沒 有 guts 。。。 就 不 能 選 擇 去 自 己 的 路 嗎 ?

Something between Us [7]

[ . . * ~ . . a R e . . y o U . . a l r i G h t ? . . ~ * . . ]



ฮยุนจองยังคงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เขาเหยียดขายาวเอามือเท้าคางจมอยู่ในความคิดของตัวเอง


เฟลอร์มองของสองสิ่งในมือ สูดลมหายใจแรงก่อนก้าวเข้าไป


เธอนั่งลงอีกริมหนึ่งของเก้าอี้ ยื่นของในมือให้โดยไม่มองหน้าเขา


“หนาวจะตายชัก ใครจะกินเข้าไปได้”


เฟลอร์ก็ไม่เซ้าซี้ วางไอศกรีมโคนนั้นไว้ข้างตัวแล้วแกะอีกอันหนึ่งส่งเข้าปากตัวเอง


รสชาติขมของช็อคโกแลตซอสติดปลายลิ้นเข้ากันได้ดีกับถั่วมันๆ พอกัดอีกคำรสนุ่มๆของไอศกรีมวานิลาผสมกับรสเข้มๆของไอศกรีมช็อคโกแลตก็ลงไปละลายอยู่ในปาก


เธอเผลอทำเสียงอือออด้วยความพอใจจนคนข้างๆอดรนทนไม่ได้ เอื้อมมือมาคว้าไอศกรีมอันที่อยู่ในมือเฟลอร์ไปกัดบ้าง


เฟลอร์ทำท่าจะประท้วง แต่เห็นท่าทางกัดไอศกรีมคำโตแล้วก็เปลี่ยนใจแกะไอศกรีมที่วางอยู่เข้าปากใหม่อีกครั้ง


ยิ่งดึกเหมือนลมจะยิ่งแรง แต่คนสองคนในสวนต่างก็กินไอศกรีมของตัวเองไปอย่างเงียบๆ


พออันที่อยู่ในมือของตัวเองหมด ฮยุนจองก็มองครึ่งโคนที่เหลือในมือเฟลอร์ด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ เด็กสาวเหลือบมองอย่างระแวงแต่ฮยุนจองก็อาศัยความเร็วคว้าไปได้


เขาไม่ได้กัดทั้งอัน แต่กัดตรงปลายที่เป็นส่วนที่มีช็อคโกแลตมากที่สุด ก่อนจะส่งคืนให้เฟลอร์ !!


นั่นเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดเลยนะ >o<


เฟลอร์หน้างอ ริมฝีปากบางบิดโค้ง ชักฉุนขึ้นมาบ้าง


"ไม่กินแล้วเหรอ" ฮยุนจองถามด้วยใบหน้าใสซื่อเชียว


นายกล้าถามคำถามนี้เหรอ.. หน้าเฟลอร์งอหงิกเข้าไปอีก >.<


นายหมียิ่งได้ใจ ถือโอกาสนี้ยัดส่วนที่เหลือเข้าปากหน้าตาเฉย TToTT


“เธอ..มันบ้า !! หนาวขนาดนี้แล้วยังมากินไอศกรีมอีก”


ว๊ากกกก!!!! ที่นายกินเข้าไปนั่นมันของชั้นน้าาา.. กินมากกว่าคนซื้อแล้วยังมาว่าเค้าอีก ><”


....


…แต่ท่าค้อนตากลับนั่นดูตลกชะมัด ^_^


เฟลอร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นายหมีหันมามองหน้าเธอแล้วทนหน้างออยู่ได้ไม่นานก็พลอยหัวเราะไปด้วยอีกคน






จู่ๆเด็กสาวก็ลุกขึ้นมา กระชับเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ตัวเก่งเข้าหาตัว


“หนาวชะมัดเลย ทำไมคืนนี้มันถึงได้หนาวอย่างนี้น้า กลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วก็สไลด์โรลเลอร์เบลดหันหลังกลับไปเสียเฉยๆ


“นี่... ขอบใจนะ” ฮยุนจองรีบลุกตะโกนไล่หลังมา


เฟลอร์หมุนตัวกลับมาอีกครั้ง เธอย่นจมูกใส่หน้านายหมี


“แค่ขอบคุณไม่พอหรอก คุณติดเงินฉันยี่สิบเหรียญ ...อ๊ะ...ไม่ใช่สิ สามสิบเหรียญต่างหาก เพราะคุณกินไปตั้งอันครึ่งแน่ะ”


“แล้วชั้นจะใช้ให้” เสียงพูดของนายหมีอ่อนโยน แล้วยิ้มนั่นก็ดูอบอุ่น


อีกโหมดของชิมฮยุนจองที่เฟลอร์เพิ่งเคยสัมผัส... น่าขนลุก +_+


เฟลอร์หันกลับแล้วสไลด์โรลเลอร์เบลดออกไปตามทาง ถึงอย่างนั้นก็ยังฝากเสียงลอยตามลมมา


“รีบกลับบ้านล่ะ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เป็นหวัด”


ฮยุนจองมองจนร่างนั้นลับหายไปในความมืด รอยยิ้มค่อยๆระบายบนใบหน้า


....ยายนี่เป็นคนแบบไหนกันนะ ^^






26 กรกฎาคม XX



เพิ่งรู้ว่าการกินไอศกรีมท่ามกลางสายลมเย็นๆนี่มันช่วยคลายเครียดได้!!
ถ้ามีโอกาส คุณน่าจะลองดูบ้างนะ

แต่มันเสี่ยงกับการเป็นหวัดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน... ฮ๊าดดดดเช่ย ==;;;




~~ HJ ~~












“เฟล่อออออออออออรรรรรรรรรรรร์...”


เจ๊อันอันกรี๊ดเสียงหลงเมื่อเฟลอร์เดินเข้าไปถึงล๊อบบี้โรงแรม ใจที่เหลืออยู่นิดเดียวของเด็กสาวยิ่งหดเล็กลงไปอีก


“ต๊ายยยยยยย...ตาย...ตาย...ตาย...ตายแล้วววววว”


เสื้อขาวเปื้อนเลือดเป็นวงใหญ่ แขนเสื้อด้านขวาขาดรุ่งริ่ง ด้านซ้ายโดนตัดจนถึงต้นแขนแถมมีผ้าพันแผลยาวนับจากศอกยาวลงมาจนถึงข้อมือ กางเกงเปื้อนฝุ่น และสภาพผมยุ่งที่แม้เจ้าตัวพยายามจัดแต่ง แต่สภาพมันคงเหลือรับจริงๆ


“ไปทำอะไรมาก เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ฮยุนจองกระโจนผลุงเดียวถึงตัว


“โอ๊ยยย...” เฟลอร์ร้องเสียงดังเมื่อมือเขาโดนแผลที่แขนซ้ายของเธอเต็มแรง


“ขอโทษ...” นายหมีว่าแล้วสำรวจทั่วร่างเธออย่างเอาเป็นเอาตายให้แน่ใจจริงๆว่าเธอไม่เป็นอะไร


“มานั่งนี่ แล้วรีบเล่ามาให้หมดเลยนะว่าหล่อนไปทำอะไรมา”


เจ๊อันลากหล่อนไปยังเก้าอี้ตัวใกล้ที่สุดที่จื้อเหลียงเลื่อนรอไว้ให้แล้ว


“ให้ผมช่วยเล่าไหมฮะ”


ทุกคนหันขวับไปตามเสียง


ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ลักยิ้มน้อยๆข้างขวาของเขานั้นละลายหัวใจเจ๊อันทันที (...มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย... ^^”)





Flash Back



“เอี๊ยดดดดดดดด!!!!!!!!!!”


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.....”


รถที่เพิ่งเฉี่ยวเฟลอร์จนไถลล้มข้างทางชนเด็กตัวเล็กที่กำลังจะข้ามถนนลอยขึ้นสูงก่อนจะตกลงมาราวกับตุ๊กตา


เด็กสาวผุดลุกลืมความจุกของตัวเอง เธอสไลด์โรลเลอร์เบลดไปถึงร่างเด็กคนนั้นในทันที เลือดแดงฉานนองเต็มพื้นคอนกรีต แม่ของเด็กกรีดร้องอย่างเสียขวัญเรียกชื่อลูกชายและกำลังจะคว้าตัว แต่ถูกปัดมือออกโดยเร็ว


“อย่าจับตัวเขา ถ้าขยับเขาอาจจะเจ็บมากกว่านี้ก็ได้”


เฟลอร์ลืมตัวพูดเป็นภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อ


ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจที่เฟลอร์พูดหรืออาจจะห่วงลูกชายจนไม่มีสติใดๆแล้ว เธอจึงยังคงพยายามคว้าตัวเด็กดีแต่มีใครคนหนึ่งช่วยจับไว้


เด็กชายตัวเล็กหมดสติแน่นิ่งไปแล้ว เฟลอร์แตะหน้าอกด้านซ้ายก่อนจะเลื่อนไปแตะชีพจรที่ต้นคอ


หัวใจหยุดเต้น!!


เด็กสาวทุบตำแหน่งหัวใจค่อนข้างแรง


คราวนี้แม่เด็กทั้งกรีดร้องทั้งก่นด่า แต่เฟลอร์ยังทุบต่อไป เธอทำอย่างนี้อยู่สองสามครั้งชีพจรเด็กก็กลับมาเต้นอีกครั้ง เด็กชายกระพริบตาเบาๆ


“มีใครมีผ้าสะอาดบ้างไหมคะ เราต้องห้ามเลือดให้เขาก่อน”


คนที่พอรู้ภาษาอังกฤษบ้างช่วยแปลแต่มีแต่คนมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างงงๆ


เฟลอร์ตัดสินใจฉีกแขนเสื้อเชิ้ตขาวของเธอเอามากดแผลแตกที่ศีรษะเด็กเอาไว้ก่อน แต่เลือดไหลมากอย่างนี้เป็นสัญญาณอันตราย


“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”


ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา


“เราต้องรีบพาเด็กส่งโรงพยาบาลด่วนที่สุดค่ะ” เฟลอร์เงยหน้าบอก


“ไปรถผมก็ได้” เขาว่าแล้วทำท่าจะซ้อนร่างเด็กชาย


“เดี๋ยวนะคะ” เฟลอร์สำรวจร่างเด็กชายอย่างเบามือ


ปาฏิหาริย์ที่เด็กคนนี้ไม่มีส่วนไหนแตกหัก


เฟลอร์พยักหน้ากับชายหนุ่มคนนั้นให้อุ้มเด็กไปได้







“นี่... คุณหยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ” เฟลอร์ดุเสียงแข็งระหว่างที่นั่งรถไปด้วยกันตอนหลัง


“แกได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ก็จะใจเสียเข้าไปอีก... คุณต้องเข้มแข็งเพื่อเขานะ” ประโยคท้ายหางเสียงอ่อนลงมานิดนึง


ได้ผล ผู้หญิงคนนั้นพยายามกลั้นสะอื้นสุดแรง


“แม่...” เสียงเรียกเด็กชายเบาราวกระซิบแต่นั่นเป็นเสียงสวรรค์สำหรับคนเป็นแม่แล้ว


“แม่อยู่นี่แล้ว เสี่ยวหลาง ไม่ต้องกลัวนะคนเก่ง แม่อยู่นี่แล้ว”


เธอปลอบลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่นั่นก็เป็นความเข้มแข็งอย่างที่สุดในเวลานี้แล้ว


เฟลอร์เบือนหน้าหนี เชิดหน้าพยายามกดความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวอยู่ในใจ...





หลังเข้าไปนานนับชั่วโมง หมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน


“เด็กปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องอยู่โรงพยาบาลดูแผลแตกที่ศีรษะสักพักนะครับ”


แม่เด็กถึงกับทรุดตัวร้องไห้โฮ เฟลอร์กับชายหนุ่มอีกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก


“โชคดีที่พวกคุณรู้วิธีปฐมพยาบาล ไม่อย่างนั้นแกคงไม่รอด เอ๊ะ... นั่นแขนคุณก็เจ็บด้วยหรือ”


คำทักของหมอทำให้เฟลอร์ต้องก้มมองสภาพตัวเอง


แถบเสื้อด้านซ้ายนั้นนอกจากฝุ่นแล้วก็มีเลือดซึมออกมามากตลอดทั้งแถบ เด็กสาวเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากเหตุการณ์ตื่นเต้นจบลงด้วยดี





เฟลอร์ทำแผลเสร็จออกมาจากห้องชายหนุ่มคนเดิมก็ยังยืนรออยู่ เขายิ้มรับทันทีที่เห็นเธอ ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนลง


“จะให้ผมไปส่งคุณที่ไหนดี ผมว่าคุณเองก็ควรต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักผ่อนนะ”


คำถามเขาทำให้เฟลอร์หุบยิ้มกะทันหัน!!!!


นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาเกือบสิบโมงเช้าแล้ว... >o<





Flash come





“ต๊ายยยยยยยยยย...”


เจ๊อันก็เอามือทาบอกพร้อมอุทานเป็นครั้งที่ร้อย


“ชีวิตหล่อนจะโลดโผนไปหรือเปล่ายะ แม่ฟลอเร้น ไน้ติ้งเกล!!! คราวก่อนตอนเจ๊ซวนหล่อนก็นอนโรงบาลเป็นครึ่งเดือนเลยไม่ใช่หรือยะ โอ๊ย...ฉันเป็นพ่อแม่ยายนี่ต้องหัวใจวาย หายใจขัด วันละพันหน”


ว่าแล้วก็เอามือแตะขมับทำท่าจะเป็นลมทรุดนั่งที่เก้าอี้ข้างตัวเฟลอร์


เจ๊อันตีบทนางเอกผู้อ่อนไหวได้แตกกระจุย แต่คนมาใหม่ตาโต จื้อเหลียงเลยรับหน้าที่เป็นคนเล่าเสียเอง ขนาดไม่ได้ใส่ไข่ เทียนหลางฟังแล้วยังมองมาอย่างทึ่งๆ นั่นยิ่งทำให้เจ้าของเรื่องยุกยิกนั่งไม่สุข


“ก็เฟลอร์เห็นว่าพอจะช่วยได้” เฟลอร์แก้ตัวไม่เต็มเสียงนัก


เจ๊อันค้อนปะหลับปะเหลือกแล้วดมยาดมอีกเฮือกใหญ่


“หล่อนน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะคะคุณเทียนหลาง ซุปเปอร์วูแม่นตัวจริงของแท้ ที่หล่อนยังไม่ได้ทำคือเหาะโชว์พวกเราแค่นั้นเอง”


“เจ๊อ่ะ...” เจ๊อันแดกดันให้เฟลอร์ยิ่งรู้สึกขายหน้าหนักเข้าไปอีก


“ไม่ต้องมาจ๊งมาเจ๊อ่ะ... รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนพักซะ”


“แต่ว่า...” เฟลอร์ลังเลเพราะรู้สึกผิด ก็เวลานี้กองถ่าย MV ตัวแรกของฮยุนจองกำลังจะเริ่มงาน และเธอมาที่นี่ก็เพื่อเป็นผู้ช่วยของเจ๊ใหญ่ฝ่ายคอสตูม


“นี่หล่อน อย่าบอกเชียวนะว่าจะไปทำงานสภาพเนี๊ยะ”


เจ๊อันเอานิ้วชี้ที่มีแหวนพลอยวงเท่าไข่ห่านชี้หน้า


“ทุเรศลูกนัยน์ตาเป็นที่สุด ไม่เอาหรอกนะยะ ...แล้วชั้นเนี้ยะใคร... อันอันเดอะเกรทนะยะ ไอ้เรื่องลุยเดี่ยวแค่นี้สบายมาก จิ๊บจิ๊บ...ชิวชิว... ไม่ต้องอ้าปากเถียง ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลยให้ไว อย่าให้ต้องใช้กำลัง”


จื้อเหลียงพยักหน้าเห็นด้วย ฮยุนจองถอนหายใจแล้วส่ายหน้าระอา เทียนหลางยิ้มให้อย่างเห็นใจ


“ขอบคุณค่ะเจ๊อัน” เฟลอร์หมดปัญญาค้าน


“ไม่ส่งนะยะ นี่... แล้วถึงจะเจอใครจะตายระหว่างทาง ก็ให้นึกสภาพซอมบี้ของตัวเองไว้ให้มากล่ะ”


เสียงเจ๊อันอันตะโกนไล่หลังไม่เบานัก เฟลอร์อายจนแทบจะรีบวิ่งเข้าลิฟท์










เฟลอร์รู้สึกตัวเมื่อมีใครคนหนึ่งทรุดนั่งบนเตียงและเอามือมาแตะหน้าผาก


“เจ๊อันหรือคะ” เธอถามทั้งที่ยังหลับตา


“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า”


เสียงคุ้นหูทำให้เฟลอร์เบิกตาโพลง ทำไมเป็นฮยุนจองล่ะ ...O_O


เด็กสาวขยับตัวทำท่าจะลุก เขาก็ขยับมาช่วยประคอง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายกับกลิ่นเหงื่อจางๆทำให้แก้มร้อนผ่าวอีกแล้ว


“ขอโทษที เพิ่งเสร็จงานยังไม่ได้อาบน้ำเลย แวะเข้ามาดูเธอก่อน”


ฮยุนจองออกตัวเมื่อเห็นเฟลอร์ทำท่าเบี่ยงหลบ


“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” เฟลอร์รีบปฏิเสธ


นายหมียิ้มกว้างเห็นฟันหมดปาก


“ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะอย่างฉันน่ะ...เนื้อหอมตลอดเวลาอยู่แล้ว... 5555”


นายหมีบ้า หลงตัวเองชะมัด - -“


“ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปกินอาหารเย็นกันเถอะ”


“แล้วคนอื่นๆล่ะ”


“ถ้าหมายถึงอันอันกับจื้อเหลียงล่ะก็ เขาจัดการเรื่องงานเสร็จก็ไปรอที่ห้องอาหารเลย ฉันบอกจะขึ้นมาอาบน้ำ พวกเขาก็เลยให้ฉันมาดูเธอด้วย ฉันเรียกเธอตั้งนานไม่มีเสียงตอบ เลยต้องขอให้พนักงานเขาเอากุญแจสำรองมาเปิดให้”


“ฉันกินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบเข้าไปเลยหลับสนิท หน้าฉันมีอะไรเหรอ...”


ประโยคหลังถามเพราะฮยุนจองเอาแต่จ้องหน้า


ไม่รู้เป็นไง เฟลอร์ทนประสายสายตากับลูกกะตาคมกริ๊บคู่นี้ไม่ได้สักทีสิน่า


ฮยุนจองหัวเราะหึหึในคอ เอามือจิ้มหน้าผากเฟลอร์เบาๆ


“เธอนี่มันสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลกจริงๆ”


เฟลอร์อ้าปากจะว่ากลับแต่นายหมีแล่นไปถึงประตูโน่นแล้ว


“ฉันไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมารับ อย่าหนีลงไปก่อนนะจ้ะที่รัก จุ๊บส์...”


หมีบ้า... ทำมาเป็นส่งจูบหว่านเสน่ห์ ฉันไม่ใช่เจ๊อันอันนะ >o<









 

Create Date : 05 มีนาคม 2549
0 comments
Last Update : 6 มีนาคม 2549 21:41:38 น.
Counter : 350 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Gracie Lou Freebush
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Gracie Lou Freebush's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.