต็มทีล่ะ..


“เฟลอร์เงียบจัง อาหารไม่อร่อยเหรอครับ หรือว่าเผ็ดไป จานของคุณผมใส่พริกน้อยที่สุดแล้วนะ” เทียนหลางหันมาทางคนที่นั่งเงียบอยู่นาน ก็วันนี้ที่เชิญทุกคนมาอพาร์ทเมนท์ของเขาเป็นวันแรกไม่ใช่เพราะอยากทำอาหารที่เธอเคยบอกว่าชอบให้เธอกินหรอกหรือ


เฟลอร์เงยหน้าขึ้นมายิ้มอ่อนๆ


“ไม่หรอกค่ะ อร่อยมากต่างหาก”


ได้ฟังแล้วคนทำยิ้มปลื้มอวดลักยิ้มสวยข้างแก้ม รีบบอกต่อ...


“วันนี้มีไอศกรีมมะม่วงด้วยนะครับ เพิ่งทำเป็นครั้งแรกไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ...ไม่หวานหรอก”


เฟลอร์ยิ้มหวานขึ้นอีกนิด... ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับตัวเธอ วันนั้นที่ไปกินมะม่วงน้ำแข็งหิมะที่ร้าน iCe Monster เจ้าดังด้วยกันแล้วเธอเปรยว่าถ้ามันกลายเป็นไอศกรีมแบบไม่หวานคงดี ...วันนี้เมนูที่เปรยไว้ก็ถูกจัดเตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย



ต่อมรับรสที่ทำงานขาดๆเกินๆมาหลายวันดูจะทำงานได้ดีขึ้นมาหน่อย... ขอบคุณเมนู “ใส่ใจ” ของเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นที่นั่งข้างๆนี่















รถจอดติดไฟแดง ฮยุนจองที่กำลังเบื่อก็เลยมองออกนอกหน้าต่างรถไปเรื่อยๆ


ขวามือเขาคืออนุสรณ์สถานของผู้นำที่สร้างให้ประเทศนี้เป็นปึกแผ่น ประตูใหญ่ด้านหน้านับเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองนี้ที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดจะเก็บรูปไปเป็นที่ระลึก


ท่ามกลางผู้คน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเก็บภาพเด็กสาวที่กำลังให้อาหารนกพิราบที่มีอยู่มากบริเวณนั้น ตากล้องพูดอะไรสักอย่าง เด็กสาวก็เลยหันมาหัวเราะให้ให้กับกล้อง รอยยิ้มสดใสกระจ่างตานั้นกระตุกหัวใจฮยุนจองอย่างแรง


“เอ๊ะ...นั่นเฟลอร์นี่”


จื้อเหลียงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเพิ่งหันมาเห็น


“คู่นี้ท่าทางจะก้าวหน้าเร็วกว่าที่คิดแฮะ หรือนายว่าไง”


“คงงั้นมั้ง” ฮยุนจองประหยัดคำแต่ดูเหมือนจื้อเหลียงจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้


“ฉันว่าพักนี้เขาดูสดใสขึ้น ไม่งั้นล่ะก้อ ชอบทำหน้าเศร้าอยู่เรื่อย”



ปี๊นนนนน... ปี๊นนนนนน....


รถคันหลังเร่งมาเมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียว



ภาพสองคนนั้นค่อยๆลับหาย ฮยุนจองปิดเปลือกตาช้าๆ


เขารู้สึกถึงเสียงหัวเราะใสก้องอยู่ข้างหู...



....เฟลอร์ดูมีความสุข.... ผู้ชายคนนั้นมีเวทมนต์อะไรกันนะ










Create Date : 24 มีนาคม 2549
Last Update : 24 มีนาคม 2549 12:14:34 น. 0 comments
Counter : 618 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gracie Lou Freebush
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Gracie Lou Freebush's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.