วันที่ 19เมษายน 2552 เช้านี้ถูกปลุกตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเพลงดังมาก เราคิดว่าทำไมโรงแรมนี้ถึงเปิดเพลงเสียงดังเช่นนี้ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ขอบคุณเช่นกันที่ปลุกเรา ไม่งั้นเราคงตื่นสายแน่ๆ Beau Rivage Hotel เมื่อคืนไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรมจึงมาถ่ายรูปตอนเช้า เป็นโรงแรมน่ารักมากstyle modern เราเดินออกจากโรงแรมมาตามเสียงเพลงพบว่ามีงานวิ่งมาราธอนริมชายหาด ภาพนี้เป็นภาพแรกที่เราเห็นเมื่อออกจากโรงแรม มีนักวิ่งเยอะมาก นักวิ่งมาราธอน วันนี้เราวางแผนเที่ยว Monacoกันโดยเราเดินทางไปชุมทางรถบัส Gare Routiere ใช้เวลาเดินจากโรงแรมไปชุมทางรถบัสประมาณ 10 นาที หรือจะนั่งรถไฟของเมืองก็ได้นะ เพียง 1 สถานีก็ถึงเช่นเดียวกัน แต่เราอยากเดินชมเมืองมากกว่า ชุมทางรถบัส คล้ายๆกับบขส บ้านเรา เรามารอรถที่นี่เพื่อขึ้นต้นสาย แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงไม่มีพนักงานให้เราสอบถาม Gare Routiere เราสามารถนั่งรถเมล์สาย 100 ไปโมนาโค ค่าโดยสารคนละ 1 ยูโรใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่รถบัสสาย 100 ยังไม่ออกในเวลาที่เราไปถึง ดังนั้นเราจึงขึ้น monaco express แทน ซึ่งค่าโดยสารถูกมาก คนละ 0.50 ยูโรจุดขายตั๋วอยู่บนรถบัส คนขับรถจะเป็นผู้เก็บเงิน แต่ต้องเตรียมเหรียญไว้นะ ถ้าเป็นแบงค์เขาจะไม่รับ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที เพราะรถขึ้นทางด่วนตลอดทาง เรานั่งมาจนถึงป้ายสุดท้าย รถมาจอดลงตรงนี้ จากนั้นเราก็เดินย้อนลงไปเพื่อชมเมือง monaco โมนาโก เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ 1.95 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศเอกราชที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากนครรัฐวาติกัน ความยาวเส้นเขตแดน 4.4 กิโลเมตร ประชากร 32,671 คน (กรกฎาคม 2550) เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก มีชื่อเสียงมาจากการจัดการแข่งรถกรังปรีซ์ ในชื่อ Monaco Grand Prix และยังมีเขตกาสิโนชื่อดังที่มีชื่อว่า Monte – Carlo รายได้หลักจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถานกาสิโนและการแข่งรถนานาชาติ และเนื่องจากเมื่อก่อนโมนาโกไม่มีการเก็บภาษี ประชากรส่วนมากจึงไม่ใช่ชาวพื้นเมือง แต่หลังจากการแยกตัวจากฝรั่งเศส ก็ได้มีการเก็บภาษีรายได้จากผู้ที่ไม่ใช่ชาวโมนาโกโดยกำเนิด พูดง่ายๆ คือนักธุรกิจที่มาลงทุนและพักอาศัยอยู่ในโมนาโก และมีกฎห้ามชาวโมนาโกโดยกำเนิดเข้ากาสิโน แต่ยกเว้นภาษีจากพวกบุคคลเหล่านี้แทน อาคารที่นี่ทาสีชมพูหรือสีส้มอ่อนสวยงามและแปลกตา โดยเฉพาะร้านค้าตกแต่งอย่างน่ารักแต่น่าเสียวันอาทิตย์ทุกร้านพร้อมใจกันปิด monaco ที่นี่มีโบสถ์สวยงามหลายโบสถ์ด้วยกัน monaco Monaco ใช้วลาไม่นานเราก็มาถึง Monte-Carlo ที่เป็นแหล่งคาสิโนชื่อดัง Le casino de Monte Carlo สร้างขึ้นอย่างหรูหรา ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Baroque ปี 1865 โดย François Blanc ภายใต้คำสั่งของ le prince Charles III de Monaco ซึ่งพระองค์ได้อนุญาตให้มีการเปิดคาสิโนขึ้นในโมนาโกได้ ตั้งแต่ปี 1856 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการหารายได้เข้าประเทศ ดังนั้นจึงเป็นประเทศที่ร่ำรวยมากๆ Le casino de Monte Carlo ด้านข้างของ casino จะมีร้านขายไอศครีม ร้านกาแฟ และร้านขายของซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากนังรับประทานกันอยู่ Le casino de Monte Carlo นักท่องเที่ยวนั่งสบายๆ จิบกาแฟหรือไอศครีม Le casino de Monte Carlo โมนาโกมีโปรแกรมงานต่างๆ ที่น่าสนใจตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการแข่งรถกรังปรีซ์ ฟอร์มูล่าวัน ที่แสนโด่งดัง ในช่วงเดือนพฤษภาคม การแข่งขันเทนนิส มอนติ-คาร์โล เทนนิส มาสเตอร์ ในเดือนเมษายน งานแสดงการตกแต่งสวนและบ้าน ในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ยังมีงานเกี่ยวกับศิลปะรวมถึงงานแฟร์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในด้านต่างๆ อีกมากมาย จะเห็นว่ากำลังจะมีการแข่งขันเทนนีส จึงประดับประดาด้วยลูกเทนนิส Le casino de Monte Carlo ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนและอาคารสูง Monte Carlo สวนที่นี่ตกแต่งสวยงามและสะอาดสะอ้าน มีห้องน้ำที่สะอาดสมกับเป็นเมืองคนรวย ค่าเข้าห้องน้ำคนละ 0.50 ยูโร สวน ที่ด้านหน้า Casino มีรถหรูจอดเรียงรายหลายคัน มีคนมาถ่ายรูปกันมามาย ต้องหาจังหวะถ่ายรูปให้ดี และบนท้องถนนมีรถหรูๆ ขับส่งเสียงดังมาก Ferrari จากสวนเราก็ข้ามฝั่งเพื่อเดินไปยังShopping Center ที่อยู่ด้านซ้ายมือของ Monte carlo มีร้านหรูหรามากมายตกแต่งร้านอย่างสวยงาม ตั้งอยู่บริเวณนี้ เช่น Louis vuitton , Chanel, Gucci, Bvlgari และร้านนาฬิกา brand ดังๆรวมทั้งโรงภาพยนตร์ด้วย แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ร้านปิดหมดเลย Shopping Center อาคารด้านหลังสวยไม่แพ้ด้านหน้าเลย เราซื้อไอศครีมจากด้านหน้าและและมารับประทานตรงนี้ ต้องขอบอกว่าไอศครีมราคาก็แพงสมกับมาเที่ยวเมืองเศรษฐี ราคาลูกละ 4.5 ยูโร อาคารด้านหลัง Casino เมื่อรับประทานไอศครีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มาดูวิวชายทะเล เรือยอร์ชจอดเป็นทิวแถวเรียงรายเต็มไปหมด เป็นการเพิ่มสีสันให้กับท้องทะเลที่นี่เป็นอย่างมาก เรือยอร์ช มีนกมากมายบินไปมา แถมยังโพสท่าให้เราถ่ายรูปแบบชัดๆอีก จากนั้นเราก็เดินไปลงลิฟท์เพื่อลงไปยังทะเลจุดที่มีเรือยอร์ชจอดอยู่ เราลงมาดูเรือยอร์ชใกล้ๆ มีหลากหลายลำมากทั้งสวยและใหญ่โต ผู้ที่เดินทางมาที่นี่สามารถนำเรือยอร์ชมาเทียบท่าที่นี่ได้ เรือยอร์ช เราชื่นชมกับท้องทะเลที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินทางต่อเพื่อไปยังเมืองคานส์ โดยรถไฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวเรือยอร์ช ก่อนถึงสถานีรถไฟเราก็พบโบสถ์อีกหนึ่งโบสถ์ มีคนเข้ามาถ่ายรูปมากมาย โบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 11 เมื่อถึงช่วง ศตวรรษที่ 19ได้มีการปฏิสังขรณ์ให้มีขนาดใหญ่ The Church of St Devote เมื่อถึงสถานีรถไฟเราก็ซื้อตั๋วรถไฟจากเครื่องไปเมืองคานส์ ค่าตั๋วคนละ 6 ยูโร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที เมื่อถึงสถานีรถไฟเราก็เดินทางไปยัง Palais des Festivals et des Congrès เป็นสถานที่จัดแสดงภาพยนต์นานาชาติที่ขึ้นชื่อมาก ที่เรารู้จักกันว่า เทศกาลหนังเมืองคานส์ มีภาพยนต์เข้าฉายที่เทศกาลนี้แล้วกว่า 3 หมื่นเรื่อง ภายในงานมีการประกวดภาพยนตร์ รวมไปถึงนิทรรศการและงานเสวนาด้านภาพยนตร์ เป็นงานที่นับได้ว่ามีสีสันและโด่งดังที่สุดงานหนึ่งของโลก ตึกนี้จะอยู่ติดกับชายหาด และจัดงาน ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี อาคาร Palais des Festivals et des Congres อาคารนี้จะปูพรมแดง ซึ่งเป็นที่ดาราฮอลิวู้ดเดินบนพรมและถ่ายรูป อาคาร Palais des Festivals et des Congres วันนี้บริษัท sony มาจัดกิจกรรม โดยมีเวทีเล็กๆและการแสดงโชว์ด้วย การแสดงเต้นโลดโพนของนักเต้น มีคนมุงดูเยอะพอสมควร กิจกรรมของ sony เมื่อเดินไปทางตึกสีส้ม จะมีบริเวณที่ให้ดาราประทับฝ่ามือเพื่อเป็นที่ระลึก อาคารนี้ตั้งอยู่ริมหาดริเวียร่า ที่ทอดยาวไปตามถนน และมีอ่าวจอดเรือยอร์ชของพวกเศรษฐีอยู่ด้วย คานส์ หาดริเวียร่านี้ยังเป็นที่ต้งของโรงแรมหรูหราและร้านค้า Brand name มากมาย แต่วันนี้ร้านค้าต่างๆปิดเพราะเป็นวันอาทิตย์ คานส์ หลังจากเดินเล่นจนเหน็ดเหนื่อย เราก็เดินทางกลับไปยัง nice โดยรถไฟค่าโดยสาร 8 ยูโรต่อคน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เราลงที่NICE VILLE ที่ Gere Thiers จากนั้นต่อรถไฟเพื่อไปยังโรงแรมอีกคนละ 1 ยูโร ที่นี่จะมีรถไฟวิ่งรอบเมืองประมาณ 21 สถานี ค่าโดยสารคนละ 1 ยูโร แต่เราลงที่สถานี opera เพื่อกลับโรงแรม เมื่อคืนไม่ได้ถ่ายรูปหน้าห้องพึ่งสังเกตุว่าพรมโรงแรมสวยมากเป็นรูปหินดูน่ารักดี เนื่องจากเหนื่อยจากการเดินทางเราจึงพักผ่อน เพื่อพรุ่งนี้จะเที่ยวต่อไป